EVE Burst Error
ภาค โคะจิโร่
วันที่ 3 ธันวาคม ค.ศ. 19xx

อะคัว ลอยด์


ผมเดินออกจากร้านขายยาร้านหนึ่งในเซ็นทรัลอะ
เวนนู เป็นไปตามคาด มีร้านขายยาเปิดอยู่จริง ๆ
ด้วย ช่างสมกับเป็นเมืองราตรีจริงๆ กลางคืนคน
คึกคักกว่าตอนกลางวันอีก ผมเดินไปตามเซ็นทรัล
อะเวนนูได้สักพัก มุ่งหน้าจะกลับไปสำนักงานตัว
เองแล้ว ก็เหลือบไปเห็นสาวนางหนึ่งเดินอย่างเร่ง
รีบผ่านหน้าผมไป ผมมองตามทันทีด้วยความสนใจ
อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะครับว่าผมเป็นพวกที่เห็นผู้หญิง
เป็นไม่ได้ เหตุที่ผมสะดุดใจกับสาวคนนี้ก็มีสอง
ประการคือ ประการแรก ทรวงอกของเจ้าหล่อนนั่น
เอง และตรงนี้ทำให้ผมนึกออกทันทีว่า เคยเห็นคนนี้
แล้วที่หน้าโรงเรียนนักเรียนต่างชาติเอลเดีย ดังนั้น
เหตุที่ผมให้ความสนใจกับผู้หญิงคนนี้เป็นประการ
ที่สองก็คือ ทำไมเจ้าหน้าที่หรืออาจจะเป็นครูของ
โรงเรียนมาเดินอยู่ในเมืองราตรีนี้ ในเวลาดึก ๆ เช่น
นี้ อย่างที่บอกแหละครับ ตอนนี้มีอะไรที่พอจะโยง
ไปเกี่ยวกับคุณโคได้ผมก็ขอคว้าเอาไว้ก่อนล่ะ
คิดแล้วก็สะกดรอยตามสาวเจ้าไปทันที แต่ขอ
สาบานนะครับ ว่าผมไม่ใช่คนร้ายนะ เอ๊ะ! ร้อนตัว
เกินเหตุ?
'โอ๊ะโอ่! นี่เป็นทิศที่จะไปโรงแรมปรินเซสนี่นา นัด
กับแฟนไว้รึไง' ผมคิดไปเรื่อยเปื่อย แต่แล้ว เหมือน
กับว่าสาวจะรู้ตัวว่ามีใครสะกดรอยตามอย่างนั้น
แหละ จึงเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นแล้วหายตัวไปในล็อบบี้โรง
แรม
'บะ..บ้าน่ะ ฝีมือเราตกขนาดนี้เชียวเหรอ' ผมไม่
อยากเชื่อเลยว่าผมจะมือตกขนาดสะกดรอยตาม
แล้วเป้าหมายรู้ตัว แต่ก็ไม่มีเวลาคิดมากอีกแล้ว ผม
เผ่นพรวดเดียวจากริมถนนเข้าไปในโรงแรม แล้วก็
สอดส่ายสายตาหาผู้หญิงคนนั้น แต่ก็ไม่พบแม้แต่
เงา
'ในล็อบบี้ไม่มี' ผมคิด ถ้างั้นก็แปลว่าไปที่อื่นแล้ว
โรงแรมนี่มีตั้งกี่ชั้นแล้วก็กี่ห้องกัน ถ้าเจ้าหล่อนขึ้น
ไปบนห้องพัก (จะของตัวเองหรือของใครก็เถอะ)
แล้วล่ะก็หมดสิทธิ์จะสืบรู้ได้แน่ ๆ เลย ผมเองยังไม่
