EVE Burst Error
ภาค โคะจิโร่
วันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 19xx

ข้อเสนอ


ผมเดินกลับมาที่โกดังท่าเรือ พร้อมพกความสงสัย
มาด้วยว่า พรินไปข้องแวะกับบ้านนายโคทำไม ก็
พบว่ามีใครมายืนด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ที่หน้าสำนัก
งานของผมอยู่ก่อนหน้าแล้ว
'เอ๊ะ ใคร ลูกค้ารายใหม่หรือ อ๊ะ...หุ่นอย่างนี้' พอ
ผมเห็นถนัดว่าผู้มาเป็นใคร ก็ตัวเกร็งไปนิดหนึ่ง
"นี่คุณ" ฝ่ายนั้นถามขึ้น ตาคมกริบมองผมไม่กระ
พริบเหมือนจะจับโกหก
เธอผู้นี้ก็คือ คุณครูสาวซิเรียที่ลึกลับคนนั้นนั่นเอง
ผมทำใจดีสู้เสือ ถามกลับว่า
"มีอะไรให้รับใช้หรือครับ"
"เปล่า ดิฉันกำลังหาคนคนหนึ่งอยู่ค่ะ มีคนบอกว่า
เห็นแกอยู่แถวนี้" ผมสะดุดใจกับคำว่า 'แก' ทันที
"คุณเห็นบ้างรึเปล่าคะ? เป็นเด็กผู้หญิงค่ะ ตัวสูง
ประมาณแค่นี้ (ยกมือประกอบ ซึ่งก็คือระดับไหล่
ของผม หรือระดับสายตาของเธอนั่นเอง) ผมสีทอง
ผิวสีคล้ำ ๆ หน่อยน่ะค่ะ และที่สำคัญ..."
ผมตัวแข็ง มองคุณครูซิเรียตาไม่กระพริบบ้าง ฝ่าย
นั้นมองผมกลับแล้วพูดต่อ
"ตาข้างหนึ่งสีฟ้า อีกข้างหนึ่งสีทองค่ะ"
"มะ...ไม่เห็นนี่ครับ เด็กต่างชาติหรือครับ แหะ แหะ"
ผมตอบปฏิเสธทันที 'อะไร' บางอย่างในตัวสาวคน
นี้ ทำให้ผมรู้สึกไม่ไว้ใจหล่อนขึ้นมาคนคนนี้มาดี
หรือมาร้ายกับพรินกันแน่นะ
"ตาสองข้างสองสีด้วย ผมเห็นทีเดียวต้องจำได้อยู่
แล้วแหละครับ คุณจะหาแกไปทำไมหรือครับ"
"..." สาวที่ชื่อซิเรียไม่ตอบแต่แล้วก็พูดขึ้น "อืมห์ ถ้า
คุณไม่เคยเห็นแก ก็แล้วไปค่ะ ดิฉันคงฟังมาผิด"
ว่าแล้วก็เดินจ้ำจากไป ผมมองตามจนเธอเดินเลี้ยว
ลับตาไป
เมื่อแน่ใจว่าเธอจากไปแล้ว ก็เอื้อมมือไปเปิดประตู
เดินเข้าสำนักงานอย่างรีบเร่งพลางส่งเสียงเรียก
"พริน พริน อยู่ไหม"
เงียบ ไม่มีเสียงตอบ ยังไม่กลับมั้ง ผมร้อนใจขึ้นมา
ทันที พรินเอ๋ย มีคนเขามาหาตัวแน่ะ เป็นพวกไหนก็
ไม่รู้ ผมได้แต่ภาวนาให้ไม่ใช่พวกที่มาร้ายก็แล้วกัน
หันรีหันขวางแล้วผมก็ออกไปนอกสำนักงานอีกที
เป้าหมายคราวนี้คือ โรงเรียนนักเรียนต่างชาติเอล
เดีย
...
