EVE Burst Error
ภาค โคะจิโร่
วันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 19xx
(กลางคืน)

ฝ่าวงล้อม


ผมขยับจะนำเดินไปทางประตูห้อง แต่แล้วก็ชะงัก
กึก หันไปทางหญิงสาวที่อยู่ด้านข้าง รวบเอวเธอ
เข้ามา แล้วกระโจนแผลวเข้าไปหาโซฟาตัวใหญ่ที่
อยู่ริมผนังทันที
“อุ๊ย!”
เจ้าหญิงพริเซียอุทาน พร้อม ๆ กับที่มีเสียงเปิด
ประตูห้อง ไม่สิครับ เสียงถีบประตูห้องดังโครม
ตามด้วยเงาร่างของใครสองคนที่วิ่งพรวดเข้ามาใน
ห้องพร้อมอาวุธปืนสงครามในมือ โชคดีเป็นของผม
ที่สองคนนั้น ชะงักมองหุ่นไม้ที่ตั้งบนเก้าอี้กลางห้อง
ไปชั่วขณะ แต่มันก็เพียงพอทำให้ผมชักปืนคู่ใจขึ้น
มา เหนี่ยวไกไปที่ทั้งสองคน คนละสองนัด ส่งผลให้
ทั้งคู่ร่วงลงไปกับพื้น
“ปัง ๆ ๆ”
ผมใจหายวาบ เพราะทันทีที่ผมจัดการกับสองคนที่
บุกเข้ามาทางประตูแล้ว ก็ปรากฏห่ากระสุนสาดมา
จากทางหน้าต่างทันที ผมหันขวับไปพร้อม ๆ กันที่
เล็งปากกระบอกปืนไปด้วย เป็นเวลาเดียวกับที่
อาคันตุกะที่บุกเข้ามาทางหน้าต่างหันกระบอกปืน
มาทางผมด้วยเช่นกัน แต่โชคดีเป็นของผมที่ปืนใน
มือผมลั่นจับเป้าหมายได้และลั่นออกไปก่อน ทำให้
ปืนของฝ่ายตรงข้ามกระดกขึ้นไปสาดกระสุนผ่าน
อากาศธาตุเหนือศีรษะผมขณะที่เจ้าของปืนถูกผม
ยิงร่วงลงไปกับพื้น
“เกือบไปแล้ว” ผมอุทานเบา ๆ ชำเลืองไปที่หุ่นไม้
พบว่าตอนนี้มันถูกยิงพรุนอยู่ในสภาพเละเทะไป
แล้ว ต้องขอบคุณไฟสลัวแบบไฟในห้องพักโรงแรม
ทั่ว ๆ ไป ที่มักจะไม่ให้แสงสว่างจ้า ทำให้เจ้า
อาคันตุกะผู้ประสงค์ร้ายทั้งสามนี้ ถูกเบนความสน
ใจไปที่หุ่นไม้ก่อน เหมือนกับผมในตอนแรกที่เข้า
ห้องนี้มา ไม่เช่นนั้น ต่อให้ผมจัดการเจ้าสองคนที่
บุกเข้าทางประตูได้ก็จริง ผมคงเสร็จเจ้าคนที่สามนี้
แน่ ๆ เพราะตอนนั้น ผมขาดความระมัดระวังทาง
ด้านหน้าต่างไปโดยสิ้นเชิง มันน่าเจ็บใจนัก ทั้ง ๆ ที่
หาทางหนีทีไล่ไว้แต่ตอนแรกที่เข้าห้องนี้มาแล้ว
เชียวว่า ที่ริมหน้าต่างมีบันไดหนีไฟ แต่เอาเข้าจริงก็
ลืมเรื่องนี้ไปสนิท เจ้าคนที่เข้ามาทางหน้าต่างคงมา
ทางบันไดหนีไฟนี้สิท่า
อ๊ะ เดี๋ยวก่อน ถ้าลองฝ่ายตรงข้าม ซึ่งยังไม่รู้ว่าเป็น
พวกไหนนี้ แบ่งส่งกำลังมาทางบันไดหนีไฟละก็…
แต่มันจะเป็นไปตามที่ผมคิดรึเปล่าล่ะ?