อยากเข้าไปถามที่เคาน์เตอร์ของโรงแรมให้เสี่ยงต่อ
การถูกเรียกตำรวจมาจับเสียด้วยสิ
อืมห์! ลองหาเท่าที่เราจะหาได้แล้วกัน ผมคิดแล้วก็
เดินลงบันไดไปชั้นใต้ดิน ซึ่งเป็นบาร์ที่ผมมาเมื่อ
ตอนหัวค่ำ
เข้าไปในบาร์ ยืนหันรีหันขวางอยู่ เพราะมองหาไป
รอบบาร์แล้วไม่พบเป้าหมายที่ผมต้องการ มีเพียง
แขกไม่กี่คนนั่งจิบเหล้าในบาร์เท่านั้น โอ๊ะ! โต๊ะที่
มุมบาร์เป็นผู้ชายวัยกลางคนสวมแว่นตา ท่าทาง
สมาร์ท แต่งชุดสูท กำลังมีปากเสียงกับผู้หญิงอีก
คนหนึ่งซึ่งก็อายุคงจะอยู่ในวัยยี่สิบตอนท้ายแล้ว ก็
ไม่เชิงมีปากเสียงหรอกครับ ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ ผู้
ชายเป็นฝ่ายนั่งเงียบและทำท่าจะชี้แจง แต่ฝ่าย
สาวเจ้าไม่สนใจฟัง ระเบิดอารมณ์ใส่ลูกเดียว และ
สุดท้ายผมก็เห็นคุณเธอยกน้ำในแก้วขึ้นมาสาดใส่
หน้าฝ่ายชาย พร้อมพูดใส่ซึ่งก็คงเป็นทำนองว่า "ไป
ให้พ้นจากหน้าฉันเดี๋ยวนี้" อะไรทำนองนั้นแหละ
'มาเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นอีกแล้ว เฮ้อ! วันนี้เป็นวัน
ไม่ดีของนายโคะจิโร่จริง ๆ อ๊ะ!...' ผู้ชายที่ถูกน้ำ
สาดใส่หน้า เดินจากโต๊ะนั้นอย่างเร่งรีบ เลยมาชน
ผมซึ่งหันรีหันขวางอยู่แถวประตูเข้าให้
"โอ๊ะ! ขอโทษครับ ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ" ผู้ชายคน
นั้นถามอย่างสุภาพ แล้วก็โค้งให้ผมนิดหนึ่งก่อน
เดินออกไป ท่าทางคงจะเป็นนักธุรกิจใหญ่แหละ
ครับ แล้วผู้หญิงที่ทะเลาะกันเมื่อตะกี้ล่ะ เป็นอะไร
กับหมอนี่หรือ
(อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้น ผมยังไม่รู้จักผู้ชายคนนี้
แต่ขอบอกไว้ ณ ที่นี้เลยก็แล้วกันครับว่า ผมเอง
มาทราบภายหลังว่า ผู้ชายคนนี้ ก็คือ นายลอส มิโด
ซึ่งผมจะต้องไปเกี่ยวข้องด้วยภายหลังนั่นเอง)
'เซ็งวุ้ย วันนี้เจอแต่อะไรก็ไม่รู้ เมื่อกี้สะกดรอยตาม
คนก็พลาดอีก ป่านนี้คุณคนนั้นไปถึงไหนต่อไหน
แล้วก็ไม่รู้' ด้วยอารมณ์เซ็งอยากหาเพื่อนคุยแก้เซ็ง
(ลืมไปสนิทเลยว่า มีผู้ป่วยนอนรอยาจากผมอยู่ที่
