การผ่าตัดเอาต่อมทอนซิล และ/หรือ ต่อมอะดินอย์ออก (Tonsillectomy and/or Adenoidectomy) |
.....แม้ว่าต่อมทอนซิลและต่อมอะดินอยด์ จะเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย แต่จากการศึกษาวิจัยจน
ถึงปัจจุบัน พบว่าระดับภูมิคุ้มกันไม่ได้ลดลง .ในผู้ป่วยที่ถูกตัดต่อมทอนซิลออก อัตราการเกิดโรคติดเชื้อต่างๆเช่น
โปลิโอ... หรือการเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ..ของผู้ป่วยที่มีต่อมทอนซิลและของผู้ป่วยที่ถูกตัดต่อมทอนซิลไปไม่ได้
แตกต่างกัน.ทั้งนี้เชื่อว่ายังมีระบบภูมิคุ้มกันอีกมากมาย นอกเหนือจากต่อมทอนซิลและต่อมอะดินอยด์ (เช่นที่โคน
ลิ้น, ในลำไส้) การศึกษาพบว่าหน้าที่ป้องกันในการติดเชื้อของต่อมทอนซิลและต่อมอะดินอยด์ ลดลงภายหลังเด็ก
อายุ 3 ปีขึ้นไป และยังพบว่าความสามารถของการกำจัดเชื้อโดยเม็ดเลือดขาวในการเก็บกินเชื้อโรคเพิ่มขึ้น ภาย
หลังการผ่าตัดต่อมทอนซิลและต่อมอะดินอย์ ในผู้ป่วยที่มีต่อมทอนซิลและต่อมอะดินอยด์อักเสบชนิดเรื้อรัง |
การผ่าตัดโพรงจมูก |
.....การผ่าตัดเพื่อให้หายใจทางจมูกได้ดี ในกรณีที่มีอาการคัดจมูก โดยเฉพาะเวลานอนหลับตอนกลางคืน หรือ
นอนอ้าปาก การแก้ไขเพื่อให้จมูกหายใจได้โล่งขึ้น จะทำให้หายใจได้ดีขึ้น กรนน้อยลง รวมทั้งการหยุดหายใจจาก
ทางเดินหายใจอุดตันก็น้อยลงตามไปด้วย แพทย์หู คอ จมูก จะประเมินว่าส่วนใดของช่องโพรงจมูกที่สามารถแก้
ไขแล้วทำให้การหายใจดีขึ้น บางคนต้องอาศัยการผ่าตัดแก้ไขผนังกั้นจมูกที่คด (deviated nasal saptum) ให้
กลับมาตรง บางคนอาจจำเป็นต้องแก้ไขเยื่อบุโครงจมูกที่บวมโต(hypertrophy turbinates) ให้เล็กลง ซึ่งทำได้
หลายวิธี เช่น การใช้คลื่นวิทยุ, เลเซอร์ หรือใช้การผ่าตัดเอาบางส่วนของเนื้อเยื่อใต้เยื่อบุโพรงจมูกออก แต่ทั้งหมด
มักทำโดยการให้ยาชาเฉพาะที่ ไม่ต้องดมยาสลบ และไม่จำเป็นต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล |
การผ่าตัดตกแต่งเพดานอ่อนและผนังคอหอย (Uvulopalatopharyngoplasty) |
.....หมายถึง การผ่าตัดเพื่อลดขนาดอ่อนให้มีขนาดเล็กลง และทำให้ผนังคอหอยกว้างขึ้น โดยไม่ทำให้เกิดผลเสีย
ต่อการกลืนอาหาร หรือการพูด ลิ้นไก่นั้นคนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นอวัยวะสำคัญ ถ้าไม่มีหรือสั้นลงจะทำให้พูดไม่ชัด
แท้ที่จริงแล้วลิ้นไก่เป็นเนื้อเยื่อส่วนเกินที่ช่วยให้การกลืนการพูดมีประสิทธิภาพขึ้น อวัยวะที่สำคัญจริงๆ ที่ป้องกัน
ไม่ให้สำลักเวลากลืน หรือเสียงไม่ขึ้นจมูก คือกล้ามเนื้อบริเวณเพดานอ่อน Tensor Veli Palatini ที่ทำหน้าที่เป็น
