EVE Burst Error
ภาค โคะจิโร่
วันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 19xx
เผชิญหน้ามือสังหาร
"กึก!" เสียงดังจากข้างนอกตัวโกดังที่ผมอาศัยอยู่
ผมชะงักการเคลื่อนไหว หันขวับไปทางประตู
เอ! เกิดอะไรขึ้นอีกนะ ในใจนึกถึงเมื่อสองคืนก่อนที่
ช่วยพรินจากเหตุการณ์ร้ายได้ แล้วผมก็อดที่จะเดิน
ไปทางประตูไม่ได้
"กึก!" เสียงลึกลับยังคงดังมาอีก คราวนี้ รู้สึกว่าจะ
ห่างออกไปเล็กน้อย ผมชั่งใจอยู่นิดหนึ่งแล้วก็เผ่น
แผล็วออกไปนอกประตูทันที
'อยู่ไหน?' ออกมายืนหันรีหันขวางอยู่หน้าประตู
เพราะไม่เจอต้นตอของเสียงลึกลับนั่น ขณะที่ผม
กำลังจะหันหลังกลับ คราวนี้ก็ได้ยินเสียงดังมาจาก
ด้านหลังโกดัง
'ด้านหลังเหรอ?' ผมคิด พลางจรดฝีเท้าอ้อมตัว
โกดังไปทางด้านหลัง เพื่อจะพบกับความว่างเปล่า
ไม่มีเงาของสิ่งมีชีวิตแม้แต่เงาเดียว
'ใครกัน มาเล่นตลก?' ผมคิดในใจ มองรอบตัวอีก
หนึ่งรอบ แล้วก็ตัดสินใจเดินไปทางด้านหน้าโกดัง
แล้วก็เอื้อมมือผลักประตูจะเดินเข้าสำนักงาน
"อ๊ะ" ผมอดอุทานเบา ๆ ออกมาไม่ได้ สังหรณ์ หรือ
ความรู้สึกอะไรบางอย่างบอกผมว่า มีแขกมาหาอีก
แล้ว
'อะไรกันเนี่ย ความรู้สึกอย่างนี้' ผมขนลุกซู่ ใช่ครับ
ผมรู้สึกได้ ถึงความรู้สึกที่ไม่เป็นมิตร และพร้อมกัน
นั้นก็รู้สึกได้ถึงอันตรายที่กำลังรอผมอยู่ในสำนัก
งานนี้
ผมลอบสูดลมหายใจเข้าปอด ก่อนที่จะชำแรกตัว
ผ่านประตูที่เปิดแง้มไว้ เข้าไปด้านในสำนักงาน ตา
ทำงานเต็มที่คอยสอดส่ายมองไปรอบ ๆ ประสาทที่
หกของผมบอกผมว่า ต้องมีใครอีกคนแอบเข้ามาใน
สำนักงานของผมแน่ นี่ผมคงจะโดนแผน 'ล่อเสือ
ออกจากถ้ำ' เล่นงานเข้าให้แล้วล่ะ
ผมเดินช้า ๆ อย่างระแวดระวังจนถึงกลางสำนัก
งาน และรู้สึกถึงความกดดันของบรรยากาศรอบตัว
ที่เพิ่มขึ้นทุกที ใครกันนะ มีรังสีอำมหิตได้รุนแรงถึง
เพียงนี้ ที่จริง ถ้าเขามาร้าย เขาเก็บงำรังสีอำมหิตนี้
ไว้ แล้วก็ลงมือกับผมไปเลยยังจะได้ผลกว่า แต่
ทำไมกลับแผ่บรรยากาศมากดดันผมให้ผมรู้ตัว
อย่างนี้ แสดงว่ามั่นใจในฝีมือตัวเองมาก ว่า 'เอา'
ผมอยู่แน่
ผมยืนนิ่งไม่กระดุกกระดิก วัดใจกับ 'แขกคนใหม่' นี้
อยู่พักใหญ่แต่แล้วก็รู้สึกว่าความกดดันรอบตัวนั้น
หายไปเอง
"เอ๊ะ" ผมร้องในคออย่างแปลกใจ ทำไมอยู่ ๆแขก
ของผมก็หายตัวไปเลย ผมขยับเท้าจะก้าวเดิน แต่
นั่นแหละครับ ผมเสียทีเขาแล้ว เพราะพอผมขยับ
ไปได้แค่ครึ่งก้าว ผมก็รู้สึกได้ถึง 'ใคร' บางคนที่มา
โผล่ที่ด้านหลังผมพร้อมกับ..
