อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ

๔๑๐. เพียงแค่หัดขาย

ก่อนที่จะโทรศัพท์ไปคุยกับ ลูกค้าทุกครั้ง เธอก็จะสวด สรรเสริญพระมหาสิริราชธาตุ 

คุณอัจจิมา ศิริวิโรจน์ ทำงานประจำแผนก วางแผนการตลาด ของบริษัทซัมซุง กรุงเทพมหานคร เธอได้มาร่วมงานบุญใหญ่ที่ วัดพระธรรมกาย สมัยที่เรียนปี ๒ มหาวิทยาลัย อัสสัมชัญ (เอแบค) ปี พ.ศ.๒๕๓๓ ตั้งแต่นั้นก็มาร่วมงานบุญใหญ่ตลอด และเกิดความศรัทธามากยิ่งขึ้น จึงมาวัดทุกอาทิตย์ตั้งแต่ ปี พ.ศ.๒๕๔๑ เป็นต้นมา เธอและครอบครัว ได้ร่วมบุญ สร้างองค์พระแกนกลาง องค์พระที่ยอดโดม และพระธรรมกาย ประดิษฐานที่มหาธรรมกายเจดีย์ เกือบ ๑๐ องค์ และบอกบุญญาติ มิตรได้อีก ๒๔ องค์ 

ปัจจุบัน คุณอัจจิมาได้เปิดบ้านกัลยาณมิตร เพื่อปฏิบัติธรรม ร่วมกันภายในครอบครัว เธอรู้สึกเป็นสุขใจมาก ที่ได้ร่วมกิจกรรม พร้อมกันกับครอบครัว

คุณอัจจิมาได้พบอานุภาพบุญ ที่อธิษฐานขอพรจาก องค์พระมหาสิริราชธาตุ ขอให้ท่าน ช่วยกิจการงานได้สำเร็จ จนปลื้มใจถึงทุกวันนี้

ช่วงนั้นประมาณเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๑ ทางบริษัทได้เปิดโอกาสให้พนักงานทุกคน ได้มีโอกาสรับงานพิเศษ คืองานขายประกัน งานนี้ ท้าทาย ความสามารถ ของพนักงาน ทุกคน ที่ทางบริษัทเปิดโอกาสให้ ซึ่งตอนนั้น เธอได้มาเริ่มงานที่บริษัทแห่งนี้ เป็นเวลา ๑๑ เดือน หลังจากรับงานขายประกัน คุณอัจจิมา เดินทางไปพบลูกค้า เพื่อนำเสนอ โครงการ ขายประกันชีวิต ให้กับบริษัทเยอรมัน อยู่ที่จังหวัด ระยอง 

ก่อนเดินทางไปพบลูกค้า เธอก็อธิษฐานขอพรองค์พระมหาสิริราชธาตุ ให้ท่านคุ้มครองการเดินทาง และขอให้ติดต่อธุรกิจกับลูกค้า ได้คล่องตัว เมื่อไปถึงบริษัท จึงแนะนำตัวเอง บริษัทนี้ ยังไม่มีใครรู้จัก เพราะเพิ่งเปิดตัวใหม่ ยังไม่ครบหนึ่งปี เธอได้แนะนำผลประโยชน์ ที่ลูกค้าจะได้รับ ซึ่งบริษัทนี้ ได้ทำประกันไว้แล้วกับ อีกบริษัทหนึ่ง แต่เป็นสัญญา ปีต่อปี ทางบริษัท รับทราบข้อมูล ก็ขอรับเอกสารไว้ดูก่อน แต่ยังไม่ตกปากรับคำว่า จะทำหรือไม่

ช่วงนั้นคุณอัจจิมากลับมาที่บ้าน จะสวดสรรเสริญ พระมหาสิริราชธาตุ ทุกวัน นั่งสมาธิ และอธิษฐานจิต ตอกย้ำขอให้ขายประกัน ได้ด้วยเถิด พอเข้ามาถึงที่ทำงาน เวลาจะสวด สรรเสริญ ที่โต๊ะทำงาน ก็เกรงใจเพื่อนๆ จึงเดินไปสวดสรรเสริญข้างนอกห้อง ทำอย่างนี้ ทุกวัน และจะคล้อง พระมหาสิริราชธาตุ ไว้นอกเสื้อ จนเพื่อนๆ แซวว่า พระดูดทรัพย์ เธอ ก็ไม่ได้หวั่นไหวอะไร เพราะมั่นใจ ในการทำ ความดี

ยิ่งใกล้จะถึงเวลาปิดยอดขาย พอกลับถึงบ้าน รีบชำระร่างกายให้สดชื่น หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับงานประจำมาทั้งวัน ทำใจให้ใส และกลั่นบุญบารมี ขอให้ขายประกัน สำเร็จเป็น อัศจรรย์ เวลาออกจากสมาธิ จะนำองค์พระมหาสิริราชธาตุ ที่คล้องคอ มาจ้องดูใบหน้าท่าน มองเห็นท่านยิ้มให้ จึงมั่นใจ และอุ่นใจมากขึ้นว่า งานครั้งนี้ ต้องสำเร็จแน่นอน 

