การสำรวจขุดฟอสซิล
หลายครั้งที่การค้นพบฟอสซิลในโลกนี้จะเป็นการค้นพบโดยบังเอิญ เช่น พบระหว่างที่นักธรณีวิทยาออกทำงานสำรวจทำแผนที่ตามปกติ พบในการขุดเจาะเหมืองถ่านหิน สร้างเขื่อน ตัดถนน หรือมีชาวบ้านไปพบเข้า แล้วมีรายงานไปให้ผู้เชี่ยวชาญทราบ (แหล่งที่มีโอกาสพบฟอสซิลได้มาก ได้แก่ลำห้วยและเนินเขา เพราะน้ำจะพัดพาฟอสซิลมาตามลำห้วย หรือไม่น้ำก็จะกัดเซาะดินตามเนินเขาจนฟอสซิลโผล่ออกมาให้เห็น)
จากนั้นผู้เชี่ยวชาญซึ่งเรียกว่า "นักโบราณชีววิทยา" ก็จะทำการวิเคราะห์ตรวจสอบรายงานเหล่านั้น ส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์จะใช้การดูแผนที่ทางธรณีวิทยาประกอบด้วย เพราะแผนที่นี้จะแสดงตำแหน่งบริเวณชั้นหินของช่วงยุคที่ไดโนเสาร์เคยมีชีวิตอยู่ เช่น ชั้นหินในกลุ่มหินโคราช จากนั้นก็จะออกเดินทางไปสำรวจยังสถานที่ที่พบฟอสซิล แล้วนำผลของการสำรวจมาตัดสินใจว่าจะทำการขุดต่อไปหรือไม่
ในครั้งแรกอาจพบฟอสซิลชิ้นเล็ก ๆ ก่อน ถ้าเราขุดต่อไปอาจพบฟอสซิลชิ้นใหญ่ ๆ ได้ บางครั้งฟอสซิลเหล่านี้จะฝังตัวอยู่ในดินร่วนก็ขุดได้ง่าย แต่บางครั้งจะฝังตัวอยู่ในเนื้อหิน ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญมาขุดเจาะออกมา อย่าลงมือขุดเองหรือใช้เครื่องมือหนักมาขุดเจาะอย่างผิดวิธี เพราะฟอสซิลอายุเก่าแก่นับร้อยล้านปีที่มีคุณค่ามากทางวิชาการอาจเสียหายไปอย่างน่าเสียดาย
การขุดเจาะฟอสซิลอย่างถูกวิธีของนักโบราณชีววิทยาจะใช้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพหลายชิ้น โดยจะเริ่มด้วยการใช้เครื่องมือหนักเปิดหน้าหินโดยรอบก่อน แล้วค่อย ๆ ขุดเข้าไปหาชิ้นฟอสซิลทุกที ๆ พอขุดเข้าใกล้ฟอสซิลก็จะใช้เครื่องมือขนาดเล็ก เช่น เสียม และพลั่วขุดต่อ ยิ่งขุดเข้าไปใกล้ส่วนสำคัญก็จะเปลี่ยนเป้นการตอกด้วยสิ่วขนาดเล็ก การขุดด้วยเครื่องมือขนาดเล็ก และการใช้แปรงปัดดินปัดทรายออก
เมื่อชิ้นฟอสซิลโผล่พ้นหินออกมา นักโบราณชีววิทยาก็จะติดหมายเลขบนฟอสซิลทุกชิ้น ทำการถ่ายรูป และจดบันทึกรายละเอียด เพื่อเป็นหลักฐานว่าฟอสซิลชิ้นนั้นพบที่จุดไหนและพบในลักษณะอย่างไรจากนั้นก็จะใช้กาวหรือสารเคลือบมาเคลือบชิ้นฟอสซิลให้ทั่ว เพื่อช่วยยึดกระดูกที่เปราะบางมิให้เกิดการแตกหัก
เมื่อสามารถขุดฟอสซิลออกมาได้แล้ว ก็จะใช้ปูนพลาสเตอร์ทำเฝือกห่อชิ้นฟอสซิล เพื่อป้องกันการแตกหักขณะเคลื่อนย้ายออกจากแหล่งขุดไปศึกษาทางวิชาการที่ห้องปฏิบัติการต่อไป
การศึกษาที่ห้องปฏิบัติการจะเริ่มจากการเตรียมแยกกระดูกออกจากดินและหินที่หุ้มอยู่ พวนกระดูกของสัตว์ขนาดเล็ก ๆ อย่างเช่น หนูก็จะทำการเตรียมโดยวิธีร่อนด้วยตระแกรงในน้ำ แล้วนักโบราณชีววิทยาก็จะทำการศึกษารายละเอียดและวิจัยเปรียบเทียบ ซึ่งบางครั้งอาจส่งตัวอย่างไปต่างประเทศเพื่อวินิจฉัยให้แม่นยำ โดยการเปรียบเทียบกับตัวอย่างจำนวนมากที่เก็บสะสมจากหลายประเทศ แล้วในที่สุดฟอสซิลทั้งหมดก็จะถูกนำไปเก็บไว้ในห้องเก็บตัวอย่างของพิพิธภัณฑ์