ประเพณีวันจบปีจบเดือน วันจบปีจบเดือน ถือเอาวันสิ้นเดือนห้าเริ่มเดือนหก คือวันแรม 15 ค่ำ เดือน 5
และขึ้น 1 ค่ำ เดือน 6 ในวันนี้มีการทำบุญและการละเล่นคล้าย
วันสงกรานต์ คือชาวบ้านจะมีการทำบุญตักบาตรอุทิศส่วนกุศล
ให้ บรรพบุรุษ กลางคืนจะมีการเล่นสนุกสนาน เช่น มโนห์รา หนังตะลุง
ปิดทองพระ
ประเพณีชักพระเป็นประเพณีเก่าแก่ของภาคใต้ทุกจังหวัด มีทั้ง
การลากพระทางบกและ ทางน้ำ สันนิษฐานว่า น่าจะสืบเนื่อง
มาจากเทโวโรหนสูตร ซึ่งมีหลักฐานปรากฏในคัมภีร์ขุกทกนิกาย
ว่าก่อนพุทธศก 80 ปี องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเสด็จไปจำพรรษา ณ เทวโลกชั้นดาวดึงส์ เพื่อแสดงธรรมโปรดพุทธมารดามาจนตลอดไตรมาส แล้วเสด็จกลับสู่ชมพู-ทวีป ในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 จากปฐมเหตุนี้เอง จึงถือว่าวันนี้เป็นวันพระเสด็จ (ในวันนี้ชาวบ้านจะทำ ต้ม คือ ข้าวเหนียวห่อใบพ้อแล้วต้มจนสุก แล้วนำไปใช้ตักบาตร) และได้จัดประเพณีชักพระสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน
ประเพณีชักพระอำเภอท่าฉาง
ประเพณีชักพระของอำเภอท่าฉาง เดิมเริ่มต้นจากชาวบ้านรวมตัวกันร่วมกับนายอำเภอและข้าราชการใน
อำเภอท่าฉาง จัดงานขึ้น ต่อมานายอำเภอเห็นว่างานนี้เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับศาสนา ซึ่งมีศึกษาธิการอำเภอ
รับผิดชอบอยู่ จึงมอบให้สำนักงานศึกษาธิการอำเภอเป็นผู้ดำเนินการ ต่อมาภายหลังเมื่อมีการตั้งเทศบาลตำบล
ท่าฉาง เทศบาล ฯ ได้จัดงบประมาณสนับสนุนการจัดงาน จึงขอรับช่วงไปดำเนินการต่อ การชักพระของอำเภอ
ท่าฉางแตกต่างจากที่อื่น คือ ถือเอาวันแรม 8 ค่ำ เดือน 11 เป็นชักพระ ด้วยเหตุที่ต้องอาศัยปัจจัยสำคัญ คือ ลม
และน้ำ ในการชักพระทางน้ำ ก่อนถึงวันชักพระ 10-15 วัน ชาวบ้านจะร่วมกันทำเรือพระ โดยจัดทำบุษบก
ประดิษฐานพระพุทธรูป และตกแต่งรถ ตามเรื่องราวทางพุทธประวัติ หรือความเชื่อทางพุทธศาสนา ในเวลา
เดียวกันจะมีการ คุมโพน หรือ คุมพระ คือ การประโคมฆ้อง ระฆัง ตะโพน เพื่อสร้างบรรยากาศและเตือนให้
ชาวบ้านรู้ตัว เตรียมตัวสำหรับเทศกาลวันสำคัญนี้
เรือพระ มี 2 ชนิด เรือพระบก และ เรือพระน้ำ เรือพระบกจะลากไปบนบก ผ่านหมู่บ้านต่าง ๆ เดิมจะไปยังบริเวณหน้าที่ทำการอำเภอท่าฉาง(หลังเก่า) ปัจจุบันเปลี่ยนไปยังหน้าที่ทำการเทศบาลตำบลท่าฉาง เรือพระน้ำเป็นเรือพระของวัดที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำตาปี และริมคลองท่าฉาง การลากพระน้ำก็ลากมาตามลำแม่น้ำลำคลอง จากวัดสู่บริเวณที่นัดหมายเช่นเดียวกับเรือพระ
พิธีลากพระเริ่มขึ้นในตอนเช้าตรู่ของวันแรม 8 ค่ำ เดือน 11 ชาวบ้านจะไปทำบุญตักบาตรบริเวณหน้ารถพระหรือเรือพระ เมื่อพระสงฆ์ฉันภัตตาหารแล้วก็เริ่มลากพระ ในแต่ละปีมีเรือพระบก และเรือพระน้ำมาร่วม ประมาณ 20 ลำ เมื่อพระสงฆ์ฉันเพลแล้ว จะมีการแข่งเรือพายรถพระหรือเรือพระ จะอยู่ให้ชาวบ้านทำบุญ 3-4 วัน จึงจะลากกลับวัด
