EVE Burst Error
ภาค โคะจิโร่
วันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 19xx

ซิเรีย แฟลท


เผียะ! เผียะ! เผียะ!
"หือม์?"
ผมงัวเงีย ได้สติขึ้น แต่ยังหลับตาพริ้มอยู่ เอ!? ใคร
กันนะ มาตบหน้าผม ก็ไม่แรงมากหรอกครับ คงตั้ง
ใจจะปลุุกผมนั่นเอง แต่.. โอย! ง่วงชมัดเลย ลุกไม่
ไหว... ผมทำท่าจะหลับต่อ ไม่ยอมลุกขึ้น
"นี่แน่ะ"
หมับ! คราวนี้นิ้วเรียวยาวของใครบางคน คว้าหมับ
เข้าที่แก้มของผม แล้วก็บิดเนื้อตรงแก้มผมเข้าให้
ผมสูดปาก ชักเจ็บเหมือนกันแฮะ
"อะไรกันนน... ขอนอนหน่อยน่า งึมงัมงึมงัม..." ผม
บ่นอู้อี้ ต่อรอง
"ฮึ ฮึ" เสียงฝ่ายนั้นหัวเราะมา เป็นเสียงผู้หญิง!
คราวนี้ผมรู้สึกได้ถึงสองมือที่ดึงแก้มผมพร้อม ๆ กัน
แถมด้วยน้ำหนักตัวที่กดทับลงบนทรวงอกผม จน
แทบหายใจไม่ออก
"จะตื่นไม่ตื่น พ่อตัวดี" เสียงดุ ๆ ดังขึ้นอีก
คราวนี้ได้ผลครับ ผมนึกได้ในที่สุด ว่าคนที่กำลัง
ปลุกผมคนนี้เป็นใคร ผมลืมตาขึ้นแล้วก็พบกับ...
"อรุณสวัสดิ์ คุณซิเรีย"
สาวที่ชื่อซิเรีย สวมชุดไปรเวทเหมือนที่ผมเคยเห็น
เมื่อครั้งก่อน ๆ นั่งคร่อมอยู่บนตัวผม มองผมอย่าง
ขัน ๆ พลางยิ้มแล้วก็พูดว่า
"ปลุกยากปลุกเย็นจริงนะคุณ ถ้าฉันจะฆ่าคุณละก็
ป่านนี้คุณก็ตายไปสักสิบครั้งได้แล้วมั้ง"
"ฮะ ฮะ" ผมหัวเราะแก้เก้อ ก็...พูดอะไรไม่ออกนี่
ครับ แถมสถานการณ์ตอนนี้ผมก็เป็นฝ่ายเสีย
เปรียบทุกประตูเลย ลงถ้าถูกนั่งคร่อมแบบนี้ ใน
สภาพที่ตัวเองก็ยังงัวเงียอยู่เช่นนี้ละก็
"คุณทำแผลให้ฉันใช่ไหม" มือมีดสาวพูดขึ้น มือขวา
ตบเบา ๆ ที่ต้นขาขวาของตัวเอง
"ใช่มั้ง" ผมตอบ ท่องในใจว่า ใจดีสู้เสือ ใจดีสู้เสือ
"แล้วคุณก็ยังนั่งปฐมพยาบาลฉันทั้งคืนอีก?"