ปรากฏว่าไปด้อม ๆ มอง ๆ ที่หน้าโรงเรียนได้พัก
หนึ่ง ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จะเดินเข้าไปในตัวโรงเรียนก็
ไม่ได้ และพวกนักข่าวก็ยังคงปักหลักกันอยู่อย่าง
เหนียวแน่น ผมคิดจะเข้าไปที่ห้องสมุดเพื่อลองถาม
คุณมะทสึโนะเกี่ยวกับครูที่ชื่อ ซิเรียคนนี้สักหน่อย
แต่ก็ขี้เกียจเดินผ่านกลุ่มนักข่าวพวกนี้ นึกไปนึกมา
ก็เดินต่อไปยังสถานทูตเอลเดีย เพราะจำได้ว่าเคย
เห็นคุณครูสาวซีเรียเดินเข้าไปในสถานทูต
...
"อ๊ะ นายนักสืบ มาทำอะไรแถวนี้" เสียงของผู้หญิง
ในชุดนักเรียนคนหนึ่ง ทักผมขึ้นทันทีที่ผมโผล่เข้า
ไปยืนลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่หน้าสถานทูต ยัยฮิมุโระนั่นเอง
ครับ และผมรู้แล้วด้วยตอนนี้ว่า เธอไม่ใช่เด็กนัก
เรียนเพราะฉะนั้น ก็ไม่ใช่เด็กสาวด้วย แต่ให้ตาย
เถอะ หน้าอ่อนเหลือเกิน ผมหลงเชื่อเสียสนิทว่าเธอ
เป็นเด็กนักเรียนจริง ๆ
"อ้าว หวัดดีคุณตำ..อ้า...คุณฮิมุโระ" ผมทัก เกือบ
จะหลุดคำว่า 'ตำรวจ' ออกไปแล้วแต่สาวเจ้า
ถลึงตาห้ามมาเสียก่อน "คุณนั่นแหละครับ มาทำ
อะไรแถวนี้ เดี๋ยวคนเขาก็สงสัยหรอกว่าทำไมเด็ก
นักเรียนมาอยู่แถวนี้ นี่เวลาเรียนไม่ใช่เหรอครับ"
"ฮึ ไม่ต้องมาสู่รู้หรอกคุณ" ฮิมุโระตอบ มองผมอย่าง
เคร่งคิด "มาสืบเรื่องเกี่ยวกับคดีเมื่อคืนสิท่า?"
"ที่สถานทูตเนี่ยนะ?" ผมแกล้งไก๋ ที่จริงก็มีส่วนถูก
เพราะคำว่า 'มิโด' และ 'นิไคโด' มาโยงมาเกี่ยวกับ
สถานทูตนี้ "ผมมาเดินเล่นตะหากละ"
"มาให้เขาเรียกตำรวจจับสิไม่ว่า" ฮิมุโระตอบ พลาง
ปรายตาไปทางยามเฝ้าประตูของสถานทูตที่ชักจะ
ชำเลืองมองมาทางนี้บ่อย ๆ
"แล้วคุณละครับ งานของคุณเกี่ยวกับคุณโคไม่ใช่เห
รอครับ ทำไมมาโผล่แถวสถานทูตนี่ด้วย" ผมปล่อย
หมัดแย็ปเข้าไปมั่วซั่ว โดยอาศัยข้อมูลของนายเกล็น
"นี่เขาก็ตายไปแล้วด้วย"
"..." ฮิมุโระหรี่ตาอย่างใช้ความคิด แล้วก็หัวเราะ "หึ
คุณไม่ใช่นักสืบธรรมดาเลยนะ รู้อีกว่าทางเรากำลัง
ทำอะไรอยู่"
"..." ปากพาจนเสียแล้วไหมล่ะ ก็ข้อมูลที่ผมได้มา
มันเป็นข้อมูลที่ได้มาแบบผิดกฎหมายนี่ครับ แล้ว
ไปพูดพล่อย ๆ ให้เขารู้ตัวได้ไง แต่แล้วทางฮิมุโระก็
