โฮมเพจเพื่อเผยแพร่พระเกียรติคุณของ
|
|
การดำเนินการเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเล็งเห็นถึงความสำคัญของการค้าที่มีต่อเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างยิ่ง ดังจะเห็นได้จากกระแสพระราชดำรัสในการเปิดการแสดงกสิกรรมและพาณิชยการ พ.ศ.2454 ที่ว่า
จากความสำคัญของการค้าต่อเศรษฐกิจและความเจริญรุ่งเรืองของชาติดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งกระทรวงพาณิชย์ และสภาเผยแผ่พาณิชย์ ขึ้น โดยกระทรวงพาณิชย์นั้นมีจุดมุ่งหมายให้เป็นหน่วยงานอุดหนุนและส่งเสริมการพาณิชย์ของประเทศ รวมทั้งให้คำปรึกษาและความช่วยเหลือแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนสภาเผยแผ่พาณิชย์เป็นหน่วยงานเพื่ออำนวยให้เกิดการประสานงานระหว่างกระทรวงทบวงกรมต่าง ๆ นับแต่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการผลิต การขนส่ง และการแสวงหาตลาดสินค้า นอกจากนั้นยังมีบทบาทในการเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปได้ทราบข้อมูลการตลาดของสินค้าต่าง ๆ ที่สำคัญอีกด้วย เช่นความเคลื่อนไหวของราคาสินค้า และชนิดของสินค้าที่ตลาดต้องการ เป็นต้น นอกจากนั้น จากพระบรมราโชบายให้เร่งส่งเสริมการส่งออกสินค้าของไทยก็ทำให้มีการเตรียมการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทยในโอกาสเฉลิมฉลองที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจะครองราชย์ครบ 15 ปี ในปีพ.ศ.2468 โดยใช้ชื่อว่างานสยามรัฐพิพิธภัณฑ์ (The Siamese Kingdom Exhibition) และทรงพระราชทานที่ดินสวนลุมพินีเพื่อเป็นสถานที่จัดงานนี้ แต่ขณะกำลังเตรียมการนั้นเองพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงประชวรและสวรรคตเสียก่อน งานสยามรัฐพิพิธภัณฑ์จึงต้องยกเลิกไป
ปัจจัยพื้นฐานสำคัญประการหนึ่งที่จำเป็นต้องมีขึ้นก่อนเพื่อให้การพัฒนาเกิดขึ้นตามมาได้ก็คือระบบการคมนาคมขนส่งที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากการคมนาคมขนส่งที่สะดวกรวดเร็วจะช่วยให้การนำเอาวัตถุดิบและทรัพยากรจากส่วนต่าง ๆ ของประเทศมาใช้เพื่อการผลิตได้ด้วยต้นทุนต่ำ โดยที่ในขณะเดียวกันก็ทำให้ตลาดสำหรับผลผลิตสามารถขยายตัวออกไปได้อย่างกว้างขวาง ไม่จำกัดอยู่แต่เพียงภายในท้องถิ่นเท่านั้น นโยบายการคมนาคมของชาติในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้กำหนดขึ้นภายหลังจากได้มีการศึกษาสภาพความเป็นจริงของระบบการคมนาคมขนส่งภายในประเทศอย่างรอบคอบแล้ว โดยมีหลักการที่จะให้การคมนาคมขนส่งในรูปแบบต่าง ๆ มีลักษณะส่งเสริมซึ่งกันและกัน ไม่ซ้ำซ้อนหรือแข่งขันกัน และหลีกเลี่ยงการใช้เงินงบประมาณที่มีอยู่จำกัดไปในทางที่ไม่จำเป็นเร่งด่วน จากจุดมุ่งหมายที่เน้นในด้านความประหยัดและมีประสิทธิภาพเช่นนี้ ทำให้นโยบายด้านการคมนาคมขนส่งได้ให้ความสำคัญต่อการขนส่งทางรถไฟมากเป็นพิเศษ เนื่องจากต้นทุนการขนส่งด้วยรถยนต์ในยุคนั้นยังสูงกว่ารถไฟมาก และนโยบายการสร้างถนนได้ถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า จะสร้างถนนเพื่อนำผลผลิตป้อนสู่รถไฟเป็นหลัก เส้นทางรถไฟสายเหนือซึ่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้สร้างไว้ถึงบ้านแม่พวก เขตเมืองอุตรดิตถ์ ได้มีการสร้างต่อไปจนถึงเชียงใหม่ในปีพ.ศ.2464 และสายใต้ซึ่งสร้างค้างไว้ถึงเพียงเพชรบุรี ก็ได้มีการสร้างต่อจนถึงสุไหงโกลกและเปิดเดินรถต่อกับปีนังได้ในปีพ.ศ.2464 เช่นกัน ส่วนสายตะวันออกเฉียงเหนือที่สร้างไว้ถึงนครราชสีมาก็ได้มีการขยายออกไปเป็นอีก 2 สายมีปลายทางที่อุบล และขอนแก่น แต่ตราบจนถึงปีพ.ศ.2468 นั้นเส้นทางสายอุบลยังสร้างไปถึงเพียงบุรีรัมย์เท่านั้น นอกจากการสร้างทางรถไฟต่อเนื่องจากเดิมแล้ว ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวยังได้มีการสร้างทางรถไฟสายตะวันออกขึ้นใหม่โดยมีปลายทางที่อรัญประเทศ ซึ่งในปีสุดท้ายแห่งรัชสมัยนั้น เส้นทางสายนี้ได้สร้างไปถึงกบินทร์บุรี โครงการใหม่อีกด้านหนึ่งที่มีการดำเนินการก็คือการสร้างสะพานเพื่อเชื่อมต่อทางรถไฟฟากตะวันออกและตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งแต่เดิมแยกจากกันโดยให้มีศูนย์กลางอยู่ที่หัวลำโพง และมีการเปลี่ยนรางรถไฟให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศโดยใช้มาตรฐานเดียวกันกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อให้สามารถเชื่อมต่อการขนส่งระหว่างกันได้ด้วย ส่วนการสร้างถนนนั้น เนื่องจากความจำกัดด้านงบประมาณ จึงสร้างเฉพาะที่พิจารณาแล้วว่าคุ้มค่าต่อการลงทุนจริงเท่านั้น และกำหนดแนวนโยบายไว้ด้วยว่าเมื่อสร้างแล้วต้องสามารถบำรุงรักษาให้ใช้ประโยชน์ได้ มิฉะนั้นก็จะทรุดโทรมหมดสภาพไปอย่างรวดเร็ว จากการกำหนดแนวทางเช่นนี้ ทำให้มีการลงทุนสร้างถนนเฉพาะเส้นทางที่มีความต้องการใช้ประโยชน์เพื่อการขนส่งมากเพียงพอ และสอดคล้องกับความต้องการของราษฎรในท้องถิ่นอย่างแท้จริง ผลจากการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งอย่างต่อเนื่องทั้งทางรถไฟและถนนเช่นนี้ ทำให้การผลิตและการค้าขยายตัวขึ้นตามเส้นทางคมนาคมที่แผ่ขยายเข้าไปโดยเฉพาะการผลิตข้าวในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งขยายตัวอย่างรวดเร็วและกว้างขวางไปพร้อมกับเส้นทางรถไฟ ในขณะที่ถนนก็มีจะมีส่วนช่วยเสริม ด้วยการเป็นเส้นทางลำเลียงผู้คน หรือสินค้าจากรอบ ๆ บริเวณสถานีรถไฟ เข้ามาเพื่อรอใช้บริการของรถไฟต่อไป |