รายการ
สถานที่ท่องเที่ย
ข่าวสาร
ไทยรัฐ
ข่าวสด
เดลินิวส์
ทีวี /เคเบิ้ล
@ ช่อง3
@ ช่อง5
@ ช่อง7
@ ช่อง9
@ ช่อง11
@ Nation channel


webmaster
saifon_s@hotmail.com
QQ.17546
ICQ 78188020
สภาพฐานะและที่ตั้งวัด
วัดไร่ขิง เป็นวัดราษฎร์ ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำท่าจีนหรือแม่น้ำนครชัยศรี ในท้องที่เขตตำบลไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ห่างจากกรุงเทพมหานคร ประมาณ ๓๕ ก.ม โดยแยกจากถนนเพชรเกษม ตรงหน้าสวน สามพรานเข้าไปอีกประมาณ ๒ ก.ม

อาณาเขตของวัดไร่ขิง เฉพาะที่แบ่งเป็นเขตพุทธาวาสและสังฆาวาสมีดังนี้
ทิศเหนือ จดแม่น้ำท่าจีน
ทิศใต้ จดแนวถนนผ่านสนามกอล์ฟ
ทิศตะวันออก จดตลาดวัดไร่ขิง
ทิศตะวันตก จดตำบลท่าตลาด

ลักษณะพื้นที่ของวัด

เป็นพื้นที่ราบสี่เหลี่ยม ด้านหน้าวัดมีเขื่อนกั้นตลอดแนวพื้นที่ของวัด
ส่วนด้านหลังมีกำแพงล้อมตลอดพื้นที่ของวัดเช่นเดียวกัน
วัดไร่ขิงมีที่ธรณีสงฆ์ ทั้งสิ้น ๒๔๔ ไร่ ๘๙ ตารางวา นอกจากจะแบ่งเป็นเขตพุทธาวาส และเขตสังฆาวาสดังกล่าว ทางวัดได้จัดสร้างสถานศึกษาและสถานพยาบาลขึ้นในเขตธรณีสงฆ์อีก คือ
โรงเรียนประชาบาลวัดไร่ขิง (สุนทรอุทิศ)
โรงเรียนมัธยมศึกษาวัดไร่ขิงวิทยา
โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์

เป็นอันสรุปได้ว่า อาณาเขตของวัดไร่ขิงทั้งหมดแบ่งเป็นเขตศาสนาส่วนหนึ่ง กับเขตสาธารณสถานอีกส่วนหนึ่ง โดยมีทางหลวงแผ่นดินสาย ๖ ตัดผ่านกลางแบ่งเขตทั้งสองให้อยู่คนละด้านกัน
คำว่า “ไร่ขิง” เป็นชื่อของตำบล ๆ หนึ่งในเขตอำเภอสามพรน สมัยปัจจุบัน แต่ในอดีตเป็นชื่อของหมู่บ้านหรือ
ชุมชนในแถบนั้นเช่นเดียวกับคำว่า “บางกอก” ซึ่งเคยเป็นชื่อของหมู่บ้านและตำบลในสมัยโบราณ และกลายมา
เป็นชื่อของเมืองหลวงในสมัยปัจจุบัน

โดยเหตุที่วัดนี้ถูกสร้างถุกสร้างขึ้นในตำบลไร่ขิง ประชาชนจึงขนานนามว่า “วัดไร่ขิง” อนุโลมตามชื่อของตำบล ต่อมาในราวปี พ.ศ.๒๔๕๖ สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากราพระยาวชิรญาณวโรรส วัดบวรนิเวศวิหาร
กรุงเทพฯ เสด็จตรวจเยี่ยมวัดในเขตอำเภอสามพราน สมเด็จ ฯ ได้เสด็จไปที่วัดไร่ขิง และได้ทรงตั้งชื่อวัดให้ใหม่ว่า “วัดมงคลจินดาราม” ทั้งได้ทรงวงเล็บชื่อเดิมไว้ท้ายจึงกลายเป็น “วัดมงคลจินดาราม (ไร่ขิง)” เมื่อกาลผ่านพ้นมาคงเป็นเพราะความกร่อนของภาษา จึงทำให้วงเล็บนั้นหายไป
คงเหลือคำว่า “ไร่ขิง” ต่อท้ายคำว่ามงคลจินดารามเลยต้อง เขียนว่า “วัดมงคลจินดารามไร่ขิง” แต่อย่างไร่ก็ตามในทางราชการคงใช้ชื่อเดิมว่า “วัดไร่ขิง”

