|
พึ่งพบเห็นเป็นวิบัติมหัศจรรย์
แต่งไว้เหมือนเตือนใจจะได้คิด
เดือนแปดวันจันทวาเวลานอน
ระลึกคุณบุญบวชตรวจกสิณ
เงียบสงัดวัดวาในราตรี
หริ่งหริ่งเรื่อยเฉื่อยชื่นสะอื้นอก
เสียงแมงมุมอุ้มไข่มาใต้เตียง
ฝ่ายฝูงหนูมูสิกกิกกิกร้อง
อนึ่งผึ้งซึ่งมาทำประจำรัง
ยิ่งเยือกทรวงง่วงเหงาซบเซาโศก
ไม่เทียมเพื่อนเหมือนจะพาเลือดตากระเด็น
|
จึ่งจดวันเวลาด้วยอาวรณ์
ในนิมิตเมื่อภวังค์วิสังหรณ์
เจริญพรภาวนาตามบาลี
ให้สุขสิ้นดินฟ้าทุกราศี
เสียงเป็ดผีหวี่หวีดจังหรีดเรียง
สำเนียงนกแสกแถกแสกแสกเสียง
ตีอกเพียงผึงผึงตะลึงฟัง
เสียวสยองยามยินถวิลหวัง
ริมบานบังบินร้องสยองเย็น
ยามวิโยคยากแค้นสุดแสนเข็ญ
เที่ยวซ่อนเร้นไร้ญาติหวาดวิญญาณ์ฯ
|
|
๏
แต่ปีวอกออกขาดราชกิจ
เหมือนลอยล่องท้องชะเลอยู่เอกา
ดูฟากฝั่งหวังจะหยุดก็สุดเนตร
เหมือนทรวงเปลี่ยวเที่ยวแสวงทุกแขวงแคว
ทางบกเรือเหนือใต้เที่ยวไปทั่ว
เมืองพริบพรีที่เขาทำรองน้ำตาล
ไปราชพรีมีแต่พาลจังทานพระ
ไปขึ้นเขาเล่าก็ตกอกระบม
๏ ครั้งไปด่านกาญจน์บุรีที่กะเหรี่ยง
นอนน้ำค้างพร่างพนมพรอยพรมพราว
ทั้งฝ่ายลูกถูกปอบมันลอบใช้
เข้าวัสสามาอยู่ที่สองพี่น้อง
ทุกเช้าค่ำลำบากแสนยากยิ่ง
เสียงฉู่ฉู่หวู่ว่อนเวียนร่อนรุม
โอ้ยามยากอยากใคร่ได้เหล็กไหลเล่น
ลองตำราอาจารย์ทองบ้านจุง
|
บรรพชิตพิศวาสพระศาสนา
เห็นแต่ฟ้าฟ้าก็เปลี่ยวสุดเหลียวแล
แสนเทวษเวียนว่ายสายกระแส
ได้เห็นแต่ศิษย์หาพยาบาล
จังหวัดหัวเมืองสิ้นทุกถิ่นฐาน
รับประทานหวานเย็นก็เป็นลม
เหมือนไปปะบระเพ็ดเหลือเข็ดขม
ทุกข์ระทมแทบจะตายเสียหลายคราวฯ
ฟังแต่เสียงเสือสีห์ชะนีหนาว
เพราะเชื่อลาวลวงว่าแร่แปรเป็นทอง
หาแก้ได้ให้ไปเข้ากินเจ้าของ
ยามขัดข้องขาดมุ้งริ้นยุงชุม
เหลือทนจริงเจ็บแสบใส่แกลบสุม
เป็นกลุ่มกลุ่มกลุ้มกัดนั่งปัดยุง
ทำทองเป็นปั้นเตาเผาถลุง
จดเกลือหุงหายสูญสิ้นทุนรอนฯ
|
|
๏ คราวไปคิดปริศนาตามตาเถร
มันตามติดขวิดคร่อมอ้อมอุทร
