index2

Pose the Special Part II

*Warning*
1. ก่อนอ่านบทความนี้กรุณาคลิ๊กเข้าไปอ่านข่าว บทความ หรือสกู๊ปต่างๆ ของนสพ.หลายๆ ฉบับที่เรารวบรวมมาเป็นข้อมูล เพื่อความเข้าใจในเรื่องที่ท่านกำลังจะอ่านต่อไป
2. ชื่อบุคคล สถาบัน สื่อต่างๆ ที่อ้างอิงในบทความนี้ คือชื่อจริง มิได้ถูกดัดแปลงแก้ไขแต่ประการใด
**Remark**
ข่าวหรือบทความจากหนังสือพิมพ์ เราถอดความแบบตัวอักษรต่อตัวอักษร มิมีการบิดเบือน ให้เสียยี่ห้อ KAKU แน่นนอน ไม่เหมือนที่ใครบางคนชอบทำหรอก

วันพุธที่ 19 มกราคม 2543
หนังสือพิมพ์
เดลินิวส์ I ข่าวสด I สยามรัฐ I Bangkok Post I The Nation I มติชน I ไทยรัฐ
คอลัมน์
เคียงข่าว

วันพฤหัสที่ 20 มกราคม 2543
หนังสือพิมพ์
เดลินิวส์ I ไทยรัฐ I มติชน
คอลัมน์
The Nation's Editorial

วันศุกร์ที่ 21 มกราคม 2543
หนังสือพิมพ์
ข่าวสด
คอลัมน์
บทบรรณาธิการข่าวสด I สกู๊ปข่าวสด

วันเสาร์ที่ 22 มกราคม 2543
คอลัมน์
เดลินิวส์ วาไรตี้ Face Of The World

วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม 2543
คอลัมน์
วัยรุ่น2000 I อันดนตรีมีคุณ

From our friend - Vivilin (กิ๊ก) คอลัมน์
เจแปนสไตล์ กระแสวัฒนธรรม ครอบงำวัยรุ่น วันอังคารที่18 มกราคม พ.ศ.2543 และ
ข้อเท็จจริงของนักร้องญี่ปุ่น กับการฆ่าตัวตายของวัยรุ่นวันอังคารที่ 1กุมภาพันธ์ พ.ศ.2543Krungthep Turakij Newspaper