สำนักงานของผม) ผมก็เลยเดินเข้าไปหาคุณผู้หญิง
ที่เพิ่งสวมบทนางอิจฉาในละคร แล้วก็ทักทายเอา
ดื้อ ๆ
"สวัสดีครับ คุณจะรังเกียจไหมครับ ถ้าผมจะขอนั่ง
คุยด้วยคน"
"เชิญสิคะ" สาวผมยาวคนนั้นตอบขึ้น เอ! บาร์มัน
มืดสลัวไปหน่อย เลยมองไม่ชัด แต่ผมเพิ่งสังเกต
เห็นว่าผมของเธอไม่ใช่สีดำ อาจจะเป็นชาวต่าง
ประเทศก็ได้ สาวเจ้าพูดขึ้นอีกว่า "แต่ดิฉันไม่รับรอง
นะคะ ว่าจะไม่เรียกรปภ. มาจัดการกับคุณ ในกรณี
ที่เห็นว่าคุณกำลังมาไม่ซื่อกับดิฉัน"
คุณผู้หญิงคนนี้เป็นชาวต่างชาติแน่ล่ะ แต่พูดญี่ปุ่น
ได้ชัดเจนน่าตกใจมาก ผมไม่รอช้าก็เขาเชิญแล้วนี่
ครับ ก็เลยนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเธอ แล้ว
ชวนคุย "ขอโทษครับ เป็นชาวต่างชาติเหรอครับเนี่ย
พูดภาษาญี่ปุ่นชัดนะครับ"
"หึหึ ใช่แล้วค่ะ" สาวตอบ "เมื่อกี้เห็นหมดแล้วสิท่า
แล้วยังกล้าเข้ามาขายขนมจีบดิฉันอีกเหรอคะ"
หมายถึงเหตุการณ์เมื่อกี้ ผมลอยหน้าลอยตาตอบ
ว่า "อ้า... ถ้าตอบปฏิเสธว่าผมไม่เห็นเหตุการณ์ตะกี้
คุณก็คงไม่เชื่ออยู่ดี เอาเป็นว่าผมเห็นแหละครับ ถึง
ได้เข้ามาหาคุณ เพราะผมอยากจะพิสูจน์ความคิด
ของตัวเองบางอย่างน่ะครับ"
"?" สาวเลิกคิ้วถาม ผมเลยขยายความต่อ "คือ ผม
ไม่เชื่อว่าผู้หญิงท่าทางเรียบร้อย เป็นผู้ดีอย่างคุณ
จะทำกริยาอย่างนั้นได้ลงคอนะครับ เลยคิดว่าต้อง
เป็นเรื่องร้ายแรงอะไรแน่ ๆ คนอย่างผม นายโคะจิ
โร่คนนี้เห็นผู้หญิงกำลังมีความทุกข์ไม่ได้หรอกครับ
เป็นต้องเสนอตัวเข้าไปช่วยทุกที อ้า... ถ้าคุณกำลัง
ลำบาก มีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ก็บอกมาได้เลยนะ
ฮะ" ผมเริ่มตีสนิท
ฝ่ายตรงข้ามนิ่งอึ้ง มองผมอย่างไม่เชื่อสายตาว่าจะ
มีคนประหลาดอย่างนี้ในโลกด้วย แต่แล้วก็ปล่อย
ก้ากออกมา
"คิก ๆ" หัวเราะแล้วดูสวยขึ้นเยอะเลย "ฮะ ๆ คุณนี่
เป็นคนแปลกดีนะ"
"อือ... ใคร ๆ ก็ว่าอย่างงั้นแหละครับ" ผมตอบหน้า
ตาเฉย แล้วรุกต่อ "เมื่อกี้ผมบอกไปแล้วนะฮะว่าผม
ชื่อโคะจิโร่ ไม่ทราบว่าพอจะบอกชื่อคุณให้ผมทราบ
บ้างได้ไหมฮะ"
"..."