เดชะบุญคุณพระอนิสงส์
เหตุด้วยเคราะห์เพราะว่าไว้วางใจคน
๏ โอ้ยามอยู่สุพรรณกินมันเผือก
จนแรงโรยโหยหิวผอมผิวเนื้อ
ทั้งผ้าพาดบาตรเหล็กของเล็กน้อย
เหลือแต่ผ้าอาศัยเสียใจคอ
๏ คิดถึงคราวเจ้านิพพานสงสารโศก
ลงหนองน้ำปล้ำตะเข้หากเทวดา
วันไปอยู่ภูผาเขาม้าวิ่ง
ครั้นดึกดูงูเหลือมเลื่อยเลื่อมลาย
หนีไม่พ้นจนใจได้สติ
เสียงฟู่ฟู่ขู่ฟ้อเคล้าคลอเคลีย
ดูใหญ่เท่าเสากระโดงผีโป่งสิง
คิดจะตีหนีไปกลัวไม้เท้า
๏ เมื่อขาล่องต้องตอเรือหล่อล่ม
ปะหาดตื้นขึ้นรอดไม่วอดวาย
แล้วมิหนำซ้ำบุตรสุดที่รัก
ต้องต่ำต้อยย่อยยับอัประมาณ
โอ้ยามจนล้นเหลือสิ้นเสื่อหมอน
ราหูทับยับเยินเผอิญเป็น
๏ จะสึกหาลาพระอธิษฐาน
พอพวกพระอภัยมณีศรีสุวรรณ
อยู่มาพระสิงหะไตรภพโลก
ทุกค่ำคืนฝืนหน้าน้ำตากระเด็น
ดังไข้หนักรักษาวางยาทิพย์
ค่อยฝ่าฝืนชื่นฉ่ำดั่งอำมฤก
|
เขากาเพนพบมหิงส์ริมสิงขร
หากมีขอนขวางควายไม่วายชนม์
ช่วยดำรงรอดตายมาหลายหน
จึ่งจำจนใจเปล่าเปลืองข้าวเกลือฯ
เคี้ยวแต่เปลือกไม้หมากเปรี้ยวปากเหลือ
พริกกับเกลือกลักใหญ่ยังไม่พอ
ขโมยถอยไปทั้งเรือไม่เหลือหลอ
ชาวบ้านทอถวายแทนแสนศรัทธาฯ
ไปพิศีโลกลายแทงแสวงหา
ช่วยรักษาจึ่งได้รอดไม่วอดวาย
เหนื่อยนอนพิงเพิงไศลหลับใจหาย
ล้อมรอบกายเกี้ยวตัวกันผัวเมีย
สมาธิถอดชีวิตอุทิศเสีย
แลบลิ้นเลียแล้วเลื้อยแลเฟือยยาว
เป็นรูปหญิงยืนหลอกผมหงอกขาว
โอ้เคราะห์คราวขึ้นไปเหนือเหมือนเหลือตายฯ
เจียนจะจมน้ำม้วยระหวยระหาย
แต่ปะตายหลายหนหากทนทาน
ขโมยลักหลายหนผจญผลาญ
มาอยู่วิหารวัดเลียบยิ่งเยียบเย็น
สู้ซุ่มซ่อนเสียมิให้ใครใครเห็น
เปรียบเหมือนเช่นพราหมณ์ชีมณีจันท์ฯ
โดยกันดารเดือดร้อนสุดผ่อนผัน
เธอช่วยกันแก้ร้อนค่อยหย่อนเย็น
เห็นเศร้าโศกแสนแค้นสุดแสนเข็ญ
พระโปรดเป็นที่พึ่งเหมือนหนึ่งนึก
ฉันทองหยิบฝอยทองไม่ต้องสึก
แต่ตกลึกเหลือที่จะได้สบายฯ
|
|
๏ ค่อยเบาบางสร่างโศกเหมือนโรคฟื้น
ได้ห่มสีมีหมอนเสื่ออ่อนลาย