K refer to Kinจัง
G refer to Ginจัง

K : สวีสดีแต่เป็นหวัดไม่ดีนะขะรับ ก็พบกันอีกครั้งกับภาคต่อของ Pose the Special แต่รู้สึกจะเร็วไปหน่อยนะ Ginจัง
G : ดีฮ่ะ ท่านผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน บอกตามตรงเลยนะฮะว่า Ginจังไม่เคยคิดจะเขียนภาคสองของ Pose เลย เพราะในรอบปีที่ผ่านมา แทบไม่มีเหตุการณ์อะไรพอที่จะเป็นข้อมูลให้ Ginจังเขียนเลย ซึ่งGinจังก็พอใจให้มันเป็นอย่างนั้นนะฮะ แต่แล้วก็เป็นความกรุณาของพี่ๆ สื่อมวลชน ทั้งหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ ไม่ทราบว่ามีวิทยุด้วยหรือเปล่า ที่อุตส่าห์สร้างข้อมูลให้Ginจังได้เขียนอีกจนได้นะฮ่ะ
K : แหม แต่ว่าเป็นความกรุณาที่ทารุณเหลือเกินนะขอรับ กรุณาซะจน Kinจังน้ำตาร่วงเลยตอนได้เห็นข่าวครั้งแรก
G : ฮ่ะ ถึงตรงนี้คงพอจะทราบกันแล้วนะฮ่ะว่าเราจะเขียนถึงเรื่องอะไร Ginจังคงต่องขอเลิกเป็นกระเทยชั่วคราว เพราะเป็นอุปสรรคอย่างใหญ่หลวงต่อการเขียนเรื่องให้ดูจริงจัง คราวที่แล้วเขียนโดยดัดแปลงชื่อเสียงเรียงนาม ของผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เกือบทั้งหมด เพราะไม่ต้องการให้บทความดูก้าวร้าวหรือรุนแรงเกินไป คราวนี้คงไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น เพราะสิ่งที่พวกเขาทั้งหลายนำเสนอออกมานั้น มันรุนแรงต่อความรู้สึกของเรามากจนเกินทน ก็บอกกันให้ชัดเจนเลยดีกว่าว่าใครเป็นใคร แล้วเขาทำอะไรบ้าง
K : เช่นนั้นแลขะรับ Kinจังก็จะเลิกเป็นสัตว์ประหลาดไม่มีเพศชั่วคราวด้วย ว่าแต่... จะสังกัดเพศไหนดีล่ะเนี่ย ตัวผู้หรือตัวเมียดี
G : นี่แก ฉันอุตส่าห์ซีเครียด ยังจะมาเล่นมุขฝืดๆ อีก เลิกได้แล้ว
K : (บ่นอุบอิบ) เชอะมาหาว่ามุขเราฝืด ตัวเองก็พอกันละว้า
G : อะไร?
K : เปล๊า... ก็เริ่มกันเลยดีกว่า บ่ายคล้อยของวันที่ 18 มกราคม 2543 ตะวันอ้อมข้าวไปแล้วกำลังจะลาลับโลกไปทางทิศตะวันตก ประมาณเวลาอยู่ที่ 17นาฬิกาเศษ ขณะที่ตัวข้าพเจ้า กำลังเพลิดเพลินกับจอตู้สี่เหลี่ยม ที่มุมล่างปรากฏเลข 3 รอติดตามละครเรื่องโปรด 'องค์หญิงกำมะลอ' ก็ปรากฏข่าวใจความหลักๆ ว่า 'นักเรียสาวโรงเรียนชื่อดัง (สุรศักดิ์มนตรี) โดดตึกฆ่าตัวตายจากชั้น 8 ของแฟลตอาคารสงเคราะห์ดินแดง คาดว่าสาเหตุน่าจะมาจากการคลั่งไคล้ในตัวศิลปินญี่ปุ่นชื่อดัง Hide แห่ง X-Japanที่ฆ่าตัวตายเมื่อสองปีที่แล้ว เพราะจากการตรวจค้นในห้องของผู้ตาย พบโปสเตอร์ รูปวาด และภาพถ่ายของศิลปินรายดังกล่าวอยู่เป็นจำนวนมาก รวมถึงวีดิโอคอนเสิร์ต อัลบั้มภาพ กับจดหมายติดต่อกับแฟนคลับอีกมากมาย ฯลฯ' Oh! my Buddha! ข้าพเจ้าตื่นจากอาการเพลิดเพลินเจริญใจโดยทันที ในใจพลันคิด 'เอาอีกแล้ว มันเล่นพี่เดชตูอีกแล้ว' สมองหยุดหลั่งสารเอนโดฟีน มาหลั่งสารอะดรีนาลีนแทน ข้าพเจ้าเบิ่งสติสัมปชัญญะทั้งมวลที่มี ชมข่าวนั้นจนจบ ให้ปรากฏน้ำคลอที่สองเบ้าตา หนึ่งหยดร่วงลงมาจากตาซ้าย อะไรกันวะเนี่ย คนตายไปจะสองปีอยู่รอมร่อ ขอนอนสงบๆ บ้างไม่ได้หรืออย่างไร ขนาดเหลือแต่กระดูกอยู่ก้นทะเล ยังจะเอาเรือดำน้ำออกไปงมเก็บชิ้นส่วนมาให้เป็นข่าวอีก แทนที่จะได้นอนหลับสบายๆ อยู่ใต้ผืนน้ำเย็นชื่นระรื่นใจ ป่านนี้นอนเป็นปลาไหลโดนรูดด้วยกระดาษทรายอีกแล้วกระมัง ไม่ได้การ ต้องโทรไปหาไอ้เพื่อนราก... ปลดทุกข์กับมันเสียหน่อย ป่านฉะนี้ Ginจังจะรู้หรือยัง รู้แล้วจะทำหน้ายังไงน้อ แวบแรกคงไม่พ้นหน้าหมาสงสัย ต่อไปก็เป็นหน้าหมาเบื่ออาหาร ว่าแล้วก็กดโทรศัพท์ทันที ติ่ด ติด ติ๊ด ติ่ด ติด ติ๊ด ติ๊ด.... ตรู้ด..
G : กรี๊ง.. แกร่ก ห้าโหล หกสิบอัน หันหนีเอง... ดาร์หลิงเหรอ มี'ไร
K : อะโธ่ ไอ้ทุเรศ ไม่ให้เราเล่นมุข ดันรับมุขเองเฉยเลย
G : อ้าว ก็ห้ามไม่ได้ ก็เล่นด้วยซะเลยเป็นไรไป ว่าแต่ กะลังมันส์เลย ต่อสิ
K : ฉอด ๆ ๆ ๆ ๆ (เสียงKinจังเล่าเรื่องที่ได้พานพบมาเมื่อสักครู่อย่างละเอียด)
G : Ha ha ha Wa ha ha อิ อิ อิ ฮู้ ฮู้ ฮู้ อยากจะหัวเราะเป็นภาษาตาฮิติเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าทำไง
K : เรื่องอย่างนี้แกยังหัวเราะได้อีกเหรอ
G : ทำไมจะไม่ได้ ก็เสนอข่าวออกมาได้บ้าขนาดนี้ จะไม่ให้Ginจังหัวเราะ อย่างคนเสียสติตามนักข่าวไปด้วยได้ไง Ho ho ho
K : แต่ Kinจังสุดจะแค้นเลย แค่เห็นว่ามีรูปมันติดอยู่เท่านั้นแหละ พี่แกก็เหมาเอาว่านั่นคือสาเหตุ
G : นี่แหละ ความรับผิดชอบของนักข่าวยุคโลกาภิวัฒน์ 2000 millenium Hehehe
K : นี่ Ginจัง เลิกเสียสติเหอะ แค่นี้มันยังน้อย เพราะรุ่งเช้าวันต่อมา วันที่ 19 มกราคม 2543 คุณเธอก็ได้รับเกียรติอย่างสูงสุดจากหนังสือพิมพ์หลายฉบับ เช่น ไทยรัฐ เดลินิวส์ ข่าวสด สยามรัฐ มติชน หรือแม้แต่ Bangkok Post เชิญชื่อ(บางฉบับพร้อมรูป) ไปสถิตอยู่ที่หน้า 1 หราเลย นี่คือที่เห็นนะ ไม่รู้เหมือนกันว่ามีอีกรึเปล่า อ่านพาดหัวข่าวของแต่ละฉบับแล้วก็แทบจะช็อคซีนีม่า 'นร.สาวม.4 ดิ่งตึก คลั่งฮิเดะร่างแหลกสยอง' 'นร.สาวโดดตึก พ่อแม่เศร้ายอมรับคลั่งฮิเดะ' 'นร.สาวม.4 ฆ่าตัว คลั่งฮิเดะ ดิ่งแฟลตดับสยอง' และอื่นๆ เป็นไงล่ะ
G : ได้รับเกียรติหรือเกลียดกันแน่เนี่ยก๊ะ ว่าแต่ Kinจัง เอาเกลือไอโอดีนให้ Ginจังหน่อยซิก๊ะจะได้หายเอ๋อไงก๊ะ
K : โถๆ จากเสียสติก็เอ๋อซะแล้ว น้องๆ น้ำเปล่าละลายเกลือไอโอดีนแก้วนึง เอ้า กินซะ จะได้หายนะ อ้าม...
G : เอาละ หายแล้วก็ขอเป็นการเป็นงานซะที ประเด็นแรกที่จะกล่าวถึงคงไม่พ้นเรื่องที่ว่า ทำไมสื่อมวลชนทุกแขนงถึงปักใจเชื่อเหลือเกินว่า สาเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้น มาจากการ'คลั่ง' e-well มัน บางฉบับก็ระบุชัดเจนเลยว่า นี่แหละสาเหตุ ใช่แน่นอน บางฉบับก็พาดหัวข่าวให้ตื่นเต้นไปงั้นแหละ ส่วนเนื้อข่าวก็อ้อมๆ แอ้มๆ บอกว่าอาจเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุการฆ่าตัวตายในครั้งนี้แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เค้าต้องการอะไร ปลุกกระแส สังคมต่อต้านวัฒนธรรมญี่ปุ่น(รับมาจากตะวันตกอีกที) ชี้ให้เห็นปัญหาสังคม หรือแค่เอาชื่อคนตายมาหากิน เพิ่มยอดจำหน่ายกันแน่ แล้วทำไม อะไรชี้นำให้พวกเขาคิดกันเช่นนั้น โปสเตอร์ที่ติดอยู่ในห้อง รูปถ่ายที่มีอยู่ 100 กว่าใบ วีดีโอคอนเสิร์ต ? แวบแรกที่เห็นของดังกล่าว พวกเขาคงคิด 'เฮ้ย นี่มันรูปของไอ้นักดนตรีที่ฆ่าตัวตายไปเมื่อ 2 ปีที่แล้วนี่หว่า ยังงี้ชัวร์เลย นี่แหละสาเหตุที่ทำให้เด็กฆ่าตัวตาย' แล้วก็เขียนข่าว อย่างนี้ใช่ไหม ถ้าใช้สมองที่มีอยู่ไตร่ตรองดูซักนิดก่อนเขียนข่าวว่า 'แต่ ไอ้นี่มันตายไปตั้ง 2 ปีแล้วนี่หว่า ระยะเวลาขนาดนั้น คงไม่ทำให้คนมาคิดสั้นเอาตอนนี้ได้หรอก' ใช่ ตั้ง 2 ปี คิดอะไรได้ตั้งเยอะแยะ หรือไตร่ตรองดูแล้วก็ตัดสินใจว่า 'เออ กูรู้ว่ามันไม่ใช่สาเหตุจริงๆ หรอก แต่ข่าวนี้มันขายได้ชัวร์ๆ ถ้าเล่นข่าวแค่ว่า นร.โดดตึกตายเพราะเครียดเรื่องเรียน ก็ธรรมดาเกินไปนะสิ ถ้าบอกคลั่งญี่ปุ่น ยอดขายคงสูงกว่าเดิมเยอะ' นี่ใช่ไหม จิตสำนึกของนักข่าวยุคนี้
K : รู้สึกมั้ยว่าพวกเราถูกจับตามองมาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว ที่เกิดเรื่อง
G : ใช่เลย อย่างที่เคยบอกไปแล้ว พวกเรากลายเป็นสัตว์ประหลาดในสายตาของสังคม เป็นพวกอารมณ์รุนแรง แสดงออกแข็งกร้าว ชอบอะไรไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องเค้า เป็นเด็กมีปัญหา ว่าเข้าไปนั่น เอ้า ใครเกิดมาไม่เคยมีปัญหาอะไรเลยในชีวิตบ้าง ยกมือ ไม่มี ทุกคนมีปัญหาของตัวเองทั้งนั้นแหละ จะเล็กจะใหญ่ ก็แล้วแต่สภาวะและสถานะของบุคคลนั้นๆ แล้วทำไมถึงจับตามาองเรา ก็ญี่ปุ่นไง ไอ้พวกนี้มันบ้างญี่ปุ่น มันผิดปรกติ เอาเข้าไป สนุกดี เอิ๊ก เอิ๊ก
K : เอ่อ... พักแป๊ป ให้เกลือGinจังก่อน อาการชักกำเริบ ใจเย็นๆ นะ ใจเย็นๆ นั่นและ ค่อยๆ กระเดือกเข้าไป...
G : คิดดูสิ จัดงานรำลึกครบรอบ 1 ปี โอ้โห กลายเป็นเรื่องใหญ่ ทีจัดงานแบบเดียวกัน แต่เป็นของเอลวิส เพรสลี่ย์ จัดมากี่ปีกี่ครั้ง ไม่เคยมีปัญหา เรื่องแฟนคลับก็เหมือนกัน บ้าขนาดมีการจัดตั้งแฟนคลับ พบปะ พูดคุย สังสรรค์ แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร เป็นความบ้า เป็นการคลั่ง แต่แฟนคลับ นิโคลจัง เจมส์ เรืองศักดิ์ซัง หรือ บอยแบนด์จากตะวันตกอย่าง Backstreet Boys Boyzone 911 เป็นเรื่องปรกติ
K: แล้วแฟนคลับนี่มันเสียหายตรงไหนเหรอ เด็กได้พบเจอคนที่เป็นแบบตัวเอง เหมือนตัวเอง เรียกว่าพวกพ้องก็ได้ ได้พูดคุยในเรื่องที่ชอบเหมือนกัน มีเพื่อนที่ชอบในสิ่งเดียวกัน เป็นความผิดรึไง จับกลุ่มแลกเปลี่ยนข่าวสาร กับจับกลุ่มเสพยาบ้าเอาอย่างไหนล่ะ
G: เหตุการณ์คราวนี้ก็เหมือนกัน เป็นตัวอย่างที่ชัดมากว่า เรากำลังถูกจับตามอง ถ้ายังพอจำกันได้ ก่อนหน้านี้มีนักศึกษาเอแบคฆ่าตัวตาย โดดตึกเหมือนกัน 2 รายซ้อนเลยนะเพราะเครียดเรื่องเรียนกับเรื่องอกหัก ลงหน้า 1 เหมือนกัน แต่เรื่องไม่ลามใหญ่โต เพราะอะไร 1. โดดตึกที่มหาวิทยาลัย 2. ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับศิลปินญี่ปุ่น มันชี้ให้เห็นชัดๆ เลยว่า ถ้าคุณฆ่าตัวตาย ไม่ว่าวิธีไหน จะได้รับเกียรติ ลงหน้า 1 นสพ.ยักษ์ใหญ่ 1 วัน แล้วเรื่องก็หายไปกับสายลม แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามที่ห้องนอนของคุณเต็มไปด้วย โปสเตอร์ของศอลปินญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น L'arc en ciel Glay LunaSea Lucifer Hikaru Utada Smap Tokio หรือมีการ์ตูนญี่ปุ่นอยู่ตั้งนึง เขาจะจับตามองดูคุณแล้วว่า เป็นพวก บ้าญี่ปุ่น และให้บังเอิญเหลือเกินที่ในบรรดาโปสเตอร์ J-Rock หรือ J-Pop เหล่านั้น มีรูป Hide แห่ง X-Japan อยู่ แม้เพียง 1 รูป ไม่ว่าจะแปะอยู่ข้างผนังหรือหลังตู้ เขาจะสรุปสาเหตุการตายของคุณครั้งนี้ว่า มาจากการ คลั่งHide ไม่ว่าจะเลยผ่านอีกกี่ปีก็ตาม เป็นอย่างนี้จริงๆ สื่อมวลชนยุคนี้
K : แล้วทำไมสังคมของผู้ใหญ่ ถึงตั้งข้อรังเกียจกับศิลปินญี่ปุ่น ของที่มาจากญี่ปุ่น พูดให้ชัดไปเลยคือวัฒนธรรมญี่ปุ่นน่ะ
G : ถูกฝังหัวไง ว่าตะวันตก โดยเฉพาะอเมริกาแน่ที่สุด จะพูดเรื่องนี้ต้องย้อนกลับตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ภาพลักษณ์ของญี่ปุ่นในความทรงจำของคนไทย หรืออาจจะของคนทั้งโลก คือ ไอ้ยุ่น โหดร้าย ทารุณ และอีกสารพัดจะเลว
K : นี่ๆ ยกเว้นโกโบริ ไว้ซักคนเหอะนะ