เกี่ยวกับการสร้างวัดไร่ขิง ยังหาหลักฐานทั้งทางวรรณกรรมและจารึกต่าง ๆ ไม่ได้ จึงจำเป็นต้องอาศัยหลักฐาน
จากปากคำบอกเล่าของคนรุ่นเก่าซึ่งเรียกกันว่าตำนาน เล่าสืบ ๆ กันมาว่า วัดไร่ขิง สร้างขึ้นเมื่อปีกุล พุทธศักราช ๒๓๙๔
ตรงกับรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ แห่งราชวงศ์จักรี โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (พุก)
เจ้าอาวาสวัดศาลาปูน ตำบลหอรัตนไชย อำเภอพระนคร ศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สำหรับประวัติของ
สมเด็จพระพุฒาจารย์รุปนี้ พระครูวิจิตรการโกศล(สงัด ญาณพโล) คณะ ๑๘ วัดมหาธาตุฯ กรุงเทพมหานคร ได้เขียนไว้ว่า

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (พุก) เป็นชาวเมืองนครไชยศรี เกิดในสมัยรัชกาลที่ ๑ เมื่อวันจันทร์ เดือน ๓ แรม ๑๑ ค่ำ ปีขาล
จุลศักราช ๑๑๕๖ พุทธศักราช ๒๓๓๗ เข้ามาอยู่กรุงเทพ ฯ แต่ยังเยาว์ ครั้นถึงรัชกาลที่ ๔ เมื่อปีกุน พุทธศักราช ๒๓๙๔
ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ขึ้นเป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่พระธรรมราชานุวัตร และ โปรดเกล้าฯ ให้ไปครอง
วัดศาลาปูนวรวิหาร เป็นเจ้าคณะใหญ่กรุงเก่า ต่อมาในรัชกาลที่ ๔ ได้รับการสถาปนาขึ้น เป็นสมเด็จพระราชาคณะ
เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๒๒ (ตรงกับวันพุธ เดือน ๔ แรม ๘ ค่ำ ปีเถาะ) สมเด็จพระพุฒาจารย์ (พุก) ถึงมรณะภาพในสมัยรัชกาล
ที่ ๔ เมื่อปีวอก พุทธศักราช ๒๔๒๗ อายุ ๙๑ ปี ในการพระราชทานเพลิงศพท่าน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินไปเป็นประธาน พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร รูปหล่อเท่าตัวจริงของท่านประดิษฐ์อยู่ในกุฎิตึกวัดศาลาปูนวรวิหารตราบเท่าทุกวันนี้ในสมัยที่สมเด็จฯ ดำรงสมณศักดิ์ที่พระธรรมราชานุวัตร ในปีพุทธศักราช ๒๓๙๔ นั่นเอง ท่านได้ชักชวนพุทธศาสนิกชนในย่านนั้นช่วยกันดำเนินการก่อสร้างวัดไร่ขิงขึ้น เมื่อการสร้างอุโบสถอันเป็นหลักชัยของวัดแล้วเสร็จลง สมเด็จฯ ท่านจึงได้อัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญองค์หนึ่งลงมาจากกรุงเก่าเพื่อประดิษฐานเป็น
พระประธานประจำอุโบสถสืบมา

สำหรับพระพุทธรูปองค์นี้ตำนานเล่าว่าได้นำมาจากวัดศาลาปูนและยังมีรอยปรากฎ
ให้เห็นอยู่จนทุกวันนี้ในพระอุโบสถ วัดศาลาปูน เมื่อขึ้นไปสืบดูหลักฐานแล้ว เห็นว่าไม่ตรงกับองค์จริงที่วัดไร่ขิงเพราะพระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระใหญ่พอสมควร อีทั้งไม่มีหลักฐานปรากฎเลย เมื่อตรวจดูประวัติและผลงานของสมเด็จฯ แล้วหาได้กล่าวถึงเรื่องนี้ไม่

การก่อสร้างวัดไร่ขิง ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (พุก) ก็ถึงแก่มรณภาพลง ดังนั้น งานทุกอย่างจึงตกเป็นภาระธุระของพระธรรมราชานุวัตร (อาจ) เจ้าอาวาสวัดศาลาปูนรูปที่ ๖ ซึ่งเป็นหลานชายของสมเด็จฯ ในการก่อสร้าง วัดไร่ขิงจนแล้วเสร็จ อันนี้แสดงให้เห็นว่า สมเด็จฯ มีความผูกพัน เอาใจใส่และ เป็นห่วงวัดไร่ขิงตลอดชีวิตของท่าน ซ้ำท่านยังได้สั่งหลานของท่านให้ช่วย รับภาระต่ออีกด้วย

