EVE Burst Error
ภาค โคะจิโร่
วันที่ 3 ธันวาคม ค.ศ. 19xx
เด็กลึกลับ
ผมเข้ามาในสำนักงานก็ตรงเข้าไปที่เตียงนอนของ
ผม ซึ่งตอนนี้ยกให้เด็กที่ผมช่วยไว้นอนไปแล้ว
ปรากฏว่า เจ้าหนูนอนหลับสนิท เสียงหายใจเข้า
ออกดังเป็นระยะ ๆ ผมลองเอามืออังหน้าผากดูพบ
ว่า ไม่มีไข้ ก็คลายใจ
'อืมห์ สงสัยรอยาจนหายปวดหัวไปเองแฮะ' ผมคิด
ในใจ แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็วางยาไว้บนโต๊ะกลาง
สำนักงาน ซึ่งเป็นโต๊ะตัวเดียวในที่นี้ ถ้าไม่นับโต๊ะ
คอมพิวเตอร์ โต๊ะตัวนี้ ผมใช้ทำทุกอย่างตั้งแต่เขียน
หนังสือ อ่านหนังสือพิมพ์ วางของต่าง ๆ (อันนี้ทำ
บ่อย) กินข้าว (อย่างหลังนี่ ระยะหลังไม่ค่อยได้ทำ
เท่าไร คิดแล้วเศร้า)
'วางไว้อย่างนี้คงเห็นนะเจ้าหนู ตื่นขึ้นมาก็หยิบกิน
เองก็แล้วกัน' ผมยังใจดีขนาดเดินไปหยิบเอาขวด
น้ำจากในตู้เย็นมาวางไว้ข้าง ๆ ยาด้วย
เอ แล้วคืนนี้ผมจะนอนไหนดีล่ะ ก็คงจะไม่แคล้ว
ต้องนอนที่โซฟากระมัง แต่ยังไม่ง่วงเท่าไรเลย ขอ
ทำงานอีกนิดละกัน แล้วค่อยนอน
ผมเดินไปยังโต๊ะคอมพิวเตอร์ เปิดเครื่องคอมฯ แล้ว
ก็เริ่มจมอยู่ในภวังค์ความคิด พลางคีย์ข้อมูลเข้า
เครื่องเป็นครั้งคราว อันนี้เป็นนิสัยของผมเองครับที่
ต้องอาศัยการพิมพ์ข้อมูลเข้าคอมพิวเตอร์ เป็นการ
จัดระเบียบและประมวลข้อมูลในหัวสมองของผม
ไปด้วย สิ่งที่ผมสรุปได้วันนี้ก็คือ
- ผมรับงานให้สืบหาภาพวาดซึ่งมีขนาดเล็ก
ประมาณฝ่ามือ จากคนชื่อ โค ซึ่งเป็นชาวเอลเดีย
เชื้อสายจีน และมารู้ทีหลังว่าเขาเป็นผู้อำนวยการ
โรงเรียนนักเรียนต่างชาติเอลเดีย
- งานนี้ เขาให้ผมทำเพียงแค่ สืบหาว่าขณะนี้รูป
ภาพอยู่ที่ไหนเท่านั้น ไม่ต้องถึงกลับนำรูปนั้นกลับ
ไปให้เขา (ตรงนี้น่าสงสัยมาก)
- ภาพวาดดังกล่าว เป็นภาพที่เกี่ยวกับศาสนาอิส
ลาม แต่ตามข้อมูลของเกล็นแล้ว เป็นภาพที่ไม่มี
ราคาค่างวดอะไรนัก และก็ไม่มีข่าวว่า รูปนี้ถูก
ขโมยไปเข้าตลาดมืด
- ร่องรอยการโจรกรรมที่พบเห็นที่บ้านคุณโค น่า
จะเป็นร่องรอยที่จงใจทำขึ้น เพื่อกลบเกลื่อนอะไร
บางอย่าง แต่ที่แน่ ๆ คือ มีคนหลงกลเชื่อร่องรอย
นั้นเต็มเปา ว่าเป็นการโจรกรรม ทั้งนี้ผมเช็คกับคุณ
โคแล้วด้วยว่า เครื่องป้องกันโจรกรรมของบ้านเขา
ทำงานอยู่อย่างสมบูรณ์แน่นอน
- ในตู้เอกสารซึ่งคุณโค หรือพูดให้ถูกคือ เพื่อนคุณ
โคยืนยันว่า เป็นสถานที่สุดท้ายที่พบรูปภาพนั้น ลิ้น
ชักทุกอันว่างเปล่า ยกเว้นลิ้นชักตัวกลางแถวล่าง มี
สมุดฉีก พร้อมปากกาวางอยู่ข้างใน