และก่อนที่จะโทรศัพท์ไปคุยกับลูกค้าทุกครั้ง เธอก็จะสวดสรรเสริญ พระมหาสิริราชธาตุ จนกระทั่ง วันสุดท้ายของการปิดยอดขาย คุณอัจจิมาคิดว่า เหลือเวลาเพียงวันนี้วันเดียว เท่านั้น แต่ในใจก็ยังยึดมั่นถึง คุณพระรัตนตรัยว่า ท่านศักดิ์สิทธิ์จริง ท่านต้องช่วยเราได้แน่นอน 

ในวันศุกร์ ขณะที่เธอกำลังง่วนอยู่กับงานประจำอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ ก็ดังขึ้น เธอรู้สึกใจเต้นขึ้นมาว่า หรือจะเป็นโทรศัพท์ของลูกค้า เธอยกหูโทรศัพท์ สวัสดีค่ะ เสียงดังจากปลาย ทาง เธอจำได้ว่า เป็นเสียงลูกค้า ที่เธอติดต่อด้วย ลูกค้าโทรศัพท์มาตอบรับ โครงการประกันชีวิต ที่เธอเสนอไป นอกจากนี้ ลูกค้ายังบอกว่า ทางคณะกรรมการ ได้อนุมัติและ เซ็นชื่อตกลง ทำสัญญากับบริษัทเดิมแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้ยื่นเอกสาร ไปให้กับทางบริษัทดังกล่าว

เนื่องจากทางผู้อำนวยการ ได้เห็นความตั้งใจจริงของคุณอัจจิมา และเคยทราบความประพฤติ ที่เธอเป็นผู้มีศีลมีธรรม เป็นคนใจบุญ ทางผู้ใหญ่ รู้สึกชอบ และจึงตัดสินใจ รับทำ ประกันกับเธอ

คุณอัจจิมาตื่นเต้นมากที่สุดที่ได้ยินคำตอบ รู้สึกขนลุก ที่คำอธิษฐานนั้นเป็นจริงแล้ว และไม่น่าเชื่อว่า ลูกค้าจะทำประกัน ประเภทที่หนึ่ง เป็นวงเงินเกือบ สองล้านบาท ซึ่งเธอ จะได้รับค่าตอบแทนถึง หนึ่งแสนบาท จากการขายประกันครั้งนี้ เธอคิดอยู่อย่างเดียวว่า นี่ถ้าเขาส่งเอกสารฉบับดังกล่าว ไปให้บริษัทเดิม เพื่อต่อสัญญา และหากเธอเดินทาง ช้าไปอีก นิดเดียว เธอคงไม่มีโอกาสขายประกันครั้งนี้ได้เลย นี่ไม่ใช่ความบังเอิญหรอก ที่เราขายประกันได้ เป็นเพราะอานุภาพบุญ ที่คุณของพระรัตนตรัย ท่านประทานให้ และความที่เราประพฤติตัว จนเขาเห็นความดีของเราเป็นแน่

และในวันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๑ ซึ่งเป็นวันฉลองครบรอบหนึ่งปี ของทางบริษัท ทางบริษัทก็ได้ประกาศ ให้รางวัลดีเด่น ประจำบริษัท ให้กับคุณอัจจิมา จากพนักงานเกือบ ๕๐ คนภายในแผนก เธอได้รับให้เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น และสามารถเทียบกับพนักงานขายประกัน ซึ่งแต่ละคน มีตำแหน่งเป็นถึงผู้จัดการ เธอได้รับใบประกาศนียบัตร จากท่าน ประธาน กรรมการบริษัท และได้รับคำชม You are the fantastic staff นั่นคือ เธอเป็นพนักงานประจำเพียงคนเดียว ที่สามารถขายประกัน ได้ยอดสูงที่สุดในบริษัท 

นอกจาก ขายให้บริษัทดังกล่าวแล้ว เธอยังขายประกันเดี่ยว (รายบุคคล) ได้ถึง ๗ ราย และประกันกลุ่มอีกหนึ่งบริษัท เธอเป็นพนักงานคนเดียว ที่ไม่เกี่ยวกับการขายประกันโดยตรง แต่เธอก็สามารถพิสูจน์ให้บริษัท เห็นถึงประสิทธิภาพในการทำงาน และทางกรรมการผู้จัดการ จึงมองเห็น และทึ่งในความสามารถ พร้อมทั้งกล่าวยกย่องว่า เป็นพนักงาน ที่ทุกคน ควรนำมาเป็นเยี่ยงอย่าง และยังให้เดินทางไปดูงาน ที่สำนักงานใหญ่ประจำ ประเทศเกาหลี โดยเยี่ยมชมดูงาน ๑ วัน อีก ๔ วันเต็มๆ ได้เที่ยวพักผ่อน โดยออกเงินค่าตั๋ว เครื่องบิน ไป-กลับ พร้อมทั้งแถมเงินโบนัสพิเศษให้อีกด้วย

