EVE Burst Error
ภาค โคะจิโร่
วันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 19xx

ข้อมูลจากบรรณารักษ์สาวมะทสึโนะ


ผมเดินมาหยุดหน้าบ้านคุณโค เพราะเมื่อครู่ได้คุย
กับอะคะเนะแท้ ๆ เลย ผมจึงเกิดความคิดขึ้นว่า จะ
มาขอคัดลอกตัวข้อความภาษาอาหรับในสมุดฉีก
ไปด้วย เผื่อว่าคุณมะทสึโนะที่ห้องสมุดจะอ่านมัน
ได้บ้าง หรืออาจจะหาใครที่จะช่วยอ่านมันให้ก็ได้ที่
ห้องสมุด แต่แล้ว
"อ๊ะ! แก!"
"หวัดดี รถไฟโตไคโด"
"ผมชื่อนิไคโด" นายนิไคโดสวนมาทันที หมอนี่มา
ป้วนเปี้ยนอยู่หน้าบ้านคุณโคทำไมกันนะ มาตรวจ
สถานที่อีกหรือ ทั้งที่รับงานก่อนเราตั้งหนึ่งวัน น่า
จะตรวจสถานที่จนพอใจไปแล้วนี่นา
"มาหาคุณโคละสิ เสียใจด้วย คุณโคไม่อยู่" นายนิ
ไคโดพูดแค่นั้น แล้วก็เดินจากไป แต่ก่อนไปก็ไม่วาย
จะหันมาบอกว่า "แล้วคอยดูก็แล้วกันผอ. ต้องเห็นฝี
มือคราวนี้แหละ"
พูดแปลก ๆ อีกแล้วนายนี่ แต่เอ ถ้าคุณโคไม่อยู่ผม
ก็หมดธุระที่นี่แล้วสิ ก่อนเปลี่ยนทิศทางเดินไปทาง
โรงเรียนของคุณโค ก็อดไม่ได้ที่จะลองกดออดประตู
ดู ปรากฏว่าเจ้านิไคโดไม่ได้แกล้งโกหก คุณโคไม่
อยู่จริง ๆ ไม่มีใครตอบรับ
...
ผมเดินมาถึงหน้าโรงเรียน ซึ่งประตูเปิดอยู่ แต่ผมไม่
มีธุระที่จะเข้าไปหรอกครับ เป้าหมายของผมอยู่ที่
ประตูที่อยู่ลึกไปทางทางเดินด้านข้างต่างหาก
เพราะผมจะมาห้องสมุด
"เอ๊ะ!" ผมอุทานในใจ เมื่อมองเห็นรอยไถลบนพื้น
ถนน ใครมาเบรกรถยนต์แถวนี้นะ อืมห์ ท่าทางจะ
วิ่งมาด้วยความเร็วสูงเชียว ตรงมาที่บริเวณหน้า
ประตูโรงเรียน แล้วก็เบรคจนยางไหม้ รอยยังใหม่ ๆ
อยู่เลย แสดงว่าเหตุการณ์น่าจะเกิดขึ้นเมื่อวานนี้
เอง
'เมื่อคืนตอนเรามา ก็มองไม่เห็นรอยนี่ซะด้วย
เพราะมันมืด' ผมคิด แต่แล้วก็เห็นใครบางคนเดิน
เข้าไปในโรงเรียน หญิงสาวที่มีทรวงอกใหญ่คนเดิม
ที่ผมเจอสองครั้งเมื่อวานนี้นั่นเอง
'อ๊ะ! เจอคุณคนนี้บ่อยแฮะ เดินเข้าไปในโรงเรียน
แล้ว แสดงว่าเป็นคนในโรงเรียนนี้จริง ๆ ด้วย' ผม
ไม่ชอบเรียกใครจากรูปร่างลักษณะซะด้วยสิ โดย
เฉพาะคุณสุภาพสตรีคนนี้ ถ้าผมเจอเธอทุกครั้ง
และต้องบอกลักษณะเธอด้วยขนาดของหน้าอกละ
ก็ จะเป็นการเสียมารยาท เอาเป็นว่าต่อไปนี้ผม
เรียกเธอว่า คุณครูสาวก็แล้วกันนะ (สมมติว่าเธอ
เป็นครูไปก่อนละกัน)
โอ๊ะ! ไปดีกว่า ป่านนี้ห้องสมุดคงเปิดแล้วล่ะครับ
ตื่นเต้นเหมือนกัน จะได้เจอคุณมะทสึโนะ เอ๊ยไม่ใช่
ตื่นเต้นว่าจะได้ข้อมูลแบบไหนนะ ต่างหากครับ
แหะ ๆ (^^;;;
...
