EVE Burst Error
ภาค โคะจิโร่
วันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 19xx

ยอดดวงใจของข้าเอย...


เมื่อถึงท่าเรือ เป็นเวลาพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบ
ฟ้าพอดี ท้องฟ้าเป็นสีแดงจ้าสวยงาม แต่ผมมอง
แล้วกลับรู้สึกเย็นยะเยือกในใจอย่างบอกไม่ถูก ลาง
สังหรณ์ของผมบอกผมว่า กำลังจะมีเหตุการณ์ไม่สู้
ดีเกิดขึ้นอีกแล้วอืมห์ ผมเอง วันนี้ก็เอาแต่ตะลอน ๆ
ทั้งวัน ไม่ทันได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยก็ตกเย็น
เสียแล้ว และอีกไม่นาน ก็คงจะมืด ตามสไตล์ของ
ฤดูหนาวตอนต้นของเดือนธันวาคมนี่ ที่กลางคืนจะ
เริ่มยาวขึ้นเรื่อย ๆ กลับเข้าสำนักงานซึ่งเป็นบ้าน
ของผมในตอนนี้เสียทีก็ดีเหมือนกัน
'ยัยพริน หายไปไหนนะ ยังไม่กลับอีก' เป็นสิ่งแรกที่
ผมคิด ทันทีที่เดินเข้ามาในสำนักงานของตัวเอง
แต่แล้ว สมองของผมก็ถูกเรื่องราวต่อไปบดบัง
'ฆาตกรรมที่โรงแรมปรินเซส?' แต่เอ... ทำยังไงถึง
จะรู้รายละเอียดได้นะ ดูจากช่วงเวลาแล้ว ท่าทาง
ข่าวนี้จะลงไม่ทันหนังสือพิมพ์ภาคเย็นแน่ ต้องรอ
ข่าวโทรทัศน์ตอนหัวค่ำอย่างนั้นหรือ เมื่อกี้เดินผ่าน
ท่าเรือ พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้วด้วย ถ้างั้นก็
ได้เวลาพอดีสินะ
โอ๊ะ! บ้าจริงผมนี่ ก็ที่สำนักงานของผมมีโทรทัศน์ซะ
ที่ไหนเล่าครับ แหะ ๆ สงสัยรอไปซื้อหนังสือพิมพ์
ฉบับเช้าพรุ่งนี้อ่านก็แล้วกัน
ผมเดินไปเดินมาในสำนักงาน เหมือนหนูติดจั่น
พลางก็หยิบโน่น จัดนี่ ยัยเด็กพรินมาอยู่แค่สองวัน
เท่านั้น ทำเอาสำนักงานของผมสะอาดขึ้นเยอะเลย
นี่หายไปไหนอีกละนี่
ผมทนอยู่ในสำนักงานไม่ได้ ก็ออกไปยืนรับลมที่
หน้าสำนักงาน มองเหม่อไปในความมืด ในท่าเรือ
สังเกตเห็นมีเรือลำใหญ่มาจอดอยู่ลำหนึ่งท่าทางจะ
เป็นเรือของต่างชาติ เอ มาจากไหนกันนะ มาจอด
หลายวันแล้วไม่ยอมไปสักที ผมยืนอยู่หน้าสำนัก
งานอยู่ครู่หนึ่ง ชักจะหนาว เลยเข้าไปข้างในใหม่
...
เวลาผ่านไปเท่าไรผมไม่รู้ได้ แต่คิดว่าคงจะไม่นาน
มากนัก พรินก็ไม่ยอมกลับมาเสียที ขณะที่ผมกำลัง
คิดว่าจะเอายังไงต่อไปดีอยู่นั้น
"กริ๊ง ๆๆ"
เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ผมคว้าหูขึ้นมาทันที
"ฮัลโหล ที่นี่สำนักงานนักสืบ..."