G : ก็ได้ เรายอมยกไว้ให้พี่โกโบริคนนึงละกัน ส่วนภาพลักษณ์ของอเมริกาคือ ฮีโร่ ผู้ปลดปล่อย ผู้กู้โลกถึงขั้นนั้น ภาพที่ตราตรึงในความทรงจำของคนยุคนั้น จะเป็นภาพการทิ้งระเบิดที่เพิร์ลฮาเบอร์ หรือไม่ก็ ความลำบากยากแค้นในการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแคว ส่วนภาพที่ทุกคนทำเป็นลืม คือ ภาพผู้คนล้มตายเป็นเบือ บาดเจ็บ ล้มป่วยจากการทิ้งระเบิดปรมณูที่ฮิโรชิม่ากับนางาซากิ หรือภาพเครื่องบินสัมพันธมิตร ทิ้งระเบิดใส่สะพานที่กำลังสร้าง ทั้งที่เชลยฝ่ายเดียวกันกำลังทำงานอยู่ คิดตามสภาพความเป็นจริง สงครามไม่มีฝ่ายใดถูก ทารุณโหดร้ายพอกัน แต่ผู้ชนะคือผู้เขียนประวัติศาสตร์ เสรีไทยทำงานแทบตาย แต่อเมริกาคือฮีโร่ในหัวใจคนไทยซะแล้ว เพราะเราไม่ต้องแพ้สงคราม ถามว่าแลกมาด้วยอะไร ฐานทัพอเมริกันในไทยไงคำตอบ เราถูกครอบงำโดยไม่รู้ตัว หรือถึงแม้จะรู้ก็เป็นไปด้วยความเต็มใจ คนรุ่นสงครามโลกรู้จักแต่ความโหดร้ายของญี่ปุ่น ความดีของอเมริกา เขาจึงสอนลูกหลานอย่างที่เข้าใจ กอรปกับการแพร่ขยายวัฒนธรรมผ่านทางสื่อ ภาพยนต์ ดนตรี ถามคนรุ่นพ่อแม่เรามีกี่คนชอบญี่ปุ่น มาถึงปัจจุบัน ยุคที่ญี่ปุ่นไม่ใช่ไอ้ยุ่น ทุกสิ่งทุกอย่างเจริญก้าวหน้าทัดเทียมยักษ์ใหญ่อย่าง อเมริกา นำหน้าคนไทยทุกอย่าง ทั้งๆ ที่เขาแพ้สงคราม คุณว่าพวกผู้ใหญ่รู้สึกยังไง 'ขอแสดงความยินดีด้วย' เรอะ ไม่มีทาง มีแต่ 'เชอะ ยังไงมันก็ไอ้ยุ่นแหละวะ' ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เด็กรุ่นเราไม่มีอาการต่อต้านญี่ปุ่น ถึงมีก็น้อยแล้วหละ เพราะคนรุ่นพ่อแม่เรา ไม่มีเวลาว่างพอจะมาฝังหัวลูกหรอกว่าญี่ปุ่นมันไม่ดี หาเงินให้ลูกใช้ก็แทบจะไม่มีเวลาได้เห็นหน้ากันแล้ว อีกอย่าง เดี๋ยวนั้มันโลกาภิวัฒน์แล้ว จะปิดหูปิดตากันมันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างในอดีต เพียงแต่ว่า ยุคนี้ยังไม่ใช่ยุคที่เราจะครองเมือง ถ้าความคิดเห็นของเราไปขัดแย้งกับผู้ใหญ่เข้า คิดดูเอาเองว่าใครเป็นคนผิด เรื่องที่น่าเป็นห่วงก็คือ ถ้าพ่อแม่หรือคนรอบข้างเป็นพวกต่อต้านญี่ปุ่น แล้วลูกเกิดไปหลงไหลศิลปินญี่ปุ่นเข้า แสดงออกอย่างเปิดเผยก็ไม่ได้ ทำให้ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ไม่ให้พ่อแม่รู้ อย่างนี้อันตรายกว่าอีก แค่เพียงพยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่ลูกชอบ เพื่อลูกจะได้อยู่ในสายตาอย่างนั้นไม่ดีกว่าหรือ
K : โฮ่ เครียดๆ ยังไงก็ไม่รู้นะ รู้สึกเหมือนแหย่ขาลงไปในกระทะทองแดงแล้วข้างนึงเลย
G : กว่าจะเขียนจบ คงลงไปแช่ทั้งตัวแน่เลย ว่ามั้ย
K : ว่าแต่ Ginจังไม่ออกนอกเรื่องมากเกินไปหน่อยเหรอเนี่ย ไปไกลถึงสงครามโลกโน่น
G : ก็แหม จะเขียนให้มันดูจริงจังน่าเชื่อถือนี่นา ยังไม่หมดแค่นี้หรอก เดี๋ยวมีอีกแน่ๆ
K : ไงๆ ก็ไม่ต้องงไปไกลถึงยุคอียิปต์โบราณก็แล้วกัน Kinจังยังไม่อยากไปเจอ เมมฟิสกะแครอล พักนี้เบื่อหน้ายังไงไม่รู้ กลับมาเข้าเรื่องของเราต่อดีกว่า ในเมื่อเรายืนยันว่าการตายของมันมิได้มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจฆ่าตัวตายของน้องเค้า แต่ยอมรับว่ามีอิทธิพล ต่อการคิดฆ่าตัวตาย ย้ำนะ ว่ามีอิทธิพลต่อความคิด ไม่ใช่การตัดสินใจ แล้วอะไรล่ะ สาเหตุที่แท้จริง
G : ตัวGinจังคงไม่อาจหาญสรุปเอาเองหรอกนะว่าเพราะอะไร เท่าที่คิดเอาไว้ก็คือ เค้าคงมีเรื่องกลุ้มใจหลายๆ อย่าง เป็นเรื่องอะไรก็ได้ที่ทำให้กลุ้ม แล้วมันกลายเป็นปัญหาสุมอกเพราะตัวเค้าเองแก้ไขไม่ได้ ปรึกษาใครไม่ได้ ไม่มีที่ระบายออก แต่ แค่นี้ไม่ทำให้คนสามารถตัดสินใจฆ่าตัวตายได้หรอก มันต้องมีอะไรบางอย่างเป็นตัวจุดชนวน เป็นตัวที่ทำให้รู้สึกว่า ตายไปคงดีกว่าอยู่ ทำให้เค้าขาดสติที่จะคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดตามมา หรือคนที่อยู่ข้างหลังว่าจะเป็นอย่างไร เมื่อไม่มีสติก็คงทำอะไรได้ทุกอย่างแม้แต่ทำลายชีวิตตัวเอง แล้วไอ้ตัวจุดชนวนนั่นน่ะ Ginจังว่ามันคือโทรศัพท์ปริศนาที่เค้าโทรก่อนที่จะร้องกรี๊ดออกมานั่นแหละ
K : แล้วที่ว่าผลการเรียนตกลง ขาดเรียนบ่อย ไปโรงเรียนสายบ่อยจนถูกคาดโทษล่ะ
G : ก็อย่างที่บอก ไม่ทราบว่าจะเกี่ยวมั้ย แต่อธิบายเรื่องพวกนี้ได้ ในฐานะผู้มีประสบการณ์ ใครเรียนสายวิทย์คงทราบดีว่าพอขึ้นม.ปลาย วิชาวิทยาศาสตร์ที่แสนสนุกในตอนม.ต้น กลับกลายเป็นแสนสาหัสไปซะได้ มันแตกแขนงออกมาเป็น 3 หน่อ แต่ละหน่อก็แตกต่างกันสุดขั้ว จะเรียกว่าต้องมานั่งนับหนึ่งใหม่ก็คงจะใช่ แล้ววันนึงจิตใจอันอ่อนล้าก็พาร่างกายอ่อนแรง คุณหยุดเรียนไป 1 วันในขณะที่คุณกำลังนับถึงเลขสาม พอกลับมาเรียนปรากฏว่าทุกคนในห้องนับไปถึงเลขห้าแล้ว คุณต้องทำความเข้าใจกับเลขห้าทั้งที่ยังไม่เข้าใจเลขสี่เลยด้วยซ้ำ ไม่รู้เรื่องเลย พูดอะไรกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ ความรู้สึกว่าวิชานั้นไม่น่าเรียนอีกต่อไปจะบังเกิด ไม่อยากเรียนวิชานี้เลยไม่เห็นรู้เรื่อง ไปๆ มาๆ ไม่อยากไปโรงเรียนแต่ก็ต้องไป จึงไปสาย เมื่อสายบ่อยๆ ถูกฝ่ายปกครองเพ่งเล็ง อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ประจำวิชาตาเขียวใส่ ไม่ไปมันเลยก็หมดเรื่อง อีกเรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วอยากพูดถึง คือเรื่องอาบน้ำนาน นอกจากเป็นคนรักสะอาดแล้ว ก็เป็นเหตุผลทางด้านจิตวิทยาในเรื่องไม่อยากไปโรงเรียนเหมือนกัน คือเป็นปฏิกริยาตอบสนองโดยอัตโนมัติของร่างกายไง ไม่อยากไปโรงเรียน จึงทำยังไงก็ได้ที่จะถ่วงเวลาให้มากที่สุดเพื่อให้อยู่ที่โรงเรียนน้อยที่สุด ก็เลยอาบน้ำนานๆ เป็นจิตสำนึกในขั้น Subconscious ซึ่งเป็นไปโดยไม่รู้ตัว ซึ่งจะมีอำนาจเหนือจิตรู้สำนึก (Conscious) ซึ่งคือการรับรู้ว่า ไปสายแล้วจะถูกบ่น
K : นี่อธิบายตามหลักจิตวิทยาเสื่อมๆ ของ Ginจังเองใช่มั้ย
G : ใช่เลย เราเคยเป็นมาก่อน เรารู้ดีที่สุด เห็นหน้าโง่ๆ อย่างเนี้ย ม.ต้นเคยสอบได้ที่ 1 เหมือนกันนะ
K : แล้วม.ปลายก็ร่วงลงไปอยู่ที่โหล่ใช่มั้ย
G : ไม่ใช่ แค่เกือบๆ ที่โหล่เท่านั้นแหละ และนี่คือจุดหักเหที่สำคัญจุดหนึ่งในชีวิต Ginจัง
K : พอๆ ไม่ต้องพ่น ไม่มีใครเค้าอยากรู้ประวัติแก เอาไว้ไปเขียนอัตชีวประวัติขายตอนหง่อมๆ แล้วกัน ว่าแต่เรื่องเรียนนี่เครียดจริงๆ นะ เด็กเรียนดีตลอดรอดฝั่งอย่าง Kinจังรู้ดี ความกดดันจากความคาดหวังของพ่อแม่ ครูอาจารย์ นี่ขนาดโรงเรียนเราไม่ได้มีชื่อเสียงก้องทั่วเมืองไทยนะ
G : เหรอ แล้วทำไม Ginจังไม่เห็นเครียดเลยละ ทั้งติด ร. ติด 0 กระทั่ง มส. ก็ยังเคย
K : ก็แกมันบ้านี่ ที่ว่าโรงเรียนดังๆ สมัยนี้ไม่ได้เน้นวิชาการอย่างเดียว ไม่เครียด อย่ามาพูดเลยดีกว่า อย่างที่บอกไปแล้ว ขนาดอยู่โรงเรียนไม่มีชื่อเสียง ยังเครียดจะเป็นจะตายตอนสอบเอ็นสะท้าน ตอนนั้นยังใช้ระบบเดิมอยู่เลยนะ ยิ่งตอนนี้เปลี่ยนมาใช้ระบบใหม่ โอย คิดแล้วสยอง ต้องหน้าดำคร่ำเครียด ตั้งแต่ม. 4 ผลการเรียนคือตัววัดทุกสิ่งทุกอย่าง กระทั่งความรัก ความเอาใจใส่ดูแลที่พ่อแม่ ครูอาจารย์มีให้ ก็ขึ้นอยู่กับผลการเรียน สอบเอนทรานซ์ นอกจากต้องแบกความรู้ที่จำมา 3 ปีเข้าไปสอบ ยังต้องแบกหน้าใหญ่ๆ ของผู้อำนวยการ ครู และพ่อแม่ให้มันหนักเข้าไปอีก สอบติดโรงเรียนก็หน้าบาน พ่อแม่ก็หน้าแป้นฉลอง 7 วัน 7 คืน ไม่เลิก โรงเรียนก็จะขึ้นป้าย นักเรียนโรงเรียนนี้สอบเอนทรานซ์ได้มากที่สุด สอบไม่ติดก็แตกต่างจากที่พูดเมื่อกี้อย่างฟ้ากับเหว
G : เฮ้ย ถึงขนาดขึ้นป้ายเชียวเรอะ
K : เปล่าหรอก อารมณ์มันพาไป แต่ก็จะเป็นที่รู้กันเลยว่าโรงเรียนนี้เจ๋งสุด ยังไงก็ต้องเอาลูกมาเรียนให้ได้ ลูกจะได้สอบติด เสียสองสามแสนก็ยอม ใครฝากได้ดั้นจ่ายไม่อั้นฮ่ะ อะไรเทือกนั้น ไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึก หรือความยากลำบากของลูกเลยว่าจะเป็นอย่างไร ต้องแต่ตื่นตี 4 อ๋อ ไม่เป็นไรลูกเดี๋ยวแม่ปลุกเอง อ้าว เป็นงั้นไป เรียนปกติสัปดาห์ละ 5 วัน วันละ 8 ชั่งโมงก็แทบคลั่งแล้ว เสาร์อาทิตย์ยังต้องไปนั่งทนฟัง ในสิ่งที่เรียนมาแล้วอีก เฮ้อ เหนื่อยแทน
G : แต่โรงเรียนเค้าก็บอกนี่ว่ามีกิจกรรมให้นักเรียนทำอยู่บ่อยๆ ไม่ใช่เน้นวิชาการอย่างเดียว
K : ถามหน่อยว่า ไอ้กิจกรรมเนี่ยใครกำหนดขึ้นมา เป็นไปตามความต้องการของเด็กเอง หรือผู้อำนวยการโรงเรียนชอบอย่างเนี้ย เด็กๆ ต้องทำตามนะจ๊ะ ไม่ก็แผนงานนี้ส่งตรงมาจากกระทรวงศึกษา หนูๆ เด็กดี เข้าร่วมทุกคนนะลูก มันจะสนุกมั้ยไอ้กิจกรรมประเภทนี้ ต้องทำอย่างนั้นนะ อย่างนี้นะ แทนที่จะหายเครียด เป็นเครียดคูณสองเลย
G : มีเรื่องตลกเล่าให้ฟังด้วยล่ะ Kinจัง เค้ารังเกียจกันเหลือเกินนะวัฒนธรรมญี่ปุ่นเนี่ย แต่ระบบการศึกษาซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาคน ให้มีประสิทธิภาพที่ใช้กันมาจนถึงปัจจุบันนี่ เอามาจากญี่ปุ่นล่ะตัวเอง
K : อ้อ มิน่า ถึงได้พยายามทำให้มันเสื่อมลงทุกวันๆ จะได้ดูว่าเป็นของไม่ดีสินะ เชื่อมั้ยว่าหลักสูตรการเรียนการสอนทุกวันนี้ จะเรียกว่าล้าหลังก็ไม่ได้ ต้องบอกว่ามประสิทธิภาพด้อยกว่าเมื่อ 20 ปีที่แล้วอีก
G : อันนี้ Ginจังขอยืนยันด้วยคนฮ่ะ เพราะคุยกับพ่อเรื่องเรียนทีไร รู้สึกว่าตัวเองเป็นหางอึ่งทุกที พ่อจะจำได้หมด ส่วนเราหรือฮะ พอเรียนจบก็ใส่หม้อ ปิดฝา ลอยน้ำคืนอาจารย์ไปหมดแล้วฮ่ะ
K : เฮ้ย Ginจัง เก็กหลุด กะเทยไหลออกมาแล้ว
G : อุ้ยตาย ขออำไพฮ่ะลืมตัว เดี๋ยวแป๊บ..นึง ขอเก็บเก็กมาใส่ก่อน สงสียต้องกาวตราสามช้างแล้วมั้งเนี่ย ตัวเดียวเอาไม่อยู่
K : ระหว่างที่ Ginจังสาละวนอยู่กับเก็ก เราก็มาถกประเด็นการศึกษากันต่ออีกนิดเถอะ ถึง Kinจังจะไม่ใช่นักการศึกษาที่สามารถ ก็พอจะมองเห็นปัญหาอยู่บ้าง ไอ้ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันเนี่ยมันไม่ได้ผ่านคำว่าปฏิรูปมา 20 ปีได้แล้วมั้ง ได้แต่ปรับปรุง แถมปรับปรุงไปในทางลงด้วย เหมือนเศรษฐกิจขาลงยังไงยังงั้น ถามหน่อยเถอะว่าใครเป็นคนร่างหลักสูตรการเรียนการสอนปัจจุบัน กระทรวงศึกษาธิการ โดยคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิรุ่นปู่รุ่นย่า มิได้บังอาจ ขนาดดูถูกความสามารถ แต่ถามว่า คนรุ่นนี้ มีความเข้าใจในเด็กยุคปัจจุบันแค่ไหน รู้ไหมว่าเด็กต้องการอะไร คิดอะไรอยู่ ที่ต้องถามเรื่องนี้ ก็เพราะเด็กต้องเป็นคนเรียนนี่ ไม่ได้เขียนให้ผู้ใหญ่เรียนซักหน่อย หลักสูตรของเมื่อ 20ปีที่แล้วเป็นของดีก็จริง แต่ก็เหมาะสำหรับยุคนั้นเท่านั้น 20 ปีที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นเยอะแยะมากมาย จนแทบปรับตัวไม่ทัน แล้วมันจะเหมาะกับสภาพปัจจุบันได้อย่างไร ขอทีเหอะ กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ไม่ใช่ดีแต่เปลี่ยนจาก ชูใจ มานี เป็น คริสติน่า นิโคล อะไรทำนองนั้น
G : เฮ้ย เกินไป แค่อรวรรณ พรรณราย ก็เหลือเฟือแล้ว นี่แกเองก็เตรียมตัวสไลเดอร์ลงนรกพร้อม Ginจังได้แล้วล่ะนะ จากบุพการีเป็น บุพการีที่สองซะแล้ว
K : จริงๆ ก็ไม่ได้อยากจะลบหลู่ถึงสถาบันอย่างนี้หรอก กราบขออภัยครูอาจารย์ดีๆ มีจิตสำนึกของความเป็นครูอยู่เต็มเปี่ยม เป็นครูถึงสายเลือด ที่ยังมีอยู่ แต่ก็ขอสาบส่งพวกไม่รู้จะเรียนอะไรเลยเรียนครุศาสตร์ แล้วไม่มีจิตสำนึกของความเป็นครูอยู่เลยซึ่งมีเยอะกว่าในยุคนี้
G : รู้สึกมั้ยว่าการขาดจิตสำนึกในวิชาชีพเนี่ย มันแพร่กระจายไปในทุกวงการแล้ว ไม่อยากใช้คำว่าจรรยาบรรณ มันเลิศเกินไป และคงสูญพันธ์ไปหมดแล้ว แค่จิตสำนึกยังไม่มีเลย
K : หมอก็ออกมาโฆษณาชวนเชื่อตัวเอง นักการเมืองเลวมาทุกยุคทุกสมัย ข้าราชการรับสินบนจนเป็นอาชีพ สื่อมวลชนละเลงสีใส่ข่าว นั่งเทียน(พรรษา) เขียนข่าวได้อย่างไม่สะทกสะท้าน
G : ไม่ต้องไปดูที่ไหนไกล เหตุการณ์คราวนี้แหละ ก็ขอนำเสนอความผิดพลาดในการเสนอข่าวของสื่อมวลชนต่อเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นตัวอย่าง ได้เห็นได้อ่านแล้วก็หน้าดำเป็นท่านเปาเลย เชิญ Kinจังบรรเลง
