หลักภาษาเควนยา

กลับหน้าหลัก ( หลักภาษาเควนยา   สรุปภาษาเควนยา   ศัพท์ภาษาเควนยา )


โฮมเพจนี้คือความพยายามที่จะสรุปหลักการ และไวยากรณ์ของภาษาเควนยา ซึ่งถอดความมาจากเว็บไซด์ Ardalambion ของ Helge Kåre Fauskanger และบางส่วนจากเว็บไซด์ conlang.nu ของ Daniel Andréasson โดยพยายามเรียบเรียงให้อ่านได้ง่ายขึ้น และได้เพิ่มเติมบางตัวอย่างตามหลักการที่ผู้เขียนเข้าใจ หากท่านผู้อ่านพบว่ามีข้อผิดพลาดประการใด โปรดแจ้งให้ผู้เขียนทราบ และขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

นายฮอบบิตั้ม
khun_panya@yahoo.com

โฮมเพจนี้เขียนขึ้นให้สามารถแสดงผลได้ทั้งอักษรภาษาไทยและอักษรลาตินโดยใช้ style sheet ท่านผู้อ่านจะสามารถเห็นข้อความนี้เป็นภาษาไทย และสามารถเห็นข้อความต่อไปนี้เป็นสระลาติน á, é, í, ó, ú ซึ่งเป็นตัว เอ, อี, ไอ, โอ, ยู มีขีดอยู่ด้านบน แต่หากท่านผู้อ่านยังมองไม่เห็นสระลาติน ให้ลองดูที่ คำแนะนำในการ set browser เพื่ออ่านโฮมเพจนี้ครับ


การออกเสียง (Phonology)

ตัวอย่าง
cirya = เคียร์ยา (คี-อาร์-ยา) nauco = เนาโค (นา-อู-โค)
meoi = เมโอย (เม-โอ-อี) ainur = ไอนัวร์ (อา-อี-นู-อาร์)
leuca = เลวคา (เล-อู-คา) uilë = อุยเล (อู-อี-เล)
nienniquë = เนียนนิเควฺ (นี-เอน-นี-เควฺ) erma = แอร์มา (เอ-อาร์-มา)
tinco = ทิงโค tildë = ทิลเด
isil = อิซิล laurëa = เลาเรอา (ลา-อู-เร-อา)
nainië = ไนนิเอ (นา-อี-นี-เอ) tiuca = ทิวคา (ที-อู-คา)

คำนาม (Noun)

คำนำหน้านาม (Article)
ในภาษาเควนยา ใช้ตัว i เป็นคำนำหน้านาม เทียบได้กับ the ในภาษาอังกฤษ เช่น elen = star = a star, i elen = the star