"มั้งฮะ" ผมตอบ ยักไหล่แต่แล้วก็รู้ตัวว่าแขนทั้งสอง
ก็โดนเจ้าหล่อนเอาขาทับไว้ด้วย "ทำไงได้ล่ะคุณ ท่า
ทางคุณคงไม่อยากให้ผมส่งไปโรงพยาบาลนัก
หรอก ใช่ไหมครับ"
"ขอบคุณ"
"???" ผมงง ไม่เชื่อหูตัวเอง "อะไรนะครับ พูดใหม่
อีกทีซิ"
ซิเรียไม่ตอบในทันที จ้องหน้าผมนิ่ง ก่อนเอ่ยปาก
ขึ้นอีกว่า "ฉันบอกว่าขอบคุณ"
"ไม่เป็นไรมิได้ครับ ว่าแต่... ช่วยขยับลุกจากตัวผม
หน่อยเถอะครับ ชักหนัก แฮะ แฮะ"
"ฉันยังไม่อยากลุกนี่ นั่งแบบนี้สบายดี" ซีเรียลอย
หน้าลอยตาตอบ แต่แล้วก็ทำหน้าเครียด ถามผม
ขึ้นมาใหม่ "ทำไมคุณช่วยฉันไว้? ทั้งที่เมื่อคืนฉันยัง
เอามีดจ่อคอหอยคุณอยู่เลย"
"นั่นสิฮะ" ผมยิ้มจืด ๆ "ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมช่วย
คุณทำไม ทั้งที่... ผมยังไม่รู้เลยว่าคุณมาดีหรือมา
ร้าย ... ผมรู้แต่เพียงว่า ผมใจดำปล่อยให้ผู้หญิงคน
หนึ่งที่รับบาดเจ็บอยู่นอนสลบอยู่ต่อหน้าต่อตาไม่
ได้ ก็เท่านั้นเอง"
"อ้อ! พวกวิญญูชน รักถนอมบุปผา" นั่น มาสำนวน
หนังจีนกำลังภายในซะด้วย "เหมือนเขาไม่มีผิดเลย
ฉันเกลียดที่สุด...ฆ่าซะเดี๋ยวนี้เลยดีไหมเนี่ย"
"ฮะฮะ เอาสิครับ ได้ตายภายใต้เงื้อมมือสาวสวย
อย่างคุณนี่ผมคงตายตาหลับดีพิลึก" เอ พูดไปแล้ว
ผมคนพูดก็ยังงงเองว่า ตายตาหลับดีพิลึกนี่มันเป็น
ยังไง "ว่าแต่ คุณว่าผมเหมือนใครเหรอฮะ?"
"ฮึ!" สาวทำปากเชิด กำหมัดแล้วชกมาที่ปากผม
เบา ๆ "ยิ่งปากดีอย่างนี้ยิ่งเหมือนใหญ่... ทำไมนะ
ผู้ชายทั้งโลกนี้เป็นอย่างนี้หมดรึไง ไม่มีใครดีสักคน
เห็นผู้หญิงเป็นไม่ได้... ไอ้พวกเจ้าชู้"
"... แหะ แหะ" ผมไม่รู้จะทำอะไรดี เลยเสหัวเราะ
ต่างฝ่ายต่างเงียบไปสักอึดใจนึง แล้วสาวที่นั่งบน
ตัวผมก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้น "คุณเป็น
อะไรกับเด็กที่ชื่อพรินนั่นรึเปล่า?"