"สวัสดีครับ คุณมะทสึโนะ" ผมทักขึ้นทันที หลังจาก
เห็นหญิงสาวเดินออกจากด้านในของห้องสมุด
"สวัสดีค่ะคุณโคะจิโร่ ดิฉันกำลังรออยู่พอดีเลยค่ะ"
มะทสึโนะตอบแล้วผายมือไปทางด้านในของห้อง
สมุด "เชิญทางนี้เลยค่ะ ดิฉันเตรียมเอกสารไว้บ้าง
แล้วค่ะ คิดว่าคงมีข้อมูลที่คุณโคะจิโร่ต้องการอยู่
ค่ะ"
"ขอบคุณครับ" ผมเดินตามหญิงสาวไปยังห้องอ่าน
หนังสือทางด้านในของห้องสมุด เมื่อถึงแล้วคุณ
มะทสึโนะเรียกให้ผมนั่งรอก่อน ส่วนเธอจะไปหยิบ
เอาหนังสืออ้างอิงมาให้
ผมรออยู่อึดใจหนึ่ง เธอก็กลับมาพร้อมหนังสือ
ขนาดใหญ่และหนาจำนวนสามสี่เล่ม
"หนังสือเกี่ยวกับศิลปะภาพเขียนของอิสลามที่หลัก
ๆ ก็มีเท่านี้แหละค่ะ" คุณมะทสึโนะวางหนังสือกอง
ไว้บนโต๊ะ แล้วทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ ผม "ถ้าคุณโคะจิ
โร่บอกว่ามาหาข้อมูลเกี่ยวกับศิลปะอย่างอื่นละก็
ดิฉันก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้มากหรอกค่ะ เพราะมัน
มีมากมายไปหมด"
"เหรอครับ" ผมเออออไปตามเรื่อง แล้วส่งกระดาษ
ให้สาวแผ่นหนึ่ง "นี่ครับ เป็นชื่อของจิตรกรที่ผม
ต้องการหานะครับ"
"อืมห์ เจ เจ เอกเกอราเมอร์..." คุณมะทสึโนะรับไป
อ่าน แล้วเปิดสารบัญของหนังสืออ้างอิงที่เธอหยิบ
มาเล่มหนึ่งทันที "ปีที่เขียน 18xx..."
ค้นดูทุกเล่มที่เธอหยิบมา แล้วก็เงยหน้าขึ้นมาบอก
ผมว่า "เสียใจด้วยค่ะ ไม่มีข้อมูลของจิตรกรคนนี้อยู่
เลยค่ะ"
"เหรอครับ" ผมทำหน้าผิดหวัง "ถ้าหาในหนังสือทั้ง
หมดนี่ไม่เจอก็แปลว่า ไม่มีข้อมูลที่อื่นอีกแล้วใช่
ไหมครับ"
"ค่ะ ภาพเขียนที่เกี่ยวกับอิสลามมีจำนวนไม่มากค่ะ
เมื่อเทียบกับศิลปะแขนงอื่น ข้อมูลมีเท่านี้แหละค่ะ
แต่ว่า เอ... เดี๋ยวนะคะ" สาวมะทสึโนะทำหน้าตา
ครุ่นคิด "ดิฉันไม่แน่ใจค่ะ ว่าเคยเจอชื่อนี้ที่ไหนมา
ก่อน เจ เจ เอกเกอราเมอร์...(นิ่งไปพักหนึ่ง) โอ! นึก
ออกแล้วค่ะ ดิฉันไม่น่าลืมเลย..."