นี่คือตำนานที่เล่าสืบ ๆ กันมาช้านาน จึงสรุปว่า สมเด็จพระพุมาจารย์ (พุก) เป็นผู้สร้างอุโบสถวัดไร่ขิง และอัญเชิญหลวงพ่อวัดไร่ขิง ลงมาประดิษฐาน ในอุโบสถด้วย

อีกตำนานหนึ่งมีว่า ก่อนแต่ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (พุก) จะลงไปที่วัดไร่ขิงนั้น วัดนี้มีปรากฎอยู่แล้ว หากแต่เป็นวัดเล็ก ๆ วัดหนึ่งในชนบท และโดยที่สมเด็จฯ เป็นชาวนครชัยศรี ท่านจึงมีความคุ้นเคยกับบรรดาวัดต่าง ๆ ในเขตนั้นเป็นอย่างดี วันหนึ่ง เมื่อท่านเข้าไปในอุโบสถวัดไร่ขิงกราบพระประธานแล้ว หันไปพุดกับท่านเจ้าอาวาสในสมัยนัน้ว่า “แหม สร้างโบสถ์เสียใหญ่โต แต่พระประธานเล็กไปหน่อย” ท่านเจ้าอาวาสจึงกราบเรียนท่านว่า “วัดไร่ขิงเป็นวัดจน ๆ นะขอรับ ไม่สามารถสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ๆ ได้หรอกขอรับ” สมเด็จจึงเอยขึ้นว่า “เออ ที่วัด ผม (วัดศาลาปูน) มีอยู่องค์หนึ่ง ขึ้นไปเอามาซิ” เมื่อสมเด็จฯ กลับขึ้นกรุงเก่าไปแล้ว ท่านเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พร้อมด้วยคณะกรรมการวัดได้เดินทางไปยัง วัดศาลาปูน และอัญเชิญพระพุทธรูปองค์ดังกล่าวลงมา โดยใช้ไม้ไผ่มัดเป็นแพล่องลงมาตามลำแม่น้ำเจ้าพระยา เข้าแม่น้ำท่าจีน หรือแม่น้ำนครชัยศรี ตามลำดับจนกระทั้งถึงวัดไร่ขิง พระชาชนพากันอัญเชิญขึ้นประดิษฐานเป็นพระประธานประจำอุโบสถ แทนองคืเดิมแต่นั้นมา

จากคำบอกเล่าข้างบนนี้ ทำให้สันนิษฐานได้ว่า วัดไร่ขิง หรือวัดมงคลจินดารามไร่ขิงนี้ มีมาก่อนสมัยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (พุก) เป็นแน่นอน แต่จะสร้างขึ้นเมื่อไรนั้นยังไม่หลักฐานยืนยันชัดเจน ขอฝากให้ท่านที่สนใจค้นคว้าต่อไป เพื่อเป็นประโยชน์ ทั้งแก่วงการพระศาสนาและประวัติศาสตร์ของชาติไทยอีกด้วย ตกว่าวัดไร่ขิงสร้างมาประมาณ ๑๓๒ ปี นับแต่สมัยของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (พุก) เจ้าคณะใหญ่กรุงเก่าเป็นต้นมา

พระอุโบสถ มีลักษณะเป็นทรงโรง ศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีขนาดกว้าง ๔ วา ๒ ศอก ยาว ๑๒ วา สูง ๘ วาเศษ ฝาผนังก่ออิฐถือปูนหน้าบันแกะสลักเป็นลายพุดตาลทั้งสิ้น ติดช่อฟ้าในระกาหางหงส์ หลังคามุงด้วยกระเบื้องเคลือบสลับสี ซุ้มประตูเป็นลายปูนปั้นภาพเครือเถา บานประตูด้านนอกเป็นลายรดน้ำรูปท้าวจตุโลกบาลด้านในเป็นภาพสีรูปอสูรยักษ์ เขี้ยวกาง และอื่น ๆ ติดพันด้วยสัตว์ประหลาดตามจินตนาการของช่างเขียนในสมัยนั้น บานหน้าต่างเป็นลายรดน้ำรูปต้นไม้ พร้อมด้วยสิงสาราสัตว์ ด้านในเป็นภาพเขียนสีรูปดอกไม้ส่วนซุ้มหน้าต่างเป็นรูปปูนปั้นลายเครือเถา เช่นเดียวกับซุ้มประตู