กลับพูดเสริมมาอีกทีว่า
"แต่ช่างเถอะ ตอนนี้เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉันแล้ว"
สายตาเหม่อลอย มีแววเจ็บใจอยู่ข้างใน "ที่ฉันทำ
อยู่นี่ก็เพื่อศักดิ์ศรีของฉันที่ถูกย่ำยีเท่านั้นเอง คุณ
จะรู้อะไรไป และด้วยวิธีไหน ฉันก็ไม่สนใจหรอก"
ผมมองฮิมุโระอย่างชั่งใจ แล้วขยับตัวทำท่าขอลา
แต่ฮิมุโระกลับเรียกยั้งผมไว้
"เดี๋ยวก่อน คุณโคะจิโร่" ผมหยุด ฟังเธอพูดต่อ
"คุณกำลังต้องการช่วยเพื่อนของคุณที่ชื่อนิไคโดนั่น
พิสูจน์ตัวใช่ไหมล่ะ ว่าเขาไม่ใช่ฆาตกร"
"..." ผมต้องมองเธออย่างชั่งใจอีกครั้งก่อนตอบว่า "
ไม่ปฏิเสธ"
"เพื่ออะไรหรือ ทีเมื่อคืนนี้ไม่ยอมอยู่เป็นพยาน" ฮิมุ
โระถามมาอีก
"เพื่อความยุติธรรมมั้ง" ผมตอบส่งเดช แต่แล้วก็
เปลี่ยนใจ "หรือบางทีก็อาจจะ... เพื่อช่วยคนที่เรา
รักก็ได้"
เห็นฮิมุโระมองมาอย่างสงสัย ผมเลยขยายความ
ต่อ "เจ้าของบริษัทที่เจ้านิไคโดอยู่ เป็นคนรักเก่า
ของผมเองแหละ"
"อ้อ" ฮิมุโระพยักหน้าหงึก ๆ "เพื่อคนรัก ถึงกับยอม
เอาตัวเองเข้าหาความยุ่งยากอย่างนั้นเหรอ"
"ไม่หรอก ผมไม่ใช่คนดีอย่างนั้นหรอกคุณ" ผมตอบ
"ผมจะช่วยเธอ ในส่วนที่ผมจะทำได้เท่านั้น งานนี้
ไม่ใช่คดีฆาตกรรมธรรมดานะครับ มีเบื้องหน้าเบื้อง
หลังที่โยงใยกันวุ่นวาย ถ้าเอาตัวเข้าไปยุ่ง ดีไม่ดี ไม่
ทันได้รู้ความจริง ก็อาจจะต้องถูก 'เก็บ' ไปเสียก่อน
ก็ได้"
ฮิมุโระมองผมด้วยสายตาที่แสดงว่าทึ่ง แล้วก็พูดมา
อีก
"ต้องการผู้ร่วมงานไหมล่ะ"
"หมายถึงใครเหรอครับ"
"ก็ฉันนี่ไง" ฮิมุโระ ตอบ เอาหัวแม่มือชี้ที่หน้าอกตัว
เอง "ฉันรู้ในข้อมูลส่วนที่คุณไม่รู้ ส่วนคุณก็ท่าทาง
จะรู้ในสิ่งที่ฉันไม่รู้เหมือนกัน ถ้าเราแลกเปลี่ยนข้อ
มูลกัน อาจจะช่วยกันคลี่คลายคดีนี้ก็ได้นะ"
"คุณทำอย่างนั้นได้เหรอ" ผมสงสัย "ไม่ผิดระเบียบ
ปฏิบัติของพวกคุณรึไง"
ใช่ หล่อนเป็นเจ้าหน้าที่ของทางราชการ การที่จะ
มาแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผม หมายความถึง การนำ
เอาความลับราชการมาเปิดเผย ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ดี
แน่
"ผิดสิ แต่ฉันบอกคุณแล้วไงว่า งานนี้ ฉันไม่ได้ทำ
