![]() |
ลินดา ลี แปลและเรียบเรียงจาก Rocking with Robbie โดย Polly Vernon คัดลอกจาก Elle (Thailand) No.90 เมษายน 2545 หน้า 86-90 |
งานของสการ์เล็ต เพจ (Scarlet Page) ทำให้สาวๆ อิจฉาไปตามๆ กัน ก็เธอได้รับการไว้เนื้อเชื่อใจให้เป็นคนตามถ่ายรูปทุกอิริยาบถของร็อบบี้ วิลเลี่ยมส์ นักร้องหนุ่มรูปหล่อแสนเซ็กซี่ขวัญใจสาวๆทั่วโลกนั่นเอง เธอสนิทสนมใกล้ชิดกับนักร้องคนดังถึงขนาดถ่ายรูปร็อบบี้ยืนฉี่ข้างถนนได้ด้วย ผู้อ่านที่เป็นแฟนเพลงร็อกแอนด์โรลคงรู้สึกคุ้นๆกับนามสกุลของสการ์เล็ต เธอเป็นลูกสาวของจิมมี่ เพจ (Jimmy Page) มือกีตาร์วงร็อกลายคราม เลด แซปปลิน (Led Zeppelin) จัดเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขชาวร็อกโดยแท้
ปีที่แล้วมีนักร้องออกทัวร์ชนกันหลายคน ทั้ง
Drowned World ของมาดอนน่า นักร้องแม่ลูก2
ที่ยังไม่ยอมหยุดร้อน The Other Great Rock 'n' Roll
Incident ของร็อบบี้ วิลเลี่ยมส์ทั่วยุโรปก็ฮือฮาไม่แพ้กัน
ร็อบบี้หว่านเสน่ห์และช่างเล่นเมื่ออยู่บนเวที
ทำให้แฟนเพลงได้กรี๊ดจนเสียงแห้ง
แฟนเพลงเมืองไทยก็ได้ชมคอนเสิร์ตใหญ่ของเขาไปแล้วด้วย
ซึ่งการเปิดบั้นท้ายโชว์ของร็อบบี้ยังเป็นที่กล่าวขวัญถึงกันอยู่จนทุกวันนี้ |
|
|
สการ์เล็ตเก็บภาพร็อบบี้ตั้งแต่การซ้อมบรรยากาศหลังเวที ระหว่างเดินทาง
ตลอดจนยามพักผ่อนของนักร้องหนุ่ม
เป็นการเสนออีกแง่มุมหนึ่งที่แฟนเพลงไม่มีโอกาสเห็น
ภาพเหล่านี้ได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือ Robbie Williams
Somebody Someday ได้เห็นร็อบบี้กอดเท็ดดี้ แบร์
เหม่อมองเมฆจากหน้าต่างเครื่องบิน
วิ่งเปลี่ยนเสื้อระหว่างแสดงคอนเสิร์ตกับภาพน่ารักในอิริยาบถแปลกตา |
สการ์เล็ตเล่าถึงที่มาของงานว่า
"พวกเขาอยากได้รูปร็อบบี้เพื่อลงในเว็บไซต์ ฉันได้ไปถ่ายตอนเขาซ้อมที่
Docklands ได้เจอร็อบบี้กับเดฟผู้จัดการของเขา เดฟขอดู
Portfolio ของฉัน เขาเปิดพลิกๆดูแล้วบอกว่า
ผมอยากให้คุณเดินทางไปกับคณะของเราด้วย" 10 วันต่อมาสการ์เล็ตก็ร่วมอยู่ในคณะทัวร์ยุโรปของร็อบบี้ด้วย
ซึ่งใช้เวลาหลายเดือนทีเดียว
ถึงตอนนั้นเธอถึงได้รู้ว่าภาพที่เธอถ่ายจะใช้สำหรับจัดพิมพ์หนังสือ |
|
|
|