"อย่าขยับ!" เสียงเย็นยะเยือกชวนให้หนาวไปทั้งตัว
ดังขึ้น พร้อมกับที่ผมรับรู้ถึงของมีคมบางอย่างที่
พาดอยู่ที่ต้นคอผม ก่อนที่จะอ้อมมาจ่อคอหอยผม
อย่างรวดเร็วชำนิชำนาญ ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้แก้
สถานการณ์เลย ลองเหลือบสายตาลงไปมองอาวุธ
ที่อีกฝ่ายหนึ่งใช้ แล้วผมก็ต้องขมวดคิ้ว เพราะมัน
คือ...
มีดครับ มีดเล่มยาวและถึงแม้ในความมืดอย่างนี้
ผมจะเห็นมีดนั้นได้ไม่ถนัดก็ตาม แต่ผมเชื่อว่าผม
มองไม่ผิดแน่ ว่ามันเป็น...
มีดชนิดเดียวกันกับที่ผมพบข้างศพนายโคตัวจริง...
ซึ่งนั่นหมายความว่า มันเป็นมีดประจำกองทัพเอล
เดีย...
ถ้าอย่างนั้น เจ้าคนที่กำลังสยบผมจากด้านหลังอยู่
คนนี้ ก็เป็น...
'อะซะชิน!!!' ผมคิดในใจ รู้สึกได้ถึงเหงื่อที่เริ่มไหล
ซึมที่กลางหลัง
"ดีมาก อย่าเล่นลวดลายนะ ไม่งั้น ข้าเชือดคอหอย
แกแน่" เสียงนั้นดังมาอีก
แต่คราวนี้ ต่อให้เสียงนั้นดัดให้เพี้ยนไปอย่างไร ผม
ก็ฟังออกแล้ว ว่ามันเป็นเสียงผู้หญิง
อะซะชินเป็นผู้หญิงหรือ!!???
"แกต้องการอะไร" ผมทำใจดีสู้เสือ
"เด็กผู้หญิงที่อยู่กับแกอยู่ไหน ส่งตัวออกมาซะดี ๆ"
"พรินหรือ???" อา... จุดมุ่งหมายของมัน คือ พริน
หรือเนี่ย? ผมหวนนึกถึงข่าวของเจ้าเกล็น แต่...
เสร็จกัน พูดออกไปอย่างนี้ มันก็รู้หมดสิ ว่าพรินอยู่
กับผม ผมนึกได้เมื่อสาย แล้วก็แทบจะเขกกบาลตัว
เอง ถ้าไม่มีมีดค้ำคออยู่อย่างนี้นะครับ
"อ้อ! เขาบอกแกว่าชื่อพรินหรือ" อาคันตุกะสาว
(มั้ง) ทวนคำแล้วก็พูดต่อ "จะชื่อพริน หรือชื่ออะไรก็
แล้วแต่ ส่งตัวเด็กออกมาเดี๋ยวนี้"
"ตอนนี้ พรินไม่ได้อยู่ที่นี่" ผมตอบ
คมมีดแนบลงบนคอของผมแรงขึ้นไปอีก ถ้าเจ้าของ
มีดออกแรงดึงมีดนิดเดียว ก็เป็นอันว่าผมถึงจุดจบ
แน่เลยครับ
"โกหก ก็แกพูดเองว่ารู้จักเด็กนั่น... ฮึ ทีตอนเย็นทำ
เป็นโกหกนะ ว่าไม่เคยเจอมาก่อน"
"???" ผมตะลึง ตอนเย็น? หมายความว่าผมเจอเจ้า
นี่มาแล้วครั้งหนึ่งอย่างนั้นหรือ
"ฉันเอ๊ย...ผมยอมรับว่าผมรู้จักพริน แต่ตอนนี้เขาไม่