คุณมะทสึโนะพูดเองเออเอง แล้วก็ลุกขึ้น บอกผม
ว่า "รอสักครู่นะคะ" แล้วเดินหายไปจากห้องทิ้งให้
ผมรอด้วยใจที่เต้นตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ ว่าวันนี้จะมาคว้า
น้ำเหลวหรือเปล่าหนอ ที่จริงก็ฟังจากนายเกล็น
แล้วว่า งานศิลปะชิ้นนี้ไม่มีราคาค่างวดนัก แสดงว่า
ไม่ใช่งานมีชื่อเสียง แต่นี่ไม่มีชื่อเสียงขนาดที่ว่าไม่มี
แม้แต่ชื่อปรากฏในหนังสือทำเนียบงานภาพเขียน
ของอิสลามเนี่ยนะ.... ผ่านไปพักหนึ่งสาวเจ้าก็เดิน
กลับมาพร้อมด้วยหนังสืออีกสองเล่ม
"เดี๋ยวนะคะ" ทรุดตัวลงนั่งที่เดิม แล้วก็เปิดหนังสือ
เล่มหนึ่งที่หยิบมาด้วยทันที สักอึดใจหนึ่งก็เงยหน้า
มาทางผม พร้อมกับรอยยิ้ม "เจอแล้วค่ะ ที่แท้ก็เป็น
พวกทางนี้จริง ๆ ด้วย"
"พวกทางนี้?" ผมทวนคำ จับต้นชนปลายไม่ถูก
"ค่ะ อันนี้เป็นเอกสารเกี่ยวกับปรัชญาสมัยใหม่ที่
ดิฉันเพิ่งค้นคว้าไปเมื่ออาทิตย์ก่อนเองค่ะ คือ ดิฉัน
รับผิดชอบสอนวิชาปรัชญาสมัยใหม่ ที่โรงเรียนนี้
ด้วยค่ะ อาทิตย์ละครั้ง" คุณมะทสึโนะพูดอาย ๆ
อืมห์ สาวคนนี้เก่งเกินตัวแฮะ เป็นผู้ช่วย
บรรณารักษ์ห้องสมุดแล้ว ยังเป็นครูสอนในโรงเรียน
อีก ผมคิดอย่างนั้นแล้วก็เลยชมออกไปตรง ๆ ซึ่ง
สาวเจ้าก็ตอบกลับมาว่า
"อุ๊ย! ไม่ใช่หรอกค่ะ ดิฉันสอนในฐานะอาจารย์
พิเศษ และก็ควบกับการเป็นนิสิตฝึกงานต่างหาก
ค่ะ คือดิฉันเรียนปริญญาโท อักษรศาสตร์ สาขา
ปรัชญาสมัยใหม่อยู่พอดีค่ะ ที่จริง มาทำงานพิเศษ
ที่โรงเรียนนี้ก็ว่าจะทำงานห้องสมุดนี่อย่างเดียว แต่
ทางโรงเรียนเห็นว่าดิฉันเอกด้านนี้ก็ขอให้ช่วย
บรรยายพิเศษในเรื่องนี้ ก็เท่านั้นเองแหละค่ะ"
"โอ้โฮ! งั้นก็ยิ่งเก่งใหญ่สิครับ ยังเป็นนักศึกษาอยู่
หรือครับเนี่ย" ผมทึ่งในตัวเธอขึ้นไปอีก
"เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ" คุณมะทสึโนะรีบตัด
บท คงไม่คุ้นเคยกับการให้ใครมาชมหรือยกยอตัว
เอง แต่ผมชื่นชมในความสามารถของเธอด้วยใจ
จริงเลยนะครับเนี่ย "หนังสือนี้เกี่ยวกับปรัชญาสมัย
ใหม่ อย่างที่ดิฉันได้บอกคุณโคะจิโร่ไปแล้วนะคะ
แต่ว่า นาย เจ เจ เอกเกอราเมอร์นี่ไม่เกี่ยวกับทาง
ด้านปรัชญาเลยค่ะ แกดังทางด้านไสยศาสตร์มาก
กว่า"
"ไสยศาสตร์? " ผมทวนคำอีก มะทสึโนะ ปิดหนังสือ
เล่มแรก แล้วเปิดเล่มที่สองซึ่งผมสังเกตเห็นว่าเป็น
ภาษาอาหรับ นี่แสดงว่าคุณมะทสึโนะอ่านภาษา
อาหรับได้จริง ๆ ด้วย ผมรู้สึกเสียดายจริง ๆ ที่ไม่ได้