K : เริ่มจากทีวีละกัน ช่อง 9 อ.ส.ม.ท. ช่วงข่าวภาคค่ำของวันที่ 18 มค. 2543 บอกว่า ท่านพี่โดดตึกฆ่าตัวตาย ส่วน นสพ. ขอเรียงเป็นวันๆ ไปเลย เริ่มจากวันที่ 19 มค. 2543 นสพ.เดลินิวส์ โผล่มาก็ปล่อยไก่งวงตัวบะเร่อตั้งแต่หน้า 1 เลย แหม อุตส่าห์เจตนาดีเอารูปลงให้ประชาชีดูว่า ไอ้ตัวที่ชื่อฮิเดะเนี่ยหน้าตามันเป็นยังไง ถึงได้คลั่งกันนัก แต่ ให้ปรากฏเป็นรูปคุณTakuro หราอยู่ข้างๆ รูปน้องเค้าแทน ไม่รู้เหมือนกันว่านอกจากสีผมที่ออกแดงๆ เหมือนกันแล้ว ใบหน้าส่วนไหนของคุณTakuro ละม้ายคล้ายคุณเธอ
G : อ๊ะ หรือว่าแอบไปศัลยกรรมมาไม่ให้เรารู้
K : ส่วนในเนื้อข่าวก็จะเป็นช่วงท้ายๆ ที่นำเสนอข้อมูลของ X ที่ว่า 'สำหรับวงดนตรี "X-Japan" เจ้าของอัลบั้มเพลง "เอนเลสเรน" และ "เทียร์ส" ของญี่ปุ่น... ถึงขนาดมีการตั้งแฟนคลับขึ้นที่ย่านสยามสแควร์ โดยมีบรรดาวัยรุ่นหนุ่มสาวเป็นสมาชิกนับพันคน ต่อมาวง "เอ็กซ์ เจแปน" เริ่มระส่ำระสายเป็นครั้งแรก เมื่อ "ฮิเดะ" แยกออกอัลบั้มเดี่ยวในชุด "เซย์เอนนี่ธิง" ที่ "ต๋อง-ต่อ วงทู" เคยนำทำนองมาใส่เนื้องเพลงไทยจนโด่งดังเมื่อหลายปีก่อน' โอ้! Kinจัง ว่าพี่เดชเธอมิได้ นอนสะดุ้งคนเดียวแล้วล่ะ คุณTakuro กับเสี่ยคงนอนสะดุ้งจนเรือนไหวตามเธอไปอีกสองคนแล้ว โดยเฉพาะเสี่ยคงนอนละเมอ Say Anything มันของช้าน... ชั้นแต่งนะ ไม่เคยยกให้ใครด้วย เอาคีนมาๆ ฮือๆ ประมาณนี้ แล้วก็ X Mania จ๋า ช่วยตอบเราทีเถอะว่ามีสมาชิกเป็นพันเลยเหรอ
G :ความผิดครั้งนี้หนักหนายากเกินกว่าจะให้อภัย โทษประหารอย่างเดียวจึงจะสาสม เครื่องประหารหัวเสีอคงเหมาะกับฐานันดรเช่นท่าน แต่เนื่องจาก ผิดซ้ำผิดซากซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นความผิดครุโทษ จึงสมควรลดชั้นเป็นเครื่องประหารหัวสุนัข!
K : โฮ่! วิญญาณท่านเปาเข้าสิง Ginจัง ซะแล้ว มาต่อกันที่ นสพ.มติชน ในเนื้อข่าวมีอยู่ช่วงเดียวที่ผิดคือ 'ช่วงที่ฮิเดะ หัวหน้าวงฆ่าตัวตาย...'
G : อืม แค่ลหุโทษ เฆี่ยนสัก 10 ไม้ก็คงพอ
K : ลองอ่านที่คอลัมน์ "เคียงข่าว" ซะก่อนทั่นเปา ดูซิจะเปลี่ยนคำตัดสินไม๊ 'ฮิเดะ นักร้องนำวง X Japan' แค่ X ยังไม่สะใจ ไปลากคนอื่นมาด้วย 'อยากจะเตือนพ่อแม่ว่า เด็กที่ชื่นชมศิลปินที่มีความเป็นร็อกอย่าง เอ็กซ์ เจแปน หรือมีความเป็นอัลเทอร์เนทีฟจัดอย่าง เคิร์ก โกเบ จะเป็นเด็กที่มีอารมณ์แรง' ของ Malice Mizer ก็มีนะ 'Gackt นักร้องนำของวง Malice Mizer อยู่ในตระกูลดนตรีร็อกโหดๆ เช่นเดียวกับวงดังอย่าง X Japan' โอ้ว้าว นักร้องนำวง X-Japan ชื่อฮิเดะ ไอ้Kinจัง เองก็เพิ่งรู้นะเนี่ย แถมเป็นแฟนเพลงพี่เคิร์ท โคเบน มาตั้งนาน ก็เพิ่งทราาบว่าแกชื่อ เคิร์ก เป็นคนญี่ปุ่น เกิดที่โกเบอีกต่างหาก ขนาดกรอบบ่ายแล้วก็ยังไม่ได้แก้ ผิดตรงที่เดิมเป๊ะเลย
G : บังอาจ! เปลี่ยนแปลงตำแหน่งยังไม่พอ เปลี่ยนแปลงสัญชาติมั่วซั่วอีก ผิดซ้ำผิดซาก เครื่องประหารหัวสุนัข!
K : มาถึง นสพ.ภาษาอังกฤษอย่าง Bangkok Post บ้าง ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าจะผิด เมื่อสองปีที่แล้วตอนลงข่าวคุณเธอ ยังลงว่าเป็น lead guitar อยู่เลย มาคราวนี้เป็น 'Matsumoto Hiedeto, better known as Hide, lead singer of the band X-Japan' อืม เวลา 2 ปีนี่ทำให้ความจำใครๆ เสื่อมได้ ขนาดนี้เชียวหรือ
G : เนื่องจากเป็นฝาหรั่งพิพากษาให้ประหารด้วยกิโยติน!
K : รู้สึกว่าเขาจะสับสนเรื่องเป็นนักร้องนำในงานเดี่ยว กับเป็นมือกีตาร์ของ X นะเนี่ย ดูสิ สยามรัฐก็เหมือนกับมติชนกับ Bangkok Post เมื่อกี้นี้ คำบรรยายใต้ภาพในหน้า 1 'ตำรวจพบในห้องมีภาพของฮิเดะ นักร้องนำวงเอ็กซ์เจแปน' ในเนื้อข่าวก็เช่นเดียวกัน 'ตำรวจและพ่อแม่เชื่อคลั่งฮิเดะ นักร้องนำวง เอ็กซ์ เจแปน ที่ดิ่งนรกฆ่าตัวตายเมื่อ 2 ปีก่อน' '... ปรากฏว่ามีรูปภาพ สติ๊กเกอร์ หนังสือ และม้วนวิดีโอวงดนตรีชื่อดัง ซึ่งส่วนมากจะเป็นรูปสมาชิกนักร้อง -นักดนตรี และนักร้องนำชื่อฮิเดะ ที่ลาโลกด้วยการกระโดดตึกฆ่าตัวตายเมื่อ 2 ปีก่อน' นอกจากจะเป็นนักร้องนำแล้ว คุณเธอยังโดดตึกฆ่าตัวตายอีก เออ ให้มันได้งี้สิ
G : โอ้ย ท่านเปาเหนื่อยมาก เอาไปประหาร....
K : วันที่ 19 ก็จบไป มาดูวันที่ 20 มค. 2543 กันบ้าง ในที่สุดสยามรัฐก็ลงถูกเป็น มือกีตาร์และผูกคอตาย แต่ สกู๊ปหน้า 2 'ฮิเดะ ฮีโร่ หรือซาตาน' อ่านเอาเองแล้วกัน โมโหก็โมโห แต่ตลกมากกว่า 'ฮิเดะ เสียชีวิตภายหลัง เอ็กซ์เจแปน ยุบวง โดย "โทชิ" นักร้องนำของ "เอ็กซ์เจแปน" ได้หันหลังให้กับวง และตั้งแบนด์ของตัวเอง ใช้ชื่อวงว่า "เกลย์"' 'ในช่วงพิธีศพ มือกีตาร์ยอดนิยมผู้นี้ มีผู้เข้าร่วมไว้อาลัยถึง 12,000 คน' 'ในวัดฮองกันจิ ในกรุงโตเกียว ซึ่งเป็นสถานที่ฝังศพ"ฮิเดะ"' เป็นไงล่ะ
G : ว้าก ฮ่า ฮ่า ห้า ห้า สิบ สิบ กลิ้งไปกลิ้งมา 2 รอบ โอ๊ยอะไรมันไขนหนาด จี้ฟ่ะ
K : อ้าว วิญญาณท่านเปาไปแล้วรึ
G : ท่านรำคาญน่ะ ผิดซ้ำผิดซาก แถมไม่รู้จักเข็ดหลาบ ว่าแต่ วงใหม่ของโทชิชื่อเกลย์ โอ๊ย ตายแล้ว เมื่อกี้ Kinจัง บอกคุณTakuro สะดุ้งใช่ไหม Ginจังว่า ป่านนี้เกลย์เสียวสันหลังวาบกันทั้งวงแล้วล่ะ ไม่เฉพาะคุณTakuro คนเดียวหรอก เฮียโธ่เองก็คงจะครือๆ กัน
K : แล้วก็วัดฮองกันจิ ก็เอาไว้จัดพิธีนะจ๊ะ ไม่ใช่สถานที่ฝังศพ อีกอย่างไม่ได้ฝังด้วยแต่เผา ทราบแล้วเปลี่ยนด้วยนะจ๊ะคุณสยามรัฐ มาที่เดลินิวส์ ว่าจะไม่มีอะไรผิดแล้วนะ ก็ยังหลุดมาหนึ่ง '...บริษัท เฮาส์ออฟฟัน นำเข้ามาจำหน่ายชุด "ดิสทริบิว"' ส่วนมติชนนี่ไม่ไหว ลงข่าวเป็นวันที่ 2 แล้ว ก็ยังจะ 'ฮิเดะ นักร้องนำวง เอ็กซ์ เจแปน' ที่หน้า1 แล้วก็เนื้อข่าวด้วย scoop ยิ่งเด็ด ขุกใต้สำนึก'วัยรุ่น' ลัทธิคลั่ง Japan 'ดารา-นักร้อง-แฟชั่นดัง' ที่ผิดก็จะมีชื่อหนังสือ 'IDOLW, J-STY' 'ฮิเดะนักร้องนำวงX-Japan' อันนี้ซ้ำซากนะ 'อุราวะ ฮิคารุ' 'เชียว สกาโมโต้' มีอีก 'แกคท์ หัวหน้าวง มาลิซ ไมเซอร์ ที่แตกมาจากวง เอ็กซ์ เจแปน ชอบแต่งตัวเป็นผู้หญิง ใส่กระโปรง บางทีใส่ชุดมาดาม' งงเป็นไก่ตาแตกเลย
G : เอ้า ใครเป็นแฟน Malice Mizer บอกทีว่าใครเป็นหัวหน้าวง เสียงตอบแว่วมาไกลๆ ว่า Mana แล้วใครชอบแต่งเป็นผู้หญิง ใส่กระโปรง บางทีใส่ชุดมาดาม ก็ Mana อีกนั่นแหละ
K : Kinจัง ว่าน่าจะเป็น ขุดจิตใต้สำนึก 'สื่อมวลชน' คลั่งยอดจำหน่าย 'นั่งเทียน ใส่สี ใส่ไข่' มากกว่า
G : เห็งล่วยๆ
K : มาวันที่ 21 มค. 2543 กัน และแล้วข่าวสดซึ่งยังไม่มีข้อผิดพลาดให้เห็นตลอด 2 วันที่ผ่านมา ก็ตกม้าตายด้วยบทบรรณาธิการ 'กรณีนักเรียนฆ่าตัวตาย มาจาก"ฮิเดะ"จริงหรือ' เขียนว่า 'ฮิเดะ อดีตนักร้องนำวง X JAPAN' และ scoop 'ฮิเดะ เอ็กซ์เจแปน เทพเจ้าหรือซาตาน'
อ้อ บอกไว้ก่อน เนื่องจากมันผิดจนเว่อร์ไปมาก ในวงเล็บเป็นความคิดเห็นของเราที่เอาไว้แย้งเขานั่นเอง
'กว่าจะฟอร์มวงได้ ก็ปาเข้าไป 5 ปี จึงแจ้งเกิดวง "เอ็กซ์-เจแปน" ขึ้นในวงการเพลงร็อก ในเทปชุดแรก "วานิสซิ่ง วิชั่น"' (แจ้งเกิดในชื่อ X เฉยๆ เฟ้ย แล้วก็อัลบั้มแรก ถ้าจะอ่านออกเสียงให้ถูกต้อง วานิชชิ่ง วิสชั่น ฟ่ะ)
'เริ่มโด่งดังที่ประเทศญี่ปุ่นบ้านเกิดก่อนจะเซ็นสัญญากับ ซีบีเอสโซนี่จำกัด ออกอัลบัมที่สร้างชื่อเสียงในระดับโลก "บลู บลัด" อันเป็นงานเพลงในแนวสปีดเมทัล' (ชื่อเสียงระดับโลก? อยากให้เป็นเช่นนั้นมาก)
'แต่กลับดังระเบิดจากเพลงช้า' (แล้วมันแปลกตรงไหนฟะ)
'ความโด่งดังของ "เอ็กซ์-เจแปน" จัดเป็นปาฏิหารย์ (ตรงไหน) เพราะในประเทศอย่างสหรัฐหรือกลุ่มยุโรปนั้น การจะยอมรับวงดนตรีจากเอเชีย เป็นไปได้ยากมาก'
(X น่ะ ดังในสหรัฐหรือยุโรปก็เฉพาะในกลุ่มคนเอเชียที่อาศัยอยู่ที่นั่นเท่านั้นแหละ)
'ยิ่งในแนวร็อกยิ่งไปกันใหญ่ แม้จะเคยมีวงจากแดนอาทิตย์อุทัยอย่าง "ลาวด์เนสส์" เคยกรุยทางมาก่อนก็ตาม' (เออ รู้เหมือนกันนี่)
'แต่พอเป็น "เอ็กซ์-เจแปน" ประตูแห่งเสียงเพลงกลับอ้าแขนต้องรับอย่างอบอุ่น "เอ็กซ์-เจแปน" ทั้ง 5 เดินทางไปทั่วโลกเพื่อเปิดคอนเสิร์ตยักษ์ ที่มีคนดูคราวละกว่าแสนคน' (Oh My Budd้ha ! ใครเคยดูคอนเสิร์ต X นอกญี่ปุ่นบ้าง ที่ไหน เมื่อไหร่ บอกเราที คนดูเป็นแสนเลยเรอะ!)
'ยุครุ่งเรืองสุดขีด นักดนตรีวงนี้ มีค่าตัวถึงคนละ 25 ล้านดอลลาร์ หรือราว 625 ล้านบาท' (Oh My Buddha 2 ! ถ้า 25 ล้านบาทข้าน่อยก็คงจะเชื่อลง แต่นี่คนละ 25 ล้านดอลลาร์เชียวนะ ตกใจมาก ทัวร์คอนเสิร์ตครั้งนึงก็นอนกินไปทั้งชาติได้เลย)
'อุปกรณ์การแสดงทุกครั้ง ต้องใช้เครื่องบินโบอิ้ง747 ถึง 2 ลำ มาลำเลียง (เคยเห็นแต่รถเทรลเลอร์ 2 คัน โบอิ้ง747 นั่นมันพี่'เคิ่ลแล้ว) คิดมูลค่าโดยรวมต่อคอนเสิร์ต ยังแพงกว่าทัวร์ของราชาเพลงพ็อพ ไมเคิล แจ๊กสัน' (ไปเอาข่าวมาจากไหนเนี่ย)
'...มิหนำซ้ำยังก้าวสู่ระดับสากล ด้วยการร่วมงานกับ โรเจอร์ เทเลอร์ แห่งวงควีน' (อ้าว ถ้างั้นไอ้ที่โด่งดังระดับโลกเมื่อกี๊ยังไม่ได้ก้าวสู่ระดับสากลอีกหรือ)
'ต้นปี 2541 แฟนเพลงนับล้านถึงช็อกเมื่อ "เอ็กซ์-เจแปน" ประกาศยุบวงโดยแถลงเหตุผลแบบอ้อมแอ้ม' (กันยายน 2540 ย่ะ)
'ช่วงนั้นเอง ฮิเดโตะ ฮิเดะ มัตสิโมโต้ ก็ออกอัลบัมเดี่ยวของตัวเอง และได้รับการต้อนรับอย่างท่วมท้น ด้วยสไตล์เซอร์สุดขีด' (ออกตั้งแต่ปี 2538 แล้ว ก่อนวงแตกอีก)
'...มีการจัดงานศพ และพิธีไว้อาลัยอย่างยิ่งใหญ่ แฟนเพลงวัยรุ่นของญี่ปุ่นกว่า 5 หมื่นคน (แก่ก็มีจ้า) แห่ไปไว้อาลัย กว่าครึ่งร่ำไห้เหมือนสูญเสียญาติสนิท' (ใครไปงานศพแล้วหัวเราะบ้างล่ะ)
'ในเมืองไทยก็มีการจัดงานดังกล่าวขึ้น ทำให้รู้ว่า สาวกฮิเดะในเมืองไทยมีอยู่ไม่น้อย เพราะแห่กันไปไว้อาลัยนับพันคน มีการร่ำไห้ไม่ต่างตากญี่ปุ่น' (โหเพ่ ยกมือกันทั้งสองข้างแล้วนับ ยังแทบไม่ครบสองร้อยเลย พันคนน่ะเอาผ้าพันแผลมาพันๆ อ๊ะป่าว)
G : เอาไปประหารด้วยเครื่องประหารหัวเสือก่อน แล้วไปประหารอีกครั้งด้วยเครื่องประหารหัวสุนัข
K : โอ้ ท่านเปามาอีกแล้ว ว่าแต่ ตายสองหนเชียวรึ
G : นี่มันไม่ใช่ครุโทษแล้ว เป็นมโหฬโทษ ใหญ่กว่าครุโทษเยอะ ต้องประหารสองทีถึงจะสาสมกับความผิด
K : เอ้า เอาก็เอา และแล้วก็มาถึงฉบับสุดท้าย วันที่ 22 มค. 2543 นสพ.เดลินิวส์ ในหน้าวาไรตี้ Face the World หนึ่งหน้าเต็มๆ โอ้ ส่งท้ายได้ยิ่งใหญ่อลังการจริงๆ ทำท่าว่าจะดีแล้วนะ แต่ก็ยังไม่วาย 'อยู่ในโรงเรียน ฮิเดะ ได้รับฮายาว่า กิ๊บสัน (Gibson) ตามชื่อยี่ห้อกีตาร์ตัวแรกที่พ่อแม่ซื้อให้' ถ้า Kinจัง ยังไม่เลอะเลือน คิดว่า ย่านะที่เป็นคนซื้อให้
G : แหม ใครซื้อให้ก็เป็นกิ๊บสันเหมือนกันนั่นแหละ
K : 'ต่อมา ฮิเดะ แยกตัวมาจากวง เอ็กซ์ เจแปน ทำผลงานเดี่ยวในชุด ลีโมเนด (Lemoned) เป็นชุดแรกจนภายหลังกลายมาเป็นร้านเสื้อผ้านำสมัย และเป็นที่นิยมของวัยรุ่น โดยมีฮิเดะเป็นเจ้าของ'
G : คนที่แยกออกมาจาก X ไม่ใช่มัน อัลบัมเดี่ยวชุดแรกคือ Hide Your Face ส่วน Eyes Love You เป็น ชื่อของ Single แรกที่ออกมาก่อนอัลบั้ม Lemoned เป็นชื่อของค่ายเพลงที่มันตั้งขึ้นมาเพื่อให้วง Zeppet Store มีสังกัด ต่อมาเป็นร้านเสื้อผ้าน่ะใช่