เหมือนพบปะพระสิทธาที่ปรารภ
สนอมพักตร์รักษาด้วยการุญ
ถึงยากไร้ได้พึ่งหมือนหนึ่งแก้ว
พระฤๅษีที่ท่านช่วยชุบเสือโค
แล้วไม่เลี้ยงเพียงแต่ชุบช่วยอุปถัมภ์
ช่วยชี้ทางกลางป่าให้คลาไคล
แต่ละองค์ทรงพรตพระยศยิ่ง
จงไพบูลย์พูนสวัสดิ์วัฒนา
๏ เป็นคราวเคราะห์ก็ต้องพรากจากวิหาร
อยู่วัดเทพธิดาด้วยบารมี
ถึงยามเคราะห์ก็เผอิญให้เหินห่าง
โอ้ใจหายกลายกลับอัประมาณ
ได้พึ่งพระปะแพรพอแก้หน้า
คิดขัดขวางอย่างจะพาเลือดตากระเด็น
กัดเสื่อสาดขาดปรุทะลุสมุด
เสียแพรผ้าอาศัยไตรจีวร
ถึงคราวคลายปลายอ้อยบุญน้อยแล้ว
นับปีเดือนเหมือนจะหักทั้งหลักตอ
๏ ถึงเดือนยี่มีเทศน์สมเพชพักตร์
สู้ซ่อนหน้าฝ่าฝืนสะอื้นอาย
ไปทางเรือเหลือสลดด้วยปลดเปลื้อง
ลืมวันเดือนเขียนเฉยแกล้งเลยละ
ช่วยแจวเรือเกื้อหนุนทำบุญด้วย
กลับมาถึงผึ้งมาจับอยู่กับกระฎี
ต้องขัดเคืองเรื่องราวด้วยคราวเคราะห์
ทั้งบ้านทั้งวังวัดเป็นศัตรู
เครื่องกระฎีที่ยังเหลือแต่เสื่อขาด
เคยสว่างกลางคืนขาดฟืนไฟ
๏ โอ้อายเพื่อนเหมือนเขาว่ากิ่งกาฝาก
ที่ทุกข์สุขขุกเข็ญเกิดเป็นคน
ได้พึ่งบ้างอย่างนี้เป็นที่ยิ่ง
ไม่ลืมคุณพูนสวัสดิ์ถึงพลัดพราย
๏ จะลับวัดพลัดที่กระฎีตึก
เฝ้านองเนตรเช็ดพักตร์สักเท่าไร
คิดอายเพื่อนเหมือนเขาเล่าแม่เจ้านี่
เพราะบุญน้อยย่อยยับอัประมาณ
ต่อเมื่อไรไปทำทองสำเร็จ
จะผาสุกทุกสิ่งนอนกลิ้งพุง
ขอเดชะพระมหาอานิสงส์
จะเที่ยวรอบขอบประเทศทุกเขตคัน
|
จะเดินยืนยังไม่ได้ยังไม่หาย
ค่อยคลายอายอุตส่าห์ครองฉลองคุณ
ชุบบุตรลพเลี้ยงเหลือช่วยเกื้อหนุน
ทรงสร้างบุญคุณศีลเพิ่มภิญโญ
พาผ่องแผ้วผิวพักตร์ขึ้นอักโข
ให้เรืองฤทธิ์อิศโรเดโชชัย
พระคุณล้ำโลกาจะหาไหน
หลวิชัยคาวีจำลีลา
เป็นยอดมิ่งเมืองมนุษย์นี้สุดหา
พระชันษาสืบยืนอยู่หมื่นปีฯ
กลัวพวกพาลผู้ร้ายจำย้ายหนี
ได้ผ้าปีปัจจัยไทยทาน
ไม่เหมือนอย่างอยู่ที่พระวิหาร
โดยกันดารเดือดร้อนไม่หย่อนเย็น
สองวัสสาสิ้นงามถึงยามเข็ญ