ข้อความอาหรับนั้นมาให้เธอช่วยอ่านด้วย
"ค่ะ เมื่อกี้ดิฉันแค่เช็คให้แน่ใจเท่านั้นเองค่ะ ว่านาย
เจ เจ เอกเกอราเมอร์นี่ใช่คนที่ดังด้านไสยศาสตร์รึ
เปล่า" สาวอธิบาย อืมห์ ก็ถูกของเธอ เพราะเล่ม
แรกเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งยังอ่านง่าย เธอคงไม่
อยากที่จะพยายามอ่านภาษาอาหรับถ้ายังไม่แน่ใจ
ว่ามีข้อมูลที่เราต้องการอยู่จริง
"เล่มนี้เป็นหนังสือทำเนียบผลงานศิลปะที่มีชื่อเสียง
ด้านไสยศาสตร์หรือพวกคำสาปแช่งอะไรพวกนั้น
น่ะค่ะ" สาวอธิบายต่อ ผมฟังแล้วขนลุก
"ไสยศาสตร์... คำสาป หรือครับ"
"ค่ะ ยกตัวอย่างที่ทุกคนรู้จักดีนะคะ ก็อย่างเช่น ปิ
รามิดของอียิปต์ไงล่ะคะ สุสานของฟาโรห์ตุตันคา
เมน ก็มีคำสาปแช่งไว้ แล้วปรากฏว่าคนที่ไปขุดรื้อ
ปิรามิดของพระองค์ก็ประสบความเป็นไปอย่างลึก
ลับ ตรงตามคำสาปนั้นจริง ๆ"
"ครับ" ผมตอบรับคำ เรื่องนี้เป็นเรื่องแปลกแต่จริงที่
ชาวโลกรู้จักกันดี
"งานศิลปะในที่ปรากฏชื่อในเล่มนี้ก็เป็นทำนองนั้น
แหละค่ะ" มะทสึโนะพูดอีก พลางใช้นิ้วชี้ไล่ไปตาม
ตัวหนังสือภาษาอาหรับบนหน้ากระดาษ "โอ เจอ
แล้วค่ะ คงเป็นคนนี้แหละค่ะ เจเจ เอกเกอราเมอร์
เกิดเมื่อ..." มะทสึโนะ แปลข้อความให้ผมคร่าว ๆ ก็
เป็นประวัติสังเขปของจิตรกรคนนี้แหละครับ ตอน
ต้นก็ไม่ตื่นเต้นเท่าไร แต่ปรากฏว่าตอนท้ายก็คือ
"ผลงานในระยะหลังซึ่งเป็นบั้นปลายชีวิตของเขา
มักจะจารึกข้อความเป็นโคลงเอาไว้ด้วยทุกผลงาน
ผลงานที่ดังมากที่สุดเป็นงานชิ้นสุดท้ายของเขาซึ่ง
รับทำให้กับพระราชสำนักแห่งประเทศเอลเดีย ภาพ
วาดชิ้นนี้มีโคลงจารึกกำกับไว้ว่า "สูเจ้าผู้ใด บังอาจ
แตะต้องของศักดิ์สิทธิ์นี้ สูจักถูกทำลายล้างด้วย
ศาสตราวุธอันคมกริบ แลวิญญาณของสูเจ้าจัก
ต้องโทษในนรกโลกันตร์มิได้ผุดได้เกิด" แต่เหตุที่ทำ
ให้งานชิ้นนี้โด่งดังที่สุดคือ เมื่อเขาสร้างสรรค์งาน
ชิ้นนี้เสร็จแล้ว เขาก็ทำอัตวิบัติกรรมโดยใช้มีดปาด
คอหอยตัวเอง สิ้นใจตาย และตั้งแต่นั้นมา ก็มีเรื่อง
เล่ากันว่า ผู้ที่ครอบครองรูปวาดรูปนี้จะต้องพบกับ
ความตายและความพินาศ ไปทุกราย"
คุณมะทสึโนะเงยหน้าที่ซีดเผือดขึ้นมามองผม ซึ่งก็
เหม่อมองข้อความบนหน้ากระดาษนั้นอยู่ทั้งที่อ่าน
ไม่รู้เรื่อง สาวกล่าวเสริมต่อมาว่า "เกี่ยวกับนายเจเจ
เอกเกอราเมอร์ก็มีเท่านี้แหละค่ะ ไม่ทราบว่าเป็น
ประโยชน์ต่อคุณโคะจิโร่รึเปล่าคะ?"
