อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ

๔๑๓. ไอศกรีมเปลี่ยนวิกฤติ

ครอบครัวพงศ์สวัสดิ์ ประกอบธุรกิจส่วนตัว เปิดโรงงาน ไอศครีมเจ้าพระยา ตรานกอินทรีย์ อยู่ที่ อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ คุณอภิชญาบุตรสาววัย ๓๒ ปี เล่าถึงครอบครัวของเธอว่า

เท่าที่ผ่านมาสองปี เป็นช่วงมรสุมชีวิตของเธอ และครอบครัว โรงงานไอศครีม ประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจ ในยุคปัจจุบัน เฉกเช่นเดียวกับธุรกิจต่างๆ ที่ถูกสภาพเศรษฐกิจเล่นงาน จนไม่สามารถ ประคองชีวิตของตนเอง ไปได้ตลอด ทุกคนในครอบครัวของเธอ รู้สึกท้อแท้ หมดกำลังใจที่จะทำงานต่อไป และคิดว่า โรงงานคงไปไม่รอดแล้ว

ตอนนั้น ครอบครัวยังไม่ได้เข้าวัดพระธรรมกาย คุณพ่อก็ไม่ค่อยจะสนใจที่จะสานงานต่อ เพราะท่านก็อายุมาก วัยเกือบ ๗๐ ปี  จนกระทั่ง คุณอภิชญา ได้มาร่วมงานบุญบวช อุบาสิกาแก้ว หลังจากนั้น เธอเริ่มปฏิบัติธรรม เริ่มเข้าใจในบุญ และมีความปรารถนา อย่างเต็มเปี่ยม ในการชวนคุณพ่อ ซึ่งไม่ค่อยสนใจ ที่จะเข้าวัดเข้าวา เพื่อให้ท่าน หันมาเห็น ความสำคัญตรงจุดนี้

คุณอภิชญา พงศ์สวัสดิ์คุณอภิชญาพยายามพูดเรื่องบุญกับคุณพ่อ-คุณแม่ทุกวัน และเวลาพระอาจารย์มานำนั่งสมาธิ ก็จะชักชวนคุณพ่อ-คุณแม่ ร่วมปฏิบัติธรรมด้วย รวมทั้งมีหนังสือธรรมะอะไรดีๆ จากทางวัด ก็จะนำมาให้ท่านอ่าน และบอกว่า หากคุณพ่อ-คุณแม่ ตัดสินใจที่จะไปปฏิบัติธรรมที่พนาวัฒน์ ลูกจะดูแลกิจการที่โรงงานทั้งหมด ให้เรียบร้อย และพูดอ้อนวอน บอก ท่านว่า 

คนอื่นในอำเภอนี้ เธอสามารถเป็นกัลยาณมิตรให้ได้ เธออยากเห็นคุณพ่อ-คุณแม่ เป็นต้นแบบต้นบุญในการทำความดี เพื่อให้ครอบครัวเธอ เป็นครอบครัวที่มีธรรมะ เป็นที่พึ่ง เธอใช้ความพยายามถึง ๔ เดือนเต็มๆ หลังจากเข้าวัด และเธอ สามารถชวนคุณพ่อสังวาลย์ ไปปฏิบัติธรรมที่พนาวัฒน์ อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ได้เป็นผลสำเร็จ

หลังจากคุณพ่อสังวาลย์ได้ปฏิบัติธรรมที่พนาวัฒน์ เป็นเวลา ๗ วันเต็มๆ ท่านกลับมาบ้าน ด้วยใบหน้าที่ผ่องใส เพราะเมื่อ ท่านได้ไปปฏิบัติธรรม และมีเวลา มองย้อนกลับไปดู ชีวิตที่ผ่านมา ทำให้ท่านเห็นว่า ท่านใช้เวลาไปอย่างไร้แก่นสาร ไม่คุ้มค่า ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เพราะเมื่อได้ฟังคำสอนของพระอาจารย์ที่ว่า