"ฮัลโล่วววววว นายแกเองละสิ อ้ายนักสืบเฮงซวย"
ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบ เสียงจากฝั่งโน้นก็ดังแทรก
ขึ้นมาก่อน ผมสะดุ้งทำคอย่น และหลับตาปี๋ ก็ฝ่าย
โน้นเสียงเบาซะที่ไหนละครับ และที่สำคัญ
"ยะโยย!" ผมอุทานขึ้น
"เออ ฉันเอง ฮะ ฮะ...ฉันโทรฯ มาหาแกทำไมเนี่ย"
"..." นั่นสิ คนโทรฯ มายังไม่รู้แล้วผมจะไปตรัสรู้ได้ไง
ล่ะครับ แต่ที่ผมรู้แน่ ๆ ตอนนี้ก็คือ
"ยะโยย อย่าบอกนะว่า เมาอยู่น่ะ!"
"ฉานจะมาวม่ายมาวก็เรื่องของฉัน แกไม่เกี่ยว แค่นี้
แหละ นายคนใจดำ"
"กริ๊ง" เสียงฝ่ายนั้นวางหูไป ทิ้งให้ผมยืนตะลึงอยู่
เป็นครู่
เกิดอะไรขึ้นกับยะโยยนะ ผมรู้ดีว่าเธอไม่ใช่คนที่จะ
เมาเหล้าได้ง่าย ๆ ขานั้นคอแข็งจะตายไป ไม่
เหมือนผมที่เป็นพวกคอแป๊บ (เดียว) แต่ลงถ้าเธอ
ดื่มเหล้าจนเมาได้ละก็ ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ ผม
นึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แล้วก็รีบผลุนผลัน
ออกไปข้างนอกทันที
'เจ้าพระคุณ ขออย่าให้เป็นอย่างที่ลูกช้างคิด
เล้ยยยย' ผมภาวนาในใจ
...
"ยู้ฮู" ผมส่งเสียงทักหลังจากผลักประตูแล้วเดินเข้า
ไปในสำนักงานนักสืบคะทสึระงิ ซึ่งมืดสนิท
เงียบ ไม่มีใครอยู่แฮะ ผมลองทักขึ้นใหม่อีกที
"ยู้ฮู มีใครอยู่รึเปล่า"
"ไม่มี!" เสียงดังตอบกลับมาจากด้านใน ซึ่งเป็นห้อง
ผู้อำนวยการ ผมถอนหายใจ เฮ้อ! ท่าทางจะเป็น
เอาหนักซะแล้ว เดินตรงเข้าไปที่หน้าห้องเล็กด้าน
ใน ทำใจอยู่นิดหนึ่งก่อนผลักประตูเข้าไป
"โคะจิโร่เหรอ" ยะโยยชำเลืองสายตามามองผมนิด
หนึ่ง ก่อนหันไปกรอกวิสกี้ในขวดลงคอไปอีกหลาย
อั้ก เหวอ เล่นเพียว ๆ เลยเหรอแม่คุณ ผมขนลุกซู่
ฝ่ายนั้นพอลดขวดวิสกี้ลงก็ถามมาอีกว่า "มาทำไม
ฉันไม่ได้ต้องการให้แกมาสักหน่อย"
เฮ้อ! ไม่ให้ผมมา แล้วตะกี้โทรฯไปทำไมล่ะ ผมคิด
ในใจ แต่แน่นอน ประโยคนี้ห้ามพูดเข้าหูยะโยยเด็ด
ขาด แต่อย่างไรก็ตามผมก็รู้จักยะโยยดี เธอเป็นคน
ที่มีทิฐิอย่างนี้เองแหละ ทำให้ปากกับใจไม่ตรงกัน
แต่ก็เป็นจุดที่เป็นเสน่ห์ของเธอย่างหนึ่งในสายตา
ผม
"หนึ่ง สอง สาม ...หก" ผมนับขวดเหล้าที่กองอยู่บน
โต๊ะทำงานของเธอ มีทั้งขวดแบน ขวดเหลี่ยม ขวด
กลม ทั้งเล็กและใหญ่ นับแล้วก็ส่ายหน้า ยื่นมือไป
ข้างหน้า "พอแล้วล่ะ ยะโยยเอ๊ย กินอะไรมากมาย
เดี๋ยวก็เมาหรอก" ที่จริงก็เมาไปแล้วล่ะ ไม่ใช่เดี๋ยว
หรอกครับ
"เฮอะ! ฉันนะเหรอเมา" ชี้อกตัวเอง "ฉันไม่ใช่แกนี่
ไอ้คอแป๊บ"
"จ๊ะ ๆ ไม่เมาก็ไม่เมาจ๊ะ" บรื๊อส์ นะกลัวเหลือเกิน
ยะโยยยื่นขวดเหล้ามาที่ผม "ดื่ม!"
