EVE Burst Error
ภาค โคะจิโร่
วันที่ 3 ธันวาคม ค.ศ. 19xx

คะทสึระงิ ยะโยย



ออกจากโรงแรมแล้ว ผมก็เดินไปทางย่านอาคาร
สำนักงาน และมาหยุดเท้าอยู่ที่หน้าตึกซึ่งเป็นที่ตั้ง
ของสำนักงานของยะโยย ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็พาตัว
เองก้าวขึ้นไปชั้นสองของตึก...
"สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับค่ะ... อ้าว คุณโคะจิโร่นั่น
เอง" พนักงานธุรการสาวของสำนักงานเอ่ยทักผม
และพอเห็นถนัดว่าเป็นผม ก็ยิ้มให้
"หวัดดี เคโกะ ยังสวยเหมือนเดิมนิ"
"ฮิฮิ คุณโคะจิโร่ก็ยังปากหวานเหมือนเดิม มาหา
เจ้านายเหรอคะ?" หมายถึงยะโยย
"อื่อก็ไม่เชิงน่ะ พอดีผ่านมาแถวนี้เลยแวะเข้ามาดู
เท่านั้นเอง" มองไปรอบ ๆ สถานที่ซึ่งเป็นสถานที่ที่
ผมทำงานอยู่จนเมื่อไม่นานมานี้เอง "ท่าทางทุกคน
งานยุ่งนะ เป็นไงบ้าง เซ็งลี้ฮ้อไหม"
"ม่ายละค่ะ" เคโกะทำหน้าเศร้า "เห็นทุกคนยุ่ง ๆ
อย่างนี้ก็เถอะ บริษัทนี้ไปได้ไม่สวยอย่างที่เห็นจาก
ภายนอกหรอกค่ะ นี่งานสืบก็หายไปตั้งเยอะ ตั้งแต่
คุณโคะจิโร่ลาออกไปนั่นแหละค่ะ คุณนิไคโดแก
พยายามลุยงานอยู่เหมือนกันแต่ก็..." พูดแล้วก็ยัก
ไหล่ "นี่เมื่อกี้ก็บ่น ๆ ว่าคอมพิวเตอร์เขาหายไปไหน
ไม่รู้ (ไม่ได้หายหรอกครับ ผมยืมมาหน่อยเท่านั้น
เอง) สรุปแล้วก็ต้องคุณโคะจิโร่นั่นแหละค่ะ ถึงจะ
คลี่คลายคดีต่าง ๆ ที่รับมาได้สำเร็จ... คุณโคะจิโร่
ไม่คิดที่จะกลับมาที่นี่บ้างหรือคะ?"
ผมตอบคำถามนี้ไม่ออกได้แต่หัวเราะแหะ ๆ ประตู
ด้านในของสำนักงานก็เปิดออก แล้วร่างของใคร
บางคนก็ก้าวออกมา
"ใครมาเหรอ เคโกะ อะ... โคะจิโร่แกมาที่นี่ทำไม"
ยะโยยนั่นเอง
"หวะ หวะ หวะ...หวัดดีจ้ะ ยะโยย พอดีผ่านมาแถว
นี้น่ะ ก็เลยแวะมาหา สบายดีหรือเปล่า?"
"ก็เรื่อย ๆ แหละ..."
"กะ...แก ไอ้อะมะกิ มาที่นี่ทำไม" นิไคโดเดินเข้ามา
พอดี "อ๋อ รู้แล้ว ท่าทางจะจนปัญญาสืบเรื่องรูปให้
คุณโคสิท่า เลยเข้ามาคิดจะล้วงความลับของทางนี้
ใช่ไหมล่ะ"
หมอนี่ท่าทางจะอยู่ร่วมโลกกับผมไม่ได้เอาเลยจริง
ๆ แฮะ แต่เอาเหอะผมเองก็ไม่อยากจะอยู่นานนัก
หรอก รีบทำธุระให้เสร็จ ๆ ไปดีกว่าเนอะ
"อุ...โอ้ก" ผมย่อตัวลง เอามือกุมปาก "อยากอ้วก
โอย! ช่วยด้วย! หน้ามืด! โอย! เป็นอะไรก็ไม่รู้ พอ
เห็นหน้านายแล้วรู้สึกแย่ขึ้นมาทันทีเลยว่ะ"
"เห็นผมเป็นตัวน่ารังเกียจอีกแล้ว...เหรอ เฮ้ย..." นิ
ไคโดเข้าใจว่าผมเริ่มบทกวนประสาทเขาอีก แต่แล้ว
ก็สังเกตเห็นว่าผมท่าทางจะแย่จริง ๆ (ฮะ ฮะ ฝีมือ
แสดงละครผม ตีบทแตกอยู่แล้ว)
"โอ๊ะ อย่า ๆ อย่ามาทางผมนะ เฮ้! ใครก็ได้รีบเอาถัง
น้ำมาทีเร็ว เดี๋ยวเจ้านี่อ้วกเลอะเทอะหมด เหวอ!"
