คุณนิพนธ์ ประกอบกิจ ทำงานที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด อลงกต ถนนต้นขาม ตำบลท่าศาลา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เล่าว่า
เคยมาวัดพระธรรมกายนานแล้วกว่าสิบปี สมัยทำงานอยู่จังหวัดสระแก้ว ภายหลังย้ายไปทำมาหากินอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ จึงไม่ได้มาที่วัดพระธรรมกายอีก เพิ่งคิดอยากจะมาทำบุญที่วัดเมื่อไม่นานมานี้
ในวันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๑ เวลาประมาณ ๑๐.๐๕ น. ได้โอนเงินเข้าวัดเพื่อทำบุญสร้างพระธรรมกายประจำตัว ผ่านทางธนาคารกรุงเทพ พร้อมทั้งส่งเอกสารและหลักฐานการโอนเงินให้กับทางวัด
พอวันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๑ ได้มาร่วมงานบุญที่วัด ในโอกาสครบรอบ ๑๑๔ ปีของหลวงพ่อวัดปากนํ้า ภาษีเจริญ คุณนิพนธ์ได้รับใบอนุโมทนาบัตร และบัตรรับพระของขวัญ ในวันนั้น คุณนิพนธ์รู้สึกปลาบปลื้มใจมาก ได้นำเอกสารที่ได้มาทั้ง ๒ แผ่นถ่ายเอกสาร ทำสำเนาไว้ แล้วนำตัวจริงไปเก็บไว้ในกระป๋องปูน ที่เคยได้รับเป็นของที่ระลึกถึง งานบุญใหญ่ในวันเทฐานราก มหาธรรมกายเจดีย์ เพื่อที่จะได้บูชาไว้ด้วยกัน ส่วนเอกสารที่ถ่ายสำเนานั้น คุณนิพนธ์จะนำติดตัวไปไหนด้วยอยู่เสมอ
เมื่อเห็นหรือนึกถึงสำเนาใบอนุโมทนาบัตร และสำเนาบัตรรับ พระมหาสิริราชธาตุทีไร ทำให้นึกถึงบุญที่ตัวเองได้ทำไว้ คุณนิพนธ์นึกถึง พระมหาสิริราชธาตุ เป็นประจำ สวดสรรเสริญและอธิษฐาน ขอพรกับท่าน ให้ท่านคุ้มครองให้ปลอดภัยอยู่เสมอ
วันจันทร์ที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๑ คุณนิพนธ์ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้าน ที่อยู่บริเวณชานเมือง จะเข้าไปในตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อไปทำธุรกิจ ในเวลาประมาณ ๑๒.๔๕ น. ขณะกำลังจะข้ามประตูท่าแพ จะต้องเลี้ยวรถทางขวามือ เพื่อข้ามคูเมือง คุณนิพนธ์ให้สัญญาณไฟเลี้ยวตลอด ทันใดนั้นมีรถเก๋งที่ขับตามหลังมา วิ่งเข้าชนกลางคันรถจักรยานยนต์ ของคุณนิพนธ์อย่างจัง ในทิศทาง ที่ผิดกฎจราจร หน้าหม้อรถยนต์ ชนเข้าที่ขาขวาของคุณนิพนธ์ ทำให้รถจักรยานยนต์เสียหลัก คุณนิพนธ์ตั้งสตินึกถึง ความศักดิ์สิทธิ์ของ องค์พระมหาสิริราชธาตุ และบุญจากการสร้าง พระธรรมกายประจำตัว ตามสำเนาใบอนุโมทนาบัตร ที่ได้พกติดตัวไปด้วยอยู่ตลอด และ ใช้แขนทั้งสองประคองไม่ให้รถล้ม ประกอบกับรถยนต์ ได้เบรคเต็มที่เช่นกัน จึงปลอดภัยทั้งรถทั้งคน
คุณนิพนธ์เชื่อมั่นว่า เหตุที่ไม่มีอันตรายหรือเรื่องราวใดๆ เป็นเพราะอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของ พระมหาสิริราชธาตุ ท่านคุ้มครองแน่นอน คุณนิพนธ์ปราศจากความเคลือบแคลงสงสัย ในอานุภาพ มีใจมุ่งมั่นจะช่วยสร้าง มหาธรรมกายเจดีย์ให้สำเร็จตามกำหนดให้ได้
กุศลจิตและอกุศลจิตเกิดขึ้นได้ทั้ง ๓ ทวาร มีกาย วาจา และใจ ซึ่งใจเป็นทวารที่สำคัญที่สุด จะทำอะไร ทางกายก็ดี ทางวาจาก็ดี กายและวาจาทำขึ้นมาเองไม่ได้ ถ้าทำก็เป็นเพียงกิริยาที่ไม่มีเจตนา เช่นหกล้ม หรือร้องอุทานโดยไม่ทันตั้งใจ ซึ่งการกระทำที่ไม่มีเจตนา ไม่เรียกว่าเป็นกรรม
กายทวารและวจีทวาร ที่ทำกรรมขึ้นมาได้ ต้องมีเจตนาที่มาจากใจ ใจเป็นหัวหน้าบงการ ด้วยเหตุนี้กายก็ตาม วาจาก็ตาม ไม่สามารถทำกรรมได้เอง เมื่อใดถูกใจใช้จึงสามารถทำได้ ทำกรรมดีหรือชั่วแล้วแต่ใจเป็นผู้สั่ง แต่สำหรับใจนั้นไม่ต้องมีใครมาสั่ง สามารถทำกรรมได้ด้วยตนเองตลอด ตราบใดที่ไม่ได้หลับหรือสลบ ใจจะทำงานอยู่เป็นประจำ และในบางทีขนาดนอนหลับก็ยังทำงาน ฝันเรื่องโน้นเรื่องนี้ ยกเว้นเวลาที่จิตตกภวังค์หลับสนิทจริงๆ จึงไม่ฝัน
สิ่งที่สามารถควบคุมจิตใจได้ดีที่สุดคือ สติ ใครมีสติดีมักกระตุ้นให้ใจคิดถึงสิ่งที่เป็นบุญกุศลเสมอๆ การนึกถึงคุณงามความดีที่ทำไว้ นึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์คือ พระรัตนตรัย เท่ากับสร้างกุศลจิตให้ตนเองตลอดเวลา บุญกุศลนี้เองปกป้องคุ้มครองเจ้าของ ให้พ้นภัยอันตรายทันท่วงที ดังนั้นทุกเวลานาทีที่ว่าง หากสวดสรรเสริญพระมหาสิริราชธาตุ ซึ่งคือการบูชาพระธรรมกายในพระนิพพาน โดยมีพระของขวัญเป็นตัวแทน เท่ากับเป็นการเจริญพุทธานุสติ ย่อมมีอานิสงส์มหาศาล อีกทั้งถ้อยคำที่สวดล้วนแต่ เป็นการบูชาพุทธคุณ เป็นพลานุภาพ ความศักดิ์สิทธิ์ ขององค์พระ เท่ากับเป็นการให้พรตัวเองอยู่เป็นประจำ ดังนั้นควรสวดบูชาท่านไว้ตลอดเวลา ดีกว่าให้สิ่งที่เป็นอกุศลเข้าไปอยู่ในใจ