"หา!" ผมแกล้งร้องเสียงหลง เฮ้อ! จะเอายังไงแน่
แม่ทูนหัวจ๋า ตะกี้ถาม มาทำไม แปลว่าจะไล่ แต่
แล้วคราวนี้กลับชวนเราร่วมวงซะแล้ว
"ถ้าไม่ดื่มด้วยกันก็ไปซะ รำคาญลูกกะตา" อ้าว! ไล่
อีกแล้ว (+_+)
"พะ..พะ...เพียว ๆ นี่นะ" ผมทำเสียงออดอ้อน
(^^;;;)
"เออ! ฉันดื่มได้ แกก็ดื่มได้สิวะ" โอย! สวรรค์ทรง
โปรด ขึ้นวะขึ้นโว้ยแล้ว บรื๊อส์!!
ผมไม่มีทางเลือก รับขวดวิสกี้มา แล้วยกขึ้นกรอก
ลงปากตัวเองไปสองสามอึก เสร็จแล้วก็ลากเก้าอี้
มานั่งใกล้ ๆเจ้าของห้อง พลางส่งวิสกี้คืนให้
"น่าน! ต้องอย่างนั้นสิ ไอ้น้องชาย" เอาเข้าไป ท่า
ทางจะเป็นเอาหนัก ไม่น่าหลวมตัวมาเลยตู (แต่จะ
ไม่มาก็ไม่ได้อีกแหละ ท่าทางสังหรณ์ของผมจะถูก
ต้องเสียแล้วล่ะครับ)
"เกิดอะไรขึ้นเหรอ ยะโยย" ผมเลียบเคียงถามขึ้น
หลังสังเกตว่าอีกฝ่ายเริ่มอารมณ์ดีขึ้นแล้ว "เดี๋ยว
พรุ่งนี้ก็ทำงานไม่ไหวหรอก"
"งาน! เฮอะ!" อั้ก ๆๆ ยะโยยแค่นหัวเราะแล้วก็ดื่ม
ลงไปอีกสามอึก "ไม่มีแล้วงาน ฉันปิดบริษัทไปแล้ว"
"หา! อะไรนะ" ผมทวนคำ ไม่ถึงกับคาดการณ์ไม่ได้
มาก่อนหรอกครับ แต่พอฟังเข้าจริง ๆ ก็อดเชื่อหูตัว
เองไม่ได้อยู่ดี
"แกหูตึงเรอะงาย ฉันบอกว่าฉันจะปิดบริษัท" ยะ
โยยตอบเสียงเขียว ตาก็สีเดียวกับเสียงอีก "วันนี้
พวกพนักงานเขามายื่นใบขอลาพักร้อนอย่างไม่มี
กำหนด ซึ่งก็คือลาออกนั่นเอง แล้วจะให้ฉันทู่ซี้ทำ
ไปทำไม ไอ้บริษัทนักสืบเนี่ย..."
"..." ผมพูดไม่ออก นึกถึงเหตุการณ์ตอนบ่าย ๆ ที่
แวะเข้ามา ท่าทีของพนักงานแต่ละคนแสดงให้เห็น
ว่าหมดความมั่นใจที่จะฝากอนาคตไว้กับบริษัทนี้
อีกแล้ว
"ลูกค้าก็หายหมด ชื่อเสียงเราก็ป่นปี้ไม่มีเหลือแล้ว"
ยะโยยรำพันมาอีก
"เรื่องเจ้านิไคโดนะเหรอ" ผมพยายามให้กำลังใจ "
เดี๋ยวเราก็เคลียร์ได้แหละน่า เจ้านั่นมันไม่ใช่คนร้าย
ซะหน่อย ไว้เราหาตัวมันเจอแล้วค่อย..."
"เฮอะ! นิไคโดนะเหรอ" ยะโยยแค่นเสียงใส่ผมอีก
คราวนี้ตาแดงก่ำ "มันฆ่าตัวตายไปแล้ว ฉันเพิ่งไปดู
ศพมาเอง!!"