การแปลงรูปคำนาม (Case Morphology)
กฏการแปลงรูปคำนามในภาษาเควนยา 10 กรณี มีดังนี้

  1. รูปปกติ (Nominative)
    ใช้เป็นประธาน สามารถแบ่งประเภทของคำนามตามจำนวนได้สี่ประเภท ได้แก่ เอกพจน์ (Singular), ทวิพจน์ (Dual), พหูพจน์ (Plural) และ พหุภาคพจน์ (Partitive plural) ตัวอย่าง
    (มือหนึ่งข้าง) => t (มือทั้งสอง)
    elen (ดาวหนึ่งดวง) => eleni (ดาวหลายดวง)
    falma (คลื่น) => falmali (คลื่นจำนวนหนึ่ง)
  2. กรรม (Accusative)
    ในภาษาเควนยาแบบเก่าที่ใช้ในวาลินอร์ คำนามที่เป็นกรรม จะต้องถูกแปลงรูปด้วย (การแปลงรูป accusative นี้จะพบได้แต่ในหนังสือภาษาเควนยาโบราณเท่านั้น ไม่มีใช้ในภาษาสมัยใหม่)
    • เอกพจน์ เฉพาะคำที่ลงท้ายด้วยสระ จะถูกลากเสียงสระให้ยาวขึ้น
    • ทวิพจน์ เฉพาะคำที่ลงท้ายด้วย u จะถูกลากเสียงให้เป็น ú
    • พหูพจน์ ให้ลงท้ายด้วย i
    • พหุภาคพจน์ ให้ลงท้ายด้วย
    ตัวอย่าง
    cirya (เรือหนึ่งลำ) => ciryá, ciryar (เรือหลายลำ) => ciryai
  3. กรรมรอง (Dative)
    คำซึ่งเป็นกรรมรองของกริยา เช่น ประธานกระทำบางอย่างกับกรรมตรง ให้/ไปยัง/สำหรับ กรรมรอง
    • เอกพจน์ ให้ลงท้ายด้วย n
    • ทวิพจน์ ให้ลงท้ายด้วย nt (หรือ en ถ้าคำนั้นลงท้ายด้วย u)
    • พหูพจน์ ให้ลงท้ายด้วย in
    • พหุภาคพจน์ ให้ลงท้ายด้วย lin
    ตัวอย่าง
    i nís antanë i hínan anna = The woman gave the child a gift.
  4. สัมพันธการก (Genitive)
    สำหรับแสดงความสัมพันธ์ หรือความเป็นเจ้าของ
    • เอกพจน์ ให้ลงท้ายด้วย o, กรณีที่สระลงท้ายคือ a ให้เปลี่ยนเป็น o
    • ทวิพจน์ ให้ลงท้ายด้วย to
    • พหูพจน์ ให้ลงท้ายด้วย on
    • พหุภาคพจน์ ให้ลงท้ายด้วย lion
    ตัวอย่าง
    Vardo tellumar = Varda's domes
    Quenta Silmarillion = The story of the Silmarils
  5. การแสดงความเป็นเจ้าของ (Possessive)
    เป็นคำแสดงความเป็นเจ้าของ ต่างกับ genitive ตรงที่ possesive จะแสดงถึงการมีอยู่ หรือครอบครอง ของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ส่วน genitive จะแสดงถึง การเป็นของ หรือ มาจาก ซึ่งของสิ่งนั้นอาจไม่ได้อยู่กับ"เจ้าของ"ก็ได้
    • เอกพจน์ ถ้าลงท้ายด้วยสระ ให้ต่อด้วย va, ถ้าไม่ได้ลงท้ายด้วยสระ ให้ต่อด้วย wa
    • ทวิพจน์ ให้ลงท้ายด้วย twa
    • พหูพจน์ ให้ลงท้ายด้วย iva (และถ้าสระลงท้ายเป็น e ให้ตัดทิ้งด้วย)
    • พหุภาคพจน์ ให้ลงท้ายด้วย líva
    ตัวอย่าง
    Mindon Eldaliéva = Tower of the Eldalië
    róma Oroméva = Oromë's horn
  6. การบอกสถานที่ (Locative)
    เพื่อแสดงความหมายว่า อยู่ ณ/อยู่ที่/อยู่บน บางแห่ง
    • เอกพจน์ ถ้าลงท้ายด้วยสระ ให้ต่อด้วย ssë, ถ้าไม่ได้ลงท้ายด้วยสระ ให้ต่อด้วย essë
    • ทวิพจน์ ให้ลงท้ายด้วย tsë
    • พหูพจน์ ถ้าลงท้ายด้วยสระ ให้ต่อด้วย ssen, ถ้าไม่ได้ลงท้ายด้วยสระ ให้ต่อด้วย issen
    • พหุภาคพจน์ ให้ลงท้ายด้วย lissë หรือ lissen
    ตัวอย่าง
    Altáriello Nainië Lóriendessë = Galadriel's Lament in Lóriendë (Lórien)
    Vardo tellumar ... yassen tintilar i eleni = Varda's dome ... in which (where) the stars tremble
  7. การบ่งบอกปลายทาง (Allative)
    เพื่อแสดงความหมายว่า สู่/มายัง/ลงบน บางอย่าง
    • เอกพจน์ ถ้าลงท้ายด้วยสระ ให้ต่อด้วย nna, ถ้าไม่ได้ลงท้ายด้วยสระ ให้ต่อด้วย enna
    • ทวิพจน์ ให้ลงท้ายด้วย nta
    • พหูพจน์ ถ้าลงท้ายด้วยสระ ให้ต่อด้วย nnar, ถ้าไม่ได้ลงท้ายด้วยสระ ให้ต่อด้วย innar
    • พหุภาคพจน์ ให้ลงท้ายด้วย linna หรือ linnar
    ตัวอย่าง
    i falmalinnar = upon the foaming waves
    Endorenna utúlien = I have come to Middle-Earth
  8. การบ่งบอกต้นทาง (Ablative)
    เพื่อแสดงความหมายว่า จาก/ออกมาจาก บางอย่าง
    • เอกพจน์ ถ้าลงท้ายด้วยสระ ให้ต่อด้วย llo, ถ้าไม่ได้ลงท้ายด้วยสระ ให้ต่อด้วย ello
    • ทวิพจน์ ให้ลงท้ายด้วย lto
    • พหูพจน์ ถ้าลงท้ายด้วยสระ ให้ต่อด้วย llon หรือ llor, ถ้าไม่ได้ลงท้ายด้วยสระ ให้ต่อด้วย illon หรือ illor
    • พหุภาคพจน์ ให้ลงท้ายด้วย lillo หรือ lillon
    ตัวอย่าง
    Ondolindello = From Ondolindë (Gondolin)
    Et Eärello Endorenna utúlien = Out of the Greate Sea to Middle-Earth I am come
  9. การบ่งบอกผู้กระทำ (Instrumental)
    เพื่อแสดงความหมายว่า เป็นการกระทำโดยอะไรบางอย่างหรือใครบางคน
    • เอกพจน์ ถ้าลงท้ายด้วยสระ ให้ต่อด้วย nen, ถ้าไม่ได้ลงท้ายด้วยสระ ให้ต่อด้วย enen
    • ทวิพจน์ ให้ลงท้ายด้วย nten
    • พหูพจน์ ให้ลงท้ายด้วย inen
    • พหุภาคพจน์ ให้ลงท้ายด้วย línen
    ตัวอย่าง
    lantar lassi súrinen = Fall of the leaves in (by) the wind
    i carir quettar ómainen = Those who form words with voices
  10. ??? (Respective)
    โทลคีนได้เขียนถึงกรณีที่สิบนี้ไว้ แต่ไม่มีคำอธิบายว่าไว้ใช้ในสถานการณ์ใด ทั้งยังไม่เคยพบตัวอย่างการใช้งานด้วย จึงเป็นกรณีปริศนาอยู่
    • เอกพจน์ ลงท้ายด้วย s
    • ทวิพจน์ ลงท้ายด้วย tes
    • พหูพจน์ ลงท้ายด้วย is
    • พหุภาคพจน์ ลงท้ายด้วย lis