บันดาลเป็นปลวกปล่องขึ้นห้องนอน
เสียดายสุดแสนรักเรื่องอักษร
ดูพรุนพรอนพลอยพาน้ำตาคลอ
ไม่ผ่องแผ้วพักตราวาสนาหนอ
แต่รั้งรอร้อนรนกระวนกระวายฯ
เหมือนลงรักรู้ว่าบุญสิ้นสูญหาย
จนถึงปลายปีฉลูมีธุระ
ระคางเคืองข้องขัดสลัดสละ
เห็นแต่พระอภัยพระทัยดี
เหมือนโปรดช่วยชูหน้าเป็นราศี
ทำรังที่ทิศประจิมริมประตู
จวบจำเพาะสุริยาถึงราหู
แม้นขืนอยู่ยากเย็นจะเห็นใคร
เข้าไสยาสน์ยุงกัดปัดไม่ไหว
จะโทษใครเคราะห์กรรมจึ่งจำจนฯ
มิใช่รากรักเร่ระเหระหน
ต้องคิดขวนขวายหารักษากาย
สัจจังจริงจงรักสมัครหมาย
มิได้วายเวลาคิดอาลัยฯ
สุดแต่นึกน้ำตามาแต่ไหน
ขืนหลั่งไหลรินร่ำน่ารำคาญ
เร่ไปปีละร้อยเรือนเดือนละร้อยบ้าน
เหลือที่ท่านอุปถัมภ์ช่วยบำรุง
แก้ปูนเพชรพบทองสักสองถุง
กินหมูกุ้งไก่เป็ดจนเข็ดฟัน
ซึ่งรูปทรงสัจศีลถวิลสวรรค์
ขอความฝันวันนี้บอกดีร้ายฯ
|
|
๏ แล้วร่ำภาวนาในพระไตรลักษณ์
หอมกลิ่นธูปงูบระงับหลับสบาย
สิ้นกำลังยังมีนารีรุ่น
ช่วยจูงไปไว้ที่วัดได้ทัศนา
ทั้งพระทองสององค์ล้วนทรงเครื่อง
พอเสียงแซ่แลหาเห็นนารี
ล้วนใส่ช้องป้องพักตร์ดูลักขณะ
ที่เอกองค์ทรงศรีฉวีวรรณ
ทั้งคมขำล้ำนางสำอางสะอาด
ใส่เครื่องทรงมงกุฎดังบุตรี
รูปจริตพิศไหนวิไลเลิศ
พอแลสบหลบชะม้ายชายชำเลือง
ลำพระกรอ่อนชดประณตน้อม
หรือชาวสวรรค์ชั้นฟ้านภาโพยม
แปลกมนุษย์ผุดผ่องละอองพักตร์
ครั้นปราศรัยไถ่ถามนามกร
ขืนถามอีกหลีกเลี่ยงหลบเมียงม่าย
นางน้อยน้อยพลอยตามงามงามดี
แล้วชวนว่าอย่าอยู่ชมพูทวีป
แล้วทรงรถกลดกั้นนางทั้งนั้น
ที่นั่งทิพย์ลิบเลื่อนคล้อยเคลื่อนคล้าย
ประเดี๋ยวเดียวเฉียวฉิบแลลิบลับ
๏ ซึ่งสั่งให้ไปสวรรค์หรือชันษา
แม้นเหมือนปากอยากใคร่ตายหมายวิมาน
ยังนึกเห็นเช่นโฉมประโลมโลก
ได้แนบชมสมคะเนสักเวลา
อยู่หลัดหลัดพลัดพรากไปฟากฟ้า
ถึงชาตินี้พี่มิได้บุญไม่เคย
แม้นรู้เหาะก็จะได้ตามไปด้วย
เสมอเนตรเชษฐาเวลานอน
สายสุดใจไม่หลับจะรับขวัญ
ประโลมแก้วแววตาสุดาดวง
