| 
  
โครงการชลประทาน 
 
  - 
  
                การดำเนินการตามโครงการและผลที่ได้รับ 
 
 
  
 
                โครงการป่าสักใต้นี้ เซอร์โทมัส 
                วอร์ด ได้กำหนดให้เป็นโครงการเริ่มแรก และได้ลงมือดำเนินการในปีพ.ศ.2459 
                จนสำเร็จบริบูรณ์ในปีพ.ศ.2465 รวมค่าใช้จ่ายลงทุนทั้งสิ้น 15.5 
                ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายนี้รวมถึงค่าเครื่องจักรเครื่องมือต่าง ๆ 
                ที่สามารถในไปใช้ประโยชน์ในโครงการต่อไปได้อีกด้วย  
                โครงการชลประทานป่าสักใต้ 
                มีสิ่งก่อสร้างตามโครงการดังนี้คือ เขื่อนพระรามหก คลองระพีพัฒน์ 
                ประตูน้ำพระนารายณ์ ประตูน้ำพระนเรศร์ ประตูน้ำพระราม 
                ประตูน้ำพระเอกาทศรถ ประตูน้ำพระศรีเสาวภาค ประตูน้ำพระธรรมราชา 
                ประตูน้ำพระศรีศิลป์ และประตูน้ำพระอินทรราชา 
                แม้ว่าโครงการส่วนใหญ่จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว 
                แต่กว่าที่วิศวกรจะตรวจสอบงานเรียบร้อย 
                และทำพิธีเปิดเขื่อนพระรามหกเพื่อใช้งานได้ ก็ล่วงเข้ามาในปีพ.ศ.2467 
                และในพิธีเปิดนั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว 
                ทรงมีพระราชดำรัสตอบรายงานของ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ 
                เสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ ในตอนหนึ่งว่า  
                
                  "ข้าพเจ้าได้ฟังรายงานของเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการแล้ว 
                  ก็เปรียบ เสมือนแสดงประวัติการที่สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 5 
                  พระองค์ผู้เป็นชนกนารถของข้าพเจ้า ได้ทรงดำริริเริ่มมาก่อน 
                  ส่วนข้าพเจ้าผู้เป็นรัชทายาทของพระองค์ 
                  ก็จงใจที่จะดำเนินตามพระกระแสบรมราโชบาย อันเกิดจากพระหฤทัย 
                  ที่ทรงพระเมตตาต่ออาณาประชาชนในพระราชอาณาจักรนี้" 
                 
                
                จุดมุ่งหมายของโครงการป่าสักใต้ก็คือ 
                การช่วยพัฒนาที่ดินบริเวณทุ่งรังสิต 
                ซึ่งบริเวณเหล่านี้แต่เดิมอยู่ในความดูแลของบริษัทขุดคลองและคูนาสยาม 
                ตามพระบรมราชานุญาต 
                แต่บริษัทดังกล่าวในระหว่างที่อยู่ในอายุสัญญานั้น 
                ยังไม่ได้ปรับปรุงพัฒนาระบบชลประทานขึ้นมากนัก 
                ทำให้ในเขตจังหวัดธัญญบุรี ซึ่งมีจำนวนที่นาประมาณ 700,000 ไร่ 
                แต่สามารถใช้ทำนาได้เพียง 270,000 ไร่หรือราวร้อยละ 39 
                ของพื้นที่นาทั้งหมดเท่านั้น 
                เมื่อบริษัทดังกล่าวหมดอายุสัญญาลงแล้ว จึงสมควรเข้าจัดการชลประทาน 
                เพื่อช่วยให้พื้นที่ซึ่งมีการจัดระบบชลประทานอยู่บ้างแล้วนั้น 
                มีการชลประทานที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น  
                นอกจากนั้น 
                การขุดคลองส่งน้ำสายใหญ่ตามโครงการป่าสักใต้ 
                เพื่อส่งน้ำจากแม่น้ำป่าสักมายังทุ่งรังสิตนั้น 
                ยังช่วยให้สามารถส่งน้ำเข้าสู่ที่ดอนในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและสระบุรี 
                เพื่อใช้ ประโยชน์ในการทำนาได้อีกด้วย 
                โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน 
                เนื่องจากบริเวณดังกล่าวแต่เดิมนั้นการทำนาต้องอาศัยน้ำฝนเพียงอย่างเดียว
                 