ผมหันไปทางเจ้าหญิงพริเซียที่หมอบอยู่ข้าง ๆ เธอ
ผู้นี้ช่างมีขวัญดีจริง ๆ ไม่ร้องตกใจสักแอะ
“ทำไมพวกนั้นรู้ถึงที่นี่ได้?” เจ้าหญิงพริเซียรำพึงขึ้น
เมื่อผมหันไปมองหน้าเธออย่างขอความเห็น เธอก็
พูดต่อว่า “หน่วยจู่โจมของพวกกรมข่าวกรองเอล
เดียเก่าค่ะ”
“รู้สึกว่า ระยะทางจากที่นี่ไปสถานทูตเอลเดียจะไม่
ใกล้อย่างที่คิดแล้วนะครับ” ผมบอก พลางสำรวจ
กระสุนสำรองที่ติดตัวอยู่ พบว่ามีเพียงหนึ่งตลับ สิบ
ห้านัดเท่านั้น! จากประสบการณ์ของผมบอกว่า
งานนี้ คงจะไม่มีโอกาสได้เปลี่ยนซองกระสุนแน่ ผม
ฉวยโอกาสตอนนี้ ที่ฝ่ายตรงข้ามกำลังชะงักจาก
ความล้มเหลวของหน่วยจู่โจมชุดแรก ดึงซอง
กระสุนเดิมซึ่งวันนี้ใช้ไปหลายนัดแล้ว-ทั้งที่สถาน
ทูตและที่นี่-ออกทิ้งไป แล้วยัดซองกระสุนใหม่เข้า
ไปแทน
“พริน!” ผมเรียก
“คะ?”
“เดี๋ยวพวกมันจะบุกเข้ามาชุดใหญ่อีกนะ แต่ฉันจะ
ต้านไว้เอง ถ้าฉันให้สัญญานละก็ เรารีบวิ่งไปทาง
หน้าต่าง แล้วก็ลงบันไดหนีไฟไปเลย เข้าใจไหม”
“แล้วท่าน…”
“ไม่ต้องถาม ทำตามที่ฉันบอก นี่เป็นคำสั่งที่ฉันสั่ง
ต่อพรินนะ” ผมไม่เปิดโอกาสให้หญิงสาวอุทธรณ์
ใด ๆ พูดต่อว่า “ไปที่ห้อง 303 ซันแมนชั่น….”
ผมบอกที่อยู่ของแมนชันให้กับเธอไป
“จำที่อยู่ได้นะ”
“ค่ะ”
“หาคนที่ชื่อคะทสึระงิ ยะโยย ให้เขาอารักขาเธอไป
คนนี้ไว้ใจได้ ฉันรับรอง”
“ค่ะ”
“อ้อ ห้ามบอกเขาเด็ดขาดว่ามาจากฉัน ให้บอกว่าพ
รินไปหาเขาเอง ไม่ต้องถามว่าทำไม ทำตามที่ฉัน
บอกก็แล้วกัน เข้าใจไหม”
ไม่ทันที่พรินหรือพริเซียจะตอบรับหรือปฏิเสธ ก็
ปรากฏห่ากระสุนสาดเข้ามาจากทางหน้าต่าง ผม
พลิกตัวเข้าหาหญิงสาว และกดตัวเธอไว้ให้หมอบ
อยู่ระดับต่ำที่สุด โดยเราสองคนซ่อนตัวอยู่หลัง
โซฟาตัวใหญ่ในห้องนั้น อีกอึดใจถัดมา เสียงปืนที่
ยิงจากทางหน้าต่างก็เงียบลง ผมนึกรู้ทันทีว่าจะ
เกิดอะไรขึ้นต่อไป
'บ๊ะ มาตามแมนนวลเลยแฮะ ไอ้พวกนี้ ไม่รู้จัก
ประยุกต์เลย' ผมนึกในใจ ขณะที่โผล่ตัวออกจากที่
กำบังอย่างระมัดระวัง โดยเลือกโผล่ออกไปด้านที่
โซฟาสามารถบังตัวผมจากทางด้านหน้าต่างได้
เป็นไปตามคาด สองร่างของอาคันตุกะอีกสองคน
โผล่พรวดเข้ามาทางประตู ผมยิงปืนใส่สองคนนั้น
ทันที
"ปัง ปัง" คราวนี้ ยิงใส่คนละนัดเท่านั้น ร่างของสอง