บุพบท (Preposition)
นอกจากการแปลงรูปเพื่อขยายความหมายของคำนามแล้ว ยังมีคำที่ใช้เป็นบุพบทต่างหากโดยเฉพาะ เช่น mi = within, imbe = between, tar, pella = beyond, ve = as, tere = through, tenna = until ฯลฯ


คำกริยา (Verb)

ศัพท์คำกริยาเบื้องต้น ที่เป็นรากศัพท์ในภาษาเอล์ฟ มักจะลงท้ายด้วยเสียงตัวสะกด ไม่มีสระต่อท้าย ศัพท์ประเภทนี้เรียกว่า Basic Stem (คำศัพท์ธรรมดา) ยังมีคำศัพท์อีกประเภทหนึ่ง ซึ่งแผลงมาจากรากศัพท์ดั้งเดิม เรียกว่า A-Stem (คำศัพท์ - อา) เป็นคำศัพท์ที่มักจะลงท้ายด้วยเสียง อา บางคำก็มีความหมายใกล้เคียงกับรากศัพท์เดิม แต่บางคำก็เปลี่ยนความหมายไปโดยสิ้นเชิง ในการแปลงรูปคำกริยานั้น ส่วนใหญ่จะต้องพิจารณาด้วยว่า คำศัพท์นั้นเป็นประเภท A-Stem หรือไม่ โดยมีกฎเกณฑ์การแปลงรูปดังจะได้อธิบายต่อไปนี้