สการ์เล็ตเล่าถึงการทำงานว่า "ฉันปรับเวลาทำงานตามพวกเขา จะตามเก็บภาพทั้งยามพักผ่อน ตอนซ้อมดนตรี รวมถึงบรรยากาศหลังเวทีด้วย" เพื่อนๆของสการ์เล็ตพากันอิจฉาเธอเป็นแถว คอยเซ้าซี้ให้เธอชวนร็อบบี้มาทานข้าวสักมื้อ เพื่อที่พวกเธอจะได้ใกล้ชิดนักร้องคนโปรดด้วย แต่สำหรับสการ์เล็ต งานคืองาน เธอไม่นิยมใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวกับคนดังเพื่อหาประโยชน์ส่วนตัว ก่อนรับงานเธอหนักใจเพียงเรื่องเดียวคือ กลัวว่าร็อบบี้อาจจะชอบเก๊กหน้าถ่ายรูป แต่โชคดีที่เขาไม่เป็นเช่นนั้น "ตอนแรกฉันคิดว่าเขาจะปั้นหน้าเป็นร็อบบี้ วิลเลี่ยมส์ตลอดเวลา แต่ไม่เลย เขารู้ว่าฉันอยู่แถวนั้น คอยถ่ายภาพเขา แต่เขาก็ทำตัวปกติและเป็นธรรมชาติมาก เป็นคนน่ารักใช้ได้ทีเดียว" สการ์เล็ตชมนายแบบคนดังของเธอ แถมเป็นคนรูปหล่อมากอีกต่างหาก ช่างภาพแอบกระซิบ สการ์เล็ตบอกว่าเป็นแฟนเพลงของร็อบบี้เหมือนกัน และถูกร็อบบี้ต้อนให้จนมุมจนต้องสารภาพออกมา "เราเล่นเกมแบล็กแกมมอนกันระหว่างรอขึ้นเครื่อง ฉันเกิดถามร็อบบี้ว่าตอนนี้สมาชิกคนอื่นของ Take That เป็นอย่างไรกันบ้าง เจสัน โอแรนซ์ทำอะไรอยู่ เขาหยุดจ้องหน้าฉันถามว่า ทำไมหรือ เขาเป็นคนโปรดของฉันหรืออย่างไร ฉันบอกว่าเปล่า ไม่มีอะไร เขาคาดคั้นต่อว่า งั้นฉันชอบใครในวงมากที่สุด ฉันบอกว่า ก็เขาน่ะสิ" ร็อบบี้ยักไหล่เหมือนพอใจ แต่แกล้งสการ์เล็ตจนเธอยอมแพ้ในเกมนั้น "ฝีมือเล่นแบล็กแกมมอนของฉันไม่เป็นรองใคร แต่ระหว่างรอให้ฉันเล่น ร็อบบี้จะเคาะนิ้วกวนประสาทและแหย่ว่าให้ผมเดินให้มั้ย ฉันเลยต้องยอมแพ้" สการ์เล็ตเล่า แต่กระนั้นเธอบอกว่าทีมงานทุกคนตลอดจนตัวร็อบบี้เองเป็นกันเองและให้ความช่วยเหลือดี
"ร็อบบี้เป็นคนอบอุ่น มีมารยาทแบบคนรุ่นเก่า เวลาแซวก็จะแซวอย่างสุภาพ พอแซวเสร็จก็จะรีบกลับมาถามว่า
ฉันไม่พอใจหรือโกรธเขาหรือเปล่า ไม่มีทีท่าของคนอีโก้จัดเลย |
|
|
|
แล้วพวกเหล้า กัญชา ยาเสพย์ติด หรือพฤติกรรมสุดโต่งของวงการร็อกอย่างที่ร่ำลือกันนั้นมีหรือเปล่า "ไม่เห็นมีนะ ที่เห็นก็มีแต่โอโนะ (ไพ่ญี่ปุ่น) ร็อบบี้ชอบเล่นเพื่อเป็นการผ่อนคลายหลังจากแสดงคอนเสิร์ตเสร็จแล้ว" ในทัศนะของเธอ ร็อบบี้ประคองตัวและรักษาความดังของเขาได้พอเหมาะพอควร ไม่มีเรื่องเสียหาย ความลับที่เธอบอกได้อีกอย่างคือ ร็อบบี้ติดตุ๊กตาหมี เห็นเขากอดอยู่บ่อยๆ
เมื่อถามถึงความประทับใจอื่นๆในงานพิเศษคราวนี้ สการ์เล็ตเปิดสมุดโน้ตเช็กความทรงจำก่อนตอบ "มีอยู่คราวหนึ่งร็อบบี้วิ่งลงมาหลังเวที
ทั้งที่ยังร้องไม่จบเพลง เพื่อมาจูบแม่ก่อนวิ่งกลับขึ้นไปใหม่"
ครั้งหนึ่งเธอเห็นเขาเตะบอลใส่กำแพงหลังเวทีแล้วต้องหลบฉากออกมาเพราะรู้สึกว่าเป็นการก้าวก่ายโลกส่วนตัวของคนอื่นมากเกินไป
อีกหนหนึ่งก่อนการแสดง
ร็อบบี้ชวนวงดนตรี ทีมงาน
และแดนเซอร์ สวดมนต์ร่วมกันเพื่อระลึกถึงเอลวิส ราชาร็อกแอนด์โรล
เขาถือว่าเอลวิสเป็นเทพอุปถัมถ์ของเขา