คนนั้นล้มลง เกือบจะเป็นเวลาเดียวกับที่มีกระสุน
สาดจากทางริมหน้าต่างมาทางผม
ผมไถลตัวเลียดพื้นพ้นที่กำบังออกไป โดยที่ได้
คำนวณตำแหน่งที่อยู่ของฝ่ายตรงข้ามเรียบร้อย
แล้ว หมอนั่นยังคงยืนทะเล่อทะล่าอยู่ริมหน้าต่าง
ไม่ได้หาที่กำบังแต่อย่างไร ผมลั่นไก ส่งเจ้านั่นลงไป
หงายหลังไปกระแทกกับผนังห้องแล้วค่อย ๆ รูดตัว
ลงกองกับพื้น ขณะที่พรมตรงหน้าผม เต็มไปด้วยรู
กระสุน ผมนึกขอบคุณดวงของตัวเองในใจที่จะ
เสี่ยงแลกหมัดครั้งนี้ ผมเป็นฝ่ายชนะ
'ชุดต่อไป' ผมคิดในใจ เป็นไปตามคาดมีเงาถลันจะ
เข้ามาทางหน้าต่างอีก ผมลั่นไกใส่เจ้าหมอนั่นทันที
ร่างของมันหงายเก๋ง ล้มไปนอกหน้าต่างอย่างไม่
เป็นท่า
แต่ผมไม่มีเวลาดูผลงานตัวเองมากนัก หันขวับไป
ทางประตูและก็เห็นอีกสองคนบุกเข้ามาอีก
'ไอ้ตายเถอะ มาชุดละสามตลอดเลย ไม่รู้จักพลิก
แพลงบ้าง' ผมนึกในใจ แต่ก็ขอบคุณพวกศัตรูด้วย
เพราะถ้าหากพวกมันรู้จักการประยุกต์ดัดแปลง
ยุทธวิธีให้ดีกว่านี้ ผมก็คงจะหมดปัญญาที่จะทำ
อะไรได้
"ปัง ๆ ๆ" ปืนนัดแรกของผมส่งหนึ่งในสองคนนั้น
กระเด็นหงายหลังไปได้ แต่อีกนัดถัดมา พลาดเป้า
ไป ทำให้ผมต้องยิงนัดที่สามซึ่งก็แค่ถากส่วนขาของ
เจ้าคนนั่นไป เปิดโอกาสให้หมอยิงสวนกลับมา
"อุ๊บ" ผมกลิ้งตัวกลับมาหลบหลังโซฟาแทบไม่ทัน
กระสุนจากหมอนั่นเฉียดข้างตัวผมไปอย่าง
หวุดหวิด
ผมหันไปมองหน้าพริเซีย ซึ่งยังคงกุมสติมั่นคงอยู่
อย่างน่าชมเชย เธอส่งสายตามามองด้วยความ
กังวล ผมแค่นยิ้มให้ นึกในใจว่า ถ้าผมคาดการณ์
ไม่ผิด อย่างน้อยเจ้าหญิงน้อยองค์นี้ก็น่าจะมี
โอกาสรอดแล้ว
ปืนจากอาคันตุกะคนสุดท้ายในชุดจู่โจมชุดที่สาม
ยิงมาที่โซฟาที่เราหลบซ่อนตัวอยู่เป็นระยะ แต่เนื่อง
จากเราสองคนหมอบอย่างต่ำมาก ทำให้กระสุน
เหล่านั้นทำได้เพียงเจาะพนักโซฟาทะลุเป็นรูพรุนรู
แล้วรูเล่าเท่านั้น
"ถ้าเห็นฉันกระโจนออกไปละก็ เธอก็วิ่งไปทางหน้า
ต่างเลยทันที เข้าใจนะ"
ผมกระซิบบอกเจ้าหญิงพริเซีย
"แต่..." หญิงสาวแย้งด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ
"ไม่มีแต่ นี่เป็นคำสั่ง เข้าใจไหมพริน ไม่เชื่อฟังกัน
แล้วรึไง หือ"
"..." พริเซียอึ้งไป แล้วก็แค่นยิ้ม "ท่านดีแต่สั่งเรานะ
โคะจิโร่"
"แน่นอน เสร็จจากงานนี้ไปได้ ฉันจะไปคุยให้ทั่วเลย