ได้อยู่ที่นี่"
"แกอยากถูกเชือดคอใช่ไหม"
"..." ผมนิ่ง เอาวะ เสี่ยงเป็นเสี่ยงกัน "ไม่อยาก ใคร
จะบ้าอยากตายเล่าครับคุณอะซะชิน"
"อะซะชิน??" เสียงฝ่ายนั้นทวนคำ "ฮะ ฮะ หมายถึง
นักฆ่านั่นนะเหรอ ขอบคุณที่ให้เกียรติแต่ฉันไม่ใช่
หรอก"
อ้อ! แสดงว่า ต่อให้คนนี้ไม่ใช่อะซะชิน แต่ก็รู้จักอะ
ซะชินเป็นอย่างดี ถึงได้เข้าใจที่ผมพูด
"ถ้างั้นแก..เอ๊ย! คุณก็เป็นพวกนักล่าเงินรางวัลนะสิ
ที่หน่วยสืบราชการลับเอลเดียตั้งรางวัลนำจับพริน
ไว้"
"หึ ๆ ๆ รู้เยอะจริงนะ คุณนักสืบ" ผมหลับตาปี๋ นึก
ในใจว่า ฝ่ายนั้นคงจะเฉือนคอหอยผมแน่ แต่
ปรากฏว่ามีดยังคงกดบนเนื้อที่คอของผมเฉย ๆ
เสียงเจ้าของมีดดังมาอีกว่า "ก็แล้วแต่จะคิด เอาละ
ข้าให้โอกาสแกอีกครั้ง ถ้าแกยังไม่ให้คำตอบที่ข้า
ต้องการละก็..."
"เหวอ เดี๋ยวก่อน... พริน! พรินจ๋า ออกมาได้แล้ว!"
"เอ๊ะ!"
"พรินเขาซ่อนตัวอยู่ในครัว ผมบอกให้เขาซ่อนเอง
แหละ" ผมพูดเร็วปรื๋อ "คุณยังไม่ได้เข้าไปดูในครัว
ละสิ"
ได้ผลครับ ฝ่ายนั้นคลายแรงที่เกร็งในข้อมือข้างที่
ถือมีดไปนิดหนึ่ง คงจะหันไปดูตามทิศทางที่ผมชี้โบ๊
ชี้เบ๊อยู่ แค่นี้ก็พอแล้วครับ
"อึ๊บ!"
"อ๊ะ!"
"โครม!"
"เช้ง!"
เสียงสี่เสียงเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน เสียงแรกเป็น
ของผมเองแหละครับ ผมคว้าข้อมือของอาคันตุกะ
คนนี้ข้างที่ถือมีดอยู่ บิดสุดแรง (ตรงนี้เองที่ฝ่ายนั้น
ร้องอ๊ะ ด้วยความตกใจ) แล้วหมุนตัวกลับไป พร้อม
กันทุ่มตัวฝ่ายตรงข้ามลงไปกองกับพื้น (โครม)
อย่างรวดเร็วก่อนที่มีดซึ่งหลุดมือเจ้าของไปแล้วจะ
ตกถึงพื้นเสียงดังเช้งเสียอีก
"แก.." อาคันตุกะสาวเงยหน้าขึ้น ทำท่าจะลุกขึ้นอีก
แต่...
"อ๊ะ.." ผมบิดข้อมือเธออีกครั้งพร้อมใช้ 'เท้า' ช่วย
ยันส่งจับเจ้าหล่อนพลิกตัวนอนคว่ำ จากนั้น
เหยียบเธอไว้ มือขวากระชากปืนคู่ใจออกมาทันที
ขึ้นนกปืนอย่างจงใจให้ฝ่ายนั้นได้ยิน
"อย่าขยับ คุณซิเรีย!" ผมพูดเน้นเสียง
"..."