ตามหน้าที่ หน้าที่ฉันหมดลงแล้ว หรือพูดให้ถูกก็คือ
ถูกเขาแย่งไปแล้ว" ฮิมุโระตอบ แววตาแสดงความ
โกรธขึ้นมาวูบหนึ่ง "ฉันต้องการกอบกู้ศักดิ์ศรีของ
ฉันคืนมา เท่านั้นเอง เวลานี้ ฉันคิดออกแค่นี้ อย่าง
อื่นฉันไม่สนใจแล้วล่ะ"
"โฮะโฮ่ ศักดิ์ศรีหรือ?" ผมสงสัย จับต้นชนปลายไม่
ถูก
"ว่าไง จะร่วมมือกับฉันไหม?" ฮิมุโระรุกมา
"..." ผมไม่ตอบ แต่อาการนิ่งนี้แสดงให้ฮิมุโระเห็นว่า
ผมปฏิเสธ
"ตามใจ ฉันไม่ขอคำตอบคุณในเดี๋ยวนี้หรอก กลับ
ไปคิดอีกทีก็แล้วกัน ถ้าเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ ก็ไปหาฉัน
ได้ทุกเมื่อ ที่หอพักนักเรียนหญิงของโรงเรียนนั้น
แหละ" ฮิมุโระบอกหมายเลขห้องและบอกสถานที่
คร่าว ๆ ของหอพักนั้นให้ผม ซึ่งมันก็ตั้งอยู่ไม่ห่าง
จากโรงเรียนนักเรียนต่างชาติเอลเดียมากนัก
"เอาล่ะ ฉันไปล่ะ คุณก็ควรจะรีบเผ่นจากที่ตรงนี้ได้
แล้ว" ฮิมุโระเดินออกไป แต่ก็ไม่วายมาทิ้งท้ายว่า "
อ้อ ฉันเตือนไว้ก่อนนะ คุณไปหาฉันที่หอพักได้ด้วย
ธุระอย่างเดียวเท่านั้นนะ คือ ตอบรับข้อเสนอของ
ฉัน ถ้าคุณไปหาฉันด้วยธุระอื่นละก็ ฉันไม่ไว้หน้า
คุณแน่"
ฮะ ฮะ ผมหัวเราะกับตัวเองในใจ เคี้ยวไม่ลงเลย
แฮะ ยัยคนนี้ ให้ที่อยู่ของตัวเองกับผู้ชาย แต่แล้วก็
กันท่าไว้เรียบร้อยเลยว่า ไม่ได้ให้ด้วยความเสน่หา
นะ แต่ให้เพราะงานต่างหาก เอ อย่างนี้เห็นทีผมก็
ไม่มีโอกาสได้ไปบุกหอพักนักเรียนหญิงนะสิ โฮะ
โฮะ
แต่... รีบเผ่นจากตรงนี้ก่อนดีกว่า เจ้ายามมองมาที่
ผมอย่างกระสับกระส่ายเต็มทีแล้วครับ
...
แยกทางกับฮิมุโระที่หน้าสถานทูตแล้ว ผมก็เดิน
กลับมายังหน้าโรงเรียนนักเรียนต่างชาติเอลเดีย
เพื่อที่จะเดินผ่านไปยังเซ็นทรัลอะเวนนูอีกครั้งหนึ่ง
(เป็นครั้งที่เท่าไรของวันแล้วนะเนี่ย)
...
เข้าเขตเซ็นทรัลอะเวนนู สิ่งที่เห็นเด่นชัดเป็นอย่าง
แรก ก็คือ ตึกโรงแรมที่สูงตระหง่าน ผมนึกถึงบาร์
เหล้าที่โรงแรมนั้นพร้อมกับนึกถึงสาวที่ชื่อ 'อะคัว'
ขึ้นมา ลองไปดูอีกสักทีก็ดีเหมือนกัน ถ้าคราวนี้ยัง
ไม่เจออีก ก็แปลว่า คุณพี่สาวแกล้งหลอกผมเล่น
เข้าให้เสียแล้ว
ผมสาวเท้ายาว ๆ ไปตามถนน มุ่งหน้าเข้าสู่โรงแรม
