เราลิขิต-บนหลุมศพวาสิฎฐี
พิมพ์ครั้งแรก ในนิตยสาร ปี ๒๔๘๙ และ ๒๔๙๓

ร.จันทพิมพะ
(พ.ศ.๒๔๕๒ - ๒๔๙๗)


		
		เราลิขิต-บนหลุมศพวาสิฎฐี เป็นนวนิยายสองภาคจบ ภาคแรก
	ชื่อว่า "เราลิขิต" ลงตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารประชามิตร-สุภาพบุรุษ ใน พ.ศ. ๒๔๘๙ 
	และต่อมาภาคสอง ซึ่งเป็นภาคจบได้ลงพิมพ์ในนิตยสารสยามสมัย ในพ.ศ. ๒๔๙๓  ใน
	ชื่อ "บนหลุมศพวาสิฎฐี" พิมพ์รวมเล่มในปี ๒๕๐๕

		จิตรี รัถการ และกานดา ดิเรกกุล หญิงสาวในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
	อยู่ในร่มไม้ชายคาเพียวกัน  และเขาทั้งสองเกี่ยวดองเป็นญาติสนิทต่างมีความรักที่มุ่งมาด
	ปรารถนา  กานดารักกันเงียบๆ อยู่กับวิชัยลูกพี่ลูกน้องของเธอเอง ซึ่งอยู่ในบ้านเดียว
	กัน ส่วนจิตรีนั้นเธอมีที่หมายแล้ว เขาเป็นนายพันตรีรูปงาม เข้ามาพัวพันกับเธอเมื่อคราว
	เธอและกานดาอพยพหลบภัยสงครามไปพร้อมกับวิชัยที่จะไปรับราชการที่แหลมเหลือ  
	เมืองพะเยา แหลมเหลือจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่เปิดโอกาสให้แก่ชายหนุ่มสาวสองคู่ คือ จิตรี
	กับพันตรีตะวัน วงศ์วิโรจน์ คู่หนึ่ง กับกานดา ดิเรกกุล  กับวิชัย เชาวรัตน์ อีกคู่หนึ่ง

		จิตรีและกานดา ดูเป็นผู้หญิงสองแบบที่ไม่เหมือนกัน จิตรีเป็นคนหัวแข็ง มี
	ความเชื่อมั่นในตัวเอง ท้าทาย ชอบนำชีวิตไปเป็นเดิมพันกับอนาคต ส่วนกานดาเป็นหญิง
	สาวผู้มีจิตใจอ่อนโยน รักสงบ อีกทั้งใจอ่อน เธอเป็นแบบหญิงผู้แบกทุกข์ของใครทั้ง
	โลกไว้ เพื่อรักษาสถานการณ์ให้สงบตลอดไป

		จิตรีเป็นหญิงสารที่อยู่ในอิทธิพลการเปลี่ยนแปลงของยุคปรมาณูภายหลัง
	สงครามโลก  นั่นคือ เธอต้องการแสวงหาความหมายทุกอย่างด้วยตัวของตัวเอง ด้วย
	เหตุนี้เมื่อกลับมาเรียนวิทยาศาสตร์ปีสุดท้าย  นิสิตจุฬาฯ ที่มีผลการเรียนดี  ผู้นี้จึงรีไทร์
	ตัวเองออกมาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ในธนาคารแห่งหนึ่ง 'ดูเหมือนจะมีมนต์ประหลาดและ
	วิเศษสักอย่างมาทำให้จิตรีลืมตัวและปล่อยตามเหตุการณ์เกินไป ดูเหมือนไม่มีมนต์จะแก้
	กันอีกด้วย...'  จิตรีจึงลอยคว้างไปตามกระแสคลื่นของความเป็นอยู่อย่างใหม่ ฟุ้งเฟ้อ
	และสนุกสนาน เสรีอย่างเต็มที่ จิตรีพอใจชีวิตแบบที่เธอเป็น เพราะเธอได้พบกับความ
	ตื่นเต้น ความแปลกใหม่ที่ไม่จืดชืดเหมือนครั้งยังเป็นนิสิต  แต่วันหนึ่งจิตรีก็พลาด เธอ
	หยิบเงินของธนาคารไปให้พันตรีตะวันใช้ก่อนจำนวนหนึ่ง  เพราะแน่ใจว่าเขาจะนำเงินมา
	คืนทันเวลา เนื่องด้วยความจำเป็นบางอย่าง ทว่าเขากลับหายตัวไปไร้ร่องรอย ความผิด
	ของจิตรีถึงขั้นที่เธอควรลาออก และยังต้องหาเงินไปชดใช้คืนแก่ธนาคาร คุณจรวยผู้	
	เป็นเสมือนพี่สาวของจิตรีเสียใจนัก  เมื่อประกอบเข้ากับความไม่พอใจในการดำเนินชีวิต
	แบบจิตรี เธอตัดสินใจบอกความจริงเพื่อแก้แค้นให้แก่ความปรารถนาดีของตัวเธอเอง
	ว่า จิตรีไม่ใช่ลูกสาวที่แท้จริงของผดุง  เธอเพียงแต่เป็นลูกติดภรรยาของเขาเท่านั้น 
	และความเหลวไหวของจิตรีก็มาจากเลือดเลวฝ่ายแม่ของเธอนั่นเอง