การเกิดมาเป็นมนุษย์นั้น เป็นสิ่งที่ยากอย่างยิ่ง แต่เมื่อเกิดมาแล้ว เราได้ใช้กายเนื้อนี้ สร้างบุญบารมีเต็มที่หรือยัง เมื่อท่าน ย้อนกลับมาตั้งคำถามกับตัวเอง จึงตระหนักว่า ตั้งแต่นี้ เราควรปฏิบัติตัวอย่างไร ให้คุ้มค่ากับการเกิดมาในชาตินี้ 

ท่านได้ตั้งปณิธานและสัจจะอธิษฐานว่า ขอให้เบื่อเหล้า เบื่อเบียร์ และท่านก็ทำได้สำเร็จสมกับที่ได้ตั้งใจไว้ 

คุณอภิชญาเล่าว่า คุณพ่อเปลี่ยนเป็นคนละคน จากที่เคยดื่มเบียร์วันละ ๓ ขวด และทุกๆเช้าท่าน จะง่วนอยู่กับตัวเลขว่า งวดนี้จะออกอะไร ท่านเล่นหวยและติดหวย เหมือน คนติดยาเสพติด บางครั้งก็ถูก บางครั้งก็เสีย แต่ถ้าจะว่าไปแล้ว เสียมากกว่าได้ มันไม่คุ้มเลย แต่ตอนนี้คุณพ่อท่านคิดได้ ท่านปฏิบัติธรรม สวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น และนั่งสมาธิ เป็นประจำทุกวัน

คุณอภิชญาและครอบครัว ได้พบกับอานุภาพบุญ ที่ไม่มีประมาณ จากคุณพระรัตนตรัย ธุรกิจที่ทำท่าชะงักงัน และไปไม่รอด กลับฟื้นตัว พลิกสถานการณ์ จากหน้ามือเป็นหลังมือ ความที่ทุกคน มีจิตเป็นกุศล พูดแต่สิ่งที่ดี ทำสิ่งที่ดี มีศีลเสมอกัน พูดคุยแต่เรื่องธรรมะ ประกอบกับการทำบุญ ที่ถูกเนื้อนาบุญ ร่วมบุญทุกอย่าง ทั้งสร้างพระธรรมกาย ประจำตัว สร้างสภาธรรมกายสากล วิหารพระมงคลเทพมุนี และเมื่อเร็วๆ นี้ยังได้ร่วมบุญทอดผ้าป่ากับวัดต่างๆ ทั่วประเทศ 

บริษัทพงษ์สวัสดิ์

ซึ่งคุณอภิชญา กล่าวว่า ถึงแม้กำลังฟื้นตัวจากธุรกิจของตนเอง และต้องต่อสู้กับสภาพเศรษฐกิจทางโลก แต่ก็ไม่เคยย่นย่อต่อการสร้างบุญสร้างกุศล ยิ่งเป็นบุญพิเศษเช่นนี้ เป็นการ ทำบุญทีเดียว แต่ได้ช่วยบำรุงพระศาสนา ไม่ว่า จะเป็นเรื่องทุนการศึกษา หรือการซ่อมแซมถาวรวัตถุ การนำปัจจัยไปใช้จ่ายในกิจของสงฆ์ ฯลฯ ถือเป็นบุญใหญ่เลยทีเดียว ความดีต่างๆ จึงไหลมา สู่ครอบครัวพงศ์สวัสดิ์อย่างจะนับจะประมาณมิได้

ในวันที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๒ คุณอภิชญาและครอบครัว ได้รับรูปหล่อหลวงพ่อวัดปากน้ำ รุ่นมารสยบ พร้อมกับป้ายบ้านกัลยาณมิตร 