ฝ่ายนั้นหยุดการเคลื่อนไหวทันที เป็นตามที่ผมคาด
ไว้ครับ คือ คุณครูซิเรียของโรงเรียนนักเรียนต่าง
ชาติเอลเดียจริง ๆ ด้วย
ผมยกเท้าออกจากกลางหลังของซิเรีย ไม่ลืมที่จะ
เตะมีดของเธอให้กระเด็นไปอีกทางหนึ่ง ส่วนปืนก็
ยังคงเล็งที่เธออยู่
"เอาล่ะ คุณครูซิเรีย สถานการณ์มันกลับกันแล้ว"
ผมพูดอย่างกำชัยชนะ "ลุกขึ้นยืน ช้า ๆ นะ ไม่งั้น
ผมยิงคุณแน่"
สาวซิเรียยอมลุกขึ้นช้า ๆ แต่โดยดี ผมสังเกตตอนนี้
เองว่า เธอสวมชุดสีดำฟิตเปรี้ยะ ท่าทางจะเป็นชุด
หนัง ที่เอาไว้สวมใส่เพื่อความคล่องตัวในการต่อสู้
สรุปแล้วสาวคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาจริง ๆ ด้วย คง
จะเป็นผู้ที่ได้รับการฝึกหัดมาเป็นอย่างดีเลยล่ะครับ
"แก... หลอกฉันเหรอ?" ซิเรียถามขึ้น
"จุ๊ ๆ นี่คุณ ตอนนี้คุณไม่อยู่ในสภาพที่จะตั้งคำถาม
กับผมแล้วนะ" ผมแกล้งจุ๊ปาก "แต่เอาเถอะ ผม
ยอมตอบให้ข้อนึงก็ได้ ใช่ครับ! พรินไม่ได้อยู่ที่นี่
หรอกครับ ก็ผมบอกคุณตั้งแต่แรกแล้ว"
"หึ! ไม่นึกเลยว่าฉันจะต้องมาเสียทีคนอย่างคุณ" ซิ
เรียแค่นหัวเราะ "ช่างเหมือนกับเขาจริง ๆ เลย ถอด
แบบมาเหมือนกันไม่มีผิด ทั้งวิธีการต่อสู้ที่ใช้กับคน
ถือมีดนี่..."
"??" ผมงง 'เขา' คือใครกันหรือ แต่ช่างเถอะตอนนี้
ไม่ใช่เวลามางง สิ่งที่จะต้องรีบทำก็คือ ปลดอาวุธ
หล่อนซะ ต่อให้ผมถือปืนคุมอยู่อย่างนี้ก็เถอะ ใคร
จะรับประกับได้ว่าคุณซิเรียคนนี้ จะไม่ได้ซ่อนอาวุธ
ไว้อีก และที่สำคัญ ผมไม่ไว้ใจเจ้าชุดออกรบของ
หล่อนเสียเลยจริง ๆ
"เอาล่ะ คุณจะยอมรับหรือไม่ก็แล้วแต่ ตอนนี้คุณก็
พลาดท่าให้ผมแล้วล่ะ ขอโทษด้วยนะ ...ผมไม่ไว้ใจ
เจ้าชุดนี้ของคุณเลย ให้ตายเถอะ"
ผมสบตาเจ้าหล่อนแน่นิ่ง
"ถอดชุดนี้ออกได้ไหม ผมไม่อยากถือปืนจี้ผู้หญิง
หรอกนะ"
"ฮึ! ทำเป็นพูดดี ถ้าให้ใครบรรยายการกระทำของ
คุณตอนนี้ละก็ ทุกคนก็ต้องพูดว่า คุณกำลังถือปืนจี้
ให้ผู้หญิงคนนึงแก้ผ้าต่อหน้าคุณ"
ได้เรื่องจนได้ ผมว่าแล้ว ว่าจะต้องโดนย้อนมาแบบ
นี้ กลายเป็นไอ้ตัวลามกไปแล้วมั้ยล่ะ แต่เป็นตัว
ลามกยังดีกว่าเป็นคนตายครับ
"จะถอดไม่ถอด... ผมไม่เชื่อหรอกว่าคุณจะไม่ได้ใส่
อะไรข้างในเลยนะ ผมให้คุณถอดชุดหนังของคุณนี่
ออกเท่านั้นแหละ"
"..."