		ความหยิ่งผยอง และความสำราญใจของจิตรีสะดุดหยุดลงแล้ว จิตรีรู้สึก
	ตัวว่าเธอสูญเสียหมดทุกสิ่งอย่างไม่น่าเชื่อ  ความสับสนจู่โจมเข้ามาและความมั่งคงของ
	จิตใจคลายลง  จิตรีรับไม่ได้ที่ว่าเธอใช้นามสกุลของผู้ที่หาใช่พ่อที่แท้ของเธอไม่

		ผู้แต่งได้นำเผด็จก้าวเข้ามาในชีวิตของจิตรีแบบฉับพลัน เธอต้องการสื่อ
	สารให้ผู้อ่านรู้จักธาตุแท้ของคนที่ 'เข้า' กันได้ดี  เผด็จมีบุคลิกสอดคล้องกับจิตวิญญาณ
	หยิ่งผยองของจิตรียิ่งนัก  เขากล่าวเย้ยหยันชะตากรรมต่อจิตรีว่า "ชีวิตที่ถูกกำหนด
	มาหมดสิ้นแล้ว  เหมือนอย่างที่เขาว่าพรหมลิขิตแค่นี้เอง แต่เราไม่รู้เรื่องพรหม เรารู้
	เรื่องของเราตลอดชาติ เรารู้ว่าเราทำชั่วใช่ไหม?"  และเขายังสำทับแก่เธอว่า
	
		       "ตกลงเรื่องอะไรๆ ของเรา ไม่ว่าความเชื่อความหวัง หรือเรื่องชีวิต
		วันนี้ วันไหนทั้งนั้นจิตรี เราลิขิตของเราเองอีกเหมือนกัน คราวนี้เราลิขิต
		ของเราเปื้อนเปรอะไปแล้ว  คราวหน้าเรามาตั้งใจลิขิตของเราให้สวยสด
		เสียใหม่"
	
		คำพูดอันหนักแน่นเช่นนี้เพียงวูบเดียว จิตรีได้ตัดสินใจจะแต่งงานกับเขา 
	การตัดสินใจวูบนี้ของจิตรีเป็นการป้องกันตัวเธอเอง  ขณะเดียวกันก็เป็นความประมาท
	ผู้แต่งได้ชี้ให้เห็นว่าคนเรานี้ บ่อยครั้งหาทางออกง่ายๆ เร็วๆ ให้พ้นไปเสียจากความ
	อัปยศ  โดยไม่รู้ว่ามีความอัปยศอื่นรออยู่ข้างหน้า  "ความสามารถและความอดทนของ
	จิตรีทรงตัวอยู่ได้ด้วยควมหยิ่งผยองอย่างเดียว  ความเย่อหยิ่งนำไปสู่ความประมาท
	และความประมาทก็คือความตาย"

		จิตรีแต่งงานแล้ว แต่ความผูกพันที่เธอมีต่อคนรักเก่า  ประกอบกับความ
	รักใหม่มิได้ก่อตั้วขึ้นมาโดยธรรมชาติ  ทำให้จิตรีกำลังสับสนใหม่อีก  จิตรีสงสัยว่าเขา
	ไม่ได้รักเธอ เขาเพียงแต่ฉวยโอกาสจากความสับสนของเธอ และเพียงแต่หมายจะ
	ครอบครองเสน่ห์แห่งความเป็นหญิงของเธอเท่านั้น

		ผู้แต่ง ได้สร้างจิตรีขึ้นมาเป็นตัวแทนของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเฝ้าดูว่า
	ตัวเองได้รับความยุติธรรมดีอยู่ทุกขณะหรือไม่ คอยตรวจสอบดูแต่ว่าใครทำร้าย
	เธอตั้งแต่เมื่อไหร่และทำไม  จิตรีแต่งงานกับเผด็จ แล้วเธอก็ร้องไห้กับ 'สิ่ง' ที่
	เธอเสียเปรียบไปแล้ว เธอน้อยใจคนอื่น  เวลานี้สำหรับจิตรีมีมนุษย์อยู่เพียงสอง
	คนในโลกที่เธอมองไม่เห็นความผิด คือ พันตรีตะวัน และอีกคนหนึ่งก็คือ ตัวเธอเอง
อ่านต่อ ไปหน้าที่ 2


กลับไปหนังสือประเภทนิยาย