เธอเล่าว่า ที่บ้านเคยมีลูกหนี้ติดเงินอยู่หลายราย เป็นเวลาหลายปี ซึ่งไม่สามารถติดตามทวงหนี้ได้ คุณแม่ก็ร้อนใจ อยากให้เขามาคืนเงิน ขอให้ได้แค่เงินต้น ก็พอใจแล้ว แต่คุณพ่อ ทำใจได้ ท่านบอกว่า ปล่อยๆ ให้เขาไปเถอะ คิดเสียว่า ให้เป็นบุญกุศลของเราก็แล้วกัน แต่คุณแม่ยังนึกเสียดายว่า เป็นเงินที่หามาได้ ด้วยน้ำพักน้ำแรง ของทุกคนในบ้าน ทุกคน ต้องเหน็ดเหนื่อย ในการทำงาน แต่ต้องมาขัดสน และลำบากอยู่ในขณะนี้ ซึ่งถ้าหากทวงหนี้ได้มาหลายๆ ราย ก็สามารถรวมเงินได้หลายแสนอยู่

ภายในวันนั้น เวลาประมาณหนึ่งทุ่ม คุณอภิชญาจึงตัดสินใจเขียนชื่อ-นามสกุลของลูกหนี้ว่า มีใครบ้าง พร้อมทั้งจำนวนเงินต้นและดอกเบี้ยว่า เป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ แล้วสอดไว้ ใต้ฐานหลวงพ่อวัดปากน้ำ รุ่นมารสยบ เธอวางกระดาษไว้ใต้ฐานหลวงพ่อ แล้วมองดูหน้าท่าน พนมมืออธิษฐานว่า ขอให้ลูกได้ปัจจัยมา เพื่อเกื้อหนุนในการทำทาน สร้างบุญ บารมี ยิ่งๆ ขึ้นไปด้วยเทอญ พอพูดจบเธอก็เดินออกมา คิดในใจว่า ไม่มีหนทางไหน ติดตามทวงหนี้ได้ ก็ขอบุญบารมีหลวงพ่อสดท่านช่วย

ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข แล้วอานุภาพบุญก็เกิดขึ้นกับครอบครัวพงศ์สวัสดิ์ เมื่อมีเสียงโทรศัพท์ในวันรุ่งขึ้น เวลาประมาณ ๐๙.๐๐ น. คุณอภิชญาเล่าว่า ลูกค้ารายนี้ได้ย้ายบ้าน และหายสาบสูญไป ๓ ปี เต็มๆ ซึ่งไม่สามารถติดตามได้เลยว่า เขาย้ายไปอยู่แห่งหนตำบลใด เขาโทรมาว่า ตอนนี้เงินต้น และดอกเบี้ยเท่าไหร่แล้วครับ เธอก็ถามด้วยความตื่นเต้นว่า คุณจะใช้หนี้เราหรือ คะ 

คุณอภิชญา ถามด้วยความไม่เชื่อหูตัวเอง เอ๊ะ! เราฟังผิดหรือเปล่าเนี่ย... ครับ เสียงตอบมาตามสาย อะไรกันนี่ หลวงพ่อสด ท่านศักดิ์สิทธิ์จริงๆ เพียงไม่กี่ชั่วโมง ชั่วข้ามวัน ก็มี ลูกหนี้โทรมาคืนเงินแล้ว ทุกคนมองหน้ากันอย่างไม่น่าเชื่อว่า อานุภาพบุญ จะเกิดขึ้นรวดเร็วปานนี้ ลูกหนี้รีบนำรถมาให้หนึ่งคัน และทยอยเงินให้ คิดเป็นเงินร่วมแสนบาท สำหรับ รายแรก

พวกเราจึงเกิดกำลังใจ ที่ได้ประสบอานุภาพบุญครั้งนี้ ทำให้เกิดแรงศรัทธาเชื่อมั่นว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง จะสำเร็จได้ด้วยบุญ จึงออกไปเยี่ยมลูกหนี้รายอื่น พอไปถึงบ้านเขา ทุกคนก็ ตอบ คล้ายๆ กันว่า กำลังหาเงินอยู่จ๊ะ เดี๋ยวจะใช้ให้ 