"โอเค ถ้าไม่ไว้ใจผมก็ไม่ต้องบอกก็ได้"
"อะคัว"คุณพี่ สาวตอบมา "บอกก่อนนะคะว่า ดิฉัน
ยังไม่คิดจะซื้อขนมจีบคุณ"
"ผมก็ยังไม่ได้พูดสักคำนี่ครับว่าผมจะขายขนมจีบ
คุณ" ผมตอบ "แค่ปวารณาตัวเข้ามาขอรับใช้สุภาพ
สตรีแสนสวย ยามเดือดร้อนเท่านั้นเอง"
"คิก ๆ" อะคัวหัวเราะอีก "โอเคค่ะ เอาเป็นว่าดิฉันจะ
เชื่อตามที่คุณบอกมาก่อนก็ละกัน ... คุณนี่เก่งมาก
นะ ทำให้ดิฉันหัวเราะได้ บอกตามตรง เมื่อกี้โมโห
มากเลยค่ะ ก็เลยทำไปอย่างนั้น"
"เหรอฮะ แปลว่าคุณอะคัวไม่เคยทำแบบนั้นมาก่อน
ใช่ไหมฮะ"
"อือ... เคยคิดเล่น ๆ ว่าอยากจะลองทำดูเหมือนกัน
นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะทำให้ดิฉันโกรธและเกลียดได้
ถึงขนาดนั้น อา.... แย่จังเลย"
"ลืมมันไปเถอะฮะ" ผมบอก "แต่ผมก็ดีใจ ที่ผมมอง
คนไม่ผิด คุณอะคัวไม่ใช่คนมารยาททรามจริง ๆ
ด้วย… คนเราก็ต้องมีบ้างแหละครับ ที่เกิดอารมณ์
โกรธจนลืมตัว"
อะคัวมองผมอีกที แล้วก็เอ่ยปากขึ้น "แปลกนะคุณ
โคะจิโร่ คุยกับคุณแล้วดิฉันรู้สึกเหมือนว่าลืมอะไร
อะไรที่มันเลวร้ายไปเกือบหมดแล้วอย่างนั้นแหละ"
"ผมก็ยินดีเช่นกันครับ ที่ทำให้คุณอะคัวหัวเราะได้"
ผมตอบ
"ตะกี้คุณบอกดิฉันว่า ถ้าดิฉันมีเรื่องเดือดร้อน คุณ
จะช่วยใช่ไหมคะ?" อะคัวเปลี่ยนเรื่องใหม่ "ไม่ทราบ
ว่าคุณเป็นใครมาจากไหนหรือคะ ถึงได้ท่าทางมั่น
อกมั่นใจว่าจะช่วยขจัดความทุกข์ของดิฉันได้"
"อ้าว คุณไม่รู้จักผมซะแล้ว ผมเป็นนักสืบครับ
สำนักงานอยู่แถวนี้เองครับ ถ้าคุณมีเรื่องเดือดร้อน
อะไรไปหาผมได้เลยนะครับ ยินดีช่วยเหลือเต็มที่"
ผมยื่นนามบัตรให้
"อืมห์... สำนักงานนักสืบเอกชนอะมะกิ" อะคัวรับ
ไปดู "แล้วไว้จะไปใช้บริการค่ะ"
ผมคุยสัพเพเหระกับอะคัวอยู่พักหนึ่ง อะคัวไม่ยอม
บอกว่าตัวเองเป็นใคร บอกแต่ว่าเป็นชาวต่างชาติที่
มาญี่ปุ่นบ่อย ๆ พอผมถามเธอว่า มาทำอะไรที่
ญี่ปุ่น เธอก็เล่นมุขไม่ยอมตอบ ให้ผมสืบเอาเอง (ก็
เป็นนักสืบนี่) ว่าเธอมางานหรือมาเที่ยว ถามว่ามี
ครอบครัวแล้วรึยัง ก็เจอเล่นมุขอีก ว่ามีแล้ว ถ้าไม่มี
เธอจะเกิดขึ้นมาตัวคนเดียวในโลกได้ไง ผมถามต่อ
ว่าหมายถึงคู่ครองน่ะ ก็เลยเจอแกล้งกลับมาอีกว่า