ผมทำตัวงอแล้วล้มลงไปเกาะตัวนิไคโด หมอนั่นตก
อกตกใจจนทำอะไรไม่ถูก กลัวผมอาเจียนใส่ แต่ก็
เท่านั้นแหละ เรียบร้อยผมเสร็จธุระกลับหมอนี่แล้ว
ล่ะ
"ถังน้ำมาแล้วครับ" ใครคนหนึ่งในสำนักงานเอาถัง
น้ำมาให้พอดี แต่ผมไม่ต้องการมันแล้วล่ะ
"โอ! พอเห็นถังน้ำแล้วหายคลื่นไส้เลยแฮะ แปลก...
ขอบคุณนะ" พูดกับคนที่อุตส่าห์วิ่งเอาถังน้ำมาให้ "
ท่าทางคุณรถไฟ ไม่ค่อยต้อนรับผมเท่าไรนัก ผม
กลับก่อนละกันครับทุกคน บ๊ายบาย ... ไปละ ยะ
โยย" สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะหันไปลาคนรักเก่าแล้ว
รีบเดินหนีออกไปนอกสำนักงานทันที
...
"เดี๋ยวก่อน โคะจิโร่"
เสียงยะโยยเรียกผมไว้ ขณะที่ผมกำลังจะออกจาก
ตัวตึกสำนักงาน ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานนักสืบ
คะทสึระงิ
"มีอะไรหรือ?" ผมหันกลับไป
"ใจดำ ขาดการติดต่อไปตั้งเป็นเดือน" ยะโยยตัดพ้อ
"พอบทจะโผล่มาอีกทีก็ดันโผล่มาในฐานะคู่แข่งอีก"
"ขอโทษฮะ" ผมไม่รู้จะพูดอะไรดีกว่านี้
"ช่างเถอะ งานนี้ต่างฝ่ายต่างพยายามทำให้ดีที่สุดก็
แล้วกัน แล้วคนที่จะชนะก็คือคนที่ดีกว่า ฉันเองก็ไม่
ยอมแพ้แกหรอก โคะจิโร่ ปากท้องของคนอีกหลาย
คนในสำนักงานฉัน ฝากไว้กับฉันอยู่"
"ฮื่อ" ผมพยักหน้ารับ คำพูดของเคโกะแว่ว ๆ ขึ้นมา
ในหัว
"เอ่อ ... ฉันขอโทษด้วย โคะจิโร่ ที่ตอนที่บ้านคุณโค
ฉันอาจจะทำท่าไม่ดีกับแกไปบ้าง แล้วก็ขอโทษ
แทนลูกน้องฉันด้วย" หมายถึงนิไคโด
"อู๊ย! เรื่องเล็ก" ผมโบกมือ "อย่าไปใส่ใจเลย ยะโยย
ฉันเองสิขอโทษด้วยนะ ถ้ารู้มาก่อนว่าคุณโคจ้าง
พวกเธอไว้ก่อนแล้วล่ะก็ จะไม่รับงานนี้หรอก"
บรรยากาศอึมครึมระหว่างเราสองคนเริ่มคลี่คลาย
ไปในทางดีขึ้นตามลำดับ แต่อย่างไรก็ตาม ตรา
บาปที่ผมทำไว้กับเธอก็ยังเกาะกุมใจผมอยู่ ยะโยย
ยอมให้อภัยผมหรือไงนะ ถึงได้พูดกับผมแบบนี้
"ว่างไหมล่ะ" ยะโยยถาม "อยากขอความเห็นของแก
เกี่ยวกับคดีคุณโคนี่หน่อย"
"ได้สิจ๊ะ" ผมตอบ "ยะโยยคิดว่าเป็นยังไงล่ะ"
"ความคิดของเรา ... หรือจะพูดให้ถูกก็คือ ของนิไค
โด คิดว่าเป็นการโจรกรรม"
ตรงตามที่ผมได้ยินมาจากคุณโค ทางสำนักงาน
คะทสึระงิพุ่งประเด็นไปที่การโจรกรรมจริง ๆ ด้วย
"พูดอย่างนี้แปลว่ายะโยยเองไม่เห็นด้วยงั้นเหรอ
กับความคิดของนายโตไคโดนั่น"
"เขาชื่อนิไคโดย่ะ ชอบไปแหย่เขานัก" ยะโยยค้อน
ให้ทีหนึ่ง "งานนี้ นิไคโดเขาเป็นคนรับผิดชอบทั้ง
หมดรวมทั้งการเก็บข้อมูลจากสถานที่เกิดเหตุด้วย
ก็เลยปล่อยให้เขารับผิดชอบไป ... เอ๊ะ ขี้โกง ฉัน
ตอบแกแล้วนะ ทีนี้ทางแกล่ะคิดยังไง"
"ฉันถามเมื่อกี้ถามว่า ยะโยยคิดยังไง ไม่ใช่นิไคโด
คิดยังไงสักหน่อย" ผมแย้ง "แต่เอาเถอะ บอกความ
คิดของฉันก่อนก็ได้ ฉันยังไม่เชื่อนักว่าเป็นการ
โจรกรรมนะ"
"ทำไมล่ะ ร่องรอยชัดเจนออกอย่างนั้น ระดับโคะจิ
โร่ละก็ ต้องพบเห็นร่องรอยนั้นแล้วล่ะ ใช่ไหม?"