K : ยังไม่หมด 'ฮิเดะชอบทำอะไรแปลกใหม่ และไม่เหมือนใคร เพลงของเขาฟังแล้วไม่มีสาระเลย แต่เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน จนมีการขนานนามว่า งานของเขาเป็น วิช่วล ร็อก(Visual Rock)' 'ชื่อเสียงของฮิเดะขจรขยายไปในญี่ปุ่น มีคอนเสิร์ตทั้งในและต่างประเทศ' เอ้า ขอมุขเดิมอีกที ใครเคยดู คอนเสิร์ตของพี่ท่านนอกญี่ปุ่นบ้าง ยกมือ........ เงียบสนิท แล้ว Visual Rock เป็นยังไง พอจะอนุมานเอาไม่ได้หรือ คำว่า Visual ก็ไม่ได้ยากเกินกว่าจะแปลเลยนี่นา
G : เรื่องเพลงของมันไร้สาระ Ginจังขอร่ายเองละกัน
K : เชิญ
G : สาระในความหมายของเขาพิจารณาจากตรงไหน? ความหมายของเนื้อเพลงใช่มั้ย? ภาคของท่วงทำนองละไม่เอามาพิจารณาด้วยหรือ ถ้าอย่างนั้น เพลงงบรรเลงก็ไร้สาระหมดน่ะสิ คิดว่าเพลงคืออะไร บทความที่มีเสียงก๊องแก๊งประกอบ อย่างเพลงไทยสมัยนี้น่ะหรือ ไม่ใช่ คำว่าบทเพลงสูงค่ากว่านั้นเยอะ ถ้าจะพิจารณาเพลงจากเนื้อร้องล่ะก็ ไปอ่านบทกวียังดีซะกว่า อย่าฟังเพลงเลย แค่คำว่าคุณค่าแห่งบทเพลงก็มีสาระแล้ว กว่าจะแต่งออกมาได้แต่ละเพลง เคยคิดกันบ้างมั้ยว่าผ่านกี่ขั้นตอน กว่าจะทำให้เพลงๆ นึงกลายเป็นเพลงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน ให้คุณมาเขียนด่าว่าไร้สาระเนี่ย รู้มั้ยว่าต้องทำอะไรบ้าง ความพยายามของคนๆ หนึ่งในการทำให้คนอื่นสนุกสนานไปกันเพลงของเขา โดนดูถูกจากคนที่ไม่แม้แต่เข้าใจคุณค่าของบทเพลง สมควรแล้วหรือ เอาเถอะถ้าจะพิจารณากันที่เนื้อร้องละก็ คุณเก่งขนาดแปลภาษาญี่ปุ่นโดยเข้าใจความหมายโดยนัยทั้งหมดรึเหล่า ถึงกล้าพูดว่าเพลงมันไร้สาระ ถ้าคำว่าสาระตัดสินกันด้วยเนื้อเพลงแสดงว่า เพลงภาษาอื่นไร้สาระหมด เพราะคนฟังแปลไม่ออก ใช่มั้ย? เราเองก็ไม่ได้เก่งกาจขนาด รู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับดนตรีหรอก แต่อย่างน้อยก็รู้ว่าเพลงของมันไม่ได้ไร้สาระ ถึงจะแปลเนื้อเพลงไม่ออก ก็สามารถลื่นไหลไปกับท่วงทำนอง ลื่นไหลไปกับอารมณ์เพลงที่กลั่นกรองมาจากสมองของคนที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะได้ ไม่เช่นนั้นจะมีคำพูดที่ว่า 'ดนตรีไม่มีพรมแดนขึ้นมาทำไม'
K : กระซิกๆ ซึ้งนะ ซึ้งนึ่งบ๊ะจ่างจริงๆ เลย Ginจัง
G : จริงเหยอ อารมณ์มันพาไปนะ ฮือๆ
K : เออ แล้วที่เค้าพูดกันว่า ร็อกตระกูลโหด บทเพลงมรณะ ดนตรีร็อก ดนตรีแห่งความตาย อะไรอย่างนี้ล่ะ Ginจัง
G : บ้าไง คำพวกนี้พ่นมาจากปากของคนที่ไม่ฟังเพลงร็อก หรือไม่ฟังเพลงอะไรเลย ไม่เคยเข้ามาสัมผัสว่าจริงๆ แล้วเป็นอย่างไร แล้วก็พ่นพิษ ถ้าฟังเพลงพวกนี้แล้วตายได้ก็คงตายกันไปแล้วค่อนโลก เอะอะอะไรก็รุนแรง ก่าวร่าว ถ้าจริงนะหรือ ไอ้คนพูดไม่มีชีวิตยืนยาวอยู่มาจนทุกวันนี้หรอก ถูกพวกเราฆาตกรรมหมดแล้ว ถึงจะก้าวร้าวรุนแรงก็ระบายออกกับเพลงไม่ได้ระบายออกกับคนด้วยกัน ถ้าการฟังดนตรีคลาสสิกหมายถึง การยกระดับจิตใจให้สูงขึ้นละก็ ดนตรีร็อกก็คือที่ระบายที่ดีที่สุดเวลาที่สภาวะของอารมณ์ไม่เป็นปกติ คือยากันบ้า และยาสารพัดนึก พูดถึงเรื่องนี้แล้วนึกถึงบทความของคุณพอลเฮงในคอลัมน์อันดนตรีมีคุณ นสพ.มติชนฉบับวันที่ 23 มค. 2543 ข้าน้อยทั้งสอง ขอคารวะท่านหนึ่งจอก ท่านเขียนในสิ่งที่ข้าพเจ้าอยากเขียนที่สุด ขอขอบคุณในความเข้าใจ ในฐานะคนฟังเพลงเหมือนกัน ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตา อย่างน้อยยังมีนักข่าวดีๆ อยู่ที่นี่อีกคน
K : คอลัมน์เหล็กใน ของคุณสุรพงษ์ สุวรรณรินทร์ ในนสพ.ข่าวสดก็เยี่ยมเลยนะ อ่านแล้วรู้เลยว่าคนเขียนเข้าใจสถานการณ์ดีจริงๆ เราขอขอบคุณท่านที่เข้าเหมือนกัน เห็นม๊ะ ไม่ได้ด่าเป็นอย่างเดียว นักข่าวดีๆ เราก็ชม
G : ว่าแล้วก็วกกลับมาหาอดีตสื่อมวลชนในอีกแขนงนึง คู่กัดตลอดการของ Ginจังบ้างดีกว่า คุณโจ มณฑาณี ตันติสุข ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า ทำกรรมร่วมกันไว้แต่ชาติปางไหน เธอถึงไปไม่พ้นจากชีวิตหนูตัวใหญ่ๆ อย่าง Ginจังซะที ไปได้ดิบได้ดีกับ RS ก็แป็บเดียว โดนเค้าเด้งออกมาอีกแล้ว เฮ้อ
K : ก็พอพูดถึงความโด่งดังของ X ทีไร ใครๆ ก็นึกถึงเธออันดับแรกทุกที ในฐานะ....
G : ผู้ปลุกปล้ำ เอ้ย ปลุกปั้น X ให้โด่งดังสุดขีดในเมืองไทย ครั้งนี้เธอมาพร้อมกับประสบการณ์ของคนที่เคยพยายามฆ่าตัวตายแต่คิดได้ซะก่อน ก็ไม่ได้กัดอะไรพวกเรามากมายหรอกนะ สไตล์เดิม อารมณ์รุนแรง ขาดที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ต้องการฮีโร่
K : ไม่เฉพาะคุณมณฑาณีหรอก Ginจัง ทุกสื่อแหละมองเราอย่างนั้น รวมถึงพวกผู้ใหญ่ด้วย
G : เฮ้อ กล่าวหากันจัง เดี๋ยวก็เป็นจริงๆ ซะหรอก ก็เคยบอกไปแล้วนะว่าพวกเราส่วนใหญ่ปกติอาจจะดีหรือไม่ดี ส่วนน้อยที่เป็นอย่างที่คุณกล่าวหา แต่เอาเถอะ ถึงจะส่วนน้อยแต่ก็จะพูดถึง ทำไม เด็กถึงยึดเอาศิลปินเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ถ้าคุณเป็นพ่อแม่ ถามตัวเองว่าเคยอยู่ให้ลูกดูหน้าบ้างมั้ย หรือปล่อยให้มันโตขึ้นมากับคนเลี้ยง พอพูดได้เด็กพูดอีสานเป็นไฟเลย อย่างนั้นรึเปล่า หรือเลี้ยงลูกด้วยเงิน มันก็โตขึ้นมาแบบวัตถุนิยมนั่นแหละ ทุกสิ่งทุกอย่างหาซื้อได้ด้วยเงิน แม้แต่ความรัก ถึงจะชั่วครั้งชั่วคราวชั้นก็จะซื้อ รู้จักลูกตัวเองดีแค่ไหน 'ลูกดั้นเป็นเด็กดีฮ่ะไม่เคยมีปัญหาอะไร ไม่เคยทำอะไรให้พ่อแม่เสียใจ ว่านอนสอนง่ายฮ่ะ โฮ่ๆๆ' ลูกไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่ค่อนข้างเก็บตัว ซึมเศร้า ไม่พูดไม่จา เชื่อฟังทุกอย่าง แล้วเคยรู้บ้างมั้ยว่าในการแสดงออกว่าเชื่อฟังน่ะ ความรู้สึกจริงๆของเค้า เป็นยังไง เวลา แค่เวลาตัวเดียว ให้ไม้ได้ อย่ามาอ้างเลยว่าที่ทำงานแทบเป็นแทบตาย ก็เพราะอยากให้ลูกสบาย อะไรสำคัญกว่ากัน ความรักความผูกพันธ์ในครอบครัว ถึงจะไม่สบายกายแต่สบายใจ ให้ลูกเรียนรู้ความยากลำบาก จะได้รู้คุณค่าของความสบาย ลูกเติบโดขึ้นมาอย่างเข้มแข็ง เป็นคนดีของสังคมพร้อมจะสอนลูกสอนหลานให้เป็นคนดีต่อไป กับ เงิน ลูกอยากได้อะไรซื้อเอาเลยนะพ่อแม่ไม่ว่าง เจอมันย้อนเข้าคงหน้าม้านกันบ้าง 'หนูอยากได้ความรักของพ่อแม่ต้องจ่ายเท่าไหร่' พอมันทำอะไรไม่ได้อย่างใจขึ้นมาก็ 'แกมันเลวจริงๆ พวกชั้นไม่เคยสั่งเคยสอนให้แกเป็นอย่างนี้' โถ อย่าว่าแต่สั่งสอนเลย พูดด้วยยังแทบนับคำได้จะเอาเวลาที่ไหนมาสั่งสอน หรือ 'แกทำฉันขายหน้า อายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว' ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นก็ได้ แค่เอาปี๊บคลุมก็พอ หรือถ้าหน้ามันใหญ่มากจนปี๊บเอาไม่อยู่ ก็เงินนั่นแหละ เอาแปะไว้ให้ทั่ว ไม่ก็ใส่สร้อยเพชร สร้อยทองให้มันสูงจนท่วมหัว แบบนักร้องได้มาลัยนั่นไง อวดร่ำอวดรวยไปในตัว ชอบไม่ใช่รึ
K : เฮ้ยๆ เล่นบุพการีอีกแล้วรึ
G : บุพการีคนอื่นไง ของตัวเองเทิดทูนไว้เหนือหัว ถ้าเลี้ยงลูกมาแล้วลูกรักคนอื่นมากกว่าละก็ พิจารณาตัวเองได้เลย
K : แล้วถ้าเลี้ยงดูอย่างดี ให้ความรักความเข้าใจอย่างเต็มที่ แล้วเด็กมันยังเลวอีกล่ะ
G : ก็เฉดหัวมันออกจากบ้าน พร้อมคำด่า "ไอ้ลูกทรพี" เอ้า บุพการีไม่อยู่ให้เห็นหน้าขอเป็นศาสนาล่ะ พระปล้ำผู้หญิง พระหลอกเอาเงินฆราวาส อีกสารพัด ผู้สืบทอดพระศาสนาเป็นซะอย่างนี้ เด็กที่ไหนมันจะนับถือ ให้เอาพระพุทธเจ้าเป็นที่ยึดเหนี่ยว รู้จักแต่พระห้อยคอกับพระประธาน พระธรรมล่ะ อย่าหวัง วิชาพุทธศาสนาสอนแต่อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหารย์ ทั้งที่เป็นเรื่องแต่งเติมขึ้นมาทีหลังทั้งนั้น สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน ยากเกินกว่าจะทำความเข้าใจ ทั้งๆ สิ่งที่ท่านสอนเป็นเรื่องของความจริง เป็นสัจธรรมทั้งนั้น อย่างว่า คนมักปฏิเสธความจริงที่ตัวเองไม่อยากรับรู้เสมอ แต่ชอบอะไรที่เหนือจริง อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหารย์ เอ้า ศาสนาคงยากเกินเข้าใจ ครูล่ะ พ่อแม่ที่สองเชียวนะ ครูสอนพุทธศาสนานั่งนินทาลูกศิษย์ในห้องเรียนต่อหน้าพระพุทธ เนื่องจากเมื่อคืนอารมณ์ค้างผัวไม่กลับบ้าน ไม่รู้ไปหาไอ้หนูที่ไหน ย้ำนะไอ้หนู ไม่ได้เขียนผิด ครูหน้าดำคร่ำเครียดทุกวันที่ 1 และ 16 หาเลขเด็ดแทงหวยจะเอาเงินไปส่งแชร์ ครูผู้ชายสอนพละแต๊ะอังนักเรีนยสาวอวบๆ กำลังโตทุกครั้งที่โอกาสอำนวย ครูที่แค่เรื่องของครอบครัวตัวเองก็จะเอาไม่รอด โอ้ย ลูกดั้นก็ติดยาเหมือนกัน จะเอาเวลาที่ไหนไปแก้ปัญหาให้ลูกศิษย์ เฮ้อ ลมขึ้น เพื่อนก็ได้วะ เชอะ เธอจนจะตาย จะมารวมกลุ่มกับชั้น ลูกรัฐมนโทได้ไงยะ หวาย ชอบนักร้องอะไรก็ไม่รู้ แต่งตัวอุบาทว์อย่ามาใกล้นะชิ่วๆ นังนั่นพ่อมันเป็นเจ้าของบริษัทอย่าไปเข้าใกล้เชียวเดี๋ยวรัศมีคนรวยติด นี่เธอไม่มีหลุยส์เรอะ งั้นก็ไปไกลๆ ชั้นเลย พอเรียนเก่งก็ เก่งแล้วหยิ่งอย่าไปคบนะ ถ้าเรียนไม่เก่งก็ อย่าไปยุ่งกับยัยนี่เลยเดี๋ยวพลอยเรียนตกไปด้วย ก็มันเป็นซะอย่างนี้ใช่ไม๊ล่ะ ดังนั้น พอเจอคนที่เราชอบ คนที่รู้สึกว่าเป็นคนประเภทเดียวกัน บทเพลงของเขาเหมือนกับเข้าใจตัวชั้นในทุกๆ เรื่อง ทั้งที่ทำความรู้จักกันผ่านเพลงเท่านั้น แต่รู้สึกเหมือนเป็นคนใกล้ชิดสนิทกว่าพ่อแม่อีก มีเรื่องอะไรขุ่นข้องหมองใจ ได้ฟังเพลงของเค้าก็หาย เพลงของเขาสร้างกำลังใจในการมีชีวิตอยู่ต่อไปของชั้น ทำไมเค้าจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของชั้นไม่ได้ ทำไมเขาจะเป็นพระเจ้าของชั้นไม่ได้ เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นได้ง่ายมาก ถ้าสภาพการณ์เป็นอย่างข้างต้นที่บรรยาย แต่มันจะไม่เกิดขึ้นเด็ดขาด ถ้ามีใครสักคนทำตัวเป็นหลักให้เค้าเกาะ เพื่อให้เค้าสร้างหลักที่มีฐานมั่นคงให้ตัวเองได้ต่อไปในภายภาคหน้า ไม่ใช่ให้เค้าไขว่ขว้าหาด้วยตัวเองซึ่งคุณไม่สามารถรู้ได้เลยว่า หลักนั้นมันหล่อคอนกรีต หรือเป็นไม้หลักปักขี้เลน แล้วก็ต้องมานั่งเสียใจกันภายหลังไม่รู้จักจบสิ้น
K : Ginจัง ปกป้องพวกวัยรุ่นมากเกินไปหรือเปล่า อะไรๆ ก็โทษผู้ใหญ่
G : มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะวัยรุ่นไม่เคยเป็นผู้ใหญ่มาก่อนนี่ จะได้รู้ ไอ้คำว่า ผู้ใหญ่ เนี่ย มันเป็นยังไง แต่ผู้ใหญ่ทุกคนต้องผ่านชีวิตวัยรุ่นมาก่อนทั้งนั้น ต้องรู้สิว่าเด็กกำลังคิดอะไรอยู่ มันเป็นหน้าที่ๆ ต้องเข้าใจ แล้วไงล่ะผู้ใหญ่สมัยนี้ บกพร่องในหน้าที่กันเป็นส่วนใหญ่ใช่มั้ย เราก็เลยสะกิดเตือน
K : โห ไม่ใกล้เคียงกับคำว่าสะกิดซักนิด เหมือนตบหน้ามากกว่า
G : เอาเถอะ ถึงจะตบก็ตบเพราะรักหรอก
K : ว่าแต่ คุณมณฑาณี เธอขบแค่นี้เองหรือ ทำไมหงอยจัง
G : ก็ครั้งนี้เธอไม่ได้เป็นจำเลยแล้วนี่ เป็นแค่บุคคลที่ถูกอ้างถึงเท่านั้น แต่ก็ยังมีอีกนิด เรื่องสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจนั่นแหละ เธอบอกว่าตอนนี้เด็กฝรั่ง หันกลับไปยึดถือธรรมชาติ ศาสนากันมากขึ้น ในขณะที่เด็กไทยยังยึดติดกับอินเตอร์เน็ต
K : อ้าว แล้วไอ้ที่ถือปืนยิงกราดใส่เพื่อนนักเรียน ครูที่เป็นข่าวอยู่บ่อยๆ นั่น ไม่ใช่ฝรั่งเรอะ หันหาธรรมชาติหรือกลับไปยึดสัญชาตญาณดิบกันแน่ แล้วอินเตอร์เน็ตนะ ไม่มีทางหรอกที่จะห้ามไม่ให้ใช้ อินเตอร์เน็ตเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มหาศาลถ้ารู้จักใช้ให้ถูกประโยชน์ ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ยกเอาข้อเสียขึ้นมาพูด ของทุกสิ่งทุกอย่างมีทั้งดีและไม่ดีทั้งนั้นแหละ