ยามกลางวันบรรทมจะชมโฉม
แม้นไม่ยิ้มหงิมเหงาจะเล่านิยาย
ไม่รู้เหาะก็มิได้ขึ้นไปเห็น
ถ้ารับรักจักอุตส่าห์พยายาม
๏ นี่จนใจไม่รู้จักที่หลักแหล่ง
เมื่อยามฝันนั้นว่านึกนั่งตรึกตรอง
เห็นโฉมยงองค์เอกเมขลา
รัศมีสีเปล่งดังเพ็งจันทร์
ว่านวลหงส์องค์นี้อยู่ชั้นฟ้า
วิมานเรียงเคียงกันทุกวันนี้
จะให้แก้วแล้วก็ว่าไปหาเถิด
ที่ขัดข้องหมองหมางเป็นอย่างไร
๏ สดับคำฉ่ำชื่นจะยื่นแก้ว
ทรงปักษาการเวกแฝงเมฆเมียง
เหมือนบุปผาปาริกชาติชื่น
ด้วยเดชะพระกุศลให้หล่นลอย
มิให้เคืองเปลื้องปลดเสียยศศักดิ์
แม้นมั่งมีพี่จะจ้างพวกช่างทอง
|
ประหารรักหนักหน่วงตัดห่วงหาย
ฝันว่าว่ายสายชะเลอยู่เอกา
รูปเหมือนหุ่นเหาะเร่ร่อนเวหา
พระศิลาขาวล้ำดังสำลี
แลเลื่อมเหลืองเรืองจำรัสรัศมี
ล้วนสอดสีสาวน้อยนับร้อยพัน
เหมือนนางสะสวยสมล้วนคมสัน
ดั่งดวงจันทร์แจ่มฟ้าไม่ราคี
โอษฐ์เหมือนชาดจิ้มเจิมเฉลิมศรี
แก้วมณีเนาวรัตน์จำรัสเรือง
เหมือนหุ่นเชิดโฉมแช่มแฉล้มเหลือง
ดูปลดเปลื้องเปล่งปลั่งกำลังโลม
แลละม่อมเหมือนหนึ่งเขียนวิเชียรโฉม
มาประโลมโลกาให้อาวรณ์
วิไลลักษณ์ล้ำเลิศประเสริฐสมร
ก็เคืองค้อนขามเขินสะเทินที
เหมือนอายชายเฉยเมินดำเนินหนี
เก็บมาลีเลือกถวายไว้หลายพรรณ
นิมนต์รีบไปสำราญวิมานสวรรค์
นั่งที่ชั้นลดล้อมน้อมคำนับ
พรรณรายพรายเรืองเครื่องประดับ
จนลมจับวับใจอาลัยลานฯ
จะมรณาในปีนี้เป็นปีขาล
ขอพบพานภัคินีของพี่ยา
ยิ่งเศร้าโศกแสนสวาทปรารถนา
ถึงชีวาม้วยไม่อาลัยเลย
ให้ดิ้นโดยโหยหานิจจาเอ๋ย
ขอชื่นเชยชาติหน้าด้วยอาวรณ์
สู้มอดม้วยมิได้ทิ้งมิ่งสมร
จะกล่าวกลอนกล่อมประทับไว้กับทรวง
ร้องโอดพันพัดชาช้าลูกหลวง
ให้อุ่นทรวงไสยาสน์ไม่คลาดคลาย
ขับประโลมข้างที่พัดวีถวาย
เรื่องกระต่ายตื่นตูมเหลือมูมมาม
แม้นเหมือนเช่นชาวสุธาภาษาสยาม
ไปตามความคิดคงได้ปลงทองฯ
สุดแสวงสวาทหมายไม่วายหมอง
เดือนหงายส่องแสงสว่างดังกลางวัน
ชูจินดาดวงสว่างมากลางสวรรค์
พระรำพันกรุณาด้วยปรานี
