อัตราการเกิดปฏิกิริยา
ความหมายของอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี หมายถึง ปริมาณสารตั้งต้นที่หายไปต่อหนึ่งหน่วยเวลา หรือ ปริมาณผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นต่อหนึ่งหน่วยเวลา เขียนความสัมพันธ์ดังกล่าวได้ว่า x + A ------ y + B อัตราการเกิดปฏิกิริยา
= อัตราเร็วเฉลี่ย หมายถึง อัตราเร็วโดยเฉลี่ย ตั้งแต่เริ่มต้น จนปฏิกิริยาเกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง เช่น อัตราเร็วเฉลี่ยในช่วง 10 วินาที (หาได้จากการทดลอง) อัตราเร็ว ณ เวลาหนึ่ง หมายถึง อัตราเร็วของปฏิกิริยาที่ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง เช่น อัตราเร็ว ณ 10 วินาที (หาจากค่าความชันของกราฟระหว่างปริมาณสารกับเวลา)
การอธิบายการเกิดปฏิกิริยาเคมี ปัจจัยที่ควบคุมอัตราเร็วของปฏิกิริยาได้แก่ - ความถี่ของการชนกัน - จำนวนครั้งของการชนกันที่จะก่อให้เกิดผลผลิตได้ เพราะการชนกันบางครั้งไม่ได้เกิดผลผลิต) - การจัดทิศการชนกันของสารตั้งต้น -
พลังงานการชนต้องมีค่า *พลังงานก่อกัมมันต์ (Activation Energy : Ea) หมายถึง พลังงานจำนวนน้อยที่สุดที่สารเคมีจะต้องสะสมไว้เพื่อเปลี่ยนสารตั้งต้นไปเป็นสารใหม่ระหว่างที่อนุภาคมีการชนกัน ปฏิกิริยาที่มีค่า E ต่ำเกิดง่ายเกิดเร็ว ถ้าค่า E สูงจะเกิดยากเกิดช้า ซึ่งสารแต่ละชนิดจะมีพลังงานก่อกัมมันต์ไม่เท่ากัน การเปลี่ยนแปลงพลังงานของสารในระหว่้างการดำเนินไปของปฏิกิริยา มี 2 แบบ คือ 1. ปฏิกิริยาดูดความร้อน พลังงานของสารผลิตภัณฑ์จะมี Ep (พลัีงงานศักย์ของสารผลิตภัณฑ์) สูงกว่าพลังงานของสารตั้งต้นซึ่งมีค่า Er 2. ปฏิกิริยาคายความร้อน พลังงานของสารผลิตภัณฑ์จะมี Ep (พลัีงงานศักย์ของสารผลิตภัณฑ์) ต่ำกว่าพลังงานของสารตั้งต้นซึ่งมีค่า Er ปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการเกิดปฎิกิริยา 1. ความเข้มข้นของสารตั้งต้น กรณีที่สารตั้งต้นเป็นสารละลายถ้าเข้มข้นมากจะเกิดเร็ว เนื่องจากตัวถูกละลายมีโอกาสชนกันมากขึ้นบ่อยขึ้น ในทางตรงกันข้ามถ้าเราเพิ่มปริมาตรของสารละลายโดยความเข้มข้นเท่าเดิม อัตราการเกิดปฏิกิริยาจะเท่าเดิม 2. อุณหภูมิ การที่อุณหภูมิของสารตั้งต้นเพิ่มขึ้นอัตราการเกิดปฏิกิริยาจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น โมเลกุลของสารในระบบมีพลังงานจลน์สูงขึ้นเมื่อมีการชนกันของโมเลกุลจะทำให้มีจำนวนโมเลกุลที่มีพลังงานอย่างน้อยหรือมากกว่าพลังงาน Eaมากขึ้น 3. พื้นที่ผิวสัมผัส สารที่มีพื้นที่ผิวสัมผัสมากจะทำปฏิกิริยาได้เร็วขึ้น เนื่องจากสัมผัสกัน (ชนกัน)มากขึ้น ใช้พิจารณากรณีที่สารตั้งต้นมีสถานะของแข็ง 4. ตัวเร่งปฏิกิริยา (Catalyst) หมายถึง สารเคมีที่ช่วยทำให้อัตราการเกิดปฏิกิริยาเร็วขึ้นเนื่องจาก ตัวเร่งจะช่วยในการลดพลังงานกระตุ้นโดยช่วยปรับกลไกในการเกิดปฏิกิริยาให้เหมาะสมกว่าเดิม โดยจะเข้าไปช่วยตั้งแต่เริ่มปฏิกิริยา แต่เมื่อสิ้นสุดปฏิกิริยาจะกลับมาเป็นสารเดิม 5. ตัวหน่่วงปฏิกิริยา (Inhibitor) หมายถึงสารที่ทำให้อัตราการเกิดปฏิกิริยาช้าลงโดยขัดขวางกลไกของการเกิดปฏิกิริยาเดิมเสียใหม่ซึ่งยุ่งยากกว่เาดิมให้ช้าลง 6. ธรรมชาติของสาร เนื่องจากสารมีแรงยึดเหนี่ยวซึ่งแตกต่างกัน โดยปกติสารประกอบไอออนิกจะเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าสารประกอบโคเวเลนต์ ดังนั้นสารประกอบไอออนิกจะเกิดปฏิกิริยาเร็วกว่าสารประกอบโคเวเลนต์ |