                นับแต่ปีพ.ศ.2465 
                ซึ่งโครงการป่าสักใต้เสร็จสมบูรณ์นั้น 
                ปรากฏว่าจำนวนที่นาที่ได้รับประโยชน์จากโครงการได้เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ 
                จากเพียง 48,795 ไร่ในปี 2465 เป็น 310,231 ไร่ และ 417,684 
                ไร่ในปี 2466 และ 2468 ตามลำดับ 
                และผลดีที่ได้รับอันเนื่องมาจากการชลประทานนั้นปรากฏตามรายงานเรื่องบันทึกการทดน้ำในประเทศสยามดังนี้
                 
                
                  "...ในระหว่างฤดูการทำนาปีพ.ศ.2466 
                  ตอนต้นได้รับฝนดี แต่ตอนกลาง ฝนน้อย 
                  ชาวนาอาศัยน้ำที่ได้จากการทดและระบายน้ำไปช่วยตลอด 
                  จนถึงเวลาใกล้จะเก็บเกี่ยว ครั้นถึงตอนปลายฤดูกลับมีฝนตกมากอีก 
                  ก็ได้จัดการ ช่วยเหลือระบายน้ำออกไปตามโครงการระบายน้ำป่าสัก 
                  ให้ได้รับผลอย่างดียิ่ง การทำนาจึงไม่มีเสียหายเท่าใด 
                  ที่ว่านี้ก็พอให้เห็นได้แล้วว่า นาแถบเหนือในปีพ.ศ.2466 
                  นั้นดีขึ้นกว่าพ.ศ.2465 ซึ่งได้ทดน้ำช่วยเหลือแต่บางส่วน 
                  และดียิ่งขึ้นกว่าปีพ.ศ.2464 
                  ซึ่งอาศัยน้ำฝนแต่เพียงอย่างเดียวเป็นอันมาก ว่าถึงการทำนาในปีพ.ศ.2467 
                  ความเป็นไปแห่งดินฟ้าอากาศ ต่างกันคือมีฝนตกมามากตอนต้น 
                  ต่อมาแล้งไปเสียนาน การทดน้ำ 
                  ระบายน้ำช่วยเหลือตามความมุ่งหมายได้ทำการตรงต่อหน้าที่ดี 
                  คือบังคับน้ำให้เหมาะแก่การทำนามาได้ตลอด ผลแห่งการทำนา 
                  และจำนวนนาที่ได้รับการทดน้ำช่วยเหลือในปีนี้ยังรวบรวมจำนวนไม่ได้ 
                  แต่ก็มีสิ่งที่ได้ชี้ให้เห็นแล้วว่าดีกว่าปีพ.ศ.2466 ทั้ง 2 
                  อย่างคือได้เนื้อข้าวและจำนวนข้าวดียิ่งขึ้น... 
                  ระหว่างฤดูการทำนาปีพ.ศ.2467 นี้ 
                  โดยเหตุที่แม่น้ำนครนายกต่ำมาก และเกิดแล้งขึ้น 
                  ต้นข้าวในบริเวณทุ่งรังสิตที่กำลังทรงตัว 
                  และที่เคยรับน้ำจากแม่น้ำนครนายกมาช่วยเหลือ 
                  จึงอยู่ในอาการคับขันจนไม่ 
                  เห็นได้เลยว่าจะฟื้นตัวและคงทนต่อไปตลอดถึงการเก็บเกี่ยว 
                  แต่บังเอิญที่สามารถทดน้ำในแม่น้ำป่าสักส่งมาช่วยเหลือได้ในทุ่งนี้ 
                  ต้นข้าวจึงยังคงดีอยู่ได้ตลอดมา" 
                 
                
                เครื่องพิสูจน์ที่สำคัญถึงผลดีของการชลประทาน 
                ที่มีต่อประสิทธิภาพในการทำนาก็คือ 
                การที่มีโรงสีข้าวตั้งเพิ่มขึ้นอีกมากในเขตชลประทาน 
                เพราะการจะตั้งโรงสีข้าวขึ้นย่อมเนื่องมาจาก 
                ข้าวเปลือกมีจำนวนมากเพียงพอ 
                ปรากฏว่าจากรายงานว่าด้วยประโยชน์แห่งการชลประทานนั้น ได้มีการตั้ง 
                โรงสีเพิ่มขึ้นจำนวนมากในเขตชลประทาน  
                
