1401 กินอาหารแทนยา

 

กินอาหารแทนยา

เมื่อสมัยเรียน ครูสอนภาษาอังกฤษได้ยกเอาคำพูดหนึ่งมาสอนว่าอาจใช้เป็นการเริ่มต้น บทความให้น่าตื่นเต้นด้วยการยกเอาคำพูดแปลกๆมาเป็นจุดเริ่มต้น วันนี้เราเริ่มด้วยคำว่า "กิน อาหารแทนยา" และคำพูดว่า "An Apple a day keep away the doctor" หมายความว่ากินแอบเปิ้ลวันละลูก แล้วจะไม่ต้องไปหาหมอ ดังนั้นอาหารที่ถูกต้องก็คือยา หรือถ้าเรารู้จักกิน อาหารให้ถูกต้องแล้ว ก็เท่ากับเราได้กินยาที่ดีอยู่แล้วทุกมื้อ อาหารจะแทนยาได้ก็ต้องมีกติกาอยู่บ้าง เอาที่กำลังฮิตก็แล้วกันนะ


1. กินผักและผลไม้เยอะๆ และหลายๆอย่างถ้าทำได้ ไม่ใช่เข้าสวนกินเงาะอย่างเดียวทั้งวัน แต่ท่านว่าให้กินผลไม้หลากหลายอย่างละพอสมควร ยิ่งกินก่อนอาหารเช้าได้จะดีมาก คือตอนเช้าอาจเป็นมะละกอสัก 10 คำ กล้วยน้ำว้าสัก 1-2 ลูก ฝรั่งสักเสี้ยว ฯลฯ อะไรต่อะไร แล้วค่อยกินข้าวจะทำให้ร่างกายได้รับวิตามินในผลไม้อย่างเต็มที่ ผลไม้ที่ว่านี้อาจเปลี่ยนไปเรื่อย เพราะขืนกินเหมือนกันทุกวันก็เกินไปละ

2. กินข้าวกล้อง นี่กำลังฮิตแต่บางคนก็กินมานานแล้วเพราะวิตามินของข้าวอยู่ที่เยื่อบางๆรอบเม็ดข้าว ยิ่งข้าวถูกขัดสีให้ขาวมากเท่าใดก็จะเหลือคุณค่าน้อยลงเท่านั้น ข้าวกล้องยังมีจมูกข้าวที่เป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง ไม่เป็นโรคต่างๆได้ง่าย ท้องถ่ายสบายดี แต่นั่นแหละกิน ข้างกล้องก็ฝืดคอหน่อย อาจช่วยได้ถ้าเอาข้าวกล้องที่เป็นข้าวเหนียวปนลงไปเล็กน้อยจะทำให้นุ่มน่ากิน
3. ผักสดกินให้ได้ทุกวัน เมืองไทยนี้ดีหนักหนามีผักให้กินสารพัดทั้งกินดอก กินใบ กินราก กินหัว กินต้น ขอให้เป็นผักสีเขียวเข้าไว้ (ส่วนใหญ่ก็สีนี้นั่นแหละ) ยิ่งต่างจังหวัดแล้วผัก ถูกมาก วันก่อนเล่าให้ฟังถึงการไปเที่ยวภูเรือ หลังจากนั้นก็ไปต่างจังหวัดอีกหลายทริป (Trip)ไป เมืองจันทร์ ไปสังขละบุรีติดชายแดนพม่า แล้วก็ไปปราจีนฯ ทุกแห่งที่ไป 2 ข้างทางมีผักผลไม้ ขายอยู่มากมาย อยากซื้อมากๆจะได้ช่วยชาวบ้านด้วย แต่อยู่กัน 2-3 คนซื้อมากก็กินไม่ทัน กล้วยน้ำหว้าแถวอ.ทองผาภูมิหวี ละ 2-3 บาท ซื้อเหมาทั้งเครือ 15 บาท(กรุงเทพหวีละ 25.-) อะไรประมาณนั้น ขนุนกิโลละ 2-3 บาท (แล้วอย่างนี้ชาวเกษตรกรจะอยู่ได้อย่างไร)ใครมีที่มีทาง ที่บ้านเริ่มกันได้แล้ว ผักสวนครัว รั้วกินได้ ผักต่างๆปลูกแล้วแทบไม่ต้องดูแลอะไร อย่าว่าลงมือ "ปลูก" เลย เม็ดมันหล่นก็ยังขึ้นงอกงามเลย แล้วเราปลูกเองก็ไม่ต้องห่วงเรื่องพิษของยาปราบ ศัตรูพืชด้วย ตรงนี้อยากชักชวนจริงๆ ไม่ต้องมีที่ทางมากก็ทำได้ ตอนนี้อาจารย์ปลูกผักสารพัด ในพื้นที่ 7-8 ตารางวา ปลูกแบบไถนะอะไรทำนองนั้น เอาจิ้มๆลงไป เห็นติดออกใบงามทุก อย่าง เช้าๆเย็นๆออกไปคุยกับต้นไม้ก็สนุกดี เอาว่ากินผักเยอะๆ แล้วไม่ต้องไปหาหมอ
4. กินเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่ายคือจำพวกปลา (ไม่ใช่ปาท่องโก๋นะ) ท้องจะได้ไม่ต้องทำงานหนัก ไม่อ้วน ไม่มีไขมัน แล้วก็ไม่บาปด้วย แต่อย่าถึงกับกินแต่ผัก บางท่านเคร่งมากแม้แต่น้ำปลาก็ ไม่กินกลัวบาป จะทำอะไรก็อย่าลืมเดินสายกลางนะครับ และถ้าอายุมากขึ้นอย่างอาจารย์นี่ก็ต้องกินปลาเล็กปลาน้อย เพื่อจะได้กินทั้งตัว เพื่อจะได้มีแคลเซี่ยมเยอะๆ หรือใครดื่มนมได้ ก็ต้องดื่มวันละกล่องให้ได้ ดื่มนมกล่อง นมจืด นมจากเต้าวัวดีที่สุด ถ้าผิดไปจากนี้อาจทำให้ปวดท้อง ใจสั่น และมีอาการหน้ามืดได้ เอ่ยถึงปาท่องโก๋ คุณรู้ใหมน้ำมันที่เขาทอดนะใช้ต่อเนื่องหลายๆๆ วัน มีสารก่อมะเร็งมาก เหมือนกับถั่วลิสงป่นที่เรากินกับก้วยเตี๋ยวต้มยำนั่นแหละตัวดีนักละ

