คุณสุวรรณา ปรีชาจารย์ เป็นมารดาของคุณสหทัย โทเพ็ชร เล่าเรื่องว่า
เมื่อประมาณปลายเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๑ คุณสุวรรณาเดินทางจากที่ทำงาน โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จังหวัดนครสวรรค์ มายังกรุงเทพฯ ได้พบกับคุณดวงพร วุฒิพันธ์เรืองชัยและเพื่อนๆ ทุกคนพูดแนะนำให้คุณ สุวรรณาทำบุญสร้าง พระธรรมกายประจำตัว ประดิษฐาน ที่แกนกลางมหาธรรมกายเจดีย์
คุณสุวรรณาจึงถามความเห็นคุณสหทัย ผู้เป็นลูกสาว คุณสหทัยขัดข้องเรื่องการเงิน คิดว่าคงทำบุญไม่ทันองค์พระ ที่แกนกลาง มหาธรรมกายเจดีย์ คงหมดเสียก่อน ครั้นจะสอบถามไปทางสามี ซึ่งอยู่ที่จังหวัดพิษณุโลก เกรงว่าสามีคงไม่เห็นด้วย ทั้งคู่แต่งงานกันมาถึง ๕-๖ ปีแล้ว ยังไม่มีลูกด้วยกัน
คุณสหทัยต้องการจะมีพระมหาสิริราชธาตุไว้บูชามาก เมื่อยังไม่มีทางเป็นไปได้ จึงนำรูปภาพและหนังสือ อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ ติดตัวกลับบ้านพิษณุโลก เพื่อไปหาสามี
ในเวลานั้นเอง สามีคุณสหทัยนอนหลับฝันไปว่า มีผู้ชายคนหนึ่งใส่เสื้อกล้ามสีขาว เข้ามาหา ยื่นของอย่างหนึ่งในมือให้ แล้วบอกว่า เก็บพระแกนกลางนี้ไว้ให้ดีนะ
ในฝันสามีคุณสหทัยก้มลงมองสิ่งที่รับไว้ในมือเป็นพระสีดำๆ ก็เก็บใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อตัวเอง พร้อมกับนึกในใจว่า ไม่เคยได้ยินคำว่า พระแกนกลาง ไม่เคยรู้จัก พระแกนกลางเป็นอย่างไร เมื่อตื่นขึ้น นึกดีใจว่า ฝันได้พระอย่างนี้ อาจจะมีลูกชายสักคนกระมัง แต่งงานมาหลายปี ยังไม่มีลูกเลย
เมื่อคุณสหทัยมาถึงบ้าน สามีก็ลืมเล่าเรื่องความฝันเสียสนิท ต่อมาอีกหลายวัน สามีคุณสหทัยได้เห็นหนังสืออานุภาพ พระมหาสิริราชธาตุ เข้า จึงสอบถามเรื่องราวต่างๆ จากภรรยา และบอกกับภรรยาว่า
พอเห็นภาพที่ปกหนังสือก็ขนลุกขึ้นมาเลย เหมือนพระที่เห็นในฝัน และเล่าความฝันของตนให้ภรรยาฟัง คุณสหทัยดีใจมาก ที่สามีเข้าใจ เรื่องราวต่างๆ ได้เอง โดยไม่ต้องให้เธออธิบายอะไรมาก จึงรีบโทรศัพท์ถึงคุณดวงพร เพื่อนของมารดา ขอทำบุญสร้างพระธรรมกาย ประจำตัว ประดิษฐานที่ แกนกลาง มหาธรรมกายเจดีย์ ทำให้ทุกคนในบ้านปลาบปลื้มใจทั่วกัน
อำนาจกุศลจิตที่คุณสหทัยต้องการทำบุญสร้างองค์พระที่แกนกลางมหาธรรมกายเจดีย์ คงจะมีส่วนให้เทพยดา ที่ดูแลรักษา พระมหาสิริราช ธาตุ ซึ่งสามีเธอเป็นเจ้าของ นิมิตเหตุการณ์ทั้งหมด ให้สามีคุณสหทัยเห็น พระมหาสิริราชธาตุในความฝัน ให้ได้ยินคำว่า พระแกนกลางล่วงหน้า เป็นอัศจรรย์ เมื่อพบเอกสารรูปภาพขององค์พระมหา สิริราชธาตุ และฟังภรรยาเล่าเรื่อง การสร้างองค์พระธรรมกาย ประจำตัวประดิษฐาน ที่แกนกลาง มหาธรรมกายเจดีย์ จึงเป็นเรื่องตรงกัน อย่างน่าอัศจรรย์ ไม่มีอะไรทำให้รู้สึกลังเลสงสัย มีศรัทธาเต็มเปี่ยมทำบุญสร้างพระทันที
หินมีชีวิตที่เรียกว่าหินเป็น ดังเช่นหินที่นำมาทำเป็นพระมหาสิริราชธาตุนี้ เป็นหินวิเศษอายุหลายร้อยล้านปี มีเทพยดารักษาดูแลไว้ เพื่อให้ ผู้มีบารมี แก่กล้าอย่างพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยใช้สร้างบารมี โดยมอบให้เป็นของขวัญ แก่หมู่คณะผู้ร่วมใจกัน ทำงานฟื้นฟูพระพุทธ ศาสนานั้น ต้องไม่ใช่เทพยดาธรรมดาทั่วๆ ไป เมื่อมอบเป็นของสำหรับผู้สร้างบารมี เทพยดาก็ต้องเป็นเทพยดานักสร้างบารมีด้วย ท่านต้อง ปรารถนา ที่จะพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด เหมือนผู้ให้ ผู้มอบ ผู้รับของขวัญในทำนองเดียวกัน
ดังนั้นผู้เป็นเจ้าของพระมหาสิริราชธาตุ ควรเก็บรักษาองค์พระไว้ในที่สมควร ควรประพฤติตนให้ดี ที่ทำให้ท่านเต็มใจอยู่ด้วย คือหมั่น สร้างบุญกุศลต่างๆ เป็นเนืองนิตย์ ไม่ควรสร้างบาปอกุศล หรือคิดเบื่อหน่ายในการสร้างบารมี อันจะทำให้เทพยดาท่านไม่มีโอกาส ได้อนุโมทนา บุญ แล้วหนีหายไปเสีย พร้อมกับนำวิมานของท่าน คือเนื้อหินที่ใช้ทำองค์พระไป เสียด้วย ซึ่งเนื้อหินนั้น เหมือนสื่อเชื่อมกระแสบุญจาก ผู้ให้คือ พระนิพพาน มายังผู้มอบคือ พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย และผู้รับคือผู้เป็นเจ้าของ เมื่อไม่มีธาตุ เนื้อหินอยู่ด้วยเสียแล้ว เหมือนกับสื่อ ถูกทำลาย เหมือนไฟฟ้าไม่มีสายไฟต่อเชื่อมกัน ไฟก็เดินไม่ได้ บุญก็มาไม่ถึงตัว