"อืมห์... คำสาปแช่งหรือครับ" ผมเงยหน้าขึ้นสบตา
กับมะทสึโนะ ยิ้มให้อย่างปลอบใจเมื่อเห็นว่าสีหน้า
อีกฝ่ายไม่สู้ดี "ขอโทษครับ คุณมะทสึโนะ ผมไม่คิด
ว่าเรื่องจะออกมาเป็นอย่างนี้ ทำคุณกลัวไปเลย
ครับเนี่ย ผมขอโทษด้วยจริง ๆ ครับ"
"ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันไม่ใคร่เชื่อเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว
เพียงแต่ดิฉันตกใจเท่านั้นเอง ที่มีเรื่องอย่างนี้ในโลก
สมัยใหม่ของเราด้วย"
"นั่นสิครับ อืมห์ ฆ่าตัวตาย เพื่อให้คำสาปแช่งที่ติด
กับผลงานของตัวเองขลังขึ้น.... อย่างนั้นหรือ?" ผม
พูดกับตัวเอง แต่คุณมะทสึโนะได้ยินด้วย
"คุณโคะจิโร่คิดว่าที่เขาฆ่าตัวตายนี่เพื่อที่จะ...
เอ้อ... เป็นการทำให้คำสาปของเขาขลังขึ้นหรือ
คะ?"
"ผมเดาเองน่ะครับ อย่างน้อย คำสาปนั้นก็เป็นจริง
ขึ้นมาแล้วหนึ่งรายไงล่ะครับ คือกับตัวเจ้าของผล
งานเอง เออ! ขอโทษนะครับ วานช่วยทวนตรงโคลง
บทนั้นหน่อยได้ไหมครับ ผมอยากจะจดไว้ก่อนน่ะ
ครับ"
ผมควักปากกากับสมุดโน้ตเล่มเล็กขึ้นมาทันที คุณ
มะทสึโนะก้มลงไปอ่านตรงส่วนโคลงที่เป็นคำสาป
นั้นอีกครั้งหนึ่ง
"สูเจ้าผู้ใด บังอาจแตะต้องของศักดิ์สิทธิ์นี้ สูจักถูก
ทำลายล้างด้วยศาสตราวุธอันคมกริบ แลวิญญาณ
ของสูเจ้าจักต้องโทษในนรกโลกันตร์มิได้ผุดได้เกิด"
"อืมห์..." จดเสร็จแล้วผมก็ทำท่าจะเก็บปากกาและ
สมุด
"โอ... มีรูปผลงานของเขาอยู่ด้วยนี่คะ อยู่อีกหน้า
หนึ่ง นี่ไงล่ะ" คุณมะทสึโนะโวยวายขึ้น เรียกให้ผมดู
อย่างตื่นเต้น ผมชะโงกหน้าไปดูอย่างสนใจทันที
อีกหน้าหนึ่งของหนังสือเล่มนั้น มีภาพถ่ายผลงาน
ศิลปะอยู่ และที่มะทสึโนะชี้ให้ดูปรากฏว่า...
"โอ๊ะ! เดี๋ยวนะครับ" ผมควักเอาภาพถ่ายที่คุณโคให้
มาขึ้นมาเทียบทันที
"โอ๊ะ!" คราวนี้ผมกับคุณมะทสึโนะอุทานพร้อมกัน "
เหมือนกันเลย"
"ค่ะ แสดงว่า ภาพที่คุณโคะจิโร่ต้องการข้อมูลก็คือ
ภาพสุดท้ายในชีวิตของนายคนนี้นั่นเองแหละค่ะ"
มะทสึโนะก้มหน้าลงไป อ่านข้อความบรรยายใต้
ภาพ ซึ่งก็เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับขนาดของภาพ ปี
ที่เขียนเสร็จ ความหมาย ซึ่งก็ไม่ใช่สิ่งที่ผมให้ความ
สนใจนัก แต่แปลกที่ประวัติเกี่ยวกับคำสาปแช่งที่
ติดมากับภาพนั้น กลับไม่ปรากฏในข้อความ
บรรยายภาพนี้ กลับมีเฉพาะในบทที่เป็นประวัติ
ศิลปินเท่านั้น ข้อความบรรยายภาพคงมีเฉพาะการ
วิจารณ์คุณค่าเชิงศิลปะเสียมากกว่า
"คำสาปแช่งหรือ?..." ผมคิด คุณโคจะรู้ไหมหนอว่า
รูปภาพที่เขาต้องการหานี้มีคำสาปแช่งติดตัวอยู่
ด้วย
...
