สวัสดีครับเพื่อนทุกคน หลายคนที่เข้ามาแล้วได้ทำแบบทดสอบตาบอดสีแล้ว
คงจะได้รู้กันแล้วว่าตัวเองตาบอดสีหรือไม่ หลายคนที่ไม่เคยรู้ตัวมาก่อน
อาจจะคิดว่าผมมั่วแน่ๆ
"ฉานเกิดมาตั้งกี่ปีแล้ว
ไม่เห็นจะรู้สึกเลยว่าตัวเองตาบอดสี แล้วอยู่ๆ ไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้มาบอกว่าฉันตาบอดสี
มันต้องบ้า มันต้องบ้าแน่ๆ กูปกติเฟ้ย กูไม่ได้เป็นเอดส์ เอ้ยไม่ใช่
ไม่ได้ตาบอดสี เอ้ย ไม่ได้เป็นทั้ง 2 อย่างนั่นแหละ"
เหอ เหอ เหอ อยากบอกว่าครั้งแรกที่ผมรู้ว่าตัวเองตาบอดสี
ผมก็มีความรู้สึกเดียวกับคุณนั่นแหละ เกิดมาจากท้องแม่ 22 ปี
ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตัวเองตาบอดสี จนกระทั่งเรียนจบ และสมัครเข้าทำงาน
ผมใฝ่ฝันที่จะเป็นนักวิจัยทำงานในห้องปฏิบัติการมาตลอดชีวิต
ชอบที่จะเรียนทางด้านนี้ ชอบทำ lab นั่งไทเทรตได้ทั้งวัน โดยไม่เบื่อ
ผมเลือกที่จะเรียนทางด้านเคมีจากสถาบันที่มีชื่อเสียง แล้วผมก็ได้เรียนอย่างที่หวัง
กับเวลา 10 ปี จากมัธยมศึกษาปีที่ 1 จนกระทั่ง จบมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศ
ด้วยผลการเรียนที่ดีในระดับหนึ่ง สำหรับคนที่ทำกิจกรรมทุกอย่างในมหาวิทยาลัย
พยายามเรียนรู้เพื่อที่จะเป็นคนที่มีคุณภาพในการทำงานในด้านที่ตัวเองอยากจะทำ
อาจารย์และเพื่อนๆ หลายคน
พูดบ่อยๆ ว่า ผมเหมาะที่จะทำงานวิจัย งานที่เกี่ยวข้องกับห้องปฏิบัติการทางด้านเคมี
ผมรู้สึกภูมิใจนะ เพราะสิ่งที่ผมพยายามทำและฝึกฝนมาตลอดมันเห็นผล
คุณค่าของสิ่งที่ผมทุ่มเทมีคนเห็นคุณค่า คนเรามันต้องอย่างนี้สิ
วัดกันที่ผลงาน การทำงาน เรามาถูกทางแล้ว ผมบอกกับตัวเองเสมอ
โครงงานพิเศษที่ผมทำเกี่ยวกับพืชสมุนไพร
ที่ต้องใช้สายตาในการแยกสีสรรของสารจากธรรมชาติที่มีต่อสารเคมี
ประสบความสำเร็จขนาดที่เรียกว่ากำลังรอตีพิมพ์ลงในวารสารทางวิชาการ
Advisor ของผมให้เครดิตถึงขนาดใส่ชื่อผมลงไปด้วย นั่นคือผมงานที่ผมภาคภูมิใจ
เมื่อจบจากมาหาวิทยาลัย ก็ต้องหางานทำ
กว่า 20 บริษัท ที่ ผมส่งใบสมัครไป หลายบริษัทตอบกลับมา ในเมื่อเราไม่ได้เป็น
choice แต่ผมมีสิทธิ์ที่จะเลือกได้ ผมจึงเลือกที่จะทำงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านปิโตรเคมีแถบระยอง
ด้วยอัตราเงินเดือนที่สูงมาก สำหรับคนที่จบวิทยาศาสตร์ คือ 20,000++