ชื่อโฉมเทพธิดามิ่งมารศรี
เหมือนหนึ่งพี่น้องสนิทร่วมจิตใจ
มิให้เกิดการระแวงแหนงไฉน
จะผันแปรแก้ไขด้วยใกล้เคียงฯ
แล้วคลาดแคล้วคลับคล้ายเคลิ้มหายเสียง
จึ่งหมายเสี่ยงวาสนาอุตส่าห์คอย
สุดจะยื่นหยิบได้มีไม้สอย
ลงมาหน่อยหนึ่งเถิดนะจะประคอง
สนอมรักร้อยปีไม่มีหมอง
หล่อจำลองรูปวางไว้ข้างเคียงฯ
|
|
๏ คิดจนตื่นฟื้นฟังระฆังฆ้อง
โกกิลากาแกแซ่สำเนียง
วิสัยเราเล่าก็ไม่สู้ใฝ่สูง
ให้เฟือนจิตกิจกรมพรหมจรรย์
ให้รักรูปซูบผอมตรมตรอมจิต
จะได้หัวเราะเยาะเล่นทุกเย็นเช้า
แม้นนางอื่นหมื่นแสนแดนมนุษย์
สู้นิ่งนั่งตั้งมั่นถือขันตี
รักษาพรตปลดปละสละรัก
คิดรังเกียจเกลียดรักหักอารมณ์
๏ แต่ครั้งนี้วิปริตนิมิตฝัน
สาวสวรรค์ชั้นฟ้าจงถาวร
ซึ่งผูกจิตพิศวาสหมายมาดมุ่ง
เสวยสวรรค์ชั้นฟ้าสุราลัย
๏ ขอเดชะพระอุมารักษาสวาท
วิมานแก้วแววฟ้าฝูงนารี
๏ ขอเดชะพระอินทร์ดีดพิณแก้ว
สาวสุรางค์นางรำระบำเรียง
ขอพระจันทร์กรุณารักษาศรี
เหมือนหุ่นเชิดเลิศล้วนนวลละออง
๏ ขอพระพายชายเชยรำเพยพัด
หอมดอกไม้ในทวีปกลีบผกา
๏ ขอเดชะพระคงคารักษาสนอม
ให้เย็นเรื่อยเฉื่อยฉ่ำเช่นน้ำลม
๏ ด้วยเดิมฉันฝันได้ยลวิมลพักตร์
ถวิลหวังตั้งแต่นั้นจนวันนี้
ด้วยเกิดเป็นเช่นมนุษย์บุรุษราช
ขอษมาการุญพระสุนทร
๏ อนึ่งโยมโฉมยงพระองค์เอก
จะให้แก้วแล้วอย่าลืมที่ปลื้มใจ
จะพ้นทุกข์สุขสิ้นมลทินโทษ
ให้หน้าชื่นรื่นรสพจมาน
บวชตะบึงถึงตะบันน้ำฉันชื่น
เหมือนพระจันทร์กรุณาให้ตายาย
เหมือนวอนเจ้าสาวสวรรค์กระสันสวาท
ได้สมบูรณ์พูนเกิดประเสริฐทรง
อันโลกีย์วิสัยที่ในโลก
เป็นมนุษย์สุดแต่ขอให้บริบูรณ์
ขอบุญพระจะให้อยู่ชมพูทวีป
ไม่ชื่นเหมือนเพื่อนมนุษย์ก็สุดอาย
๏ โอ้ปีนี้ปีขาลบันดาลฝัน
ก็คิดเห็นเป็นเคราะห์จำเพาะเผอิญ
จึงแต่งตามความฝันรำพันพิลาป
จะสั่งสาวชาวบางกอกข้างนอกใน
จึ่งเอื้อมอ้างนางสวรรค์ตามฝันเห็น
ไม่รักใครในแผ่นดินถิ่นสุธา
๏ ได้ครวญคร่ำร่ำเรื่องเป็นเครื่องสูง