อีกเหตุการณ์ที่เธอจำได้แม่นยำคือหลังจากลงเครื่องบินที่มิวนิกแล้วออกรถไปได้ไม่กี่นาที
ร็อบบี้เกิดปวดท้องฉี่จนต้องหยุดขบวนข้างทาง "ร็อบบี้เดินคุยโทรศัพท์ลงไปทำธุระส่วนตัวตรงข้างทาง
ฉันเกิดอยากถ่ายรูปเขาจากหน้าต่าง เขาหันมาเห็น แต่ไม่ได้ห้ามอะไร
เขากำลังรูดซิปกางเกงโดยมีโทรศัพท์มือถือแนบหู เขารู้สึกมันตลกดี
หันมายิ้มให้อย่างมีอารมณ์ขันที่จะถ่ายรูปแปลกๆด้วย" สการ์เล็ตเท้าความ |
![]() ระหว่างรอขึ้นเครื่องที่สนามบิน |
![]() กอดกับบอดี้การ์ด ไซมอน โจนาห์ โจนส์ |
![]() วันพักผ่อน |
แม้ลูกสาวของนักดนตรีร็อกหลายคนเป็นคนดังในสังคม ไม่ว่าจะเป็นสเทลล่า แม็กคาร์ตนีย์, ลีห์ วู้ด หรือเอลิซาเบธ แจ็กเกอร์ แต่สการ์เล็ตพอใจจะใช้ชีวิตที่เรียบง่ายมากกว่า สำหรับเธอแล้วพ่อเป็นพ่อของเธอ ไม่ใช่ใบเบิกทางสู่สังคมคนดัง เธออยู่กับแฟนหนุ่มมา 7 ปีด้วยความสงบสุข ช่วงที่สการ์เล็ตไม่ต้องตามทัวร์ ทั้งสองสมัครใจจะนั่งดูทีวีกันที่บ้านมากกว่า สการ์เล็ตยอมรับว่าภูมิหลังของเธอมีประโยชน์กับเธอเหมือนกัน "พวกเขายอมรับคุณด้วยความสะดวกใจมากกว่า และรู้สึกวางใจในตัวคุณเพราะเห็นเป็นพวกเดียวกัน" "ฉันไม่เคยบอกว่าเป็นลูกใคร แต่บ่อยครั้งพวกเขาก็รู้ มีบางทีที่ไม่รู้ แต่พอเห็นนามสกุลก็จะถามว่าเป็นอะไรกับจิมมี่ เพจหรือเปล่า" แม้จะมีพ่อเป็นนักดนตรีร็อก แต่สการ์เล็ตยืนยันว่าวัยเด็กของเธอไม่ได้เติบโตท่ามกลางยาเสพย์ติด "มีนักดนตรีมาที่บ้านเสมอ แต่ไม่ได้มาเพื่อปาร์ตี้หรือทำอะไรแผลงๆกัน" เวลาตามพ่อไปเล่นคอนเสิร์ต เธอรอจนหลับอยู่หลังเวทีเป็นประจำ "เป็นช่วงชีวิตที่สนุกมาก เพราะฉันได้เจอนักร้องคนโปรดบ่อยๆ อย่างดอนนี่ ออสมอนด์ (Donny Osmond) หรือวงแวม (Wham) ตอนคริสต์มาสพ่อหาของขวัญเป็นซิงเกิลของอดัม แอนต์พร้อมลายเซ็นของเขามาให้...วิเศษมากเลย" สการ์เล็ตไม่ได้คุยเรื่องครอบครัวของเธอกับร็อบบี้มากนัก
เขาออกจะเกรงชื่อเสียงของเลด แซปปลินอยู่ สการ์เล็ตบอกว่าคนยุคนี้รู้คิดมากกว่าเก่า
ในห้องแต่งตัวนักร้องทุกวันนี้มีแต่ชาสมุนไพรกับน้ำส้ม เสร็จจากงานนี้สการ์เล็ตได้งานถ่ายรูปมาริลิน
แมนสัน (Marilyn Manson)
ซึ่งคงเป็นคนละบรรยากาศกับงานนี้ ร็อบบี้เอ่ยชวนสการ์เล็ตให้แวะไปเยี่ยมเยียนเขาที่บ้านใหม่ได้
แต่เจ้าตัวไม่คิดจะแวะไป "ร็อบบี้ไม่ต้องมารยาทขนาดนั้นก็ได้
แต่เขาก็น่ารักมากที่อุตส่าห์ออกปากชวน" สการ์เล็ตบอก |
ของแถม
- ภาพตอนร็อบบี้ยืนฉี่ที่สการ์เล็ตพูดถึง (คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขยาย)
(Last updated May 11,2002) |