ว่าฉันเคยใช้เจ้าหญิงทำความสะอาดบ้านมาให้
แล้ว" ผมแกล้งพูดเล่น แต่ในใจร้อนรุ่มขึ้นทุกขณะ รู้
สถานการณ์ดีว่าฝ่ายตรงข้ามเตรียมบุกใหญ่เข้ามา
ทางประตูแน่ ส่วนทางหน้าต่างนั้น ปกติจะแบ่ง
กำลังส่วนหนึ่งมาเท่านั้น และผมก็จัดการเก็บไปได้
สามคนแล้ว น่าจะหมดเพียงเท่านี้ นั่นคือ นี่เป็น
โอกาสรอดโอกาสเดียวของเจ้าหญิงพริเซียที่จะ
หลบหนีไปทางบันไดหนีไฟที่ข้างหน้าต่าง ถ้าการ
คาดการณ์ของผมผิด หรือ ผมยับยั้งการบุกใหญ่
จากทางประตูห้องนี้ไม่อยู่ ทุกอย่างก็จบกัน
"ท่านต้องไม่ตายนะ" ความรู้สึกหลาย ๆ อย่างที่อัด
อั้นอยู่ในใจของหญิงสูงศักดิ์คงจะส่งผลให้เธอพูด
เช่นนี้กับผม
ผมแค่นยิ้มตอบแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า "เชื่อ
มือโคะจิโร่คนนี้เถอะน่า"
"!!!" ผมตกตะลึงเพราะเจ้าหญิงพริเซียยื่นหน้าเข้า
มาจุมพิตที่ริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบา เมื่อเธอ
ผละหน้าออก ผมสังเกตเห็นแก้มของเธอเป็นสีชมพู
ขณะที่เธอพูดเสียงแผ่วเบาว่า
"เราจะรอท่านที่ 'ทริตัน'"
ผมกลับเป็นตัวของตัวเองทันที พยักหน้าให้หญิง
สาว พลางถอดเสื้อชั้นนอกที่ผมใส่อยู่ออก โยนมัน
ออกพ้นโซฟาไปทางผนังฝั่งประตู ได้ผล มีกระสุน
สาดเข้าใส่มันทันที ผมกระโจนตามเสื้อนั้นไปนอน
ตะแคงกับพื้น ยิงปืนในมือใส่ศัตรูที่อยู่ในห้อง
"ปัง ปัง" ส่งเจ้าวายร้ายในห้องหงายหลังไปแล้ว ผม
ก็เบนปากกระบอกไปทางประตู
"ปัง ปัง" ยิงส่งล่วงหน้าไปก่อนสองนัด แล้วตัวเองก็
ลุกขึ้นวิ่งไปทางนั้นทันที หนึ่งในสองนัดที่ยิงไปก่อน
นั้นกระทบเข้ากับร่างของหนึ่งในผู้ที่กำลังอออยู่
หน้าห้อง
ผมไม่พูดให้สัญญานแก่พริเซียว่า "ไป" ได้แต่เชื่อใจ
ในสติปัญญาของเธอว่าจะไม่ทำให้ผมต้องเสี่ยงฟรี
ซึ่งหมายความว่า ณ ขณะนี้เธอควรจะไปถึงนอก
หน้าต่างแล้ว และคงกำลังไต่บันไดหนีไฟลงไปอยู่
ที่เหลือก็คือ ผมจะต้องถ่วงเวลาไว้ให้นานที่สุด
เอ ยิงไปกี่นัดแล้วหว่า จากซองกระสุนใหม่ที่มีอยู่
สิบห้านัด ผมยิงไปแล้วสิบเอ็ดนัด เหลืออยู่แค่สี่นัด
เท่านั้น แต่ฝ่ายตรงข้าม ท่าทางจะเหลืออยู่นับสิบ!
นี่คือเหตุผลที่ผมวิ่งเข้าไปหาพวกมันเสียเอง ขณะที่
ในใจผมก็ได้แต่ภาวนาให้พรินหรือพริเซียหนีไปได้
อย่างปลอดภัย
back index next