"อะไรนะ!!" ผมทวนคำเสียงหลง ไม่เชื่อหูตัวเอง คน
อย่างเจ้านิไคโดนะ จะฆ่าตัวตาย ยิ่งเป็นไปไม่ได้ยิ่ง
กว่าจะให้หมอนี่ไปฆ่าคนอื่นตายเสียอีก
"ฮะ ฮะ ตกใจเหรอ หรือว่าแกหูตึง นายโคะจิโร่" ยะ
โยยเอนหลังกลับไปพิงพนักเก้าอี้ "ฉันบอกว่าเจ้านิ
ไคโดมันตายไปแล้ว มีคนพบศพมันฆ่าตัวตายที่โรง
แรมปรินเซส แล้วตะกี้นี้ฉันเพิ่งโดนตำรวจเชิญไป
สอบปากคำแล้วก็ยืนยันศพมานี่เอง.."
ผมนิ่งพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวที่คุณพี่สาวที่
กำลังเมาอยู่ตรงหน้าผมขณะนี้เล่าให้ฟัง ได้ความ
ว่า ทางตำรวจสันนิษฐานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่านิไค
โดเป็นฆาตกรคดีคุณโค หนีไปหลบซ่อนตัวที่โรง
แรมปรินเซส แต่แล้วเกิดสำนึกตัวและกลัวความผิด
ขึ้นมา เลยใช้มีดเชือดคอตัวเอง (เหมือนกับที่เขาใช้
เชือดคอนายโค) เพื่อฆ่าตัวตายหนีความผิด และนี่
เอง คือสาเหตุของบรรยากาศแปลก ๆ ที่โรงแรมซึ่ง
ผมเจอมาเองเมื่อกี้นี้ แต่ก็แสดงว่า เจ้าเสมียนของ
โรงแรมคนนั้น ฟังข้อมูลมาผิด ๆ กล่าวคือ เหตุ
การณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการฆ่าตัวตายของฆาตกร (ตาม
ความเห็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ) แต่เจ้าหมอนั่นดัน
เข้าใจว่าเกิดฆาตกรรมขึ้นในโรงแรม แต่อย่างไรก็
ตาม นึกๆ ไปก็น่าสงสารโรงแรมนั้นเหมือนกัน ไม่ว่า
จะเกิดฆาตกรรม หรือเกิดคดีคนฆ่าตัวตายและ
บังเอิญว่าเจ้าคนนั้นเป็นฆาตกรในคดีอื่นมาก่อนก็
ตาม โรงแรมก็รับผลกระทบเหมือนกันแหละ
สรุปแล้วคดีคุณโค ก็ปิดฉากด้วยการทำอัตวิบัติ
กรรมของฆาตกรนั่นเอง แต่สิ่งที่ตามมาก็คือ ชื่อ
เสียงและเกียรติภูมิของสำนักงานนักสืบคะทสึระงิ
ย่อยยับลงอย่างไร้หนทางกอบกู้ เพราะหมดสิทธิ์ที่
จะพลิกคดีให้กับเจ้านิไคโดไปเสียแล้ว
"ฉัน...ฉันใช้การไม่ได้เลย" ยะโยยเริ่มคร่ำครวญ
พลางหยิบกรอบรูปที่ตั้งอยู่บนตู้เอกสารด้านหลัง
โต๊ะทำงานออกมาประคองไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง
แน่น แล้วจ้องรูปนั้นแน่วนิ่ง "ป๊ะป๋าทิ้งบริษัทให้ฉันดู
แลแค่นี้ ฉันรักษามันได้แค่ไม่ถึงสามเดือนก็เจ๊ง ฉัน
จะเอาหน้าไปพบป๊ะป๋าในปรโลกได้ไงเนี่ย ฮือฮือ"