ผ่านห้องล็อบบี้ แล้วเดินลงชั้นใต้ดินโดยไม่รอช้า
แต่ก็ไม่ลืมสังเกตว่า ในห้องล็อบบี้โรงแรม ดูมี
บรรยากาศแปลก ๆ มีนักข่าวมาออกันกลุ่มใหญ่
และแทบจะไม่มีแขกของโรงแรมนั่งอยู่เลย แต่ผมยัง
ไม่สนใจอะไรมากนัก
'โอ๊ะ โอ่ อยู่นั่นเอง' คราวนี้ ปรากฏว่า พอผมโผล่เข้า
ไปในบาร์ก็พบกับอะคัวนั่งจิบคอกเทลอยู่ก่อนแล้ว
ที่โต๊ะตัวหนึ่ง ผมไม่รอช้าตรงเข้าไปทันที
"สวัสดีครับ คุณอะคัว นึกว่าผมจะไม่มีโอกาสได้พบ
คุณอีกแล้ว"
"อ้าว! สวัสดีค่ะ คุณโคะจิโร่" อะคัวเงยหน้าขึ้นมา
พร้อมส่งยิ้มให้ แต่ผมรู้สึกว่าเป็นรอยยิ้มที่เจ้าตัว
พยายามปั้นแต่งขึ้นมาเสียเหลือเกิน "กำลังอยาก
เจอคุณอยู่เหมือนกันเลยค่ะ"
"โอ๊ว! จริงเหรอครับ" ผมแกล้งอุทานเสียงดัง "
ขอบคุณพระเจ้า แสดงว่าคุณชักจะสนใจผมเข้า
แล้วสิ ใช่ไหมครับเนี่ย"
"คิก ๆ" อะคัวหัวเราะออกมาจนได้ นี่แหละครับที่ผม
ต้องการ ไม่ได้ตั้งใจจีบเธอจริง ๆ หรอก "คุณนี่
เหมือนเดิมเลยนะคะ"
"แหม! ไม่ได้เจอกันแค่สองวันเท่านั้นเองครับ ไม่มี
อะไรเปลี่ยนแปลงหรอกครับ"
"ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง..เหรอคะ?" อะคัวทวนคำ
ทำตาเหม่อลอยครุ่นคิด แต่แล้วก็กลับเป็นตัวของ
ตัวเองใหม่ "ดิฉันมีเรื่องต้องบอกให้คุณทราบน่ะค่ะ"
"เดี๊ยวก่อน ใจเย็นครับ ให้ผมเตรียมตัวเตรียมใจ
ก่อน จะบอกรักผมใช่ไหมล่า เคี้ยก! เคี้ยก!" ผม
แกล้งเฉไฉอีก เพราะท่าทางคุณอะคัวหัวเราะออก
มาได้แป๊บเดียวก็กลับไปซีเรียสเหมือนเดิมอีกแล้ว
แต่อะคัวไม่ยอมเล่นด้วย เธอยังคงพูดต่อด้วยสีหน้า
เครียดๆ และมีแววเศร้าปน ถ้าผมสังเกตไม่ผิดนะ
ครับ
"ดิฉันต้องขอลาคุณก่อนล่ะค่ะ จะออกเดินทางออก
จากญี่ปุ่นภายในคืนนี้แล้วค่ะ"
"เอ๊ะ!" ผมแปลกใจ "ทำไมกระทันหันอย่างนี้ล่ะครับ
คราวก่อนคุณบอกผมนี่นาว่ายังอยู่อีกนาน"
"ค่ะ แต่...สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว ทำให้ดิฉัน
เองหมดธุระที่นี่แล้วค่ะ"
"เหรอครับ" ผมทำหน้าเศร้า "ผมกำลังคิดว่าได้คน
คุยถูกคอแท้ ๆ เชียว"
"ดิฉันก็เช่นกันค่ะ เสียใจจริง ๆ ค่ะ คุณโคะจิโร่"
หยุดไปนิดหนึ่ง "แต่ไม่แน่นะคะ เราอาจจะได้พบกัน
อีกก็ได้ ในเร็ว ๆ นี้ ใครจะไปรู้!"
