โครงการสวดมนต์เฉลิมพระเกียรติฯเพื่อความสถิตสถาพรของแผ่นดินไทย
หลักการและเหตุผล
สังคมโดยทั่วไปเห็นเรื่องของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเรื่องสันติภาพ เป็นเรื่อง เพ้อฝันไกลตัว และถือว่าไม่ใช้ธุระของตนเป็นเรื่องของบ้านเมือง ของข้าราชการ ฯลฯ จึงไม่มีความรู้สึกรับผิดชอบเป็นส่วนตัวในการที่จะทำให้เกิดความมั่นคงแก่สถาบันเหล่านี้ โดยที่ศาสนาจะทำให้มนุษย์มีสติปัญญาในการสร้างสรรค์และจรรโลงสถาบันต่างๆ ให้มั่นคงสถาพรได้เป็นอย่างดี
ปัจจุบันนี้เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่าฝ่ายทำลายความมั่นคงของประเทศชาติจับจุดนี้ได้จึงพยายามทุกวิถีทาง ที่จะทำลายสถาบันทางศาสนาที่สามารถรวมพลังศาสนิกชนได้เป็น จำนวนมาก โดยแทรกซึมบ่อนทำลายบ้าง ยุแหย่ ให้เกิดควาแตกแยกกันเองบ้าง อาศัยมือราชการบางหน่วยที่ตกหลุมพราง รู้ไม่เท่าทันเข้ามาทำลายบ้างเป็นต้น ดังจะเห็นได้จากเรื่องที่เกี่ยวข้องกับศาสนาจนปรากฏเป็นข่าวใหญ่อยู่เสมอๆ
นอกจากนี้สถานการณ์ทางเศรษกิจของประเทศไทยในบัจจุบันก็มีอันต้องตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ "ไอ เอ็ม เอฟ" และที่น่าเป็นห่วงอีกประการหนึ่งก็คือ ชาวต่างชาติสามารถครอบครองแผ่นดินไทยได้ตามกฏหมายไทยในปัจจุบัน
ด้วยเหตุนี้ประชาชนชาวไทยผู้มีความจงรักภักดีต่อแผ่นดินไทย จึงได้ปรึกษากับนักวิชาการ ที่มีความรู้ถ่องแท้ และมีความปราถนาดีต่อประเทศชาติ กระตือรือร้นที่จะเห็นความเจริญรุ่งเรืองของสังคม ซึ่งมีทั้งข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ทหาร ตำรวจ ตลอดจนพระเถระผู้ใหญ่ ต่างเห็นพ้องกันว่าควรจัดตั้ง
"โครงการสวดมนต์เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อความสถิตสถาพรของแผ่นดิยไทย"
ขึ้นเพื่อผนึกจิตานุภาพของศาสนิกชนชาวไทยทั่งประเทศ ด้วยการสวดมนต์อธิฐาน ขอบารมีแห่งพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ ตลอดจน สิ่งศักดิ์สิทธิ์และ อดีตวีรกษัตริย์ไทยทุกประองค์ช่วยให้ผลร้ายที่จะเกิดแก่
ชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ กลับกลายเป็นผลดีและอยู่รอดปลอดภัย
ด้วยความเชื่อมั่นว่า "พลังจิตตานุภาพ สามารถยับยั้งแสนยานุภาพ" สามารถช่วยให้ชาติบ้านเมืองเกิดสันติสุข
สมกับเป็นแผ่นดินธรรมแผ่นดินทองอย่างแท้จริงได้ ซึ่งจะเกิดประโยชน์สุขไม่เฉพาะแก่ผู้ร่วมโคงการเท่านั้นแต่จะมีผลดีต่อสังคมและประเทศชาติตลอดจนภูมิภาคโดยส่วนรวมอีกด้วย ดังคำขวัญที่ว่า
สวดมนต์เป็นนิจ ชีวิตเป็นสุข
อธิษฐานเพื่อชาติ เอกราชมั่นคง
สถาบันพระมหากษัตริย์สถิตสถาพร
หากจิตใจของคนไทยทั้งประเทศจำนวน ๖๐ ล้านคน รวมเป็นหนึ่งโดยมีบทสวดมนต์เป็นน้ำเชื่อมประสานพลังแห่งจิตตานุภาพนี้ ก็จะเป็นพลังอันมหาศาล ขอเพียงให้มีความเชื่อมั่นเท่านั้นเมื่อจิตใจเป็นหนึ่งแล้วย่อมมีสันติสุขดังจะเห็นได้ว่าความวุ่นวายของสังคมเกิดขึ้นก็เพราะจิตของคนไม่ตรงกันนั่นเอง หลักพระพุทธศาสนายังสอนไว้ว่า
"จิตหนึ่งเป็นเอกะ ยิ้มผ่องใส่ พระนิพพานย่อมอยู่ไม่ไกล"
หากประชาชนทั้งหลายไม่ปล่อยให้กิเลสตัณหาครอบงำ จนกระทั่งจิตใจมืดมนสังคมส่วนรวมก็ย่อมไม่เกิดความเดือดร้อนวุ่นวายและจะอยู่เย็นเป็นสุขทั่วกัน และเทศชาติไทยก็สามารถพัฒนาก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศในเวทีโลก และจะมีความมั่นคงบังเกิดสันติสุขและสันติภาพอันถาวรได้ตลอดไป
พลเอกสมเด็จประเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้มีพระดำรัสตอนหนึ่งว่า
"จงสร้างสมัครสมานสามัคคี เสียสละ มีกำลังใจเพื่อนำพาแผ่นดินนี้ไปให้รอด ถวายในหลวงของเรา"
ในวโรกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนพรรษา ๖ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒ "๗๒ พรรษามหาราชา"
จึงเป็นการสมควรจัดทำเป็นโครงการสวดมนต์เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อรวมพลังจิตตานุภาพของประชาชน ร่วมกันสวดมนต์บำเพ็ญจิตภาวนาเป็นการปฏิบัติบูชาน้อมเกล้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ในวโรกาสอันเป็นมหามงคลยิ่งนี้ โดยตั้งชื่อโครงการนี้ว่า
"โครงการสวดมนต์เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อความสถิตสถาพรของแผ่นดิยไทย"
________________________________________________________________________________________________________________________________________________________