บาท ด้วยผลงานที่มีปละกิจกรรมที่ได้ทำมาอย่างหลากหลายในชีวิตมหาวิทยาลัย
ผมมั่นใจเหลือเกินว่า คุณสมบัติของผมไม่ด้อยไปกว่าใคร
และที่นี่เองผมก็ได้รู้ตัวเองว่า
ผมตาบอดสี
วันที่ 26 เมษายน มีบริษัทยักษ์ใหญ่
2 บริษัทเรียกผมไปสัมภาษณ์งาน แต่บริษัทหนึ่งเป็นงานชั่วคราว
8 เดือน ในกรุงเทพ ผมจึงเลือกที่จะไประยองดีกว่า ผมเตรียมตัวสำหรับการสัมภาษณ์ทั้งภาษาไทย
และภาษาอังกฤษ เดินทางล่วงหน้าก่อนหนึ่งวัน เปิดโรงแรมนอน เพื่อที่จะได้ไปถึงบริษัทแต่เช้า
เมื่อไปถึงบริษัทฝ่ายบุคคลได้ให้ผมไปตรวจร่างกายที่เรือนพยาบาลของบริษัท
ซึ่งต้องตรวจจาบอดสีด้วย ผมไม่เคยตรวจมาก่อนและไม่คิดว่าตัวเองตาบอดสี
เพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมา ผมไม่เคยมีปัญหาในการบอกสีแตกต่างจากคนอื่น
เจ้าหน้าที่ให้ผมดูสมุดเล่มหนึ่ง
หนาๆ สีเข้มๆ โดยเปิดให้ดูทีละหน้า แต่ละหน้าจะมีวงกลมวงใหญ่
และจะมีจุดสีเป็นจุดเล็กๆ ต่างกันเต็มไปหมด ให้ผมอ่านตัวเลขที่มองเห็น
ยอมรับว่าเมื่อเห็นแล้วก็รู้สึกว่า ทำไม บางแผ่นเรามองไม่เห้นตัวเลข
บางแผ่นเหมือน 2 ตัวทับกันอยู่ และผลสรุปก็ออกมาอย่างที่คาด
คือ ผมตาบอดสี ผมถือใบตรวจร่างกายกลับไปยังฝ่ายบุคคล ด้วยอาการมึนงง
คำว่าตาบอดสี ความหมายมันไม่ใช่อย่างที่ผมรู้จักซะแล้วมันคืออะไรกันแน่
ทำไมผมยังเห็นเหมือนคนปกติ และผมถึงกลายเป็นคนตาบอดสีไปได้
นี่คือคำพูดของเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลขอบบริษัทแห่งนั้น
"นี่คุณตาบอดสีเหรอ พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าถ้าตาบอดสีที่นี่ไม่รับ"
"เคยตรวจที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า"
"ก็มาเสียเวลาเปล่านะ
ถ้าตาบอดสี ระเบียบบริษัทให้เข้าสัมภาษณ์ไม่ได้"
"คุณตาบอดสีอย่างนี้
โรงงานที่ทำ petro จะไม่รับเข้าทำงาน
ซึ่งโรงงานแถบระยองนี้ คุณสมัครไม่ได้"
ผมเดินออกจากโรงงานด้วยอาการอึ้ง
พูดไม่ออก สติเวลานั้น เตือนให้ผม กลับกรุงเทพฯ โดยด่วน ในที่สุดผมก็พลาดจากบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ใครๆ
อยากจะทำงานด้วย ถึง 2 แห่งในวันเดียวกัน ในใจตอนนั้นคิดว่า
คงมีไม่กี่ที่ที่ตรวจตาบอดสี โอกาสเรายังมี แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่.....
(ติดตามอ่านตอนต่อไปครับ)
update เมื่อ
|
ครั้งที่
|
เจ้าของเรื่อง
|
25 พ.ค. 2544
|
1
|
|
|
|
|