สุดท้าย น้ำตาสองสามหยดไหลพรากลงมาจาก
หางตาของเธอ ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบใช้ปลายนิ้วปาด
มันทิ้งไป แล้วหันไปยกวิสกี้ดื่มรวดเดียวหมดขวด
ผมห้ามไม่ลง พลางนึกในใจว่า นานเท่าไรแล้วหนอ
ที่เราไม่ได้เห็นยะโยยร้องไห้ แอบชะเง้อคอดูในรูป
พบว่ามันเป็นรูปถ่ายเมื่อหลายปีก่อน สมัยที่ยะโยย
พาผมไปแนะนำตัวกับพ่อของเธอ ซึ่งตอนนั้นอยู่
ต่างประเทศ
"เพราะฉันไม่ดีเอง" ยะโยยพูดอ้อแอ้ต่อไป "ถ้าฉัน
เก่งเหมือนแก... เหมือนป๊ะป๋าละก็ เหตุการณ์ก็คง
จะไม่เป็นอย่างนี้ นี่เจ้านิไคโดรับงานอันตรายมาฉัน
ก็ไม่รู้เรื่องเลย"
ผมเงียบฟังแต่ฝ่ายเดียว ได้ความว่า เมื่อคืนวานนี้
เอง เจ้านิไคโดรุกเข้ามาพูดกับยะโยยถึงขั้นแตกหัก
ว่าจะขอเป็นผอ. ของบริษัทนี้และขอแต่งงานกับยะ
โยยด้วย ถ้าหากว่า งานที่เขารับทำอยู่ขณะนี้สำเร็จ
ฟังจากยะโยยแล้ว เธออยู่ในภาวะอึดอัดใจ จึงตอบ
แบ่งรับแบ่งสู้ไป ทั้งนี้เมื่อวานนี้ ก็คือเป็นช่วงที่ทาง
บริษัทของเธอกำลังตกอยู่ในภาวะลำบากเพราะเพิ่ง
เสียหน้าจากการที่ผมชิงทำงานให้นายโคตัวปลอม
ได้สำเร็จไปก่อน แต่เจ้านิไคโดกลับบอกว่างานนาย
โคไม่สำเร็จไม่เป็นไร จะเป็นผลดีต่องานอีกงานหนึ่ง
ที่หมอแอบรับมาโดยไม่บอกยะโยยไว้ก่อน
'สงสัยจะเป็นงานของคนที่ชื่อมิโด' ผมคิด 'และฟัง
จากที่ยะโยยเล่าให้ฟังแล้ว รู้สึกว่าพอเจ้านี่เจรจา
กับยะโยยเสร็จก็ออกไปที่บ้านคุณโค คงจะเป็น
จังหวะพอดีที่ไปเจอศพคุณโคนั่นแหละ'
"นิ่งซื่อบื้ออะไรอยู่ นายโคะจิโร่" เสียงยะโยยอ้อแอ้
ยิ่งขึ้นทุกขณะ "ดื่ม!"
ยื่นขวดเหล้าขวดใหม่ให้ผม ผมไม่มีทางเลือกรับมา
เทลงปาก แล้วก็
"พรวด! เหวอ!" ผมสำลักแล้ว 'พ่น' สิ่งที่อยู่ในปาก
ผมออกมาทันที
"ฮ่า ๆๆๆ ไอ้เด็กอ่อนหัดเอ๊ย" ตัวการหัวเราะชอบใจ
คว้าเอาขวดเหล้าไปจากมือผม
"ยะ..ยะ...ยะโยยจ๋า นั่นมันว็อดก้านี่" ผมครางเสียง
อ่อย ใช่ครับ ที่เธอยกอยู่ในมือขณะนี้คือ เหล้าว็อด
ก้าของรัสเซีย ที่ขึ้นชื่อว่าแรงดีกรีดีนักหนา ขนาดจุด
ไฟติดนั่นแหละครับ
"ก็ใช่นะสิ เด็กอ่อนหัดอย่างแกกินไม่ได้หรอก ของดี
แบบเนี้ยยยยนะ" อึ้ก ๆ ๆ เหวอ ให้ตายเถอะ ยก
ว็อดก้าดื่มหน้าตาเฉยเนี่ยนะ ผมกุมขมับพลางร้อง
โอย ๆๆ ๆๆ ในใจ
...
...