เป็นนักสืบก็สืบเอาเองสิ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจตั้ง
ปริศนาให้ผมว่า เธอมีลูกสาวคนหนึ่งโตแล้วด้วย
อายุสักสิบหกได้ แต่เธอยังไม่ได้แต่งงานจะเป็นไป
ได้ไหม ผมก็เลยสาธยายความเป็นไปได้ทั้งหลาย
แหล่ ตั้งแต่ลูกบุญธรรม ลูกนอกสมรส ฯลฯ ทั้งนี้ทั้ง
นั้น ดูจากอายุของเธอก็ไม่น่าจะมีลูกสาวอายุสิบหก
ได้เพราะอย่างอะคัวนี่ ผมให้มากสุดก็คือ อายุ
สามสิบเอ็ดถึงสามสิบสองล่ะ ไม่มีทางมากไปกว่า
นั้นเด็ดขาด อะคัวก็ไม่ยอมเฉลยซะที บอกแต่ว่า ที่
ผมว่ามานั้นผิดหมด งานนี้จนปัญญาแฮะ ถ้าอะคัว
ไม่ได้แกล้งแหย่ผมเล่นละก็ จะเหลือทางไหนอีก
หนอ ที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะมีลูกได้โดยไม่ได้แต่งงาน?
"เอาล่ะค่ะ ดิฉันเห็นทีจะต้องขอตัวกลับก่อนเสียที
ดึกแล้วค่ะ" อะคัวเรียกบริกรมาเก็บเงิน แล้วก็ลุกขึ้น
"ผมไปส่งนะครับ"
"ไม่ต้องล่ะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ คุณโคะจิโร่" อะคัว
ยิ้ม "ดิฉันกลัวคุณจะแปลงร่างเป็นหมาป่ามากิน
ดิฉันในห้อง"
"ฮะ ฮะ ฮะ ผมไม่ใช่คนอย่างนั้นหรอฮะ" รีบปฏิเสธ
แล้วก็อ้อนใหม่ "เอ่อ... ถ้างั้นทำไงผมถึงจะได้มี
โอกาสพบคุณอะคัวอีกล่ะครับ"
"นั่นสิ... " อะคัวนิ่งคิดอยู่อึดใจหนึ่ง "ดิฉันเองก็รู้สึก
ว่าอยากพบกับคุณอีกเหมือนกัน ได้คุยกับคุณแล้ว
สนุกดีค่ะ (อ้าว เรากลายเป็นตัวตลกไปแล้วรึเนี่ย)
ทำให้ดิฉันลืมเรื่องยุ่ง ๆ รอบตัวไปได้เยอะเลย เอา
เป็นว่า ดิฉันมาที่บาร์นี้บ่อย ๆ ค่ะ ถ้าคุณว่างก็ลอง
แวะมาที่นี่สิค่ะ โอกาสที่จะพบดิฉันมีสูงมาก"
"ครับผม"
...
แยกทางกับอะคัวที่ล็อบบี้โรงแรม โดยผมได้ความรู้
ใหม่ว่า อะคัวพักที่โรงแรมปรินเซสนั่นเอง แต่เธอก็
มองจนแน่ใจว่าผมหันหลังกลับเดินไปทางประตู
ทางออกของล็อบบี้แล้ว เธอจึงได้ยอมเดินไปที่ลิฟต์
เพื่อที่จะกลับห้อง ผมจึงไม่มีโอกาสจะรู้แม้กระทั่ง
ว่าเธอพักอยู่ชั้นไหน
'โอ๊ะ แย่แล้ว ลืมไปสนิทเลย' เดินในเซ็นทรัลอะเวน
นูได้นิดหนึ่งผมก็นึกขึ้นได้ 'ป่านนี้เจ้าหนูจะเป็นไง
บ้างก็ไม่รู้ ออกมาซื้อยาแล้วเราก็หายไปนานเลย
เนี่ย'
ผมรีบจ้ำกลับไปที่ท่าเรือทันที
...

back index next