(เวทีประชาชน 2000 : การพัฒนาต้องมาจากประชาชน” ณ ห้องแกรนด์ภูคำ โรงแรมเชียงใหม่ภูคำ จ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 3 - 5 พฤษภาคม 2543)

นักวิชาการญี่ปุ่นแฉโฉมหน้าเอดีบี มหาเอเชียบูรพา ภาคนายทุน

เชียงใหม่ – ศาสตราจารย์คาซูโอะ ซูมิ มหาวิทยาลัยนิคาตะ วิจารณ์ที่มาของเอดีบีว่า เกิดจากแรงผลักดันจากแนวคิดญี่ปุ่นในการสร้างมหาเอเชียบูรพา อันเป็นที่มาสงครามโลก พร้อมกับวิพากษ์แผนพัฒนาเอดีบีว่า รับใช้นักลงทุนญี่ปุ่นและตะวันตก สร้างความยากจนแก่ประชาชนประเทศลูกหนี้ และยังอ้างว่าช่วยเหลือคนจน

คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) ร่วมกับเครือข่ายประชาชนจัดเวทีวิพากษ์บทบาทธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) วันที่ 3 พฤษภาคม 2543 ที่โรงแรมเชียงใหม่ภูคำ จ.เชียงใหม่ โดยมีสุลักษณ์ ศิวรักษ์ และศาสตราจารย์คาซูโอะ ซูมิ มหาวิทยาลัยนิคาตะ แห่งญี่ปุ่น เป็นองค์ปาฐก

สุลักษณ์ ได้วิจารณ์ยุทธศาสตร์เอดีบีที่มุ่งอาศัยการเร่งรัดเจริญเติบโตเศรษฐกิจมาแก้ปัญหาความยากจน และสร้างประชาธิปไตย ว่าเป็นแนวทางที่ผิดพลาด เพราะการเร่งเติบโตจะยิ่งไปสนับสนุนความมั่งคั่งของกลุ่มทุน ขณะเดียวกันก็ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และเหยียบย่ำคนยากจน อีกทั้งการรวมศูนย์กลุ่มทุนยังขัดแย้งกับหลักการประชาธิปไตยโดยตรง

ขณะที่ศาสตราจารย์คาซูโอะ ซูมิ ได้กล่าวถึงเบื้องหลังที่มาของเอดีบีว่า เกิดจากแรงผลักดันของญี่ปุ่นภายใต้แนวคิดมหาเอเชียบูรพา ที่ต้องการผนวกเอเชีย โดยแนวคิดดังกล่าวเป็นที่มาที่ญี่ปุ่นรุกรานประเทศอาเซียนในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกล่าวว่า เอดีบีก็สืบทอดจากแนวคิดดังกล่าว แต่เป็นมิติเศรษฐกิจ เห็นได้ว่าเอดีบีจะเลือกให้เงินกู้สนับสนุนเฉพาะโครงการที่เอดีบีได้กำไร และปันผลกำไรให้แก่ประเทศผู้ถือหุ้นใหญ่ และผู้ซื้อพันธบัตร ซึ่งผลจากที่เอดีบีได้สนับสนุนแนวทางการพัฒนาประเทศเอเชีย ก็ปรากฏชัดไม่ว่าจะเป็นโครงการสามเหลี่ยมเศรษฐกิจมาเลย์ อินโดนีเซีย ไทย หรือโครงการพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง ซึ่งผู้ได้ประโยชน์แท้จริงคือกลุ่มนักลงทุนในประเทศญี่ปุ่น สหรัฐ และยุโรป ที่เข้ามาแสวงผลประโยชน์ในทุกรูปแบบ แต่ประชาชนเป็นผู้ได้รับผลกระทบ ทั้งการถูกอพยพโยกย้าย ทรัพยากรถูกทำลาย ประสบภาวะยากจน ซูมิได้กล่าวปิดท้ายว่า เอดีบีควรจะเลิกโฆษณาชวนเชื่อ เรื่อง “ลดทอนความยากจน” ได้แล้ว

นอกจากนี้ในเวทีอภิปรายเรื่อง “เอดีบีกับการเปิดเสรีภูมิภาคเอเชีย” Shalmali Guttal จาก Focus on the Global South และ Grainne Ryder จาก Probe International ได้วิจารณ์ถึงความไม่โปร่งใสของเอดีบีเอง ที่ขาดการมีส่วนร่วมและขาดการตรวจสอบจากประเทศสมาชิกและประชาชนในแต่ละประเทศ โดยวิจารณ์ว่าเอดีบีควรปฏิรูปองค์กรตนเองให้โปร่งใส และทำเพื่อประโยชน์แก่ประชาชนในเอเชียอย่างแท้จริง หากไม่สามารถกระทำได้ก็ควรจะยุบเอดีบีไปเสีย

อ.วรพล พรหมิกบุตร คณะสังคมวิทยาฯ ม.ธรรมศาสตร์ ก็ได้กล่าวถึงผลกระทบเอดีบีที่จะเกิดต่อประเทศไทยว่า เป็นการเข้ามาปรับโครงสร้างเพื่อยักย้ายถ่ายเททุนไปสนับสนุนเอกชน ดังเช่น การจะเก็บค่าคืนต้นทุนระบบชลประทานว่า ประชาชนได้จ่ายค่าน้ำมานานแล้ว จากการที่รัฐบาลได้ใช้ภาษีประชาชนไปสร้างระบบชลประทาน ดังนั้นการจะมาเก็บค่าน้ำเกษตรกร เพื่อให้รัฐลดค่าใช้จ่าย เพื่อนำทุนไปสนับสนุนภาคเอกชนมากกว่า

อนึ่ง เวทีวิพากษ์เอดีบี ของ กป.อพช. ระหว่างวันที่ 3-5 พฤษภาคม 2543 จัดขึ้นคู่ขนานกับเวทีประชุมสภาผู้ว่าการเอดีบี ที่จะจัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่เช่นกัน ในวันที่ 6-8 พฤษภาคมนี้

>>>ต่อช่วงบ่าย