G : แล้วก็มีนสพ.ฉบับหนึ่ง เอาเรื่องเก่าที่ 2 ปีที่แล้วมาลง ที่ว่า เจตนาของคุณมณฑาณีที่นำดนตรีญี่ปุ่นโดยเฉพาะวง เอ็กซ์ เจแปน เข้ามาเพื่อเปลี่ยนแปลง วงการบันเทิงที่มีแต่เพลงไทยกับเพลงสากลเท่านั้น แต่เรื่องราวมันกลับลุกลามขยายออกไปจนผิดจุดประสงค์ที่เธอตั้งไว้ ถามหน่อยเถอะว่าเป็นความผิดของใคร ของเราผู้รับรึ? ที่บังอาจทำให้มันลุกลาม ไม่ใช่เพราะคุณมณฑาณีมิได้รู้จักวงการดนตรีญี่ปุ่นดีพอ มืได้รู้จักสภาพความพร้อมของผู้รับดีพอหรือ ถึงทำให้ผลที่ออกมาเป็นแบบนี้ ตอนโปรโมทก็คิดแต่จะให้ดัง พอดังแล้วควบคุมไม่ได้เธอก็ป้ายความผิดให้แฟนเพลงหรือไง
K : โธ่ จะเอาอะไรกับเธอ ขนาดตัวของเธอเองยังพึ่งเข้าใจตัวเองเมื่อตอนหลังจากความพยายามฆ่าตัวเองตายเลย
G : นี่ Kinจัง ไอ้ความพยายามฆ่าตัวตายนี่มันเท่ห์มากหรือ ถึงต้องป่าวประกาศลงหนังสือพิมพ์ทุกฉบับเลย
K : เท่ห์ซี่ ไม่งั้นจะมีแฟชั่นกระโดดตึกระบาดเรอะ ก็โดดตึกแล้วได้ลงหน้า 1 ไงถึงกลายเป็นแฟชั่น
G : อ้าว งั้นหนังสือพิมพ์ก็เป็นตัวการทำให้เกิดแฟชั่นนี้ล่ะสิเนี่ย อุ๊ยตาย เพิ่งทราบ
K : อย่าไปโทษหนังสือพิมพ์อย่างเดียวสิ โทษทีวีด้วย
G : อ้าว ยิ่งไปกันใหญ่เลย
K : ว่าแต่คราวนี้คู่กัดสำคัญอีกหนึ่งเงียบกริบเลย แปลกมั้ย
G : ไม่เลย เมื่อ 2 ปีที่แล้วมันยังดุเด็ดเผ็ดมันได้อยู่ ด่าเข้าไปเถอะญี่ปุ่นน่ะ ไอ้พวกบ้าญี่ปุ่นก็เหมือนกัน ด่าๆๆ แต่แล้วก็กลืนน้ำลายบูดๆ ของตัวเอง จาก เอเชี่ยนแมกซ์ถึงสื่อรักออนไลน์ บีชบอย แล้วก็ ปฏิบัติการรัก 2000 ไหนจะโอเวอร์ไทม์อีก ถ้ายังขืนเล่นข่าวเรื่องนี้ก็เหมือนถ่มน้ำลายรดฟ้าโดนหน้าตัวเองน่ะสิ
K : มานั่งคิดๆ ดู แทนที่จะจับตาดูชนกลุ่มน้อยอย่างพวกเรา ไปจับจ้องวันรุ่นส่วนใหญ่ที่คลั่งไคล้นักท่องไทยเต๊อะ แหม แค่แรพเตอร์แยกวงยังร้องไห้เป็นเผาเต่า ไม่ได้แช่งนะถ้า คุณหลุยส์แรฟเตอร์ซี้ไปซักคน อยากรู้เหมือนกันจะยิ่งกว่าตอนพี่เดชกี่เท่า
G : นั่นสิ ทำไมไม่ไปมองปัญหาจริงๆ ของสังคมวัยรุ่น(ส่วนใหญ่) นะ
K :นักร้อง นักท่อง ศิลปินไทยทั้งหลายก็เลียนแบบของคนอื่นเค้ามา ไอ้นี่แหละตัวเผยแพร่วัฒนธรรมต่างชาติ ทำไมไม่ด่ากันเข้าไปบ้างล่ะ ถามจริงๆ ไอ้สายเดี่ยว เกาะอกเนี่ย มันไม่ได้ฮิตมาจากพวกดารานักร้องไทยหรอกหรือ แล้วก็จะบอกให้คนฟังเพลงญี่ปุ่นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะ J-Rock ไม่แต่งหรอกอย่างนั้น ถ้าจะให้เริ่ดก็เป็น Cosplay ไปเลย
G : ปัญหาความเครียดจากเรื่องเรียนก็พูดไปแล้ว ทีนี้ก็เหลือเรื่องเด็กกระแดะก่อนวัยอันควร พวกประกวดยุวชนทั้งหลายนั่นแหละตัวดี ดูแล้วก็สมเพช แทนที่จะให้เด็กแสดงความน่ารักใสๆ แบบเด็กๆ ดันเอาภาพของผู้ใหญ่ไปใส่ในตัวเด็ก เกินไปว่ะ แล้วก็ร้องเพลงแบบคนพูดภาษไทยไม่ซัดเนี่ย มาจากพวกลูกครึ่ง ครึ่งลูกแล้วก็แพร่มาถึงคนไทยแท้แต่กระแดะ เชอจะไปหนาย หัวชายช้านอยู่ที่เชอ เอ้อ ให้มันได้อย่างนี้สิ
K : มีพูดไทยปนอังกฤษอีกนะ เอ่อ เรื่องนี้ดั้นไม่มายด์หรอกฮ่ะ ฮัสแบนด์ดั้นเป็นถึงรมต. ไม่อะเฟรดกับคำนินทาลิตเติ้ลบิตอย่างนั้นหรอกฮ่ะ
G : เฮ้ย อันนี้มันเข้าตัวยังไงก็ไม่รู้ว่ะ เปลี่ยนเรื่องเหอะ อยากรู้มั้ยว่าทำไมประเทศญี่ปุ่นถึงอ้าแขนรับวัฒนธรรมตะวันตกโดยไม่มีการกลั่นกรอง มีอะไรมาตูข้าเอาหมด ประมาณนั้น
K : ไม่อยากรู้
G : อ้าว ไอ้นี่ แล้วตูข้าจะโม้อะไรให้ฟังต่อล่ะ ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้ อุตส่าห์เตรียมตัวมาอย่างดี
K : ฉันรู้แกวแกหรอก เดี๋ยวก็ย้อนกลับไปยุคสงคครามโลกอีกใช่มั้ยล่ะ
G : ปิ๊งป่อง
K : ไม่ต้องมาป่องเลย
G : ถ้างั้นจะเอาเรื่องอะไรล่ะ
K : ทำไม วัยรุ่นไทยถึงรับวัฒนธรรมตะวันตกโดยผ่านทางญี่ปุ่น ทำไมถึงไม่รับมาโดยตรง
G : ความใกล้เคียงกันของเชื้อชาติ รึไม่ก็วัฒนธรรม คือในฐานะคนเอเชียเหมือนกัน หรือจะพูดให้กว้างกว่านั้นคือ เป็นพวกมองโกลอยด์เหมือนกัน ความใกล้เคียงกัน ย่อมมีมากกว่าไม่ว่าจะเป็นลักษณะภายนอกอย่างรูปร่างหน้าตา หรือแม้แต่ลักษณะภายในอย่างเรื่องของความคิด ไม่ได้หมายความว่าเหมือนนะแต่ใกล้เคียง วัฒนธรรมตะวันตก มันกระด้างเกินไปสำหรับคนไทย แต่ถ้าถูกกรองมาแล้วชั้นนึงจากญี่ปุ่น ก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้วที่จะรับ อธิบายง่ายๆ อย่างเรื่องการ์ตูน ทำไมเราอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นแล้วเข้าใจ แล้วเคยอ่าน การ์ตูนฝรั่งมั่งมั้ย อย่างใน Bangkok Post หรือ the Nation พวกการ์ตูนแก็กน่ะ บางครั้งไม่เข้าใจเลยว่ามันตลกตรงไหน แต่ฝรั่งมันหัวเราะเอิ๊กอ๊ากใหญ่
K : แล้วทำไมญี่ปุ่นถึงรับได้โดยตรงแต่เรารับไม่ได้ล่ะ
G : ฮ่าๆๆๆ แกติดกับฉันแล้ว ในที่สุดก็วกมาเข้าเรื่องนี้จนได้ ฮู้ๆๆๆ
K : ไอ้well เอ้ย หลอกกันได้
G : เอ้า หนูๆ ทั้งหลาย หลับตาแล้วจินตนาการตามที่ Ginจังเล่านะ หลังจากปิดประเทศมานานถึง 300 ปี อ้าว Kinจังลืมตาทำไมน่ะ
K : นี่แก ไปไกลกว่าสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกนะ นี่ไม่ใช่ห้องเรียนประวัติศาสตร์นะโว้ย
G : ไกลไปเหรอ ก็ด๊ะ แค่สงครามโลกก็ยังดีว่ะ หลังจากแพ้สงครามอเมริกาก็เข้ามาดูแลญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด เพื่อฟื้นฟูสภาพบ้านเมืองที่ย่ำแย่ เศรษกิจที่พังยับ จะบอกว่าฟื้นฟูอย่างเดียว ก็คงไม่ใช่ เพื่อควบคุมไม่ให้ญี่ปุ่นสามารถกลับมาเป็นเสี้ยนหนามได้อีกคงเป็นคำกล่าวที่เหมาะกว่า อเมริกันวางรากฐานให้ประเทศที่กำลังฟื้นฟูนี้ทุกอย่าง กระทั่งรัฐธรรมนูญ ทุกวันนี้ที่ญี่ปุ่นไม่มีกองทัพก็ด้วยเหตุผลนี้ ดูเหมือนอเมริกาใจดีเนอะ ทั้งๆที่เป็นคู่สงครามแต่ก็ยังเข้ามาช่วยฟื้นฟูประเทศ เปล่าเลย ค่าปฏิกรรมสงครามต้องชดใช้นะจ้ะ แล้วก็อย่างที่บอก มาดูแลมันจะได้ควบคุมง่ายๆ ก็อย่างนี้แหละ คนญี่ปุ่นไม่รับวัฒนธรรมอเมริกามาก็แปลกล่ะ แล้วมันก็เป็นมาจนถึงปัจจุบันด้วย
K : เออสรุปง่ายๆ ดีเนอะ
G : ก็ไม่อยากให้เบื่อ
K : พูดถึงแต่เรื่องคนอื่นเค้า เอาวัฒนธรรมของเราเองดีกว่า คิดยังไงที่เค้าบอกว่าเดี๋ยวนี้วิถีชีวิตคนไทยไม่ได้ยึดติดกับวัฒนธรรมเดิมของชาติ
G : ก็อย่างที่เค้าพูดนั่นแหละ มันจะเหมือนเดิมไปตลอดได้ยังไง คำว่าวัฒนธรรม คู่กับคำว่าเปลี่ยนแปลงเสมอ มันเปลี่ยไปตามยุคตามสมัย ตามกาลเวลา ที่ผ่านมาก็ใช่ว่าวัฒนธรรมเราจะไม่เคยมีการเปลี่ยแปลงเมื่อไหร่ ตั้งแต่อดีตเราก็รับวัฒนธรรมจากขอมในสมัยพ่อขุนราม รับเอาระบอบเทวราชา จนกลายมาเป็นสมบูรณายาสิทธิราชจากเขมร พิธิกรรมต่างๆ จากพรามหณ์ และอีกเยอะแยะ ก็มาปรับใช้จนเป็นของเราเองไม่ใช่หรือ แล้วทำไมต้องซีเรียส กับการรับวัฒนธรรมตะวันตกผ่านญี่ปุน ทั้งที่เมื่อก่อนก็รับกันมาโต้งๆ การปิดกั้นการรับวัฒนธรรมจากต่างชาติมันเป็นไปไม่ได้ ยิ่งสมัยนี้โลกาภิวัตรด้วย เพราะฉะนั้นการจะทำให้วัฒนธรรมของชาติคงอยู่ จึงไม่ใช่การปิดกั้นวัฒนธรรมต่างชาติ ต้องเริ่มที่ตัวเราเอง ปลูกฝังวัฒนธรรมของชาติไว้ในตัว แล้วกรองเอาเองว่า สิ่งที่เข้ามาใหม่ ดีหรือไม่ดี ตัดสินใจเองว่าจะรับหรือไม่รับ หรือจะนำมาประยุกต์ใช้ยังไงให้เกิดประโยชน์ เรื่องนี้ก็จะเกี่ยวโยงไปถึงเรื่องการศึกษาอีกล่ะ เพราะการศึกษาที่ดีก็เป็นรากฐานความคิดที่ดี ถ้าการศึกษายังเป็นอย่างนี้ก็รอไปเถอะ อีก 10 ปี 100 ปี ก็ไม่มีทาง ได้แต่รอให้มันเกิดเหตุร้ายแรง ซ้ำรอยเดิม แล้วก็มานั่งขุดคุ้ยถกเถียงกันอีกว่า มันเพราะอะไร แล้วก็ไม่เคยได้ข้อสรุป ไม่เคยลงมือแก้ไข ดีแต่โยนปัญหา โทษคนอื่น จะปฏิรูประบบการศึกษา โถ พูดมาเป็นร้อยหน อยากให้เด็กได้เรียนสูงๆ กันทุกคน แต่ค่าเทอมแพงหูฉีกถึงหาง จ่ายค่าเทอมทีแทบจะลมใส่ ยิ่งมหาวิทยาลัยเอกชนไม่ต้องพูดถึง เฮ้อ จะคาดหวังอะไรได้มากมาย
K : เขียนคราวนี้เครียดน่าดูเลยเนอะ มีแต่เรื่องหนักๆ ทั้งนั้นเลย มาพักสมองกันเรื่องการ์ตูนบ้างดีกว่า
G : การ์ตูนญี่ปุ่นหาสาระไม่ได้ รุนแรง เด็กเลียนแบบพฤติกรรมที่ไม่ดี นี่คือทัศนคติของผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้ ที่มีต่อการ์ตูน
K : ก็แปลก ทั้งๆ ที่รู้ว่าการ์ตูนเป็นสื่อที่เข้าถึงเด็กได้ง่ายที่สุด แต่กลับไม่มีใครคิดใช้ให้เป็นประโยชน์ คอยแต่จะห้าม
G : เรื่องมีสาระหรือไม่มีอีก ฟังแล้วก็เบื่อคนพูดแบบนี้ ไม่ว่าจะหนังสืออะไร มันมีสาระทั้งนั้นแหละ หนังสือที่คุณบอกว่าไร้สาระที่สุด อย่างน้อยอ่านแล้วคุณก็ยังรู้ว่า เออ นี่มันไร้สาระดี ฉะนั้น มีสาระหรือไม่มี มันอยู่ที่ตัวคนอ่านต่างหาก ว่าคุณสามารถสรรสาระจากหนังสือเล่มนั้นได้มั้ย คุณได้อะไรจากสิ่งที่คุณอ่าน ไม่ใช่อ่านแล้วไม่รู้เรื่อง ก็โทษว่าหนังสือมันไม่มีสาระ เรื่องความรุนแรงก็เหมือนกัน ทำไมเด็กจะต้องเลียนแบบความรุนแรงจากการ์ตูน ในเมื่อ พ่อแม่ตีกันให้ดูทุกวัน มันกว่าเยอะ มีเสียงประกอบอีกต่างหาก เด็กจะไม่เลียนแบบเรื่องความรุนแรงหรือสิ่งไม่เหมาะไม่ควรทั้งหลายในหนังสือแน่ ถ้ามีคนชี้แนะเขาว่า เออ นี่มันไม่ดีนะ ทำชั่วแบบนี้สุดท้ายก็จะได้รับการลงโทษอย่างนี้ ไม่ใช่เห็นลูกอ่านการ์ตูนก็ตวาดแว้ดไว้ก่อน แล้วให้มันไปแอบอ่านเอาทีหลัง เข้าอีหรอบเดิม
K : ดูสิ พาไปเครียดอีกจนได้ นี่คราวนี้แกลืมกินยาแก้เครียดมารึไงวะ
G : แหม นานทีปีหน ก็อยากเป็นการเป็นงานกับเค้าบ้าง
K : คราวที่แล้วเราจบเพราะระบบสื่อสารมันหลุดไปใช่มั้ย คราวนี้จบธรรมดาๆ ดีกว่า
G : และหวังว่าคงไม่ต้องมี Pose the Special Part III Ginจัง ไม่อยากลงนรกขุมที่ลึกไปกว่านี้เพราะเที่ยวไปด่าคนอื่นเค้าแล้ว
K : จบแบบเหงาๆ ซีเรียสๆ ยังไงไม่รู้ว่ะ ไม่เหมือนเป็นเราเลย
G : ก็ปุถุชนคนธรรมดาคนหนึ่งนี่ฮะ ก็ต้องมีหลายๆ อารมณ์ปนเปกันไปตลกบ้าง เศร้าบ้าง เครียดบ้าง Ginจังยังไม่ได้บ้านะฮะ ถึงจะได้หัวเราะตลอดเวลา เช้า สาย บ่าย ค่ำ ไม่เว้นแม้แต่ยามปวดประจำเดือน
K : อ้าวกลับมาเป็นกะเทยซะละ ยังงี้ Kinจังก็ไม่มีเพศอีกแล้วสิขะรับ
G : ดีแล้วล่ะ แกสังกัดเพศไหน เพศนั้นเสื่อมเสียสถาบันของเค้าหมด
K : อ้าว พูดงี้ก็สวยเด๊ะ ตัวแกเองล่ะก็หาสังกัดไม่ได้เหมือนกันแหละว้า
G : ขอบคุณนะฮะที่ชมว่าสวย แต่ที่จริงไม่ต้องก็ได้ Ginจังรู้ตัวเองดีอยู่แล้วฮ่ะว่าสวย
K : โถ นังสว่างจิต เป็นกะเทยแล้วยังทำเป็นโชว์ออฟ
G : ก็ยังดีกว่าพวกสลัวจิตละฮะ จะแอบก็ไม่แอบ จะสว่างก็ไม่ยอมสว่างซะที สลัวๆๆๆ
K : ไอ้...
G : ไอ้อะไรฮะ ไอ้เลิฟยูเหรอ
K : ไอ้ฝากระดาน ไอ้หัวตะปูติดข้างฝาแถมย้ำด้วยเหล็กส่งอีกต่างหาก
G : ว้ายกรี๊ด อย่าเอาเรื่องจริง เอ้ยไม่จริงมากล่าวหากันอย่างนี้สิฮะ Ginจังรับไม่ได้.....
K : ฮ่าๆๆๆ
G : สิบๆๆๆๆๆ
K : ร้อยๆๆๆๆๆๆๆ
G : ล้านๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
K : สิบล้านๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
G : อินฟินิตี้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ฮ่ะ
K : ....... ไอ้บ้าาาาาาาาาาาาาา
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
G : ..........แบบ.........ขี้เกียจทำหน้าใหม่ (K : ตามสไตล์ kaku ; G : เออ!) ก็เลยใส่ เพิ่มเอาซะดื้อๆ ตรงนี้แหละ เรื่องมันมีอยู่ว่า...