5 หลักเลี่ยงน้ำตาลทรายขาว ถ้าอยากกินกาแฟ ใส่น้ำตาลทรายแดงซึ่งเป็นนำตาลที่เขากวนเอง (ไม่ใช่จากโรงงานน้ำตาล) ที่เขาใส่เต้าฮวยงัยละ น้ำตาลแบบนี้หวาน แต่มีแกลอรี่ต่ำและหอมด้วย ที่เมืองจันทร์ลองถามพวกเราที่อยู่ที่นั่นดู "ก้วยเตี๋ยวเนื้อเรียง" ที่ขายอยู่ริมสพานเป็น รถเข็นนะ เขาใช้น้ำตาลนี้ใส่ก้วยเตี๋ยว ก็หอมดี หลีกเลี่ยงแป้งขาวเช่นขนมจีน เส้นก้วยเตี๋ยว เพราะมีแต่แป้ง เนื่องจากขัดเสียจนขาว ถ้าบางคนมีเชื้อ(ฝรั่ง)กินขนมปังก็ต้องกินขนมปังที่เขา เรียกว่าโฮลวีท คือสีขุ่นๆ เนื้อออกหยาบๆนะดีกว่าขนมปังสีขาว

6. สุดท้ายถ้าทำได้ สัก 5-6 อาทิตย์ต่อครั้ง คือกินแต่ผลไม้ชนิดเดียวทั้งวัน ไม่กินอย่างอื่นเลย เช่นกินแต่มะละกอทั้งวัน (อย่ากินแต่ทุเรียนทั้งวันนะ) หิวขึ้นมาก็กินมะละกอกับน้ำธรรมดา เช้าสายบ่ายเย็น เขาถือว่าเป็นการถอนพิษ

เอาละไม่ต้องลำบากมากนักหรอก อะไรทำได้ก็ทำ อะไรลำบากนักก็อย่าไปทำมัน คนเราบางคนกินทุกอย่าง ไม่ถือไม่ดูอะไรทั้งนั้นกลับอายุยืน แข็งแรงดีก็เยอะ แต่นั่นมันส่วนน้อย ดังนั้น ถ้าไม่อยากไปหาหมอ(บ่อย)ก็ลองพยายามถือตามที่ว่านี้ นี่ไม่ได้นึกเองเขียนเองนะ ได้ศึกษา และได้ดำเนินการตามนี้อยู่แล้วเป็นส่วนใหญ่ กินมะละกอทั้งวันก็ทำแล้ว อยู่ได้สบายมาก อยากสรุปในที่นี้ว่าอาหารก็คือยา กินอาหารที่ถูกต้องก็คือการกินยา ขอให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดีทุกคนนะครับ