คุณเพียงใจ โรจนสินวิไล เป็นคนเล่าว่า
ตอนแรกที่ได้ข่าวเรื่องพระของขวัญพระมหาสิริราชธาตุ มีกรอบพญานาค ๔ สี คุณเพียงใจปรารถนาอยากได้เป็นเจ้าของสัก ๑ องค์ จึงอธิษฐานขอพรจากพระมหาสิริราชธาตุ ของตนเองที่ทำบุญสร้างพระที่แกนกลางเจดีย์ว่า อให้ลูกได้พระมหาสิริราชธาตุ ๔ สี ด้วยเถิด
เวลานั้นคุณเพียงใจยังไม่ทราบวิธีรับพระมหาสิริราชธาตุกรอบพญานาค ๔ สี ว่า มีเงื่อนไข อย่างใดบ้าง ก็ชักชวนผู้ทำบุญสร้างองค์พระ ที่แกนกลาง บูชาคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เรื่อยๆ ไป มีผู้ร่วมทำบุญกันพรึ่บพรับ ในที่สุดทำสำเร็จ มีสิทธิ์ได้เป็นเจ้าของ เป็นเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นรวดเร็วจนเชื่อว่าเป็นอานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ
ตอนนี้ขอพรใหม่อีก ๒-๓ ครั้ง ขอให้ลูกชวนคนทำบุญเป็นประธานรองได้ง่ายดายเร็วพลัน เป็นอัศจรรย์ด้วยเถิด ก็แปลกประหลาด หลังจาก อธิษฐานได้ไม่กี่วันก็สมปรารถนา
เย็นวันที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๑ เวลาประมาณ ๖ โมงเย็น มีเพจเจอร์เข้ามาว่า ลี โกแดงเรียก คุณเพียงใจโทรกลับไปหาคนชื่อแดง ซึ่งเป็นอา เคยมาวัดพระธรรมกายครั้งหนึ่ง เมื่อ ๑๐ กว่าปีมาแล้วแต่หยุดไป ไม่ได้มาอีก คุณเพียงใจเพิ่งชวนมาวัดได้ ๔ ครั้ง ช่วงอาทิตย์ต้นเดือน สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๑ เมื่อพูดโทรศัพท์กันคุณเพียงใจก็คุยไปเรื่อยๆ ไม่ได้ตั้งใจชวนเรื่องทำบุญเป็นเจ้าภาพ ประธานรอง ฉลองพระมหาธรรมกาย เจดีย์ แต่ได้เล่าตัวอย่าง ของผู้ที่เคยถวายเงินทำบุญถึงหนึ่งล้าน บาท ๒ ราย ประสบผลบุญทันตาเห็น ต่อจากนั้นก็พูดอะไรเรื่อยเปื่อย ตนเองก็ยัง จับใจความไม่ถูกว่า พูดอะไรไป
พูดกันประมาณแค่ ๑๕ นาที คุณอาตกลงรับเป็นเจ้าภาพประธานรอง ถวายเงิน ๑ ล้านบาท และ ถามคุณเพียงใจมาว่า จะเอาเงินไปถวาย ในวันคล้ายวันเกิดที่ ๑ ธันวาคมเลยดีมั้ย คุณเพียงใจพูดว่า เอาอย่างนี้ซิ ถวายวันที่ ๑ พ.ย. เลย เป็นบุญพิเศษงานกฐินด้วย ชักชวน เป็นเจ้าภาพงาน ทอดกฐินปีนี้ไปเสียเลย เรื่องงานฉลองมหาธรรมกายเจดีย์ค่อยว่ากันใหม่ เสียงตอบ จากอีกฝ่ายว่า โอเค ฝ่ายเสนอแนะกล่าวตอบว่า สาธุ
วางหูโทรศัพท์แล้ว คุณเพียงใจรู้สึกงงมาก ขน ตามตัวลุกซู่ เป็นระยะอยู่ชั่วครู่ เพราะเป็นการเชิญชวนคนทำบุญ เป็นประธานรองคนแรก ในชีวิต ง่ายดาย เร็วพลันเป็นอัศจรรย์อะไรขนาดนั้น แต่พอคิดได้ว่า วันที่ ๑๐ ตุลาคม จะช่วยสร้างพระธรรมกายประจำตัวภายนอกให้เสริจ ก็คิดขึ้น มาว่าน่าจะขอให้โกแดง เลื่อนการถวายเงินก่อนวันที่ ๑๐ ตุลาคมเถิด
วันเดียวกันนั้นเวลา ๒๒.๑๕ น. โกแดงโทรศัพท์มาคุยด้วยอีก ยังไม่ทันบอกเลื่อนวันถวายเงิน ฝ่ายนั้นบอกว่า ขอเลื่อนวันถวายเงิน เป็นระหว่าง ๓๐ กันยายน ถึง ๒ ตุลาคม วันไหนแล้วแต่จะนัด ขอถวายเป็นเงินสดด้วย
การปรารถนาทำคุณงามความดีหรือต้องการสร้างบุญกุศล ไม่ใช่ความโลภ เป็นการสั่งสมบุญ เพื่อให้ได้มากพอกลั่นเป็นบารมี เมื่อบารมี ครบบริบูรณ์ ย่อมเป็นหนทางให้เลิกเวียนว่ายตายเกิด หรือ หากยังไม่ถึงเวลานั้น ขณะที่ยังอยู่ระหว่างการเวียนว่ายตายเกิดครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อบ่มบารมีให้แก่กล้า นั้น ถ้ายังมีบุญทั้งหลายอุปถัมภ์อยู่ การสร้างบารมีทุกอย่างย่อมราบรื่นยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้บุญกุศล จึงเป็นของจำเป็น อย่างยิ่งที่ต้องทำไว้ให้มากที่สุด
โดยหลักความจริง คนมีปัญญามากมีกำลังใจทำบุญด้วยตนเอง โดยไม่ต้องให้ใครชักชวน คิดเอง แล้วตัดสินใจทำเอง ผลบุญประเภทนี้ มากมายมหาศาล เรียกว่าเป็นการสร้างกุศลชนิด อะสังขาริกัง (คือ ไม่ต้องมีใครแนะนำ) ผู้คนดังกล่าวนี้ จะมีลักษณะความเป็นผู้นำ อยู่ในตัวมากกว่า คนทั่วไป และไม่เห็นความ สำคัญของสิ่งตอบแทนอื่นๆ มากกว่าบุญกุศล
คนส่วนใหญ่ ไม่ได้มีจิตใจเข้มแข็งไปทั้งหมด เป็นประเภทผู้ตามเสียส่วนมาก พื้นฐานจิตใจเข้า ลักษณะภาษาพระว่า สะสังขาริกัง ต้องมีการ ชักชวน การชักชวนแนะนำแค่คำพูด มองดูไม่เป็นรูปธรรม หากมีสิ่งของให้ยึดเหนี่ยวเป็นขวัญ เป็นกำลังใจ เป็นที่ระลึก ตามนึกถึงคุณงามความดี ที่เคยทำ ย่อม พร้อมที่จะทำตาม เหมือนหมอรักษาไข้ ต้องให้คนป่วยกินยาขม คนป่วยรู้ทั้ง รู้ว่ายานั้นรักษาโรคได้ แต่ เบื่อยา ไม่เต็มใจรักษา ถ้าเอา ของอร่อยเช่นน้ำตาลมาเคลือบเม็ดยา ช่วยให้คนป่วยกลืนสะดวกจึงยอม รักษาตัว
การทำบุญกุศลก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน จะทำทานรักษาศีล ภาวนา ก็ตามล้วนแต่ต้องทวน กระแสใจทั้งสิ้น เพราะใจมีธรรมชาติชอบไหล ไปในเรื่องอกุศล เหมือนสายน้ำไหลลงที่ต่ำ ถ้าจะให้กระแส น้ำทวนขึ้นที่สูง ย่อมต้องหาอะไรมากั้นให้เป็นคันเป็นเขื่อน ต้องการยกใจให้สูงขึ้น สู่การประกอบกุศล กรรม จำต้องใช้อุบายต่างๆ ในการสร้างเขื่อนทดใจ ของที่ระลึกก็ตาม ของขวัญก็ตาม แม้กระทั่งสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ล้วนเป็น เขื่อนยกใจทั้งสิ้น
อนึ่งการประกอบบุญกุศลทั้งหลายนั้น ตราบใดที่ยังไม่สิ้นกิเลสเลิกเวียนว่ายตายเกิดจะหยุด สร้างไม่ได้ จะบอกว่าทำมามากแล้ว พอแค่นี้ก่อน นั่นเป็นความประมาทอย่างยิ่ง เพราะเราย่อมไม่รู้ว่าวันใด จะอยู่ในสภาพหมดโอกาสทำอีกแล้ว ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น คิดปรารถนา อยากทำ ก็ทำไม่ได้ ดังนั้น ในขณะที่ โอกาสยังมี ความพร้อมทุกอย่างบริบูรณ์ จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องรีบทำให้เต็มที่
การสร้างพระมหาธรรมกายเจดีย์ของเราทุกคน ต้องถือว่าเป็นโอกาส วิเศษสุดของนักสร้าง บารมี เพราะเป็นการสร้างปูชนียสถาน ศูนย์รวมใจของชาวโลก และไม่ใช่เป็นของพระพุทธศาสนาเท่านั้น เนื่องจากกายธรรม ล้วนมีอยู่ในมนุษย์ทุกชาติทุกศาสนา เป็นสิ่งสากล แม้กระทั่งการทำสมาธิให้ใจสงบ ก็เป็นของทุกศาสนา เป็นของสากลเช่นเดียวกัน
ต่อไปภายหน้า เมื่อคนทั่วโลกปฏิบัติธรรมเข้าถึงกายในกาย เห็นกายธรรมของตนเอง มหา ธรรมกายเจดีย์ที่เราร่วมใจกันสร้างขึ้นมานี้ จะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ล้ำค่า ที่คนจะพากันมานมัสการและ เล่าขานถึงประวัติมหาธรรมกายเจดีย์ที่เกี่ยวข้องกับความมหัศจรรย์ต่างๆ รวมทั้งการ โจษขานของ เหล่าผู้คนที่เคยพบเห็น ล้วนทำให้สถานที่นี้เป็นที่ตั้งของศรัทธามหาชนอย่างนับประมาณมิได้
คนยุคเราทุกคน มีโอกาสสร้างมหาธรรมกายเจดีย์นี้ ถือว่าไม่เสียชาติเกิด เป็นคนมีมหาโชค มหาลาภกว่าคนรุ่นก่อน หรือคนรุ่นต่อไป ข้างหน้า จึงไม่ควรเสียเวลาหรือมัวสงสัยลังเล บุญนั้นใครทำ ใครได้ ไม่มีใครสามารถโกงบุญของผู้อื่น เป็นของติดตัวผู้ทำไปตลอดกาล แต่ทั้งที่รู้ว่า บุญเป็นสิ่งที่ ควรทำ ธรรมชาติของปุถุชน ยังมีกิเลสหนาปัญญาหยาบ บ่อยครั้งก็จะมีการท้อแท้ท้อถอย เบื่อหน่าย คลายอุดมการณ์ ผู้เป็น กัลยาณมิตรที่ฉลาดย่อมสามารถหาวิธีจูงใจประการต่างๆ
การร่วมกันสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ก็ทำนองเดียวกัน เมื่อสร้างยังไม่เสร็จ จำเป็นต้องกระตุ้น ให้กำลังใจกัน งานใหญ่จึงสำเร็จ จึงมีการสร้าง องค์พระประดิษฐานไว้ตามที่ตรงนั้น ที่ตรงนี้ เป็น กุศโลบายให้งานสำเร็จ สร้าง กำลังใจไม่ให้ท้อแท้ เหมือนยกใจทุกครั้ง ที่หมดแรง ด้วยอุบาย อันเป็นกุศลชั้นเลิศ เราควรภูมิใจในความโชคดีอันวิเศษนี้ และทำความเข้าใจให้ถูกเป็นการให้กำลังใจผู้นำ ของเราไปในตัวว่า
ท่านทำเพื่อให้เรามีโอกาสสร้างบารมียิ่งใหญ่ที่หาได้ยาก ไม่ได้ทำเพื่อตัวท่านเอง แม้แต่น้อยนิด ทนตรากตรำเหน็ดเหนื่อย อดทนต่อผู้คน มิจฉาทิฏฐิทั้งปวงมานานถึง ๓๐ ปี และคง ต้องทนต่อไปจนชั่วชีวิต
[สารบัญ] [ ๓๑ ] [ ๓๒ ] [ ๓๓ ] [ ๓๔ ] [ ๓๕ ] [ ๓๖ ] [ ๓๗ ] [ ๓๘ ] [ ๓๙ ] [ ๔๐ ]