"เห็นแล้ว แต่มันชัดเจนเกินไป เหมือนกับขโมยจงใจ
ทิ้งไว้ประกาศตัวว่า 'นี่เป็นการขโมยนะ' อย่างนั้น
แหละ"
"อืมห์... บอกตามตรงฉันก็คิดเหมือนกันว่า ตรงจุดนี้
น่าสงสัยมาก" ยะโยยพูด พลางอัดบุหรี่เวอร์จิเนีย
สลิมเข้าปอด สัญลักษณ์ประจำตัวของยะโยยก็คือ
บุหรี่ยี่ห้อนี้นั่นแหละ สูบมายี่ห้อเดียวตั้งแต่ไหนแต่
ไรแล้ว "แต่ทำไงได้ ในเมื่อคนรับผิดชอบเขามั่นอก
มั่นใจมากว่าเป็นการโจรกรรม"
"ฉันว่านะ นิไคโดฝีมือยังไม่ถึงขั้นหรอก เธอออกโรง
เองจะดีกว่ามั้ง"
"อยากทำอยู่หรอก แต่ฉันมีงานด้านอื่นอีก ไหนจะ
ด้านธุรการเอย ติดต่อลูกค้าเอย อีกอย่างนิไคโดถึง
แม้จะฝีมือยังไม่ถึงขั้นก็จริง แต่ก็ไม่ได้ไร้ฝีมือไปเลย
ทีเดียวนะ เรื่องนี้แกเองก็คงจะยอมรับ"
...
คุยกับยะโยยในครั้งนี้ ทำให้รู้ว่า ยะโยยยังไม่ได้
เปลี่ยนไปเลย คงเหมือนเดิมทุกอย่าง รวมทั้งมัน
สมองที่แสนไวเหมาะสมกับการเป็นนักสืบนั้นด้วย
ซึ่งยังคงรู้ทันที่ผมพูดทุกอย่าง (แต่ก็ยังไม่ถึงกับจะรู้
ทันที่ผมคิดทุกอย่างหรอกนะครับ ไม่งั้นผมก็เป็นลูก
ไก่ในกำมือของเธอไปนะสิ) สุดท้ายก่อนแยกจาก
กัน ยะโยยฝากคำพูดไว้ว่า
"คิดถูกจริงๆ ที่วิ่งตามออกมา ได้คุยแลกเปลี่ยน
ความคิดเห็นครั้งนี้ เหมือนกับได้ย้อนกลับไปใน
อดีต สมัยที่มีเราสามคน ช่วยกันทำคดีต่าง ๆ เลย"
ด้วยผลจากคำพูดนี้กระมัง เท้าผมพาตัวเองมาถึง
หน้าแมนชันแห่งหนึ่งโดยไม่รู้ตัว เป็นแมนชันที่ยะ
โยยอาศัยอยู่ และจนถึงเมื่อไม่นานมานี้เอง ผมก็
อาศัยอยู่กับเธอด้วย ก่อนที่ผมจะเฉดหัวตัวเองออก
มา ทั้งจากห้องพักของเธอ และจากสำนักงาน
'ซันแมนชัน ห้อง 303' ผมนึกในใจ ใช่ ห้องนั้น คือ
ห้องที่ยะโยยอยู่และเคยเป็นวิมานรักของเราสองคน
แต่มันก็เป็นอดีตไปแล้ว
...

back index next