วรรณสาส์นสำนึก
พิมพ์ในนิตยสารช่วง ๒๔๙๒ - ๒๔๙๕
พิมพ์รวมเล่มครั้งแรก พ.ศ.๒๕๒๙

สุภา ศิริมานนท์
(พ.ศ.๒๔๕๗ - ๒๕๒๙)



		วรรณสาส์นสำนึก เล่ม ๒

		ในวรรณสาส์นสำนึก เล่ม ๒ นี้ มีบทความหลักชิ้นใหญ่ๆ อีก ๓ ชิ้น ซึ่งแสดง	
	ถึงความเป็น "ปราชญ์" ของผู้เขียน คือ การเสนอวิพากษ์วิจารณ์วรรณกรรมคลาสสิก
	ระดับโลก ตั้งแต่เอนไซโคลปีเดีย จนถึงดิกชันเนอรี่ และแปลงานวรรณกรรมระดับโลก 
	เช่น ของอนาโตล ฟรังซ์ บเจิร์นสัน อิวาน โวโลติน และสเตฟาน สไวก์

		ผู้เขียนยังได้ริเริ่มให้เป็นแบบอย่างในการแปลงานวรรณกรรมต่างประเทศ 
	โดยการค้นประวัติของผู้เขียนต่างประเทศมาเขียนอธิบายถึงชีวิต และโลกทรรศ์ของผู้
	เขียนนั้นๆ อย่างละเอียด และมีคุณค่า สามารถทำให้ผู้อ่านได้เข้าใจซึมซาบเนื้อหาของ
	เรื่องได้อย่างเข้าใจถึงแก่นเรื่องได้ดีขึ้นเมื่อรู้ภูมิหลัง และเงื่อนไขของสังคมของผู้เขียน
	ในขณะนั้น หรือในเวลาที่สร้างงานวรรณกรรมระดับโลกชิ้นนั้นๆ

		ในบทความเรื่องการวิพากษ์วิจารณ์วรรณกรรมนั้น ได้เสนอทฤษฎีวิพากษ์
	วิจารณ์วรรณกรรม (Literature criticism) ไว้ได้อย่างดีเยี่ยม รวมทั้งได้ยกเอาวรรณกรรม
	ระดับโลก และวรรณกรรมไทยมาเป็นตัวอย่างของการวิพากษ์วิจารณ์เพื่อสนับสนุน
	ทฤษฎีของผู้เขียนเอง เช่นงานของ ชาร์ล ดิ๊กเก้น  แฮเรียต บีเชอร์ สโตว์ ผู้เขียนหรือ 
	กระท่อมน้อยของลุงทอม  ตอลสตอย, ดอสโต เยฟสกี้, มุลค์ ราช อนันท์, หลู่ซิ่น และ
	เรื่อง ภควัคคีตา

		ผู้เขียนได้เสนอทฤษฎีการประพันธ์โดยให้เกียรตินักประพันธ์ถึงกับตั้ง
	สมญานามว่าเป็น "วิศวกรแห่งวิญญาณมนุษย์" เพราะงานประพันธ์ที่ดีนั้น
	
		"มันเป็นเครื่องสำแดงออกซึ่ง ความรัก, ความชัง, ความโกรธ, ความดื่มด่ำ,
	ความหวัง และความจงใจของมนุษย์ผู้มีชีวิต ศิลปินนั้นคือ ผู้เปลี่ยนแปลงส่วนสัดต่างๆ
	ของมัน, คือผู้เร่งเร้าความเข้มความสูงแห่งสีสัน, คือผู้ย้ำให้เห็นรายละเอียดในบางสิ่ง
	บางอย่างและละเว้นสิ่งอื่นๆ เสียบ้าง"
	
		ในบทความชิ้นยาวนี้ ผู้เขียนได้ให้หลักเกณฑ์การวิพากษ์วิจารณ์วรรณกรรม
	ไว้อย่างละเอียด จนอาจกล่าวได้ว่า เป็นงานขั้น "สดมภ์หลัก" ของวรรณคดีวิจารณ์
	ของปัญญาชนไทยที่หาคนเทียบได้ยากในด้านโลกทรรศน์ และด้านวิชาการควบคู่กันไป

		ผู้เขียนได้ให้ความหมายของคำว่า "สัจนิยม" (Realism) หรืองานเขียนใน
	แนววรรณกรรมเพื่อชีวิต (ที่ดีกว่า) ไว้ดังนี้ว่า
	
		"ในทางวรรณคดี หมายถึง ความพยายามที่จะจำลองภาวะของชีวิตออกมา
	ในบทประพันธ์อย่างตรงตามความเป็นจริงตรงไปตรงมา โดยไม่สอดใส่อุดมคติลงไป 
	หรือไม่ทำให้ภาวะแห่งชีวิตนั้นๆ เปล่งปลั่งเกินความเป็นจริง และโดยไม่คละเคล้าหลัก
	ธรรม หรือหลักจริยธรรมใดๆ ในตอนสุดท้ายเพื่อให้เป็นประหนึ่งข้อสั่งสอนอยู่ในตัว"
	
		ในขณะที่งานเขียนโรแมนติก (Romantic) หมายถึง
	
		"ถือเอาการเน้นน้ำหนักในทางความนึกคิดและทางอารมณ์ว่าสำคัญและอยู่
	เหนือเหตุผลหรือทางวุฒิปัญญา"		


กลับไปหน้าแรก