การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ
หลักสูตร "การจัดทำทำเนียบหน้าที่การงานในยุคปัจจุบัน"
(JOB DESCRIPTION WRITING WORKSHOP)

ก. สาระสำคัญ

ประโยชน์ในการจัดทำทำเนียบหน้าที่การงานโดยส่วนใหญ่แล้วก็ยังคงเดิม แต่ในปัจจุบัน จะมีเน้นในการนำมาใช้เพื่อการพัฒนาประสิทธิภาพของแต่ละตำแหน่งแต่ละบุคคลมากขึ้น มีการ เน้นเพื่อการนำมาใช้ในการประเมินผลการปฏิบัติงานมากขึ้น เพราะในปัจจุบันการบำเหน็จความดี ความชอบก็ต้องวัดกันที่ผลงานจริงๆ ดังนั้นทำเนียบหน้าที่การงานที่เขียนจึงต้องเขียนให้มีข้อมูล มาช่วยเสริมในเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และมีข้อมูลเพื่อการประเมินผลให้มากยิ่งขึ้น

[บางองค์กรเขียนทำเนียบหน้าที่การงานโดยระบุมาตรฐานการทำงาน (Performance
Standard) กันว่างานแต่ละงานต้องทำให้ได้ตามมาตรฐานอย่างไร ซึ่งเขียนออกมาในเชิงของปัจจัย 5
ประการคือคุณภาพ (Quality) ปริมาณ (Quantity) เวลา (Time) ค่าใช้จ่าย (Cost) และอากัป กริยา
(Manner)]

การเขียนมาตรฐานการปฏิบัติงานนั้นเพียงบอกเราว่า"ทำงานให้ได้ตามผลงานที่ คาดหวังอย่างไร" แต่ผู้บังคับบัญชาก็ยากที่จะไปคอยแจงนับไปในทุกงาน แต่ถ้าเพิ่มเติมข้อมูล โดยการเขียน"ดัชนีชี้วัดผลงาน" (KPI-Key Performance Indicators)ไว้ด้วยแล้ว ผู้บังคับบัญชาก็จะเห็นได้ง่ายๆว่าผู้ปฏิบัติงานทำงานได้ตามที่ต้องการหรือไม่ ผู้ปฏิบัติงานเองก็จะสามารถรู้ความคาดหวังของผู้บังคับบัญชาว่าต้องการอะไรจากการทำ งานทั้งหมดในตำแหน่งงานนี้มีให้เห็นได้เป็นข้อๆ และแน่ใจว่าถ้าทำงานได้ตามนั้น ทุกข้อ ผลการประเมินการปฏิบัติงานก็น่าจะออกมาในระดับที่น่าพอใจ ประโยชน์ที่เกิดขึ้นก็คือ การทีทุกคนทุกตำแหน่งจะมุ่งมั่นพัฒนาการทำงานของตนมากยิ่งขึ้น

ทำเนียบหน้าที่การงานนั้นเราเขียนขึ้นไว้เพื่อใช้ประโยชน์ในการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ดังนั้นหากเห็นว่าข้อมูลอะไรที่น่าจะมีประโยชน์(มากกกว่า)ก็ย่อมที่จะปรับปรุงได้ เพราะไม่ได้มี มาตรฐานอย่างถาวรว่าต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ สิ่งสำคัญก็คือเราจะนำทำเนียบหน้าที่การงานมาใช้ทำอะไร และทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์ต่อการทำงานโดยส่วนรวมมากที่สุด