"ขอบคุณคุณมะทสึโนะมากเลยครับ ผมได้ความรู้
ขึ้นมาอีกเยอะเลยครับ แล้วก็ได้ข้อมูลที่ผมต้องการ
ครบแล้วด้วย" ประโยคหลังไม่จริงเท่าไร แต่ก็ขอพูด
ไว้ก่อนละครับ ก็เขาอุตส่าห์ตั้งใจช่วยเหลือเราเต็มที่
เลยนี่ครับ ตั้งแต่เตรียมหนังสือไว้รอก่อนที่เรายังไม่
มาแล้ว บอกตามตรงว่าผมประทับใจในอัธยาศัย
เธอมากทีเดียว
"ไม่เป็นไรค่ะ คุณโคะจิโร่ เป็นหน้าที่ของดิฉันอยู่
แล้ว" คุณมะทสึโนะตอบ หน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
คงภูมิใจที่ทำงานได้สำเร็จและช่วยให้ข้อมูลแก่ผม
ได้จนผมแสดงท่าทีพอใจ "ดิฉันเองก็ดีใจค่ะ ที่มีคน
ที่สนใจงานศิลปะมา นาน ๆ จะมีคนมาถามเรื่อง
พวกนี้สักทีน่ะค่ะ ดิฉันเลยได้ปัดฝุ่นเอาความรู้ที่เคย
เรียนมา มาใช้ด้วย"
"ครับ ไว้คราวหน้า ถ้ายังไง ผมจะมารบกวนด้วย
งานศิลปะจริง ๆ ที่มีคุณค่าทางศิลปะนะครับ แบบ
วันนี้นี่ ผมก็เห็นจะพอกันสักทีเหมือนกันครับ แฮะ ๆ
"ยังนึกสยองในประวัติของนายจิตรกรชื่อเรียกยาก
คนนี้อยู่ไม่หาย
"ด้วยความยินดีค่ะ" สาวตอบ "ถ้าว่างมาถกปรัชญา
สมัยใหม่กับดิฉันก็ได้นะคะ"
"ฮะ ๆ ม่ายละครับ" ผมตอบ จะให้ผมเอามะพร้าว
ห้าวมาขายสวนหรือไงครับ แต่แล้วผมก็นึกขึ้นได้
กล่าวถามเธอขึ้นมาอีกว่า "เอ่อ! ท่านผู้อำนวยการ
โรงเรียนอยู่หรือเปล่าครับ ถ้าอยู่ผมจะได้ไปพบแก
สักหน่อย"
"เอ๊ะ คุณโคหรือคะ?" มะทสึโนะทำหน้าฉงนเล็ก
น้อย "คุณโคท่านไปต่างประเทศอยู่นี่คะ ยังไม่กลับ
มาเลยค่ะ"
"อ้าว! เหรอครับ เอ๊ะ! ก็ผมเพิ่งพบแกไปเมื่อวานนี้
เองนี่ครับ ที่บ้านของแกเลยน่ะครับ"
"เอ! ไม่น่าเป็นไปได้นะคะ เพราะดิฉันยังไม่เห็นคุณ
โคเข้ามาทำงานที่โรงเรียนเลยค่ะ คุณโคนี่เป็นคนที่
เจ้าระเบียบมากนะคะ แล้วก็เป็นคนขยัน เอาใจใส่
กับงานด้วย ถ้าท่านกลับมา ไม่ว่ายังไงก็ต้องมาที่
โรงเรียนแน่ ๆ เลยค่ะ"
ผมงง ก็ผมเจอกับคุณโคที่บ้านของแกจริง ๆ นี่นา
แถมเจ้าตัวบอกว่ากลับมาตั้งแต่เมื่อวานซืน ไม่สิ
เมื่อสามวันก่อนแล้วด้วย แต่นี่กลับยังไม่ได้เข้ามาที่
ที่ทำงานเลย? หมายความว่าอะไรนี่?
'คงยุ่งเรื่องหารูปภาพนั่นอยู่มั้ง เลยไม่มีกะจิตกะใจ
มาทำงาน' ผมนึกหาเหตุผลไปตามเรื่อง แต่เอ เอา
อีกแล้ว นายโคนี่มีอะไรที่ทำให้ชวนสงสัยอีกแล้วสิ
เนี่ย "เหรอครับ คุณมะทสึโนะ ท่าทางนับถือแกมาก
เลยนะครับนี่"
"ค่ะ ที่จริงแล้วดิฉันมีโอกาสพบท่านผู้อำนวยการแค่
ครั้งเดียวเองค่ะ ตอนที่สอบสัมภาษณ์มาทำงานที่นี่
แต่ดูก็รู้ค่ะ ท่านเป็นคนดี ฝักใฝ่กับงาน แล้วก็มี
อัธยาศัยดีค่ะ คุณโคะจิโร่ก็รู้จักกับท่านหรือคะ?"
"ก็รู้จักกันน่ะครับ แต่ไม่สนิทมาก" ผมตอบไปตาม
เรื่อง ก็ไม่ได้โกหกนะ ผมรู้จักคุณโคจริง ๆ นี่นา "
แล้วแกทิ้งงานไปต่างประเทศนี่ ทางโรงเรียนไม่เป็น
ไรหรือครับ ผอ.ไม่อยู่อย่างนี้ ไหนคุณมะทสึโนะ
บอกว่าแกเป็นคนจริงจังกับงานไงครับ ทำไมทิ้งงาน
ไปนาน ๆ แบบนี้ล่ะครับ"
"ท่านมีธุระด่วนที่เอลเดียค่ะ แล้วทางนี้ก็...มีคณะผู้
บริหารดูแลอยู่บ้างน่ะค่ะ แต่นี่ก็ได้ยินมาว่า มีงานที่
คั่งค้างรอท่านกลับมาเซ็นอยู่เยอะเหมือนกัน"
อืมห์ ได้ความรู้ใหม่มาแบบไม่คาดคิดอีกแล้วแฮะ
เกี่ยวกับตัวคุณโคนี่
"โรงเรียนนี่เป็นของเอลเดียใช่ไหมครับ ไม่ใช่ของ
กระทรวงศึกษาฯ"
"ค่ะ โรงเรียนนักเรียนต่างชาติเอลเดียแห่งนี้นะคะ
ชื่อก็บอกอยู่แล้วค่ะ ว่าเป็นของเอลเดีย จัดดำเนิน
การโดยสถานเอกอัครราชทูตเอลเดียประจำญี่ปุ่น
เรามีหลักสูตรของเราเองค่ะ และไม่ขึ้นกับกระทรวง
ศึกษาธิการของญี่ปุ่น"
"เป็นแดนต้องห้ามเลยสิครับเนี่ย อย่างนี้คนนอกก็
เข้าไปไม่ได้เลยสิครับ" ผมว่าไปตามเรื่อง "แต่ห้อง
สมุดนี่เปิดให้คนทั่วไปเข้าใช้บริการได้นี่ต้อง
ขอบคุณทางโรงเรียนแล้วก็ทางเอลเดียมาก ๆ เลย
นะครับนี่"
"แหม! ก็ไม่เชิงปิดหรอกค่ะคุณโคะจิโร่" สาวตอบ
เสียงกลั้วหัวเราะ "ภายในโรงเรียนเองยังถือเป็นดิน
แดนของญี่ปุ่นอยู่ค่ะ ไม่ถึงกับเป็นสถานทูตที่
กฎหมายญี่ปุ่นไม่มีผลบังคับใช้อะไรทำนองนั้น
หรอกค่ะ"
หยุดไปนิดหนึ่ง "อ้อ! ในตัวโรงเรียนก็มีสถานที่ที่เปิด
ให้คนทั่วไปเข้าได้ด้วยนะคะ นอกจากที่ห้องสมุด
แห่งนี้"
"เอ๊ะ! เหรอครับ"
"สระว่ายน้ำค่ะ เป็นสระว่ายน้ำที่ยอดเยี่ยมมากเลย
ค่ะ ดิฉันเลยไปดูมาแล้วทีหนึ่ง แต่ยังไม่ว่างไปใช้
บริการสักที เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อน ก็ไม่เขิงเปิดให้คนภาย
นอกเข้าไปใช้นะคะ เพียงแต่ว่าต้องมีคนของทางโรง
เรียนรับรองให้เท่านั้น อืมห์..."