ทั้งสาวแก่แม่ลูกอ่อนลาวมอญไทย
พระภู่แต่งแกล้งกล่าวสาวสาวเอ๋ย
นักเลงกลอนนอนฝันเป็นสันดาน
จะฝากดีฝีปากจะฝากรัก
ไว้อาลัยให้ละห้อยจงคอยฟัง
|
กลองหอกลองทึ้มทึ้มกระหึ่มเสียง
โอ้นึกเพียงขวัญหายไม่วายวัน
นางฟ้าฝูงไหนเล่ามาเข้าฝัน
ฤๅสาวสวรรค์นั้นจะใคร่ลองใจเรา
เสียจริตคิดขยิ่มง่วงหงิมเหงา
จึงแกล้งเข้าฝันเห็นเหมือนเช่นนี้
นึกกลัวสุดแสนกลัวเอาตัวหนี
อยู่กระฎีดั่งสันดานนิพพานพรหม
เพราะน้ำผักต้มหวานน้ำตาลขม
ไม่นิยมสมสวาทเป็นขาดรอนฯ
เฝ้าผูกพันมั่นหมายสายสมร
เจริญพรพูนสวัสดิ์กำจัดภัย
มักนอนสะดุ้งด้วยพระขวัญจะหวั่นไหว
ช่วยเลื่อมใสโสมนัสสวัสดีฯ
ให้ผุดผาดเพียงพักตร์พระลักษมี
คอยพัดวีแวดล้อมอยู่พร้อมเพรียงฯ
ให้เจื้อยแจ้วจับใจแจ่มใสเสียง
คอยขับกล่อมพร้อมเพรียงเคียงประคอง
ให้เหมือนมณีนพเก้าอย่าเศร้าหมอง
ให้ผุดผ่องผิวพรรณเพียงจันทราฯ
ให้ศรีสวัสดิ์สว่างจิตขนิษฐา
ให้หอมชื่นรื่นวิญญาณ์นิทรารมณ์ฯ
อย่าให้มอมมีระคายเท่าปลายผม
กล่อมประทมโสมนัสสวัสดีฯ
สุดแสนรักลักประโลมโฉมฉวี
ขออย่ามีโทษโปรดยกโทษกรณ์
มาหมายมาดนางสวรรค์ร่วมบรรจถรณ์
ให้ถาพรภิญโญเดโชชัยฯ
มณีเมขลามาโปรดปราศรัย
ขอให้ได้ดั่งประโยชน์โพธิญาณ
เพราะพระโปรดโปรยปรายสายสนาน
เหมือนนิพพานพ้นทุกข์เป็นสุขสบาย
ยามดึกดื่นได้สังวรอวยพรถวาย
กับกระต่ายแต้มสว่างอยู่กลางวง
ให้ผุดผาดเพิ่มผลาอานิสงส์
ศีลดำรงร่วมสร้างพุทธางกูร
ความสุขโศกสิ้นกายก็หายสูญ
ได้เพิ่มพูนผาสุกสนุกสบาย
ช่วยชุบชีพชูเชิดให้เฉิดฉาย
สู้ไปตายตีนเขาลำเนาเนินฯ
ที่หมายมั่นเหมือนจะหมางระคางเขิน
ให้ห่างเหินโหยหวนรำจวนใจ
ให้ศิษย์ทราบสุนทราอัชฌาสัย
ก็กลัวภัยให้ขยาดพระอาชญา
ให้อ่านเล่นเป็นเล่ห์เสน่หา
รักแต่เทพธิดาสุราลัยฯ
พอพยุงยกย่องให้ผ่องใส
เด็กผู้ใหญ่อย่าเฉลียวว่าเกี้ยวพาน
อย่าถือเลยเคยเจนเหมือนเหลนหลาน
เคยเขียนอ่านอดใจมิใคร่ฟัง
ด้วยจวนจักจากถิ่นถวิลหวัง
จะร่ำสั่งสิ้นสุดอยุธยาฯ
|