- ในสมุดฉีกที่พบนั้น แผ่นสุดท้าย (ซึ่งถูกฉีกไป
แล้ว) เขียนข้อความเอาไว้ (และผมค้นพบข้อความ
นี้โดยการฝนดินสอบนแผ่นบนสุดที่เหลืออยู่) ข้อ
ความเป็นภาษาอาหรับ แต่มีภาษาญี่ปุ่นอยู่ว่า "เดิน
ให้ไกลขึ้นไปอีก" ตรงนี้หมายความว่าอะไรกันแน่นะ
ผมนิ่งคิดอยู่นาน เป็นไปได้ไหมว่านี่คือ คำบอกใบ้ที่
ซ่อนของรูปภาพนั้น ที่ซ่อนหรือ? ก็หมายความว่า
ไม่ได้เกิดโจรกรรมน่ะสิ แต่มีใครบางคน 'จงใจ' ซ่อน
รูปภาพนั้นไว้จากมือคุณโค นี่ก็น่าสงสัยเหมือนกัน
บอกตามตรง สังหรณ์ของผมตั้งแต่แรก ไม่ได้จางลง
ไปเลยแม้แต่นิดเดียว ที่ว่า ผมไม่ไว้ใจนายโคคนนี้
เลย
- เกี่ยวกับรูปภาพนั่น ผมไปที่ห้องสมุดของโรงเรียน
ของนายโคนั่นแหละ แล้วก็นัดกับคุณบรรณารักษ์
สาวสวยที่ชื่อ มะทสึโนะไว้เรียบร้อยแล้วด้วย ว่า
พรุ่งนี้ เธอจะช่วยผมหาข้อมูลเกี่ยวกับภาพนี้ให้
นอกจากนี้ วันนี้ ผมก็ได้พบกับยะโยยหลังจากที่ไม่
ได้พบกันตั้งนาน ได้รู้ว่าสำนักงานนักสืบของเธอ
ตอนนี้ไปได้ไม่สวยนัก เอ... เมื่อกี้ แวะไปที่สำนัก
งานของเธอโดยบังเอิญ (?) ก็พบว่าเธอยังทำงาน
อยู่จนดึกซะด้วยสิ
คิดมาถึงตรงนี้ ผมก็เกิดความรู้สึกอะไรบางอย่างขึ้น
มา ผมปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ และตั้งใจว่าวันนี้พอ
แค่นี้ก่อนสำหรับเรื่องงาน แต่แล้วผมก็รู้ตัวว่า ตอน
นี้ผมยังนอนไม่หลับแน่ เพราะใจไม่สงบ
แวะไปดูเจ้าหนูสักหน่อย ฮึ! หลับสบายเชียวนะ มา
แย่งที่ชาวบ้านเขานอนอย่างนี้ ผมวางใจขึ้นนิดหนึ่ง
แล้วเดินออกไปข้างนอก
...
เท้าผมพาผมมาหยุดที่หน้าซันแมนชันอีกครั้งหนึ่ง
หลังจากที่เดินเตร็ดเตร่ไร้จุดหมายอยู่แถวเซ็นทรัล
อะเวนนูอยู่ครู่ใหญ่
"โคะจิโร่ มาทำอะไรแถวนี้"
ผมหันขวับไปทางต้นเสียง แต่ที่จริงไม่ต้องหันไปก็รู้
ว่าเป็นใคร ยะโยยนั่นเอง ยืนมองผมอยู่พร้อมล้วง
เอาบุหรี่เวอร์จิเนียร์สลิมซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำ
ตัวของเธอขึ้นมาจุดสูบ
"ยะโยย" ผมทักตอบ "เพิ่งกลับบ้านเหรอ"
"อื้อ" ยะโยยตอบ
"งานเสร็จแล้วเหรอ"
"ยังหรอก แกคิดว่างานเยอะขนาดนั้นทำมีวันหมด
รึ?" ยะโยยยักไหล่ "ก็แค่ขีดเส้นแบ่งเท่านั้นเองแหละ
ว่าวันนี้พอแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาลุยใหม่"
"ระวังผอมนะ" ผมแหย่เข้าให้ เพราะรู้ดีว่าห้ามไปก็
เท่านั้น
"ฮึ ผอมไปหลายโลแล้วล่ะย่ะ ตั้งแต่แก... ฮึ! ไม่พูดดี
กว่าฉันกลับล่ะ"
"บ๊ายบายจ้า"
ยะโยยโบกมือให้ผมทีหนึ่งแล้วก็เดินตรงไปทางแมน
ชัน
...