พระประธาน พระประธานในอุโบสถวัดไร่ขิง หามีพระนามเฉพาะไม่ ประชาชนทั่วไป มักเรียกกันว่า “หลวงพ่อวัดไร่ขิง” อนุโลมตามชื่อวัด พระพุทธรูปองค์นี้น่าจะเป็นเนื้อทองสัมฤทธิ์ ประทับนั่งปางมารวิชัยแบบประยุกต์ พระรูปมีลักษณะผึ่งผาย คล้ายเชียงแสน พระหัตถ์เรียวงามตามแบบสุโขทัย แต่เฉพาะพระพักตร์ดูคล้ายรัตนโกสินทร์ ประดิษฐานเหนือฐานชุกชี มีขนาดหน้ากว้าง ๔ ศอก ๒ นิ้ว สูง ๔ ศอก ๑๖ นิ้วเศษ

ตามที่ได้กล่าวมาแล้วว่า พระพุทธรูปองค์นี้ถูกอัญเชิญลงมาจากกรุงเก่า (พระนครศรีอยุธยา) เป็นพระพุทธรุปที่มีประชาชน นับถือมากและโดยเหตุที่วันอัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้มาประดิษฐานในอุโบสถวัดไร่ขิงนั้นตรงกับวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๕ และวันนั้นเป็นวันสงกรานต์พอดี จึงมีประชาชนมาชุมนุมกันมาก ในขณะที่หลวงพ่อขึ้นจากแพสู่ประรำพิธีนั้นเกิดอัศจรรย์ แสงแดดที่แผดจ้ากลับพลันหายไปความร้อนระอุในยามสงกรานต์กลางเดือนห้า บังเกิดมีเมฆดำทะมืนลมปั่นป่วน ฟ้าคะนอง ก้องในนภากาศ บันดาลให้ฝนโปรยลงมายังความเย็นฉ่ำใจทั่วหน้าทุกคน ในที่นั้นเกิดความยินดีโสมนัส พากันอธิษฐานจิต เป็นอันเดียวกันว่า “หลวงพ่อจักทำให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุขดับความร้อนร้ายคลายความทุกข์ให้หมดไป ดุจสายฝนที่ เมทนีดลให้ชุ่มฉ่ำ เจริญงอกงามด้วยธัญญาหาร ฉะนั้น” และบัดนี้ก็ปรากฎเป็นความจริงแจ้งประจักษ์ว่าหลวงพ่อได้บันดาล ให้เกิดสภาพการณ์อย่างนั้นแก่ทุกคนที่ประพฤติธรรมโดยแท้จริงและในกาลต่อมา

นับแต่ปีที่หลวงพ่อได้มาประดิษฐานบนแท่นชุกชีเป็นพระประธานในอุโบสถวัดไร่ขิงแล้วประชาชนก็พากันมาเคารพสักการะ
มิได้ขาด ทางวัดได้ถือกำหนดเอาวันกลางเดือนห้าเป็นวันสำคัญจัดงานเทศกาล นมัสการปิดทองหลวงพ่อตลอดมาจนถึงปัจจุบัน วัดไร่ขิงจึงกลายเป็นวัดที่โด่งดังวัดหนึ่งภายใต้บารมีของหลวงพ่อ

เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง เท่าที่มีหลักฐานค้นพบมีจำนวน ๙ รูป ซึ่งปกครองวัดมาตามลำดับดังนี้

๑. หลวงพ่อจาด
๒. หลวงพ่อคง
๓. หลวงพ่อรักษ์
๔. หลวงพ่อมุ้ย
๕. พระอธิการใช้ ปติฎฺโฐ รักษาการเจ้าอาวาส
๖. พระครูมงคลวิลาส (เฉย กิตฺติธโร)
๗. พระอาจารย์ชื้น ปฎิกาโร รักษาการเจ้าอาวาสอยู่ระยะหนึ่งแล้วลาออก
๘. พระครูถาวรวิทยาคม (เพิ่ม ทิฎโฐ) รักษาการ
๙. พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินฺทปญฺโญ) เจ้าอาวาสปัจจุบัน

 


ติดต่อสอบถามได้ที่
ชมรมจักรยานสามพราน
ประธาน นายอนันต์ ลิ้มสุวรรณ
46 หมู่ 6 ต.สามพราน อ.สามพราน จ.นครปฐม 73110
โทร. (034) 3117772 แฟกซ์ 034-324886

 

บัตรเครดิต สินเชื่อ สินเชื่อเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล เงินด่วน เงินกู้ สมัครบัตรเครดิต สินเชื่อ บัตรเครดิต
โปรแกรมบัญชี โต๊ะจีน-จัดเลี้ยง บ้านจัดสรร-บ้านใหม่-บ้านเดี่ยว ธนาคารกรุงไทย สกินhi5 วิเคราะห์บอล ราคาบอล