สิ่งที่ครอบครัวพงศ์สวัสดิ์อธิษฐานจิตกับรูปหล่อหลวงพ่อสด คือ ขอให้ลูกหนี้เขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีเงินเพิ่มขึ้น เขาจะได้นำเงินมาใช้หนี้เราได้ คุณพ่อสังวาลย์บอกว่า พอมีคนมาใช้หนี้ ท่านก็ลดดอกเบี้ยให้เขา ทำให้เขาดีอกดีใจมาก และขอบคุณที่เราลดเงินให้เขา

คุณอภิชญาเล่าต่ออีกว่า หลังจากที่อาราธนาหลวงพ่อสด ท่านมาไว้ที่บ้าน โรงงานไอศครีมที่ทำท่าว่า จะไปไม่รอด กลับกลายเป็นขายดีติดตลาด ทั้งๆ ที่เป็นฤดูฝน ปกติช่วงฤดูฝน เป็นช่วงที่ซบเซา เพราะถนนในชนบท ต้องลุยโคลน บางครั้งรถก็ติดหล่ม แต่ปีนี้แปลกมาก ลูกค้าโทรมา ต่อว่าว่า เราไม่ยอมส่งไอศครีมให้ ทุกคนจึงเกิดกำลังใจต่อสู้กันต่อไป อีกครั้ง เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ คุณพ่อสังวาลย์ขับรถไอศครีมไปส่งลูกค้าด้วยตนเอง และต้องผลิตไอศครีมทุกวัน 

ครอบครัวพงศ์สวัสดิ์จะทำงานแต่เช้า ออกไปส่งไอศครีมให้ลูกค้า โดยแบ่งเป็นสายๆ ละ ๑๐ ร้าน มีพี่ชาย พี่เขย คุณอภิชญา คนงานรับจ้าง และที่สำคัญคือ คุณพ่อสังวาลย์ ก่อน ออกจากบ้านไปส่ง ไอศครีม ท่านจะสวดสรรเสริญ พระมหาสิริราชธาตุ ทำใจให้นิ่งใส หลับตา และนึกถึงร้านที่จะไปส่งไอศครีมในวันนี้ ไว้ที่ศูนย์กลางกาย 

ก่อนจะออกจากบ้านไปขายไอศกรีม ก็สวดสรรเสริญ พระมหาสิริราชธาตุ

พอไปถึงที่ร้านลูกค้า ล้างตู้แช่ไอศครีมรอไว้เลย ไอศครีมที่ร้านขายหมดเกลี้ยง สามารถลงได้เต็มถัง และไปถึงก่อนไอศครีมเจ้าอื่น ทำให้สามารถลงได้มากกว่าเขา และลูกค้าเอง ก็บอกว่า ไอศครีมคุณขายดีจัง ลูกค้าเขาชอบบอกว่า อร่อย คุณพ่อคิดในใจว่า เอ...เราก็ทำของเราอย่างนี้มาตั้ง ๑๕ ปี ยังไม่เคยขายได้เกลี้ยงหมด และลูกค้าติดใจขนาดนี้

เวลาคุณพ่อสังวาลย์ออกมาส่งไอศครีม ท่านก็จะเตรียมข่าวสารธรรมะจากทางวัด ไปให้ร้านค้าต่างๆ และชวนคุยให้ทุกคน อยู่ในบุญกันเยอะๆ คุณอภิชญาเอง ก็จะทำแบบนี้ โดยแบ่งกันไปตามสายต่างๆ ที่มี ลูกค้าสั่งมา เธอบอกว่า ระยะหลังมานี้ ตั้งแต่เข้าวัดพระธรรมกาย ครอบครัวไม่เหนื่อยเหมือนแต่ก่อน เงินทองก็ไหลมาเทมาไม่ขาดสาย เหมือนกับ ที่ครอบครัวพงศ์สวัสดิ์ ไม่เคยขาดการทำบุญ ทำบ่อยๆ อย่างต่อเนื่อง 