ซิเรียมองปืนในมือผม แล้วก็ยังอุตส่าห์ต่อรองมาอีก
"ฮึ! ถ้าฉันถอดชุดนี้ออก แล้วคุณจะเก็บปืนไหมล่ะ"
"ก็ได้" ผมตอบ เกือบจะอดใจไม่ได้ที่จะชำเลืองตา
ไปที่มุมห้องที่เตะมีดเล่มยาวนั้นไป อย่างไรก็ตาม
สายตาของผมจับจ้องที่สาวอันตรายตรงหน้าอย่าง
ไม่คลาดสายตา ก็วางใจได้ที่ไหนล่ะครับ
ซิเรียจ้องตาผมอีกครั้ง ก่อนที่จะลงมือถอดเสื้อหนัง
ตัวนั้นออกโดยดี
"ช้า ๆ นะ ถ้าผมเห็นว่าคุณกำลังจะขว้างอะไรใส่ผม
ละก็ ผมเหนี่ยวไกก่อนละ"
แต่ปรากฏว่าสาวซิเรียไม่ได้เล่นลวดลายอะไรอีก
และภายใต้เสื้อหนังนั้น เจ้าหล่อนก็สวมเสื้อยืดไว้
อย่างเรียบร้อย เฮ้อ! เสียดาย เอ๊ย! ไม่ใช่! โล่งใจไป
หนึ่งเปลาะ
"กางเกงด้วยคุณ" ผมเตือน
ซิเรียจ้องตาผมอีก แต่แล้วก็ดูเหมือนว่าจะยอมแพ้
แต่โดยดี ปลดเข็มขัดแล้วก็ถอดกางเกงหนังออก
ผมตัวเกร็งนิดหนึ่ง เกรงว่าคุณเธอจะเล่นลวดลาย
ตอนที่กำลังดึงขาของตัวเองให้หลุดพ้นจากกางเกง
เพราะติดที่รองเท้าบูทแต่แล้วทุกอย่างก็ผ่านไปโดย
ดี
"พอใจรึยัง" ถามมาเสียงเข้ม
ผมไม่ตอบยื่นขาไปเตะขุดหนังทั้งสองชิ้นนั้น ไปทาง
มุมห้อง ก่อนที่จะลดปืนลง
"เอ๊ะ! คุณบาดเจ็บอยู่นี่"
ท่อนล่างของซิเรียเมื่อถอดกางเกงหนังตัวนั้นไปแล้ว
เผยให้เห็นต้นขาขาวอวบที่บอกให้รู้ถึงสุขภาพของ
เจ้าของเป็นอย่างดีว่าใครประมาทโดนเจ้าหล่อน
เตะเข้าทีเดียวเป็นล้มแน่ แต่ที่ผมพุ่งความสนใจไป
ตอนนี้ก็คือ ที่ต้นขาขวา มีผ้าพันแผลพันอยู่อย่าง
ประณีต แต่ตอนนี้มีรอยเลือดซึมออกมาหย่อมใหญ่
แสดงว่าเป็นแผลที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานและคงจะได้
รับความกระทบกระเทือนจากที่สู้กับผม (พูดให้ถูก
คือโดนผมทุ่มเอาข้างเดียว) เมื่อตะกี้นี้
"ฮึ! ก็ใช่นะสิ ถ้าฉันไม่บาดเจ็บอยู่ก่อนละก็ เมื่อกี้ฉัน
ไม่เสียทีคุณง่าย ๆ อย่างนี้หรอก"
ก็ใช่สินะ ถ้าแม่เสือสาวคนนี้ไม่บาดเจ็บแล้วละก็ ตะ
กี้ขณะที่เจ้าหล่อนทำการ 'ปลดอาวุธ' อยู่อาจจะ
เล่นลวดลายอะไรเข้าอีกก็เป็นได้
"เลือดไหลอยู่นี่คุณ เพิ่งรับได้บาดเจ็บมาไม่นานนี่
เองนี่ ใช่ไหม เป็นอะไรมากรึเปล่า?"