พูดแล้ว คุณมะทสึโนะก็หันไปทำอะไรกุกกักที่เคาน
เตอร์ อ้อ! ลืมบอกไป ตอนนี้ผมกับคุณมะทสึโนะ
ย้ายมาคุยกันอยู่ตรงบริเวณเคาน์เตอร์น่ะครับหลัง
จากที่ค้นข้อมูลจนเป็นที่พอใจแล้ว
"อะ... นี่ค่ะคุณโคะจิโร่ ถ้าไม่รังเกียจรับไว้สักสองใบ
สิคะ" คุณมะทสึโนะยื่นบัตรให้ผมสองใบ "เป็นบัตร
เข้าใช้บริการสระว่ายน้ำสำหรับคนภายนอกนะคะ
บอกยามเขาว่า ดิฉันมะทสึโนะ เจ้าหน้าที่ห้องสมุด
เป็นคนออกบัตร"
"เอ! จะดีหรือครับ คุณมะทสึโนะมาออกบัตรให้คน
ที่ไม่รู้จักกันอย่างนี้" ผมอึกอัก คุณคนนี้เป็นคนดีจริง
ๆ นะเนี่ย ฮึ่ม! ถ้าไม่ติดว่าผมเห็นแหวนที่นิ้วนาง
ซ้ายซึ่งแสดงว่าเธอมีคู่หมั้นแล้วละก็ เห็นทีต้องลอง
จีบดูสักยก
"ดิฉันเชื่อใจคุณค่ะ" คุณมะทสึโนะตอบ "แล้วอีก
อย่าง เป็นการสร้างภาพพจน์ ช่วยประชาสัมพันธ์
ให้โรงเรียนเราด้วยไงล่ะคะ คุณโคะจิโร่ถ้ามีโอกาสก็
ช่วยประชาสัมพันธ์โรงเรียนของเราด้วยนะคะ ว่า
เราไม่ใช่สถานที่ปิดอย่างที่คนทั่วไปมักจะคิดกัน"
"ครับ! แน่นอนครับ" ผมรับบัตรสระว่ายน้ำมา "
ขอบพระคุณมากเลยครับ คุณมะทสึโนะ ช่วยผมทุก
อย่างตั้งแต่หาข้อมูล แล้วยังให้บัตรสระว่ายน้ำนี่มา
อีก"
"ด้วยความยินดีค่ะ" มะทสึโนะตอบ "โอกาสหน้า
เชิญมาใช้ห้องสมุดเราใหม่นะคะ"
...
ผมลาคุณมะทสึโนะแล้วเดินออกจากห้องสมุด จน
มาถึงหน้าโรงเรียน
"อ๊ะ! นายคนโรคจิต" เสียงไม่เป็นมิตรของเด็กนัก
เรียนหญิงคนหนึ่งดังขึ้น
"โอ๊ะโอ่! นึกว่าใคร น้องคนนี้เอง" นักเรียนหญิงที่ผม
เจอตอนที่มาที่โรงเรียนนี้เมื่อตอนค่ำวานนี้นั่นเอง "
บอกแล้วไงว่าผมไม่ใช่คนร้ายนะ"
"กลางวันแสก ๆ มาทำอะไร" เด็กสาวถาม หน้าบึ้ง
มองอย่างไม่ไว้ใจ
"มาห้องสมุดไง ก็เมื่อคืนมาเขาปิดพอดี วันนี้เลยมา
ใหม่ นี่จะกลับแล้วเนี่ย"
"ฮึ! อย่าเปิดไต๋ออกมาให้เห็นละกัน ฉันไม่ปล่อยคุณ
แน่" เด็กสาวพูดทิ้งท้ายแล้วก็หันเดินเข้าโรงเรียนไป
'เด็กอะไร มองโลกในแง่ร้ายเรื่อยเลย ทำเอาเราเสีย
ความมั่นใจในตัวเองหมด' จะว่าไป เด็กคนนี้ไม่มี
เรียนรึไง มาโผล่แถวหน้าโรงเรียนในเวลาเรียนอย่าง
นี้ได้ไง เอ ช่างเถอะ ผมไปทำงานของผมดีกว่า
...

back index next