กินอาหารแทนยา
|
เมื่อสมัยเรียน
ครูสอนภาษาอังกฤษได้ยกเอาคำพูดหนึ่งมาสอนว่าอาจใช้เป็นการเริ่มต้น
บทความให้น่าตื่นเต้นด้วยการยกเอาคำพูดแปลกๆมาเป็นจุดเริ่มต้น
วันนี้เราเริ่มด้วยคำว่า
"กิน อาหารแทนยา"
และคำพูดว่า "An
Apple a day keep away
the doctor" หมายความว่ากินแอบเปิ้ลวันละลูก
แล้วจะไม่ต้องไปหาหมอ
ดังนั้นอาหารที่ถูกต้องก็คือยา
หรือถ้าเรารู้จักกิน
อาหารให้ถูกต้องแล้ว
ก็เท่ากับเราได้กินยาที่ดีอยู่แล้วทุกมื้อ
อาหารจะแทนยาได้ก็ต้องมีกติกาอยู่บ้าง
เอาที่กำลังฮิตก็แล้วกันนะ
|
|
1.
กินผักและผลไม้เยอะๆ
และหลายๆอย่างถ้าทำได้
ไม่ใช่เข้าสวนกินเงาะอย่างเดียวทั้งวัน
แต่ท่านว่าให้กินผลไม้หลากหลายอย่างละพอสมควร
ยิ่งกินก่อนอาหารเช้าได้จะดีมาก
คือตอนเช้าอาจเป็นมะละกอสัก
10 คำ กล้วยน้ำว้าสัก
1-2 ลูก ฝรั่งสักเสี้ยว
ฯลฯ อะไรต่อะไร แล้วค่อยกินข้าวจะทำให้ร่างกายได้รับวิตามินในผลไม้อย่างเต็มที่
ผลไม้ที่ว่านี้อาจเปลี่ยนไปเรื่อย
เพราะขืนกินเหมือนกันทุกวันก็เกินไปละ |
|
2.
กินข้าวกล้อง นี่กำลังฮิตแต่บางคนก็กินมานานแล้วเพราะวิตามินของข้าวอยู่ที่เยื่อบางๆรอบเม็ดข้าว
ยิ่งข้าวถูกขัดสีให้ขาวมากเท่าใดก็จะเหลือคุณค่าน้อยลงเท่านั้น
ข้าวกล้องยังมีจมูกข้าวที่เป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง
ไม่เป็นโรคต่างๆได้ง่าย
ท้องถ่ายสบายดี แต่นั่นแหละกิน
ข้างกล้องก็ฝืดคอหน่อย
อาจช่วยได้ถ้าเอาข้าวกล้องที่เป็นข้าวเหนียวปนลงไปเล็กน้อยจะทำให้นุ่มน่ากิน
|
3.
ผักสดกินให้ได้ทุกวัน
เมืองไทยนี้ดีหนักหนามีผักให้กินสารพัดทั้งกินดอก
กินใบ กินราก กินหัว
กินต้น ขอให้เป็นผักสีเขียวเข้าไว้
(ส่วนใหญ่ก็สีนี้นั่นแหละ)
ยิ่งต่างจังหวัดแล้วผัก
ถูกมาก วันก่อนเล่าให้ฟังถึงการไปเที่ยวภูเรือ
หลังจากนั้นก็ไปต่างจังหวัดอีกหลายทริป
(Trip)ไป เมืองจันทร์
ไปสังขละบุรีติดชายแดนพม่า
แล้วก็ไปปราจีนฯ ทุกแห่งที่ไป
2 ข้างทางมีผักผลไม้
ขายอยู่มากมาย อยากซื้อมากๆจะได้ช่วยชาวบ้านด้วย
แต่อยู่กัน 2-3 คนซื้อมากก็กินไม่ทัน
กล้วยน้ำหว้าแถวอ.ทองผาภูมิหวี
ละ 2-3 บาท ซื้อเหมาทั้งเครือ
15 บาท(กรุงเทพหวีละ
25.-) อะไรประมาณนั้น
ขนุนกิโลละ 2-3 บาท
(แล้วอย่างนี้ชาวเกษตรกรจะอยู่ได้อย่างไร)ใครมีที่มีทาง
ที่บ้านเริ่มกันได้แล้ว
ผักสวนครัว รั้วกินได้
ผักต่างๆปลูกแล้วแทบไม่ต้องดูแลอะไร
อย่าว่าลงมือ "ปลูก"
เลย เม็ดมันหล่นก็ยังขึ้นงอกงามเลย
แล้วเราปลูกเองก็ไม่ต้องห่วงเรื่องพิษของยาปราบ
ศัตรูพืชด้วย ตรงนี้อยากชักชวนจริงๆ
ไม่ต้องมีที่ทางมากก็ทำได้
ตอนนี้อาจารย์ปลูกผักสารพัด
ในพื้นที่ 7-8 ตารางวา
ปลูกแบบไถนะอะไรทำนองนั้น
เอาจิ้มๆลงไป เห็นติดออกใบงามทุก
อย่าง เช้าๆเย็นๆออกไปคุยกับต้นไม้ก็สนุกดี
เอาว่ากินผักเยอะๆ
แล้วไม่ต้องไปหาหมอ
|
4.
กินเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่ายคือจำพวกปลา
(ไม่ใช่ปาท่องโก๋นะ)
ท้องจะได้ไม่ต้องทำงานหนัก
ไม่อ้วน ไม่มีไขมัน
แล้วก็ไม่บาปด้วย แต่อย่าถึงกับกินแต่ผัก
บางท่านเคร่งมากแม้แต่น้ำปลาก็
ไม่กินกลัวบาป จะทำอะไรก็อย่าลืมเดินสายกลางนะครับ
และถ้าอายุมากขึ้นอย่างอาจารย์นี่ก็ต้องกินปลาเล็กปลาน้อย
เพื่อจะได้กินทั้งตัว
เพื่อจะได้มีแคลเซี่ยมเยอะๆ
หรือใครดื่มนมได้ ก็ต้องดื่มวันละกล่องให้ได้
ดื่มนมกล่อง นมจืด
นมจากเต้าวัวดีที่สุด
ถ้าผิดไปจากนี้อาจทำให้ปวดท้อง
ใจสั่น และมีอาการหน้ามืดได้
เอ่ยถึงปาท่องโก๋ คุณรู้ใหมน้ำมันที่เขาทอดนะใช้ต่อเนื่องหลายๆๆ
วัน มีสารก่อมะเร็งมาก
เหมือนกับถั่วลิสงป่นที่เรากินกับก้วยเตี๋ยวต้มยำนั่นแหละตัวดีนักละ
|
5
หลักเลี่ยงน้ำตาลทรายขาว
ถ้าอยากกินกาแฟ ใส่น้ำตาลทรายแดงซึ่งเป็นนำตาลที่เขากวนเอง
(ไม่ใช่จากโรงงานน้ำตาล)
ที่เขาใส่เต้าฮวยงัยละ
น้ำตาลแบบนี้หวาน แต่มีแกลอรี่ต่ำและหอมด้วย
ที่เมืองจันทร์ลองถามพวกเราที่อยู่ที่นั่นดู
"ก้วยเตี๋ยวเนื้อเรียง"
ที่ขายอยู่ริมสพานเป็น
รถเข็นนะ เขาใช้น้ำตาลนี้ใส่ก้วยเตี๋ยว
ก็หอมดี หลีกเลี่ยงแป้งขาวเช่นขนมจีน
เส้นก้วยเตี๋ยว เพราะมีแต่แป้ง
เนื่องจากขัดเสียจนขาว
ถ้าบางคนมีเชื้อ(ฝรั่ง)กินขนมปังก็ต้องกินขนมปังที่เขา
เรียกว่าโฮลวีท คือสีขุ่นๆ
เนื้อออกหยาบๆนะดีกว่าขนมปังสีขาว
|
|
6.
สุดท้ายถ้าทำได้ สัก
5-6 อาทิตย์ต่อครั้ง
คือกินแต่ผลไม้ชนิดเดียวทั้งวัน
ไม่กินอย่างอื่นเลย
เช่นกินแต่มะละกอทั้งวัน
(อย่ากินแต่ทุเรียนทั้งวันนะ)
หิวขึ้นมาก็กินมะละกอกับน้ำธรรมดา
เช้าสายบ่ายเย็น เขาถือว่าเป็นการถอนพิษ
|
|
เอาละไม่ต้องลำบากมากนักหรอก
อะไรทำได้ก็ทำ อะไรลำบากนักก็อย่าไปทำมัน
คนเราบางคนกินทุกอย่าง
ไม่ถือไม่ดูอะไรทั้งนั้นกลับอายุยืน
แข็งแรงดีก็เยอะ แต่นั่นมันส่วนน้อย
ดังนั้น ถ้าไม่อยากไปหาหมอ(บ่อย)ก็ลองพยายามถือตามที่ว่านี้
นี่ไม่ได้นึกเองเขียนเองนะ
ได้ศึกษา และได้ดำเนินการตามนี้อยู่แล้วเป็นส่วนใหญ่
กินมะละกอทั้งวันก็ทำแล้ว
อยู่ได้สบายมาก อยากสรุปในที่นี้ว่าอาหารก็คือยา
กินอาหารที่ถูกต้องก็คือการกินยา
ขอให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดีทุกคนนะครับ |
|
|
|
|
|
|