"..." ซิเรียมองผมเหมือนกับมองตัวประหลาด "ไม่
ต้องเป็นห่วงฉันหรอก คุณน่ะระวังตัวเองเถอะ จะ
บอกให้ แม้ขณะนี้ฉันก็กำลังคิดอยู่ทุกวินาทีว่าฉัน
จะฆ่าคุณยังไงดี"
"ฮะฮ้า!" ผมแกล้งร้อง "ก็เอาสิครับ บาดเจ็บหนัก
ออกอย่างนี้ ... สงสัยถูกยิงมาล่ะสิครับเนี่ย"
"อึ้ม" ฝ่ายนั้นรับคำแต่โดยดี แล้วหลับตาพริ้ม ผมไม่
แน่ใจว่า ในความมืดสลัวนี้ผมเห็นริมฝีปากของเธอ
ขาวซีดรึเปล่า
"คุณจะทำอะไรฉัน..ต่อ" สาวลืมตาขึ้น ถามผมเสียง
แผ่วเบา
"คุณมีธุระอะไรกับพริน?" ผมถามสิ่งที่อยากรู้ทันที
"ฉัน...ไม่จำเป็นต้องบอกคุณ...ส่งตัวพรินออกมา
เถอะ"
"ถ้าผมยังไม่แน่ใจว่า คุณมาดีหรือมาร้ายกับเด็ก
ของผม ผมก็คงจะให้คุณพบแกไม่ได้หรอก"
"ฮึ... คุณเป็นอะไรกับเด็กนั่นหรือ ถึงได้...เป็นห่วง
แกขนาดนี้"
"..." ผมไม่ตอบ นั่นสิ ทำไมผมถึงรู้สึกเป็นห่วงพริน
มากเลยนะ
"..." ซิเรียเองก็เงียบไป แต่แล้วโดยที่ผมไม่คาดคิด
สาวก็ทรุดฮวบลงกองกับพื้น
"อ้าว! คุณเป็น.." ขยับปากจะถามว่าเป็นอะไรไป
แต่แล้วก็นึกได้ว่าอาจจะเป็นลูกไม้ก็ได้ ผมขยับปืน
ในมืออีกที ชั่งใจอยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนตัดสินใจก้มตัว
ลงไปแล้วยื่นมือข้างไม่ได้ถือปืนไปเขย่าตัวของซิเรีย
"คุณ ... เป็นอะไรไป?"
เงียบ ไม่มีเสียงตอบ ผมพลิกตัวเธอให้หงายขึ้น
มองไปที่ต้นขาของเธอก็ได้คำตอบ เพราะตอนนี้
เลือดไหลซึมออกมามาก จนผ้าพันแผลนั้นโชกของ
เหลวสีแดงไปเกือบทั้งผืน
'สงสัยเสียเลือดมากไป' ผมคิดในใจ แล้วก็ตัดสินใจ
ลุกขึ้นยืน เก็บปืน แล้วรีบไปที่ตู้เก็บของซึ่งผมเก็บ
กล่องปฐมพยาบาลไว้ ครับ ถึงแม้ว่ารังของผมแห่ง
นี้จะไม่มียา จำพวกยาสามัญประจำบ้าน แต่ก็มี
อุปกรณ์ในการปฐมพยาบาลครบครัน และมียา
จำพวกที่ใช้สำหรับใส่แผล ฆ่าเชื้อโรคด้วย ก็มันจำ
เป็นต่ออาชีพนักสืบนี่ครับ
เฮ้อ! ผมบ้ารึเปล่าหนอ ที่ไปช่วยปฐมพยาบาลให้
กับใครก็ไม่รู้ที่เมื่อสักครู่นี้เองยังเอามีดจ่อคอหอย
ผมอยู่เลย และที่สำคัญตอนนี้ ผมก็ยังไม่รู้เลยว่า
เธอคนนี้เป็นมิตรหรือเป็นศัตรูกันแน่
แต่... ช่วยไม่ได้ครับ ผู้หญิงทั้งคนมานอนสลบและ
ได้รับบาดเจ็บอยู่ต่อหน้าอย่างนี้ ถ้าปล่อยไป ผมคง
ไม่ให้อภัยตัวเองแน่
และคืนนั้น ซึ่งเหลือเวลาอีกน้อยนิดก็จะสว่างแล้ว
ผมก็นั่งปฐมพยาบาลสาวที่ชื่อซิเรียคนนี้ทั้งคืน
(แต๊ะอั๋งกันบ้าง นิด ๆ หน่อย ๆ ถือว่าเป็นกำไรละ
กันนะครับ กึ๋ยส์!)
...
back index next