ประเพณีสมโภชศาลแม่ยายเจ้า
แม่ยายเอ๋ย
ลูกหลานอาบน้ำ อะไรอยู่ในคลอง ช่วยป้องกันด้วย เป็นคำ
อธิษฐานของเด็ก ในตลาดท่าฉาง ก่อนที่จะกระโดดน้ำลง
ในคลอง ให้มีเสียงดังตูม การกระทำดังกล่าวเป็นที่ทราบกันดี
ของชาวท่าฉาง เมื่อ 50-60 ปีที่แล้ว
สมัยก่อนเด็กท่าฉางอาบน้ำในคลอง (คลองโฉลกหรือคลองโละในสมัยนั้น) ปรากฏว่ามีจระเข้ให้เห็นและมากินคนเป็นประจำ เพื่อความปลอดภัยจึงอธิษฐานก่อนลงคลอง แม้ต่อมาไม่มีจระเข้ให้เห็น เด็ก ๆ ก็ยังอธิษฐานทุกครั้ง
ความเชื่อถือศรัทธาต่อแม่ยายเจ้ามีในเรื่องต่างๆ เช่น การเดินทาง การเข้าสอบ-แข่งขัน การคัดเลือกทหาร จะไปบนบานศาลกล่าว และเมื่อบนแล้วก็จะต้องไปแก้บนด้วยการ ติดทองคำเปลว หมู เป็ด ไก่ หรือสิ่งอื่นใดก็ได้ที่บนไว้
แม่ยายเจ้า คือใคร จากการสอบถาม คุณลุงคอย คล้ายพิกุล อายุ 91 ปี และป้าพ่วง คล้ายพิกุล อายุ 89 ปี
ได้ความว่า แม่ยายเจ้าเป็น ลูกสาวของชาวท่าฉางโดยกำเนิด บิดาเป็นคนจีน มารดาเป็นคนไทย มีนิสัยดี โอบอ้อมอารี พูดจาอ่อนหวานและมีมารยาทเรียบร้อย อยู่ในศิลธรรม ชอบช่วยเหลือผู้อื่น มีรูปร่างสวยงาม เป็นที่รักใคร่ของชาวท่าฉาง
สมัยก่อนมีการล่าหญิงงาม ไปถวายเจ้าเมือง แม่ยายเจ้าเป็นหญิงงามจึงถูกจับตัวไป แต่การเดินทางสมัยนั้นต้องอาศัยเรือ เมื่อมาถึงปากน้ำท่าฉาง แม่ยายเจ้าได้ยกมือขึ้นไหว้อธิษฐาน แล้วตัดสินใจกระโดดน้ำตาย การจากไปของท่านเมื่อชาวบ้านทราบ รู้สึกเสียใจและอาลัยอาวรณ์เป็นอย่างมาก ครั้นต่อมาไม่นานท่านไปเข้าฝันชาวท่าฉางว่า ท่านยังไม่ตาย ยังอยู่ในคลองท่าฉาง และจะอยู่เพื่อคุ้มครองภัยอันตรายให้แก่ชาวท่าฉาง ในวันแปดค่ำ สิบห้าค่ำ เป็นวันพระ อย่าได้ลงอาบน้ำในคลอง เพราะท่านไม่อยู่ ไปเข้าเฝ้าพระอิศวร และจะกลับกลายร่างเป็นจระเข้สีขาว มีบริวารเป็นจระเข้สีดำมากมายอยู่ในคลอง ขอให้ชาวบ้านนับถือกัน และอย่าทอดทิ้งกัน ต่อมาอีกหลายปี มีคนเห็นก้อนหินสีขาวลอยทวนน้ำขึ้นมา ชาวบ้านคิดว่าเป็นแม่ยายเจ้า เนื่องจากคุณป้าจำปาบอกข่าวว่าแม่ยายเจ้าไปเข้าฝัน ว่าถ้าเห็นก้อนหินสีขาว นั่นคือ แม่ยายเจ้า ชาวบ้านจึงอัญเชิญขึ้นประดิษฐานไว้ ณ ศาลาริมคลอง และกราบไหว้กันตลอดมา เมื่อศาลานั้นทรุดโทรมลง ชาวบ้านได้ร่วมใจกันสร้างศาลาใหม่ให้อยู่ใกล้กับศาลาเดิม (ใกล้กับสำนักงานสาธารณสุข ที่ศาลามีหัวจระเข้ เพราะจระเข้คือบริวารของท่าน เมื่อใดมีจระเข้เข้ามาในคลอง ท่านก็จะมาเข้าฝันเตือนลูกหลานว่า ลูกเอ๋ยลูกหลาน มีเรือใหญ่เข้ามาในปกครองแล้ว ให้ลูกหลานจงระวัง (เรือใหญ่ หมายถึง จระเข้ที่ไม่มีบริวาร) ปีใด หอยปูมีน้อย ท่านก็มาเข้าฝันว่า แม่ยายไปเล่นการพนัน เบี้ย หอย หมดแล้ว (หมายถึงปีนั้น กุ้ง หอย ปู ปลา ในลำคลองมีน้อยชาวบ้านจะหากินยาก) แต่ถ้าปีใด ฝันว่า แม่ยายเล่นการพนันได้มากมาย (หมายถึง ปีนั้น ชาวบ้านไปหา กุ้ง หอย ปู ปลา ได้มาก ) ทุก ๆ ปีชาวตลาดท่าฉาง บ้านพิกุล บ้านไทรใหญ่ และบ้านล่าง จะนำแม่ยายเจ้าไปสมโภช โดยเริ่มที่ศาลแม่ยายเจ้า ถือเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมให้คงอยู่ และแสดงถึงความสามัคคีของท้องถิ่น จะนิมนต์พระมาทำพิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์เป็นเวลา 3 คืน เริ่มตั้งแต่วันแรม 14 ค่ำ เดือน 5 ถึง วันขึ้น 3 ค่ำ เดือน 6 ในขบวนแห่ มี ขบวนกลองยาว ขบวนรำไทย ขบวนแฟนซี และดนตรีต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างศรัทธาบารมีและความสนุกสนาน จากนั้นจะอัญเชิญท่านกลับศาลาประดิษฐานไว้ที่เดิม
มีเรื่องเล่าต่อกันมาว่า หากปีใดลากพระผิดทาง รถพระนั้นก็จะไม่ขยับเขยื้อน จะเกิดฝนตก ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า มีอยู่ครั้งหนึ่งฟ้าผ่าลงบนต้นตาลโตนด ซึ่งใต้ต้นตาลโตนดนั้นมีชาวบ้านอยู่ แต่ไม่มีชาวบ้านคนใดเป็นอันตราย จึงเปลี่ยนทางลากพระใหม่ รถพระก็เขยื้อนไปได้ ในวันนี้จะมีการทำขนมจั้งเสวียดซึ่งเป็นของลือชื่อของเสวียด และยาหนม(กะละแม) เลี้ยงแขก
การสวดทุ่งจะทำกันในหมู่บ้านที่มีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ จะตั้งพิธีตรงนั้นและมักทำกันในเดือนหก โดยนิมนต์พระไปสวดมงคล กลางคืนจะมีการแสดง การละเล่นรื่นเริงต่าง ๆ ตลอดคืน รุ่งขึ้นจะนิมนต์มาสวดและฉันภัตตาหาร หลังเสร็จพิธีชาวบ้านก็จะ รับประทานอาหารร่วมกัน
เป็นพิธีที่น่าจะเกิดจากความเชื่อในเรื่องวิญญาณและกรรม ประกอบกัน โดยเชื่อว่าเมื่อคนเสียชีวิตแล้ว วิญญาณจะลงนรกหรือขึ้นสวรรค์ก็ตามแต่กรรมที่กระทำเมื่อยังมีชีวิต วิญญาณที่ลงนรกอาจขึ้นจากนรกได้ เพราะผลบุญที่ญาติมิตรช่วยอุทิศให้ ดังนั้นในวันแรม15 ค่ำ เดือน 10 วิญญาณเหล่านั้นจึงขึ้นมารับส่วนบุญ และกลับไปในวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 พิธีนี้จะตรงกับพิธีศารทใน ศาสนาพราหมณ์
ชาวอำเภอท่าฉางยังร่วมใจกันจัดงานนี้เป็นประจำทุกปี โดยเรียกพิธีนี้ว่า รับตายาย วันรับตายายตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 10 เป็นวันที่พระยายมปล่อยเปรตขึ้นมาจากนรก ชาวบ้านจะจัดสำรับคาวหวาน ดอกไม้ ธูปเทียน ไปกราบพระที่วัด
วันส่งตายาย ตรงกับวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 เป็นวันที่เปรตจะจ้องกลับสู่นรกตามเดิมจึงต้องเตรียมสิ่งของไปทำบุญ ซึ่งสิ่งของนั้นจะมี หนมตายาย อันได้แก่ ขนมลา ขนมกรุบ และยาหนม(กาละแม) เป็นต้น โดยนำขนมเหล่านั้นจัดใส่กะเชอ ไปถวายพระที่วัด หลักจากนี้นำอาหารและขนมอีกส่วนหนึ่งไปวางตามสถานที่ต่าง ๆ ของวัด เช่น ประตูวัด โคนต้นไม้ และริมกำแพงวัด เป็นต้น เพื่อให้เปรตที่ไม่มีญาติมารับ เรียกว่า ตั้งเปรต หลังจากเสร็จพิธีทางสงฆ์ชาวบ้านจะไปแย่งชิงของจากเปรต เรียกว่า ชิงเปรต