คำว่า อุปาสิกา
เป็นภาษบาลี
แปลเหมือนคำว่าอุบาสก
ต่างกันเพียงเพศเท่านั้น
อุบาสิกาที่ได้รับการยกย่องให้เป็นเอตทัคคะในด้านต่างๆ
มี ๑๐ คน
แต่ในที่นี้จะขอยกมาเพียงบางคนเท่านั้น
คือ :-
๑.นางวิสาขา เป็นมหาอุบาสิกาในครั้งพุทธกาล เดิมเป็นธิดาเศรษฐี มีศรัทธาเลื่อมใสในพระศาสนามาตั้งแต่เด็ก เพราะมียายที่นับถือพุทธเช่นกัน ครั้นแต่งงานมาในตระกูลของเศรษฐีก็สามารถน้อมนำให้ครอบครัวของสามีหันมานับถือพุทธศาสนาได้ได้รับการยกย่องจากพระพุทธองค์ว่า มีความเป็นเลิศในการถวายทาน และสนับสนุนคณะสงฆ์
<<อ่านต่อ
๒.นายขุชชุตตรา หรือนางอุตตราค่อม เป็นคนรับใช้ของนางสามาวตี มีหน้าที่ซื้อดอกไม้มาประดับบ้านแต่ยักยอกเงินไปกึ่งหนึ่งเสมอ ครั้นได้ฟังคำสอนจากพระพุทธองค์นางจึงกลับใจได้บรรลุโสดาบันและสามารถแสดงธรรมให้แก่นายหญิงคือนางสามาวตีพร้อมข้าทาสบริวาร จนนางได้บรรลุโสดาบันเช่นกัน พระพุทธองค์ทรงยกย่องว่า นางมีความเป็นเลิศในการแสดงธรรม
<<อ่านต่อ
๓.นางสิริมา ถือกำเนิดในเมืองราชคฤห์ เมืองหลวงของแคว้นมคธ นางสาลวตีผู้เป็นมารดาเป็นโสเภณี นางสิริมามีความงามยิ่งนัก ดำเนินอาชีพเช่นเดียวกับมารดาครั้นได้ฟังคำสอนจากพระพุทธองค์ ก็ได้บรรลุโสดาบัน มีศรัทธาถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ ๘
รูปทุกวันพระภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งเมื่อได้รับบาตรจากนาง ก็เกิดความลุ่มหลงจนเป็นไข้ใจ ต่อมานางสิริมาถึงแก่กรรมลง สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงใช้ร่างของนางสอนธรรมแก่พระภิกษุในเรื่องความไม่เที่ยง จนท้ายที่สุด พระภิกษุหนุ่มรูปนั้น หลุดพ้นจากการยึดมั่นถือมั่นในความงาม
<<อ่านต่อ
๔.นางสุชาดา เป็นธิดาพราหมณ์ที่ได้ถวายพระกระยาหารแด่เจ้าชายสิทธัตถะก่อนการตรัสรู้ พระพุทธองค์ได้เสด็จไปเยี่ยมและแสดงธรรม โปรดจนนางได้บรรลุโสดาบัน พระพุทธองค์ทรงยกย่องว่า นางเป็นอุบาสิกาคนแรกในพระพุทธศาสนา
<<อ่านต่อ
|