"ถามงี้หมายความว่าไง?" ผมย้อนถามแต่แล้วก็นึก
ได้ "ดะ..เดี๋ยวก่อน อย่าบอกนะว่าคุณคิดอะไรไป
ทางนั้นน่ะ ผมกับพรินไม่มีอะไรกันนะครับ ผมไม่ใช่
พวกชอบเอ๊าะ ๆ นะ"
"ฮึ! ปฏิเสธอย่างนี้ยิ่งน่าสงสัย" ซิเรียหัวเราะในลำ
คอ แถมสำทับมาอีกว่า "นี่ แค่ฉันถามแค่นี้คุณก็ลุก
รี้ลุกลนแล้วเหรอ"
"วะ..ว่าแต่คุณเถอะ หาพรินทำไม" ผมรีบเบนหัว
เรื่องทันที
"ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะบอกให้คุณรู้"
"ถ้าคุณมั่นใจว่า คุณมาดีกับพรินและไม่ได้คิดว่าจะ
จับตัวแกไปเพื่อรับค่าหัวละก็... คุณก็ควรจะบอก
ผมให้รับรู้ไว้ด้วยนะครับ เพราะผมก็... เป็นพวกเด็ก
นั่นเหมือนกัน"
"พวก...เหรอ?" ซิเรียหัวเราะในลำคออีก "คุณยังไม่รู้
อะไรนะสิ แต่ก่อนอื่น ... ทำไมคุณคิดว่าฉันไม่ได้คิด
ร้ายพริน"
"ความรู้สึกมั้งครับ...ประสาทที่หก หรือลางสังหรณ์
ตามแต่จะเรียก" ผมตอบ "แล้วก็ ถ้าคุณคิดร้ายแก
หรือเป็นพวกนักล่าค่าหัวจริง ป่านนี้ผมคงเสร็จคุณ
ไปนานแล้ว เพราะคุณก็คงจะจับได้แล้วมั้งครับ ว่า
ผมก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าตอนนี้พรินเขาอยู่ที่ไหน และการ
ที่กำจัดผมเสียคน ก็เท่ากับกำจัดคู่แข่งที่อาจจะแย่ง
เงินรางวัลคุณไปได้อีกหนึ่งคน... จริงไหมครับ"
"..." ซิเรียเงียบไม่ยอมพูดอะไรอีก ผมเลยเล่นลูก
อ้อนต่อไป
"น่า..นะ นะ บอกผมหน่อยเถอะว่าคุณหาตัวพริน
ทำไม"
"หึ หึ" ซิเรียหัวเราะออกมาเบา ๆ ในแววตาทอ
ประกายซุกซน พลางหยิบเศษกระดาษแผ่นหนึ่งซึ่ง
ถูกพับจนเป็นม้วนเล็ก ๆ มาจากไหนไม่รู้ ชูให้ผมดู
แล้วเอ่ยขึ้น "ฉันหาพรินทำไม คำตอบอยู่ใน
กระดาษนี่ แน่จริงคุณก็แย่งเอาเองสิ"
"จริงรึเปล่า" ผมตาลุกวาว "อย่าหลอกกันนะ"
"หึ หึ จริงสิคะ" ซิเรียตอบ "มีข้อแม้ว่า ถ้าคุณแย่งไป
จากมือฉันได้นะ"
อ้อ! อย่างนี้นี่เอง ก็...ผมโดนทับแบนแต๊ดแต๋อยู่นี่ไง
ล่ะครับ สาวเจ้าคงคิดว่าผมหมดเขี้ยวเล็บแล้วมั้ง
ฮึ่ม อย่างนี้ต้องสั่งสอนหน่อย
"มีข้อแม้อะไรอีกไหมคุณ" ผมทำตาเจ้าเล่ห์ถามยิ้มๆ
"ไม่มี"
"ตอนผมแย่ง ผมอาจจะถือโอกาสแต๊ะอั๋งคุณก็ได้
นา"
"ฮึ! เมื่อคืนก็เห็นไปหมดแล้ว ยังมาพูดมากอีก"
"แหะ แหะ" ผมหัวเราะ แล้วก็พยายามดิ้นให้พ้นจาก
การถูกทับ แต่... ขอโทษเถอะครับ ไม่ขยับเลย จะ
ว่าสาวคนนี้ตัวหนักก็ไม่ใช่ แต่คงเป็นศิลปะการต่อสู้
ประชิดตัวที่เจ้าหล่อนได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดีนั่น
เอง
ซิเรียมองผมอย่างท้าทาย ผมไม่มีทางเลือก เพื่อที่
จะรู้ให้ได้ว่า คุณซิเรียคนนี้มีความเกี่ยวข้องอะไร
กับพรินกันแน่ และบางทีเจ้าหล่อนอาจจะทราบ
สาเหตุที่พรินถูกกรมข่าวกรองของเอลเดียตั้งรางวัล
นำจับไว้ในตลาดมืดด้วยก็ได้ ผมก็เลยใช้เท้าช่วย
อีกแล้วครับ
"อ๊ะ!" ซิเรียอุทานแต่แล้วก็กลับไปคงความเยือกเย็น
ไว้เหมือนเดิม "ให้มันได้อย่างนี้สิ ถ้าคุณคิดจะออม
มือให้ฉัน ก็หมดสนุกกันเท่านั้นเอง"
ผมดิ้นรนอยู่ชั่วขณะ มือข้างซ้ายก็หลุดจากการทับ
คงเป็นเพราะขาขวาของเธอได้รับบาดเจ็บอยู่ยังไม่
หายดีนั่นเอง ที่ทำให้ผมได้โอกาสดึงมือออกมาได้
แต่นั่นก็เพียงพอแล้ว
"นี่แน่ะ"
"อ๊ะ!?"