เดินกลับมายังรังของตัวเองอีกที ก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมา
อืมห์ อย่างน้อยยะโยยก็กลับบ้านเธอไปแล้ว เป็น
ห่วงเธอไปก็เท่านั้นแหละ เราเองก็นอนดีกว่า คิด
อย่างนั้นแล้ว ผมก็ตั้งใจว่าจะเข้าอาบน้ำแล้วก็เข้า
นอนสักที
"เอ๊ะ" ผมเดินลงบันไดเข้ามาในสำนักงาน ก็อดที่จะ
เดินไปดูที่เตียงนอนไม่ได้ ปรากฏว่าเจ้าหนูหายไป
แล้ว ทีแรกก็คิดว่าได้เรื่องซะแล้ว พาใครที่ไม่รู้จักหัว
นอนปลายเท้าเข้ามา โดนยกเค้าเข้าให้แล้วไหมล่ะ
แต่นึกอีกที สำนักงานของผมก็ไม่มีอะไรให้ขโมยนี่
นา ของที่มีค่าก็เห็นแต่จะมีเจ้าเครื่องคอมพิวเตอร์คู่
ชีพของผมเครื่องเดียวเท่านั้นกระมัง มองไปทางโต๊ะ
วางของ ก็พบว่าขวดน้ำหายไปแล้ว และซองยาก็มี
รอยถูกฉีก
'อ๋อ เด็กแกคงตื่นแล้ว ก็กินยานั่นเองน่ะ ทำเราตก
ใจหมด แต่เอ แล้วหายตัวไปไหนแล้วล่ะ'
เดินวนเข้าไปด้านในสำนักงานสักหน่อยหนึ่ง ผมก็
ได้ยินเสียงดังมาจากทางห้องอาบน้ำ
อ้อ ที่แท้ก็เข้าไปอาบน้ำนั่นเอง ผมเองก็กำลังคิดจะ
อาบน้ำอยู่พอดีเลยแฮะ อืมห์ งั้นก็เข้าไปอาบด้วย
กันเลยละกัน ผู้ชายเหมือนกันไม่ต้องอาย จะได้
สอบปากคำ (พูดเหมือนตำรวจแฮะ) เจ้าหนูว่าเป็น
ยังไงมายังไงถึงได้มาป้วนเปี้ยนแถวนี้ ปะเหมาะจะ
ได้ถามว่าบ้านอยู่ไหน และส่งคืนบ้านแกได้ถูก
'เด็กต่างชาติซะด้วย ถ้าเป็นพวกหนีเข้าเมืองมาจะ
ทำไงดีล่ะ' ผมอดคิดไปอีกไม่ได้ แต่แล้วก็เดินไปที่
หน้าห้องอาบน้ำ มองไปที่ตะกร้าก็เห็นมีเสื้อผ้าของ
เด็กคนนั้นถอดสุมอยู่ ไม่ผิดแน่กำลังอาบน้ำอยู่ใน
ห้องน้ำแน่ ผมจัดการถอดเสื้อผ้าตัวเองซะ แล้วก็
เคาะประตูห้องอาบน้ำ (ที่จริงผมเป็นเจ้าของบ้าน
นะเนี่ย)
"ไอ้น้องชาย อาบน้ำอยู่ใช่ไหม พี่อาบด้วยคนนะ"
เรียกตัวเองว่าพี่ เพราะเรายังไม่แก่ขนาดจะเป็นน้า
ซะหน่อย
ว่าแล้วผมก็เปิดประตูผลัวะเข้าไป
"ว้าย!"
"เหวอ!"