เวลาผ่านไปเท่าไร ผมไม่ทราบได้
"...ยางมีอีกนา...." เสียงยะโยยซึ่งฟุบหน้าลงไปบน
โต๊ะแล้วยังคงดังออกมาเป็นระยะ ๆ "พอเจ้าชีกอ
น่านโดนชั้นหักนิ้วเข้าหน่อยเดีย ก็หน้า..เหยเก๋ เลิก
ซ่าส์ไปเลยยย ฮ่า ๆ ๆ สะจาย สะจาย เอื้อก"
เฮ้อ! นั่งฟังคนเมาบ่นเล่าความทุกข์ยากให้ฟัง ผม
ฟังแล้วได้แต่ด่าตัวเองในใจว่า ถ้าผมรู้ว่าผมหนีหน้า
เธอไปอย่างนี้ ทำให้เธอต้องผจญทุกข์ขนาดนี้แล้ว
ผมยังจะทำได้ลงคออีกหรือ
ไม่น่าเชื่อ ยะโยยรับงานผู้อำนวยการบริษัทแทนพ่อ
ของเธอ และก็ต้องไปติดต่อลูกค้าเอง เจอลูกค้าเลว
ๆ ก็มากมาย ที่หวังในตัวเธอ มากกว่าจะจ้างให้เธอ
ทำงานสืบอย่างจริง ๆ จัง ๆ ก็ไม่น้อย งานอันตราย
ก็เยอะ ขนาดต้องฝ่าเข้าดงยากูซ่า หรือแหล่งราตรีที่
เป็นถิ่นของพวกลักลอบซื้อขายยาเสพติด ฯลฯ
"..." เสียงยะโยยหายใจดังมาเป็นระยะ ๆ
"หลับไปแล้วเหรอ" ผมลองถามเบา ๆ
"ยาง..." เสียงอู้อี้ตอบมาทันที "ทามมาย...ฉาน..
หลับแล้ว แกจะปล้ำฉันเรอะ"
"พะ.พูดบ้า ๆ" ผมรีบปฏิเสธ
"ฮ่า ๆๆๆ" ยะโยยเงยหน้าขึ้นมาหัวเราะ แต่แล้วก็ฟุบ
ลงไปใหม่ "ทำเป็นหน้าบาง เฮอะ ทีสมัยก่อน.."
ไม่ต้องสงสัย สมัยก่อนที่ว่า ก็คือ สมัยที่เรายังครอง
รักกันอยู่ที่วิมานรักแห่งนั้นนั่นเอง
"ยะโยย นอนกับโต๊ะไม่ดีนะ ถ้าง่วงแล้วก็กลับบ้าน
เถอะ"
"..."
"ยะโยย"
"ชั้นเดินไม่หวาย..แกจะอุ้มไปรึปล่าว...เอื้อก" เสียงอู้
อี้ตอบมาเหมือนเดิม
"เฮ้อ! เอาก็เอา" ผมตัดสินใจทันที "ไปยะโยย กลับ
บ้านเถอะ นะจ๊ะ"
ผมทำท่าจะลงไปช้อนตัวเธอขึ้นมา เพราะเมาขนาด
นี้แล้วจะประคองให้เดินเองก็คงไม่ไหวแน่ แต่แล้ว
พอนึกถึงระยะทางจากที่นี่ไปยังซันแมนชั่นแล้ว ผม
ก็เปลี่ยนใจ ดึงตัวยะโยยให้ลุกขึ้นจากโต๊ะ แล้วให้
เธอซบลงบนหลังของผมแทน จากนั้นก็ทุลักทุเลพอ
ควรครับ กว่าจะแบกเอาคนเมาคนนี้ขึ้นหลังได้
"พลั่ก!"
"โอ๊ย! ทุบหลังฉันทำไม ยะโยย" ผมร้อง จู่ ๆ ก็เจอ
กำปั้นทุบดิน เอ๊ย! ทุบหลังเข้าให้
"แกจับก้นฉัน ไอ้ทะลึ่ง!"
"ก็ไม่จับก้นแล้วจะแบกหลังได้ไง หรือเธอเดินไหว ฮึ!
หรือจะให้ฉันอุ้มไปก็ได้นะ"
"ม่ายอาว ให้แกอุ้มฉันยอมตายซะดีกว่า อายเขา เอื้
อก" แล้วให้ผมแบกขึ้นหลังนี่ไม่น่าอายรึไงครับเนี่ย
เฮ้อ!
...
back index next