ผมไม่รอข้า ใช้มือที่เป็นอิสระนี้ จี้เอวของเจ้าหล่อน
ทันที ได้ผลครับ ขาทั้งสองข้างของซิเรียลดน้ำหนัก
ที่กดทับลงบนมือผม ทำให้แขนอีกข้างของผมหลุด
ออกมาได้
"ขี้โกง" ซิเรียแหวใส่ แต่มีหรือที่ผมจะสนใจ ฮิ ฮิ งาน
นี้เสร็จผมล่ะ
"ถามคุณแล้วนี่ ว่าจะจำกัดกติกาอะไรไหม คุณก็
ตอบว่าไม่ต้อง นี่ นี่ นี่" ผมตอบพลางใช้ทั้งสองมือ
จั๊กกะจี้เอวของเจ้าหล่อนไปพลาง
ซิเรียดิ้นเร่า ๆ พยายามสะบัดตัวให้พ้นจากมือผม
แต่มีเหรอจะพ้น ซึ่งจะว่าไปแล้ว เจ้าหล่อนเองก็คง
จะไม่ได้เอาจริงเอาจังกับ ‘การต่อสู้’ ครั้งนี้เสียมาก
กว่า
ไปได้ไม่กี่น้ำ น้ำหนักตัวที่ซิเรียกดทับบนตัวผมก็
ผ่อนลง ผมถือโอกาสพลิกตัวขึ้นนั่ง แล้วก็ผลักซิเรีย
ลงไปนอนราบกับพื้น จากนั้นมือทั้งสองข้างของผม
ก็คว้าข้อมือทั้งสองข้างของซิเรีย กดลงกับพื้น
"เอามานี่" มือข้างซ้ายที่กดข้อมือขวาของซิเรียอยู่
พยายามกระดึ๊บ ๆ เพื่อดึงม้วนกระดาษม้วนนั้นจาก
มือเจ้าหล่อนให้ได้
"ไม่ให้ คนขี้โกง" ซิเรียร้อง ชันเข่าขึ้น จะกระทุ้งที่ลำ
ตัวผม แต่ผมระวังอยู่แล้ว คราวนี้ทิ้งตัวลงทับสาว
เจ้าซะเลยเพื่อใม่ให้สาวตีเข่ามาได้ แต่ในใจผมก็อด
คิดไม่ได้ว่า กึ๋ยส์! กำไรครับ กำไร แฮะ แฮะ
"เอามานี่" ผมสำทับไปอีก พยายามจะดึงม้วน
กระดาษนั้นออกมา
"แกร๊ก" หูผมแว่ว ๆ ได้ยินเสียงใครเปิดประตูโกดัง
และเดินเข้ามา แต่ตอนนั้นผมไม่มีเวลาไปสนใจ
เพราะอีกนิดเดียวเท่านั้นผมก็จะดึงเอาม้วน
กระดาษนั้นมาได้สำเร็จแล้ว
แต่... สวรรค์ทรงโปรดเถอะ อะไรมันจะจังหวะดี
ขนาดนั้น เพราะ คนที่เข้ามาในโกดังผม คือ... คนที่
ผมไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมาหาผมถึงที่นี้
"โคะจิโร่!"