ผมตะลึง ข้างในห้องอาบน้ำ ไม่มีเด็กผู้ชาย มีแต่
เด็กวัยรุ่นผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง คงกำลังลุกขึ้นจากอ่าง
น้ำพอดี แน่นอนว่ากำลังอาบน้ำอยู่นี่ครับ ทั้งเนื้อทั้ง
ตัวไม่มีอะไรปกปิดแม้แต่ชิ้นเดียว แม่หนูตกใจ ตา
ค้าง มองหน้าผม แล้วก็ก้มหน้างุดลงไป แต่แล้วก็
ตกใจอีก เงยหน้าขึ้นมาอีก (ก็ผมแก้ผ้าอยู่เหมือน
กันนี่ เจ้าหล่อนก้มหน้าลงไปจะเห็นอะไรล่ะ ไม่
อยากคิด) แต่แล้วแม่หนูก็ก้มหน้าลงไปอีก แล้วก็
เงยอีกที หน้าแดงก่ำ
"คุณ..." เสียงใส ๆ ลอดริมฝีปากบางเฉียบนั้นออก
มา ดวงตาเบิ่งกว้างมองผม ผมสังเกตเห็นว่านัยน์
ตาของหล่อนไม่ใช่สีดำแบบคนเอเชียแต่เป็นสีฟ้า
ไม่สิอีกข้างหนึ่งสีทอง เอ๊ะ ตาสองข้างสองสีเห
รอ??? และเด็กสาวคนนี้ผมสีทอง ผิวคล้ำ
"ใครกัน..." ผมเองก็ตกใจพูดได้แค่นั้นเหมือนกัน
"คุณ..." เด็กสาวพูดขึ้นอีกคำหนึ่ง คราวนี้ก็คอพับ
คออ่อน ทรุดลงไปกองกับพื้นคงจะช็อคสินะ ที่ตัว
เองอาบน้ำอยู่ แล้วจู่ ๆ ก็มีผู้ชายโผล่เข้ามา แต่นี่มัน
เป็นบ้านผมนะ แล้วที่สำคัญ คนที่ช็อคพอกันก็คือ
ผมนั่นแหละ เปิดเข้ามา กะว่าจะเจอเด็กผู้ชายกลับ
กลายเป็นผู้หญิงไปซะได้ แล้วเจ้าหนูนั่นหายไปไหน
ละนี่ กลายเป็นมีแม่หนูคนนี้มาแทน เอ๊ะ เป็นไปไม่
ได้น่า
'แต่เอ ผมสีทอง เหมือนกับ...'
อย่างไรก็ตาม ผมก็ปล่อยให้ยัยหนูนอนกองอยู่ใน
ห้องอาบน้ำไม่ได้อยู่ดี ช่วยไม่ได้นะสาวน้อย ขอ
แตะเนื้อต้องตัวหน่อย ผมก้มลงอุ้มเอาตัวเธอขึ้นมา
'เบาโหยงเลย' ผมคิด 'เอ เบา ๆ อย่างนี้เหมือนกับ
เจ้าหนูนั่นเลย หรือว่า เป็นคนคนเดียวกันจริง ๆ'
ตายละ นายโคะจิโร่ มองเห็นผู้หญิงเป็นผู้ชายไปได้
ไงนี่แต่คิดดี ๆ อีกที เจ้าหนูหรือยัยหนูคนนี้ตอนที่
แต่งตัวเป็นผู้ชาย ก็เอาปีกหมวกปิดหน้าตลอด ทำ
ให้เห็นหน้าไม่ถนัด แล้วก็ผมสีทองที่ยาวสลวยนี่ก็
คงจะซ่อนไว้ใต้เสื้อแจ๊คเก็ตนั่นแหละ แต่ผมก็บ้า
จริง ที่ไม่ได้สังเกตสังกาให้ดี ทั้งที่เคยอุ้มเจ้าหนูตอน
ที่สลบครั้งแรก
ผมวางเด็กสาวไว้บนเตียง แล้วก็ตัดสินใจหยิบเลือก
เสื้อกางเกงที่ผมใช้เป็นชุดนอน มาจากในตู้เสื้อผ้า
'พระเจ้า เป็นพยานให้ลูกช้างด้วยเถอะครับ ว่าลูก
ช้างมีเจตนาบริสุทธิ์' พูดพึมพัมไปตามเรื่อง แล้วผม
ก็แต่งตัวให้เด็กสาวด้วยชุดนอนของผม ชุดชั้นในไม่
มีก็ช่วยไม่ได้ล่ะ โอย ทุลักทุเลเหลือเกิน พยายามจะ
มองเจ้าหล่อนให้น้อยที่สุด นี่ถ้ายะโยยอยู่ด้วยก็ดีสิ
แต่เอ๊ะ ถ้าขืนยะโยยอยู่ด้วย ป่านนี้ผมมีหวังตายแห
ง๋แก๋ไปแล้วนะสิ
"ฮัดเช้ย" แต่งตัวให้ยัยหนูเสร็จแล้ว ผมก็จามออกมา
อ้าว! ตัวเองยังล่อนจ้อนอยู่เลยนี่ ไม่ได้การ เดี๋ยว
เป็นหวัดหรอก รีบอาบน้ำแล้วนอนดีกว่า ดึงเอาผ้า
ห่มที่ซุกอยู่ตรงปลายเตียงมาคลุมตัวให้เด็กสาวลึก
ลับ แล้วผมก็เดินไปเข้าห้องอาบน้ำใหม่อีกที
หวังว่าคืนนี้คงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกนะ พอกันที
วันนี้
...
และแล้ว คืนนั้นผมก็ต้องนอนที่โซฟาทั้งคืน
back index next