พอคุณอัจจิมาได้รับเงินผลกำไร จากการขายประกัน เธอไม่รอช้ารีบเปลี่ยน เป็นอริยทรัพย์ โดยการร่วมบุญ สร้างองค์พระธรรมกาย ประจำตัว เพิ่มทันที เธอกล่าวในตอนท้ายว่า ถ้าเราศรัทธาเชื่อมั่น ในพระรัตนตรัย อย่างไม่หวั่นไหวใดๆ ทั้งสิ้น และหมั่นสวด สรรเสริญ ท่าน เป็นประจำ ชีวิตของเราจะมีแต่สิ่งที่ดีๆ และนำพาความสุขมาให้ อยู่ตลอดเวลา

ศีล คือการละเว้นความชั่วทางกาย ทางวาจา เท่ากับเป็นพื้นฐานให้ทำความดีสูงขึ้น คือทำความดีทางใจ ด้วยการภาวนาได้ง่าย

เมื่อคุณอัจจิมา เข้าวัดมาตั้งแต่วัยนักศึกษา ย่อมคุ้นเคยในการรักษาศีล ตลอดมา เมื่อมาทำความดีอื่นๆ เพิ่มเติมไม่ว่า ทาน หรือภาวนา ย่อมได้ผลบุญเต็ม เม็ดเต็มหน่วย เหมือน ศีลเป็นภาชนะดี ไม่มีรูรั่วโหว่ นำไปใส่สิ่งของใดๆ ย่อมไม่หกเรี่ยเสียหาย คนทีศีลเป็น พื้น รองรับจิตใจ ทำบุญใดๆ จึงได้บุญเต็มที่เสมอ เราจึงพบว่า ในพิธีกรรมทางศาสนา จะต้องมี การสมาทานศีลก่อน

บุญเมื่อสะสมไว้มากขึ้นๆ รวมทั้งความศรัทธาใน องค์พระมหาสิริราชธาตุ ก็มีมั่นคงไม่มีลังเลสงสัย หมั่นสวดสรรสเสริญ เป็นพุทธานุสติ เนืองนิตย์ การจะคิดให้ประสบความสำเร็จ ในเรื่องอะไรๆ ที่ไม่เกินกำลังบุญ ย่อมเป็นไปได้

อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่า การสวดสรรเสริญ ถือเป็นบุญกุศล ที่ได้จากการภาวนา มีอานิสงส์ทำให้จิตใจสงบ อาจมีสติปัญญา ความคิดอ่านต่างๆ ดีขึ้น แต่เรื่องบุญ ที่จะช่วยให้ ร่ำรวย ทำมาค้าขึ้นนั้น ต้องเป็นบุญที่ได้จาก การบริจาคทาน อยากรวยบ่อยๆ รวยมากๆ ก็ต้องทำบุญ ด้วยการบริจาคเรื่อยๆ ไป ตามกำลังทรัพย์ที่พอทำได้ ไม่ใช่บริจาค ทำทาน ครั้งเดียว อธิษฐาน ขอให้รวยอยู่เรื่อยๆ เป็นไปไม่ได้ เพราะบุญนั้นเมื่อใช่ย่อมหมดไปทุกครั้ง

ต้องทำความดีเข้าใจเรื่องนี้ให้ดี รวมทั้งเวลาส่งผลของบุญด้วย ไม่ใช่ทำทานปุ๊บ จะให้มีโชคปั๊บทันที ย่อมเป็นไปอีกไม่ได้เหมือนกัน เพราะจะต้องมีปัจจัยอื่นๆ มาประกอบพร้อมด้วย บางทีเป็นปัจจัยส่งเสริม บางทีเป็นปัจจัยมาตัดรอนขัดขวาง ถ้าส่งเสริมก็ได้รับผลเร็ว ถ้าขัดขวางก็ได้รับผลช้า ข้อสำคัญ อย่าตั้งความหวังว่า ตนเองจะต้องได้รับผลเหมือนผู้อื่น แต่ละคน มีปัจจัยในอดีต ไม่เหมือนกัน 

อย่างไรก็ดีพึงจำไว้ว่า การทำคุณงามความดี หรือความชั่วก็ตาม มีผลเกิดขึ้นเสมอ ไม่ตามให้ผลทันทีในชาตินี้ แต่ชาติหน้า อีกนับไม่ถ้วนชาติ กว่าจะเข้าพระนิพพาน กรรมนั้น ตามได้อยู่ตลอดไป ดังนั้นคนฉลาด จึงพึงทำแต่ความดีรุดหน้าอย่างเดียว ไม่ว่าเวลานี้ เวลาไหนทั้งภพชาตินี้ หรือภพชาติไหนๆ ไม่ยอมหวั่นไหว คลอนแคลน ความตั้งใจ


[สารบัญ] [๔๐๕] [๔๐๖] [๔๐๗] [๔๐๘] [๔๐๙] [๔๑๐]