ผมใจหายวาบรีบผละตัวจากซิเรีย แล้วชันตัวลุกขึ้น
นั่งมองไปทางต้นเสียงซึ่งที่จริงแล้ว ผมไม่ต้องมองก็
รู้ว่าใคร เสียงนี้จะเป็นคนอื่นไปไม่ได้นอกจาก
"ยะโยย!!!"
ยะโยยยืนอยู่ตรงทางเข้าสำนักงานของผม แต่งชุด
เสื้อกระโปรง ในมือขวาหิ้วถุงหิ้วและมีของใส่อยู่
เต็มมาหลายถุง แต่ตอนนี้ เธอทิ้งถุงของเหล่านั้นลง
บนพื้นเหมือนกับหมดแรงถือ ใบหน้าซีดเผือด แต่
แล้วก็กลายเป็นแดงก่ำ ริมฝีปากสั่นระริก สายตาที่
มองผมเต็มไปด้วยแววตัดพ้อ น้อยใจ แค้นใจ และ
อะไรอีกหลาย ๆ อย่างที่ผมก็อ่านไม่ออกเหมือนกัน
บอกได้แต่ว่า สถานการณ์คับขันสุดขีดครับผม
"ขอโทษ... ที่มาขัดจังหวะ" เป็นคำแรกที่หลุดจาก
ปากยะโยย
"ปละ...เปล่านะยะโยย" ผมพูดอะไรไม่ถูก
"คนหลายใจ!" ยะโยยเริ่มหายจากอาการช็อก
สายตาที่มองผมเหมือนกับไฟที่พร้อมจะเผาผมให้
แหลกลานเป็นจุลไป "เมื่อคืนยัง..ยังพรอดรักกับฉัน
อยู่ดี ๆ เลย พอข้ามวันก็พาผู้หญิงคนอื่นเข้ามาจู๋จี๋
ในออฟฟิศตัวเองแล้วเหรอ?"
"ดะ.. เดี๋ยวจ๊ะ ยะโยย อย่าเพิ่ง เธอเข้าใจผิด" ผมระ
ล่ำระลัก
"เข้าใจผิดอะไรกัน เห็นอยู่ตำตาแท้ ๆ ว่าทำอะไรกัน
อยู่ ฮึ! ไอ้คนหลายใจ"
"เดี๋ยว! ไม่ใช่จ๊ะ ไม่ช่ายยยย"
"ไม่ใช่อะไร กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง จับได้คา
หนังคาเขาอย่างนี้ยังมาปฏิเสธอีก ไอ้คนหลายใจ
หน้าไหว้หลังหลอก ต่อหน้ามะพลับลับหลังตะโก
ไอ้..." ยะโยยพ่นออกมาเป็นชุด แล้วก็หยุดหอบ
หายใจ "คนบ้า คนผีทะเล"
"เดี๋ยว..." ผมพูดเป็นอยู่คำเดียวไปซะแล้ว
"ไม่รู้ไม่ชี้ ฉันไปแล้ว เชิญแกสองคนจู๋จี๋กันต่อไป
เถอะ ฮึ ไอ้เราหรืออุตส่าห์..."
ยะโยยไม่จบก็ทิ้งค้างไว้แค่นั้น แล้วหันหน้ากลับ
เดินแกมวิ่งออกนอกสำนักงานไป โดยไม่วายปิด
ประตูตามหลังเสียงดังโครมใหญ่
"เดี๊ยว..." ผมนิ่ง ยกมือค้าง แล้วก็แข็งอยู่อย่างนั้น
เหมือนหุ่น คงจะนิ่งอยู่นานทีเดียวครับ จนกระทั่ง...