ข. วัตถุประสงค์

1. เพื่อเป็นการทบทวนภาระหน้าที่ของหน่วยงาน(Function Description) เพราะย่อม มีการปรับปรุงโครงสร้างหน่วยงานกันตามระยะเวลาหรือแม้หน่วยงาน(ชื่อ)เดิมแต่ภาระหน้าที่อาจ มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง เพิ่มเติมก็จะได้มีการทบทวน เขียนใหม่ให้ถูกต้องสมบูรณ์
2. เพื่อเป็นการทบทวนชื่อตำแหน่งงานที่อาจเพิ่มขึ้น หรือลดลงเช่นกัน การจัดให้มี การกำหนดชื่อตำแหน่งงานต่างๆในหน่วยงานเป็นระยะๆ จะทำให้การทำงานในหน่วยงานนั้นเกิด ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะจะได้รู้ชัดว่าเรามีกี่ตำแหน่งงานและแต่ละตำแหน่งงานทำอะไรกัน บ้าง หากไม่เหมาะสมก็สามารถปรับปรุงเสียใหม่ได้
3. เพื่อให้มีการกำหนดภาระหน้าที่หรือทำเนียบหน้าที่การงาน (Job Description)ของ ทุกตำแหน่งงานกัน
เสียใหม่ ให้ถูกต้องครบถ้วน ทันสมัย(Update) ให้ตรงกับงานที่ได้มอบหมาย ไปแล้วหรืองานที่ผู้บังคับบัญชาอยากจะมอบหมายงานเพิ่มขึ้นในแต่ละตำแหน่งงานนั้น
4. เพื่อปรับปรุงเนื้อหาของทำเนียบหน้าที่การงานให้เหมาะสมและเกิดประโยชน์ต่อ การทำงานมากยิ่งขึ้น ทั้งในการพัฒนาการทำงานของแต่ละตำแหน่งแต่ละบุคคล และเพื่อการใช้ ในการประเมินผลการปฏิบัติงาน (Performance Appraisal) ได้ง่ายยิ่งขึ้น

ค. โครงสร้างหลักสูตร
(ที่มีการกำหนด Core Competencies และ KPI ของตำแหน่งงานด้วย)

1. หลักการเขียนภาระหน้าที่ของหน่วยงาน (Function Description)
2. ภาคปฏิบัติการเขียนภาระหน้าที่ของหน่วยงาน
3. การนำเอาภาระหน้าที่การงานมาใช้ในการปรับปรุงงานหรือวางแผนเพิ่มประสิทธิภาคการปฏิบัติงาน
4. หลักการกำหนดชื่อตำแหน่งงานของทุกหน่วยงาน
5. ภาคปฏิบัติการกำหนดชื่อตำแหน่งงานให้ เป็นตำแหน่งงานมาตรฐานขององค์กรโดยส่วนรวม
6. ประโยชน์ของทำเนียบหน้าที่การงาน
7. หลักการเขียนทำเนียบหน้าที่การงาน
8. เนื้อหาของทำเนียบหน้าที่การงาน (แต่ละองค์กรอาจมีส่วนแตกต่างกันบ้าง แต่เนื้อหาหลักๆก็เหมือนกัน - ในปัจจุบันมีการกำหนด Core Competencies และ KPI ไว้ในทำเนียบหน้าที่การงานด้วย)
9. ภาคปฏิบัติการเขียนทำเนียบหน้าที่การงาน
10. แนวการนำทำเนียบหน้าที่การงานมาใช้ประโยชน์ในเรื่องต่างๆ

ง. แนวดำเนินการ

-   จะเป็นการบรรยาย และภาคปฏิบัติในงานจริงเป็นเรื่องๆไปตามลำดับ 
-  ผู้เข้าสัมมนาคือผู้บังคับบัญชาทุกระดับของหน่วยงาน (อาจทำได้หมดทุกฝ่ายในครั้งเดียว    หรือมากกว่า 1 ครั้งขึ้นอยู่กับจำนวนฝ่ายงาน และจำนวนหน่วยงาน-ตำแหน่งงานในฝ่ายต่างๆ)
- เมื่อจัดทำทำเนียบหน้าที่การงานสำเร็จแล้ว มีทีมงานที่สามารถให้คำปรึกษา หรือช่วยดำเนินการเรื่องการประเมินค่าตำแหน่งงาน การออกแบบจัดทำโครงสร้างเงินเดือน ทีมงานมีประสบการณ์จากหลายองค์กร พร้อมที่จะไปนำเสนอต่อผู้บริหาร

กลับไปหน้าแรก Menu 6
กลับหน้าแรกของ Website

ารแก้ไขปัญหาและการตัดสินใจ"