                  "พูดถึงสภาพของพาณิชย์กรรมในท้องที่นี้ 
                  ควรเป็นที่ทราบว่า ในบริเวณที่รวมอยู่ในการชลประทานป่าสักนั้น 
                  มีโรงสีข้าวที่ทำอยู่เดี๋ยวนี้ 33 โรง 
                  ในจำนวนนี้อยู่ในบริเวณทุ่งรังสิต 13 โรง 
                  แต่เมื่อก่อนการชลประทานได้จัดทำเสร็จ มีอยู่เพียง 2 เท่านั้น
                   
                  
                  เวลานี้มีผู้คนโดยมากพากันตั้งโรงสีขึ้นตามจังหวัดต่าง ๆ 
                  และในบริเวณการชลประทานป่าสัก ก็มีผู้ไปดำเนินการเช่นนี้ด้วย 
                  ขอให้พึงระลึกว่าผู้ที่จะลงทุนไปในบริเวณซึ่งได้เคยฝ่าอุปสรรคต่าง 
                  ๆ มามากแล้วเช่นในทุ่งรังสิตนั้น ถ้าไม่เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าว่า 
                  สภาพความเจริญและความมั่นคงในการทำนาจะถาวรต่อไปแล้ว 
                  ก็คงจะไม่ลงทุนของตนลงไปในที่เช่นนั้น" 
                 
                นอกจากผลทางตรงต่อการทำนา 
                คือการช่วยให้ที่นาได้รับน้ำอย่างสม่ำเสมอมากขึ้นแล้ว 
                โครงการชลประทานยังมีผลทางอ้อมในแง่ที่ช่วยให้การขนส่งข้าวสะดวกรวดเร็วขึ้น 
                และยังมีผลพลอยได้ 
                ในการช่วยให้ราษฎรในบางเขตมีน้ำบริโภคอุดมสมบูรณ์อีกด้วย 
                 
                
                  "...ปีพ.ศ.2463 
                  นั้นเป็นปีแรกที่เพิ่งเริ่มทดน้ำ ระบายน้ำตามโครงการ ป่าสักใต้ 
                  ถึงแม้ว่ายังจะมิได้จำหน่ายน้ำมาจากแม่น้ำป่าสักให้ได้จนถึงปีพ.ศ. 
                  2465 ก็ดี แต่ก็ได้เริ่มซ่อมแปลงคลองต่าง ๆ 
                  ที่ได้ใช้เป็นทางเรือสัญจรไปมา 
                  และคลองระบายน้ำที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้น กับทั้งได้สร้างประตูน้ำ 
                  ทำนบ เลื่อนต่าง ๆ เพิ่มเติมขึ้นไว้อีกด้วย 
                  การที่ได้ทำเพียงเท่านี้ 
                  ก็ได้เผยแผ่ความรุ่งเรืองให้แก่ตำบลเหล่านี้ 
                  คือได้เพิ่มความสะดวกให้แก่ชาวนา 
                  ในการลำเลียงส่งข้าวจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ยิ่งกว่ากาลก่อน...
                   
                  ส่วนประโยชน์อื่น ๆ 
                  ที่ราษฎรจะได้รับนั้น 
                  ก็น่าจะกล่าวด้วยว่าคลองส่งน้ำป่าสักใต้ที่ได้ขุดขึ้นนั้น 
                  เป็นทางใหญ่อันมีค่าให้ราษฎรได้รับความ สะดวกในการเดินเรือไปมา 
                  ชาวนาในเวลานี้สามารถจะบรรทุกข้าวจาก 
                  ยุ้งฉางของตนลงเรือส่งตรงไปโรงสีได้ 
                  ซึ่งแต่ก่อนจะต้องบรรทุกเกวียนข้ามทุ่งนาอันกว้างใหญ่ 
                  และต้องหยุดพักระหว่างทางเป็นตอน ๆ 
                  หรือถ้าว่าจะกล่าวถึงชาวนาตอนแถบเหนือของบริเวณทดน้ำนั้น 
                  แต่ก่อนมาการส่งข้าวมาขายต้องเก็บไว้ค้างปี 
                  คือเมื่อถึงฤดูน้ำปีหน้าจึงจะส่งมาได้ 
                  ประโยชน์ใหญ่อีกอย่างหนึ่งที่ควรจะกล่าวด้วยก็คือ 
                  ทั่วบริเวณนี้ทั้งหมดในบัดนี้ 
                  มีน้ำจืดสำหรับคนและสัตว์ใช้บริโภคได้ทั่วไป 
                  เมื่อก่อนที่ได้สร้างการนี้ขึ้น 
                  ราษฎรได้รับความคับแค้นในเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง..." 
                
                 
                
 |