Pose the Special Part II
The Return !!


K: โห.. ทำยังกะ Batman เลยนะขะรับ The Return
G: อ้อแน่นอนฮ่ะ
K: แล้วทำไมต้องมีThe Return อีกละขะรับ ไหนบอกว่าจะไม่เขียนภาค 3 ของ Pose แล้วไง
G: แหม ก็นี่ไงฮะ ถึงต้องเป็น The Return ไม่ใช่ภาค 3 คือ หลังจากทำ Part II เสร็จเพิ่งมาทราบเอาทีหลังว่า สุดที่ราก......... ของเราก็เล่นข่าวนี้เหมือนกัน
K: ใครกันขะรับ สุดที่รากเนี่ย
G: จะใครซะอีกล่ะฮ่ะ ก็ ITV กับ The Nation น่ะสิฮ่ะ
K: ป้าดติโธ้ คิดว่าใคร ที่แท้ก็คนกันเอง เดิมๆ same same
G: มีอีกนะฮะ ดังขนาดถูกเอาไปล้อในผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน ภาคการ์ตูนที่ออกอากาศทางช่อง 3 เลยล่ะฮ่ะ
K: ใช่ๆ อันนี้ Kinจัง ก็ได้ดู
G: ดูแล้วเป็นยังไงบ้างละฮะ
K: ก็โมโหอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่เท่าไหร่แล้ว คงเพราะเรื่องมันผ่านไปค่อนข้างนาน ความโกรธก็เลยเจือจางลงไป ว่าแต่ คราวนี้จะไม่แสดงความคิดเห็นหน่อยรึ ไหนๆ ก็อุตส่าห์ 'รีเทิร์น' กลับมาทั้งที
G: อยากเหมือนกันฮ่ะ โดยเฉพาะกับ The Nation นี่ ได้อ่านตอนแรกแล้วสุดๆ เลย ควันโขมงเต็มหัว พร้อมๆ กับน้ำลายพร่างพรู แต่เนื่องจากเป็นนสพ.ภาษาอังกฤษ ก็ขอตอบโต้คืนด้วยภาษาเดียวกันนะฮะ
K: โถ นังแพร่ด อยากจะอวดละสิว่าเก่งภาษาอังกฤษ
G: ต๊าย ตาย เดียวนี้ Kinจัง ไม่น่ารักเลย ใช้คำพูดพรรค์นั้นกับ Ginจังได้อย่างไรฮะ ไม่เขียนก็ด้าย นังขันทีบัณเฑาะก์
K: บัณเฑาะก์ ? อะไรวะ
G: เอ้า พจนานุกรมเปิดอ่านซะ