เมื่อมีทรัพย์ก็ไม่ตระหนี่ มีโอกาสสร้างบุญสร้างบารมี ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา และพากันมาที่วัดพระธรรมกาย ทุกวันอาทิตย์ เธอรู้สึกมีความสุขมาก ที่ครอบครัว สุขสบาย และคุณพ่อเป็นผู้นำ ให้กับทุกคน ท่านดูสดชื่นเบิกบาน

ชักชวนเพื่อนบ้านเปิดบ้านกัลยาณมิตรครอบครัวพงศ์สวัสดิ์นั้นถือเป็นครอบครัวผู้นำบุญ ที่รักบุญ นอกจากจะประกอบสัมมาอาชีพ อย่างไม่ย่อท้อ แล้ว ยังได้สละเวลาอันมีค่า เป็นกัลยาณมิตรให้กับ เพื่อนบ้าน และ ชักชวน เพื่อนบ้าน และญาติมิตร เปิดบ้านกัลยาณมิตร ได้ถึงร้อยกว่าหลัง และเมื่อประมาณต้นเดือน กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๒ ได้เปิดบ้าน กัลยาณมิตรของตนเอง สำหรับผู้มีบุญ ได้มาประพฤติปฏิบัติธรรม ได้ถึงคราวละ ๒๐๐ คน นอกจากนี้ ยังเป็นผู้นำสาธุชน จัดนำรถมาที่วัดพระธรรมกาย ได้คราวละ ๒๐ กว่าคัน

คุณอภิชญากล่าวว่า เธอเริ่มเข้าวัดเมื่องานอุบาสิกาแก้ว พ.ศ.๒๕๔๑ และยังคงมาอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะมี กระแสข่าวโจมตี วัดพระธรรมกาย อย่างแรง มาตลอด แต่เธอ ก็ไม่เคย หวั่นไหว และไม่ย่อท้อ ในการทำ หน้าที่กัลยาณมิตร ยังคงก้าวเดินหน้าต่อไป เพราะเข้าใจในคุณของพระรัตนตรัย เข้าใจว่า เราเป็นชาวพุทธ ที่แท้จริง และดีใจที่ได้เกิดมา พบ พระพุทธศาสนา และนำธรรมะของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาใช้ในการ ดำเนินชีวิต ซึ่งทำให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข จนกระทั่งปัจจุบัน

เรื่องราวของครอบครัวพงศ์สวัสดิ์ เป็นการยืนยันสัจธรรมที่ว่า เมื่อบุคคลนั้นประกอบเหตุเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น เมื่อประกอบเหตุดีไว้มาก ผลดีนั้น ก็มีพลังทำให้เจ้าของกรรม ได้เสวยผลแห่งความดี ที่เพียรกระทำมา ให้ประสบความสำเร็จในทุกๆ ด้าน ตรงกันข้าม ถ้าประกอบเหตุวิบัติชั่ว ทางอกุศล ไว้มาก ผลชั่วนั้น ก็มีพลังทำให้เจ้าของกรรม ได้เสวยผล แห่งความชั่ว ที่เพียรกระทำมา ให้ประสบความวิบัติในทุกๆ ด้านเช่นกัน เปรียบเสมือนการหว่านเมล็ดพืชลงในดิน ปลูกถั่วก็ต้องเป็นถั่ว ปลูกงาก็ต้องเป็นงา ปลูกถั่วจะเป็นงาไม่ได้ 

ฉะนั้น เมื่อทุกท่านได้ทราบสัจธรรมในเรื่องนี้แล้ว มาเร่งประกอบเหตุแห่งผลดีกันเถิด เมื่อเหตุแห่งความดี ส่งผลได้เต็มที่ เราจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจ ภายหลัง เพราะไหนๆ ก็ได้เกิดมา เป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนาในชาตินี้แล้ว


[สารบัญ] [๔๑๑] [๔๑๒] [๔๑๓] [๔๑๔] [๔๑๕]