ผมคุยสัพเพเหระกับเธออีกไม่นาน อะคัวก็ขอตัว
กลับ ผมเดินตามเธอออกมาด้วย ขณะที่เข้าสู่ห้องล็
อบบี้ ผมสังเกตเห็นว่าบรรยากาศในห้องล็อบบี้
แปลกไปอีกแล้ว คราวนี้กลุ่มนักข่าวหายไปแล้ว แต่
กลายเป็นว่า ไม่มีใครอยู่ในห้องล็อบบี้อีกเลย ยก
เว้นแต่พนักงานของโรงแรมเท่านั้น
"เอ๊ะ! เกิดอะไรขึ้นครับนี่" ผมอดถามขึ้นไม่ได้
ชำเลืองดูใบหน้าของอะคัวที่อยู่ข้างผม เห็นสีหน้า
เธอมีแววสลดไปนิดหนึ่ง ก่อนที่จะกลับเป็นปกติ
แล้วพูดกับผมว่า "เลือดนักสืบไหลพล่านแล้วสิคะ
คุณโคะจิโร่" คราวนี้หันมายิ้มให้ผม "ลองสืบดูสิคะ
ว่าเกิดอะไรขึ้น ดิฉันขอตัวกลับห้องก่อนค่ะ ไม่ต้อง
ไปส่งนะคะ"
กล่าวจบ ก้มศีรษะให้ผมเล็กน้อยอย่างสุภาพ ผม
ยอมให้เธอเดินจากไปที่ลิฟต์แต่โดยดี ส่วนตัวผม
เอง เดินไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของโรงแรม
เพื่อที่จะสอบถามสิ่งที่ยังข้องใจอยู่
"สวัสดีครับ" ผมทักขึ้นก่อน
เสมียนโรงแรม เงยหน้าขึ้น สีหน้ายุ่งทีเดียว พลาง
พูดอย่างเหนื่อยหน่ายว่า "ครับ ๆ เช็คเอาท์ใช่ไหม
ครับ หรือว่าแคนเซลครับคุณ"
"เอ๊ะ!" ผมงง "เปล่าครับ ผมไม่ใช่แขกของโรงแรม
หรอกครับ ... คืออยากทราบว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่นี่
ครับเนี่ย ทำไมบรรยากาศวังเวงแบบนี้ ไม่มีคนเลย"
"อ๋อ!" เจ้าเสมียนนั่นตอบอย่างเบื่อหน่าย สีหน้า
แสดงว่าไม่อยากพูดคุยกับคนเอาซะเลย "เกิดเรื่อง
ใหญ่ขึ้นแล้วนะสิครับ มีการฆาตกรรมเกิดขึ้นในโรง
แรมของเราครับ!"
"ฆาตกรรม!"
"ครับ เพราะฉะนั้น เราก็เลยโดนทั้งตำรวจยกกัน
มาขโยงใหญ่เลยครับ เสร็จจากตำรวจก็เป็นพวกนัก
ข่าว แล้วก็พวกแขกของโรงแรมที่พากันมาขอเช็ค
เอาท์ออกไงล่ะครับ (กริ๊ง ๆๆ มีเสียงโทรศัพท์เข้ามา
พอดี) แล้วก็นี่ คงไม่แคล้วแขกโทรฯ มายกเลิกห้อง
พักอีกแหละครับ" ว่าแล้วหันไปยกหูโทรศัพท์ขึ้น พูด
กรอกลงไปว่า "ครับ โรงแรมปรินเซสครับ ...ครับ ...
ยกเลิกใช่ไหมครับ .... ขอทราบชื่อคนจองแล้วก็วัน
ที่จองไว้ด้วยครับ..."
ผมเห็นท่าไม่ดี เลยเดินถอยออกมา ยังไม่ทันทำ
อะไรต่อผมก็เผ่นร่างเข้าหลบที่ข้างเคาน์เตอร์
เพราะ...
ชายร่างผอมบาง วัยกลางคน แต่งชุดสูทอย่างเรียบ
ร้อย และสวมเสื้อโค้ททับ ไว้หนวดเหนือริมฝีปาก
อย่างแสนเท่ห์ เดินออกมาโดยมีคนอีกสี่ห้าคนตาม
มาเป็นขบวน แต่ที่ผมต้องรีบกระโดดหลบก็เพราะ
ว่า ผมสังเกตเห็นเพื่อนยะโยยที่ชื่อมะรินะคนนั้น
เดินอยู่ในขบวนด้วย โดยเดินต่อเป็นคนที่สอง ถัด
จากชายหนวดงามที่นำขบวนอยู่ บรรยากาศบอก
ว่า ไม่ใช่พวกคนธรรมดาล่ะครับ ประสาทที่หกของ
ผมบอกว่า เป็นพวกตำรวจ สีหน้าของทุกคนเฉยเม
ย บอกให้รู้ว่าพยายามปั้นหน้าให้เป็นปกติที่สุด แต่
ผมเดาได้ทันทีว่า คงเกี่ยวข้องกับ 'คดีฆาตกรรม' ที่
เกิดขึ้นในโรงแรมนี้เป็นแน่
ผมรอจนขบวนนั้นเดินออกนอกล็อบบี้ไปก่อน จึง
เดินออกไปนอกโรงแรมบ้าง
...
back index next