คุณภรณี ราชพลี เป็นเภสัชกร ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ บ้านเดิมอยู่จังหวัดตรัง เล่าว่า
มาวัดพระธรรมกายครั้งแรกวันอาทิตย์ต้น เดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๑ จากนั้นก็ได้มาติดต่อกันทุกๆ เดือน อีกทั้งยังได้มาร่วมงาน บวชอุบาสิกาแก้ว พร้อมน้องสาวด้วย
ต่อมาเมื่อทราบเรื่องสร้างองค์พระธรรมกาย ประจำตัวประดิษฐานที่แกนกลางมหาธรรมกายเจดีย์ ก็คิดว่าคงไม่มีทางทำบุญได้ เพราะยังมีเงินไม่พอ แต่เมื่อเห็นพระมหาสิริราชธาตุจากเพื่อน ที่เป็นทันตแพทย์ รู้สึกอยากได้มาก จึงอธิษฐานจิตกับ พระมหาสิริราชธาตุ ของเพื่อน ขอให้มีเงินทำบุญสร้างองค์พระที่แกนกลางบูชา หลวงพ่อวัดปากนํ้า ภาษีเจริญ
เมื่ออธิษฐานเสร็จ เธอก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองจะรับปริญญา ในวันที่ ๒๑ กันยายน คุณพ่อคุณแม่อาจให้รางวัลอะไรก็ได้ จึงโทรศัพท์ ไปเรียนถามท่านที่จังหวัดตรัง ได้รับคำตอบว่าท่านจะให้รางวัลเป็นเงิน จำนวนสองหมื่นบาท ทำให้คุณภรณีมีเงินทำบุญได้สมใจ และในวันรุ่งขึ้นวันที่ ๕ กันยายน เธอก็ได้รับพระของขวัญพระมหาสิริราชธาตุทันที และยังได้เห็นเหตุการณ์อัศจรรย์ตะวันแก้ว อีกด้วย
ในตอนนั้นน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาเอง บังเกิดความปีติแล้วภูมิใจกับตนเองว่า เดินทางมาถูกต้องแล้ว ได้พบเนื้อนาบุญที่แท้จริง และจะต้องทุ่มชีวิตอย่างจริงจังสร้าง มหาธรรมกายเจดีย์ให้สำเร็จให้ได้
หลังจากกลับไปยังที่ทำงาน เธอได้ขายสร้อยข้อมือ และแหวนทองที่ตนรักมาก นำเงินที่ได้มาสร้าง องค์พระธรรมกายประจำตัว ภายนอกมหาธรรมกายเจดีย์ ให้กับคุณพ่อและน้องชาย ส่วนองค์พระของคุณแม่นั้น คุณภรณีและน้องสาวได้ร่วมกันทำให้แล้ว
พอสร้างองค์พระเสร็จ คุณภรณีได้สังเกตเห็นธาตุคำแก้วมณี ในองค์พระ มหาสิริราชธาตุของตนเอง เพิ่มขึ้นเป็นแถบเห็นชัดเจนมาก เพิ่มขึ้นยาวไปจนสุดขอบ กรอบรูปพญานาค ทุกคนที่ทำงานอยู่ด้วยเห็นกันหมด ต่างก็รู้สึกอัศจรรย์ เพราะวันแรกที่ได้รับองค์พระมา องค์พระมีธาตุคำแก้วมณี อยู่น้อยมากจนแทบมองไม่เห็น
คุณภรณีนำพระมหาสิริราชธาตุติดไว้กับตัวตลอด ได้หมั่นสวดสรรเสริญทำสมาธิอธิษฐานจิต ขอพรท่านให้ หายจากโรคภัยทั้งหมด คุณภรณีมีโรคประจำตัวที่เป็นมานานตั้งแต่ สมัยเรียนมหาวิทยาลัย อยู่คณะเภสัชศาสตร์ คือโรคภูมิแพ้ ต้องรับประทานยาทุกวัน วันไหนที่ลืมรับประทานยา จะ มีอาการน้ำมูกไหลและจาม แต่เมื่อวันที่ ๘ กันยายน เธอลืมรับประทานยา แต่ทว่า อาการแพ้ต่างๆ ที่เคยเป็นมาไม่มีอาการให้เห็นเลย นับตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่ต้องรับประทานยาอีก อาการหายไปอย่างปลิดทิ้งจนถึงทุกวันนี้
เหตุการณ์ที่อัศจรรย์เหลือเชื่ออีกเรื่องหนึ่งคือ คุณแม่ของคุณภรณีป่วย เป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาว แพทย์ต้องผ่าตัดเอาม้ามทิ้ง เพราะม้ามโตมากมีนํ้าหนักมากกว่า หนึ่งกิโลกรัม ซึ่งเป็นอันตรายมาก เซลล์เม็ดเลือดขาว ที่เป็นเซลล์มะเร็ง ก็ยังคงอยู่ในกระแสเลือด คุณภรณี อธิษฐานจิตต่อ พระมหาสิริราชธาตุและสวดสรรเสริญ ท่านอยู่บ่อยๆ ขอพรท่านให้แม่หายป่วย จนครั้งสุดท้ายได้ ให้แพทย์ตรวจเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๑ ก็ตรวจไม่ พบเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวอีกเลย
สำหรับเรื่องการทำหน้าที่ผู้นำบุญ คุณภรณีก็ได้อธิษฐานขอพรพระมหาสิริราชธาตุ ให้ช่วยเธอทำหน้าที่ได้สำเร็จ โดยในตอนแรก เธอไม่มีความมั่นใจเลย เพราะตนเองเป็นคนพูดไม่เก่ง แต่ก็ไม่ทราบว่า ทำไมเวลาพูดชวนคนให้มาทำบุญ เมื่อนึกถึงดวงแก้วและ พระมหาสิริราช ธาตุ ไว้ที่ศูนย์กลางกายเท่านั้น ก็สามารถพูดชวนได้ ไม่มีติดขัดเป็นสิบๆ นาที ทำให้ชวนคนทำบุญได้ถึง ๑๐ องค์ มีสิทธิ์ ได้รับพระคะแนนสุด สุดด้วย คุณภรณีพูดว่า
ตั้งใจจะชวนคนมาทำบุญสร้างพระธรรมกายประจำตัว ภายในมหาธรรมกายเจดีย์ ให้ได้สัก ๒๐ องค์ เพื่อให้ได้พระคะแนนสุดฤทธิ์ และเพื่อให้มหาธรรมกายเจดีย์เสร็จไวๆ และความปรารถนาที่มากที่สุด อีกอย่างใน ตอนนี้ คือ ต้องการจะเป็นประธานรอง ฉลองมหาธรรมกาย เจดีย์ให้ได้ เพื่อที่ว่า ในวันนั้นจะได้ยินคุณยายอุบาสิกา จันทร์ ขนนกยูง พูดว่า เราชนะแล้ว เราชนะแล้ว อีกครั้งหนึ่ง
คุณภรณีเริ่มทำงานเพียงแค่ ๖ เดือน รู้จักผู้คนได้ไม่มากเท่าไร ยังมีใจสู้เต็มที่ขนาดนี้ ทั้งๆ ที่อายุยังน้อย แสดงว่าจะต้องมีบุญ มีบารมีเก่า ติดตัวมามาก อีกทั้งยังมีความรู้วิชาการทางโลกสูง มีศรัทธาที่ประกอบด้วยปัญญา จึงนับได้ว่าเป็นบัณฑิตอย่างแท้จริง