การแปลงรูปตามจำนวน (Numbers Morphology)
เป็นการแปลงรูปตามจำนวนประธาน สำหรับในคำกริยานั้น จะสนใจแค่ว่าประธานเป็น เอกพจน์ หรือ พหูพจน์

การแปลงรูปตามกาล (Tense Morphology)
การแปลงรูปกรณีอื่น ๆ

คำคุณศัพท์ (Adjective)

คำคุณศัพท์ส่วนใหญ่ จะลงท้ายด้วย a หรือ ë โดยการนำคำคุณศัพท์ไปขยายคำนาม จะต้องคำนึงถึงจำนวนของคำนามเช่นกัน ดังนี้

การแปลงรูปตามจำนวน (Numbers Morphology)

ตัวอย่าง
vanya vendë = a beautiful maiden, vanyë vendi = beautiful maidens
carnë parma = a red book, carni parmar = red books
laurëa lassë = a golden leaf, laur lassi = golden leaves
firin casar = a dead dwarf, firini casari = dead dwarves

ขั้นเปรียบเทียบ (Comparative & Superlative)

ตัวอย่าง
vanya (สวย), anvanya (สวยที่สุด)
calima (สว่าง), ancalima (สว่างที่สุด)

กริยาคุณศัพท์ (Participle)
คือการนำคำกริยามาใช้เป็นคำคุณศัพท์ขยายคำนาม แบ่งออกตามผู้กระทำ หรือผู้ถูกกระทำดังนี้

คำกริยาคุณศัพท์นี้ ใช้วิธีแปลงตามรูปจำนวนแบบเดียวกับคำคุณศัพท์ปกติ ยกเว้น present participle ที่จะไม่แปลงรูปตามจำนวน
ตัวอย่าง
falasta = foam (สาดกระเซ็น), falastala = foaming (present pt), falastana = foamed (past pt)
car = make (ทำ), carla = making (present pt), carna = made (past pt)
sil = shine (ส่องแสง), sílala = shining (present pt), silda = shined (past pt)
rac = break (หัก), rácila = breaking (present pt), rácina = broken (past pt)
sílala (singular) => sílala (plural)
silda (singular) => sildë (plural)

กริยาวิเศษณ์ (Adverb)
การนำคำคุณศัพท์มาใช้ขยายคำกริยา สามารถทำได้โดย นำคำคุณศัพท์มาต่อท้ายด้วย ve


สรรพนาม (Pronoun)

สรรพนาม (Pronoun)
ภาษาเควนยา สามารถที่จะนำสรรพนามไปต่อท้ายคำกริยา เป็นส่วนหนึ่งของคำได้ โดยสามารถทำหน้าที่ได้ทั้ง ประธานและกรรมของกริยา โดยที่สรรพนามตัวแรกที่ต่อจากกริยา จะถือว่าเป็นประธาน และสรรพนามตัวที่สองที่ต่อจากกริยา จะถือว่าเป็นกรรม
คำสรรพนามบางคำที่มีความหมายเดียวกัน แต่มีการใช้คำหลายแบบนั้น ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่ามีกฏเกณฑ์อย่างไร แต่พอจะสันนิษฐานออกมาได้ดังนี้ ตัวอย่าง
lendë = went
lenden, lendenyë = I went
lendel, lendelyë = You went
lendentë = They went
utúvië = have found
utúvienyë = I have found
utúvienyes = I have found it

คำแสดงความเป็นเจ้าของ (Possessive)
การแปลงรูปคำนาม เพื่อแสดงผู้เป็นเจ้าของ

ตัวอย่าง
parma = book
parmanya = My book
parmalya = Your book
parmanta = Their book

สรรพนามอิสระ (Independent pronoun)
คือคำโดดที่ใช้สำหรับเป็นกรรมสรรพนามโดยเฉพาะ ไม่ใช่เป็นการแปลงรูปคำกริยา ได้แก่