ตั้งแต่วันที่ได้เจอเธอคนนั้น ผ่านมาก็ อาทิตย์กว่าๆแล้ว สงสัยผมคงไม่มีโอกาสได้เจอเธอคนนั้นเป็นครั้งที่สองแน่ๆเลย การเฝ้าร้านขายของ มันช่างน่าเบื่อเสียจริงๆ ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมจะนั่งอยู่หน้าร้านมองดูคนเดินผ่านไปผ่านมา เพียงเพราะหวังว่าอาจจะได้เจอเธอคนนั้นอีกสักครั้ง แต่ทุกๆอย่างก็ยังเป็นเหมือนเดิม คนงานเดินกันขวักไขว่ เสียงรถขายผลไม้ รับซื้อของเก่าดังหนวกหูเหมือนทุกๆวัน ยิ่งตอนเย็นๆเวลาที่โรงงานต่างๆเลิกงาน คนจะยิ่งเยอะกว่าช่วงไหนๆ ผู้คนมากมาย แต่ทำไมในใจผมกลับไม่มีใครเลย
ตอนนี้ผมตัดใจแล้ว เธอคงมาเยี่ยมญาติ หรือบังเอิญผ่านมาแถวนี้แค่นั้น เหมือนกับเวลาที่เราไปดูหนัง ขึ้นรถเมล์ หรือไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ แล้วเจอกับใครสักคนหนึ่งซึ่งรู้สึกถูกชะตา แต่ทำได้แค่เพียงสบตา หรือยิ้มให้ แล้วก็จากกันไป ไม่ได้สานความสัมพันธ์ซึ่งอาจจะงอกเงยได้มากกว่าที่เราคาดไว้ก็เป็นได้ ชีวิตที่ผ่านมา 27 ปีของผม ไม่เคยมีสักครั้งที่จะเรียกได้ว่ามี "แฟน" เพราะไม่เคยมีเป็นตัวเป็นตนกะเค้าสักที ทำไมหนอ คราวนี้ โชคชะตาจะไม่ใจดี ทำให้ผมได้พบกับคำว่า สมหวัง สักที
ผมมองนาฬิกา เข็มบอกเวลาบ่าย 2 โมงกว่าแล้ว ไม่มีลูกค้ามาตั้งแต่บ่ายโมงเพราะหมดเวลาพักของคนงาน ผมเลือกดู vcd ที่มีอยู่ ดูว่ามีเรื่องไหนน่าดูบ้าง แล้วก็ไปสดุดกับหนังเรื่องหนึ่ง "Serendipity" ที่เป็นหนังเกี่ยวกับคนที่เชื่อเรื่องฟ้าลิขิต หรือพวกบุพเพสันนิวาส เป็นหนังในแนวรักโรแมนติค นำแสดงโดย John Cusack และ Kate Beckinsdale ผมเลยหยิบมาฉายดู อย่างน้อยตัวเองไม่สมหวัง นั่งดูคนอื่นสมหวังก็ยังดี หนังฉายไปได้ประมาณ 10 นาที ก็มีเสียงลูกค้าเดินเข้ามา (แหม คุณคิดเหมือนผมเลย ต้องเป็นน้องคนนั้นแน่ๆ แต่ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรอก)
"อาว เป๊ะซี่ส่ายน้าแข 1 โถ" เด็กข้างบ้านที่เป็นชาวเขาเผ่าไหนก็ไม่รู้เดินมาซื้อเป๊บซี่ใส่น้ำแข็ง 1 ถุง ถ้าเป็นคนอื่นคงงงตายไปแล้วว่ามันพูดว่าอะไร แต่ผมฟังมา 6 - 7 ปีแล้วชักชิน จนไม่รู้ว่าจะติดมันไปด้วยหรือป่าว มีครั้งหนึ่งเพื่อนของเจ้าคนนี้มาซื้อของกับผม
"อาว น้าแขวใส่น้าแขว แต่ใส่น้าแขวก่อนค่อยใส่น้าแขว"
อยากจะบ้าตาย มันสั่งอะไรของมันฟะ กว่าจะสื่อสารกันรู้เรื่องก็เสียเวลาตั้งนาน สรุปคือ เค้าจะเอาน้ำเขียวใส่น้ำแข็งโดยให้ใส่น้ำแข็งก่อนค่อยใส่น้ำเขียว
กลับมาเข้าเรื่องดีกว่า พอขายเสร็จ ผมก็กลับมานั่งดูต่อจนหนังเกือบจบ โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ดูชื่อแล้วเป็นเพื่อนที่เรียน MBA ด้วยกันโทรเข้ามา ผมก็เลยปิดหนัง เพราะคิดว่าคงคุยนานแน่ๆ แล้วก็เดินไปคุยหน้าบ้านเพราะในบ้านผมไม่ค่อยมีสัญญานเท่าไหร่ เราคุยกันอยู่ประมาณ 20 นาที (คุยกะใครไม่บอก คุยเรื่องอะไรก็ไม่บอก) พอวางหูเสร็จผมก็มองเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงซึ่งมีความหมายกับผมมากที่สุด เธอกำลังเลือกซื้อแตงโมอยู่ที่รถขายผลไม้ เยือ้งๆกับบ้านของผม ท่าทางเธอ ดูก็รู้ว่าเป็นคนเลือกแตงโมเป็น หยิบขึ้นมาดีดๆดู เมื่อซื้อเสร็จเธอก็หันมามองผมแล้วยิ้มให้ จากนั้นก็เดินมาหาผม แล้วพูดขึ้นว่า
"ไปเอาจานกับมีดมา ผ่าแตงโมให้ม๊าหน่อย" (ผิดหวังกันอ่ะดิ)
ผมก็เดินไปหลังบ้านหยิบมีดกับจานมาผ่าแตงโมให้แม่กิน ผ่าเสร็จเราก็นั่งกินกัน 2 คน ผมมัวแต่กินเพลิน มีลูกค้าเข้ามาซื้อของแม่เลยลุกไปขายแทนบ้างบางครั้ง จนมาถึงคนหนึ่ง
"ขอซื้อน้ำแข็งยูนิต 1 ถุงค่ะ"
เสียงนี้คุ้นๆแฮะ ผมคิดพร้อมๆกับชะโงกหน้าไปดู ไม่น่าเชื่อเธอคนที่ผมรอมาเป็นอาทิตย์มาซื้อของแล้ว ผมแทบจะกระโดดออกมาขายแทนแม่ แต่กลัวประเจิดประเจ้อไปหน่อย เลยได้แต่แอบมองจากในบ้าน พอแม่ขายเสร็จ ผมก็ทำเป็นออกไปยืนหน้าบ้านเพื่อดูว่าเธอคนนั้นอยู่ที่ไหน แต่น่าเสียดายที่เธอเดินไปซอยข้างๆ ผมเลยไม่เห็นว่าเธออยูบ้านไหน แต่อย่างน้อยผมก็มีความหวังขึ้นมาบ้างแล้ว