K: อ๊าก................ ตายซะเถอะ นังสว่างจิตที่ไม่ใช่สว่างวงศ์
G: อุ๊ยโหย รู้สึกว่า Kinจัง จะทราบความหมายของคำว่าบัณเฑาะก์แล้ว และเข้าใจแล้วว่า Ginจัง ด่าอะไร ขออนุญาติเอามันไปขังไว้ชั่วคราวนะฮะ ไปล่ะ

30นาทีผ่านไป

G: เอาละฮ่ะ มาว่ากันต่อดีกว่า...... อ้าว Kinจังแหกกรงออกมาได้พอดี ไงฮะสงบสติอารมณ์ได้แล้วใช่ไหม
K: เออ จำไว้เลย แค้นนี้อีกสิบปีชำระก็ไม่สาย
G: หวาย โสะ โปะ...... จังทิ้งไว้ตั้ง 10 ปี ไม่เน่าหมดแล้วรึ
K: ไม่เน่าเฟ้ย ระบบสูญญากาศไม่มีเน่าไม่มีเปื่อย พอๆ นอกเรื่องประจำเลย
G: เลิกก็เลิก ว่าแต่คราวที่แล้วลืมขอบคุณบุคคลอยู่กลุ่มนึง ช่วยพวกเราไว้แท้ๆ
K: ใครอ้ะ ทำไม Kinจัง ไม่เห็นรู้เรื่องเลย
G: ก็ 'God's Army' The Karen ไง
K: ไอ้พวกกะเหรี่ยงที่บุกยึดรพ.อะนะ ไปขอบคุณมันทำไม ! ยึดที่ไหนไม่ยึด ดันยึดรพ.
G: แม๊ะ แหม อย่าเพิ่งโทโสไป ก็แค่ขอบคุณที่พวกมันช่วยทำให้เรื่องนี้เงียบสนิทเลยน่ะสิ
K: แล้วไป ว่าแต่ด่าเค้ามาก็เยอะ พวกเราเองเถอะช่วยอะไรสังคมเน่าๆ นี่ได้บ้าง
G: แค่ไม่เพิ่มภาระให้สังคมไปมากกว่านี้ก็พอแล้ว ถือคติที่ว่าทำอะไรก็ได้ แต่ไม่ให้ใครเดือดร้อน พอมั้ย
K: อยากทำอะไรให้ได้มากกว่านี้อ้ะ อย่างน้อยอยากช่วยคนที่มีปัญหาให้มีที่ระบาย ถึงจะช่วยแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ แค่ได้ระบายคงรู้สึกดีขึ้นบ้าง
G: ก็เอาอย่างนี้สิ ใครมีปัญหาอะไร คับข้องใจ ไม่มีที่ระบาย mail มาระบายกับเราได้ อาจไม่ได้รับคำปรึกษา หรือ ได้คำปรึกษาแบบต๊องๆ แต่ยินดีเป็นถังขยะฮ่ะ
K: You......... Trash........................
G: Garbage Can โว้ย ไม่ใช่ Trash เฉยๆ
K: Trrrrraaaaaaaaassssssssshhhhhhhhhhhh
G: จบแบบเดิมอีกและะะะะะะะะะะะะะะะะ
K: คราวนี้หดลงนะะะะะะะะะะะะ
G: ทุเรศว่ะะะะะะะะะะะ
K: พอเหอะะะะะะะ
G: เออว่ะะะะ
K: จริงง่ะ
G: จริง
K: จบ

back

l Hi-Ho l What's up Mr. Jones l Space monkey punk from Japan l Inside the pervert mound l
l Doubt l Sold some attitude l Tell me l A story l Love replica l Cafe le psyence l
l Ever free l Psychommunity exit I Sold board l Sign my guestbook l View my guest book l