"หล่อนไปแล้วล่ะ คุณ" เสียงของซิเรียดังมา
ผมได้สติ หันไปมองทางซิเรีย ต้นเหตุแห่งความยุ่ง
เหยิงของผมครั้งนี้ พบว่าเจ้าหล่อนนั่งชันเข่าข้าง
หนึ่ง มองมาที่ผม สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตา
ก็มีรอยยิ้มด้วย ฮึ่ม! ขำอะไรกันนักหนา คนยิ่งกลุ้ม
ๆ อยู่
"แฟนคุณเหรอ" ซิเรียถามมา เสียงสั่น ๆ บอกให้รู้ว่า
เจ้าตัวกำลังกลั้นหัวเราะอยู่อย่างเต็มที่
"ไม่ใช่ เอ๊ย! ใช่แหละ" ผมตอบปฏิเสธตามความเคย
ชินเวลามีคนถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างผมกับยะ
โยย แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเราเพิ่งคืนดีกันเมื่อคืนนี้
เอง อา... ใช่ครับ เพิ่งคืนดีกับแหมบ ๆ ก็มาผิดใจ
กันอีกแล้ว นึกแล้วกลุ้ม
"เพิ่งคืนดีกันเมื่อคืนนี้เองแท้ ๆ เฮ้อ!" ผมอดไม่ได้ที่
จะบ่นอุบอิบ
"ฮะๆๆๆๆๆ" ซิเรียระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
"เออ! เออ! หัวเราะให้สะใจไปเลยคุณ ฮึ! คุณนั่น
แหละต้นเหตุทำให้เป็นอย่างนี้" ผมพาลเข้าให้
ซิเรียยังคงหัวเราะไม่เลิก สักครู่หนึ่งก็หยุด เอามือ
กุมท้อง พลางใช้มืออีกข้างเช็ดน้ำตาที่หางตา
"โอย! ขำ" สาวตัวดีพูดเสียงหอบ ๆ "คุณนี่ตลกดี
เหลือเกิน โอย! ปวดท้อง"
"(;_;)" ผม (คงจะ) ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ (ก็ผม
มองไม่เห็นหน้าตัวเองนี่ครับ
"ดีนี่คุณ มีความสุข สะใจบนความทุกข์ของคนอื่น
โธ่! เวรกรรมของนายโคะจิโร่" ผมบ่นอุบอิบ
"ก็หน้าตาคุณตั้งแต่เมื่อกี้นะ มันตลกนี่ ทำหน้า
เหมือนโดนผีหลอกกลางวันแสก ๆ โอย... นี่แหละ
น้า ผลของความเจ้าชู้ มีแฟนอยู่แล้วก็ยังหลอกแต๊ะ
อั๋งคนอื่นอีก สมน้ำหน้า"
"..." ผม (คงจะ) ทำหน้ายู่ยี่ มองสาวที่ผมรู้สึกว่า
เป็นต้นเหตุของเรื่องยุ่งครั้งนี้เขม็ง
ซิเรียยิ้ม แล้วยื่นม้วนกระดาษในมือให้ผม "เอ้า!
สงสาร เอาไปซะ ฉันให้คุณก็ได้"
"อ้าว! ยอมให้ผมแล้วเหรอ ทีเมื่อกี้...(งึมงำ งึมงำ)"
ผมรับม้วนกระดาษนั้นมาคลี่ดู ไม่วายบ่นอุบอิบไป
ตามเรื่อง
"ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ถือเป็นค่าดูตลกละกัน"
เวรกรรม ผมกลายเป็นตัวตลกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่
ตอนนี้ไม่มีเวลามาต่อล้อต่อเถียงกับเจ้าหล่อนแล้ว
ครับ ผมก้มลงไปดูเศษกระดาษในมือ ซึ่งมีข้อความ
เขียนไว้ว่า
“เมื่อจันทร์ขึ้นบนฟ้า
ส่องแสงจนทะเลทรายสว่างไสว
ความชุ่มชื้นจะกลับมาสู่โอเอซิส”
back index next