หูรูดปิดช่องระหว่างช่องคอและช่องหลังโพรงจมูกในขณะกลืน ดังนั้นในการผ่าตัดตกแต่งเพดานอ่อน อาจทำให้ผู้
ป่วยไม่มีลิ้นไก่หลังผ่าตัด แต่ยังสามารถพูดและรับประทานอาหารได้อย่างเป็นปกติ ทั้งนี้เพราะไม่มีการกระทบ
กระเทือนต่อการทำงานของกล้ามเนื้อที่สำคัญดังกล่าว โดยทั่วไปแพทย์จะผ่าตัดเอาต่อมทอนซิลออกไปด้วยพร้อม
กันเพื่อทำให้ทางเดินหายใจกว้างขึ้นอีก ทั้งนี้ไม่ทำให้การกำจัดเชื้อโรคในบริเวณนี้ผิดปกติไป ภูมิต้านทานยังคง
ทำหน้าที่ได้อย่างปกติ หลังผ่าตัดผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บคอ กลืนเจ็บ ต้องรับประทานอาหารอ่อน เป็นเวลาประมาณ
1 สัปดาห์ และควรหลีกเลี่ยงการไอ กระแอม ขากเสมหะ หรือพูดมาก |
การผ่าตัดตกแต่งเพดานอ่อนโดยเลเซอร์ (Laser-assisted Uvulopalatoplasty) |
.....คล้ายการผ่าตัดวิธีข้างต้น แต่เป็นการใช้แสงเลเซอร์แทนการใช้มีด ข้อแตกต่างคือ วิธีนี้สามารถทำได้โดยการ
ใช้ยาเฉพาะที่ไม่ต้องอยู่โรงพยาบาล สามารถกลับบ้านได้หลังผ่าตัดเสร็จ แต่ค่าใช้จ่ายถูกกว่า แต่ข้อเสียเปรียบคือ
แผลผ่าตัดจากเลเซอร์จะเป็นแผลชนิดเปิด ทำให้หายช้าและมีอาการเจ็บได้มากและนานกว่าวิธีปกติ นอกจากนี้วิธี
เลเซอร์ยังได้ผลไม่ดีนัก ในกรณีที่เป็นการนอนกรนชนิดอันตราย(มีการหยุดหายใจ) แพทย์จะแนะนำเฉพาะกรณีที่
เป็นการนอนกรนชนิดไม่อันตรายเท่านั้น |
การผ่าตัดเลื่อนคางเพื่อดึงกล้ามเนื้อมาด้านหน้า (Mandibular Osteotomy andGenioglossus Advancement) |
.....หมายถึง การผ่าตัดผ่านทางช่องปาก เข้าไปที่บริเวณคาง แล้วทำการเลื่อนกระดูกตำแหน่งที่มีกล้ามเนื้อลิ้นเกาะ
อยู่มาทางด้านหน้า ทั้งนี้หลังผ่าตัดจะทำให้ช่องทางเดินหายใจบริเวณหลังโคนลิ้นกว้างขึ้น และป้องกันไม่ให้ลิ้นตก
ไปอุดตันทางเดินหายใจในขณะนอนหลับได้ ภายหลังการผ่าตัด อาจทำให้ดูเหมือนคางยื่นมาทางด้านหน้าเล็กน้อย
แต่มักจะมีอาการชาบริเวณคางหรือฟันล่างบ้าง |
การผ่าตัดเลื่อนขากรรไกรบนและล่างมาทางด้านหน้า (Bimaxillary Advancement) |
.....คือ .การผ่าตัดในกรณีที่รุนแรงหรือไม่ได้ผลจากวิธีข้างต้น.. เพื่อทำให้ทางเดินหายใจกว้างขึ้นทางด้านหน้าประ
มาณ 1 เซ็นติเมตร ซึ่งจะทำให้หายจากโรคนอนกรนอย่างเด็ดขาด.. แต่ทั้งนี้วิธีนี้เป็นการผ่าตัดใหญ่ จึงสงวนไว้ใน
กรณีที่เป็นมากหรือไม่ได้ผลดีจากวิธีปกติ |
การใช้คลื่นวิทยุ (Radiofrequency Volume Reduction / Somnoplasty) |
.....ในปัจจุบันมีการพัฒนาเครื่องมือให้ดีขึ้นมากแต่ยังมีราคาสูงพอสมควร ถือเป็นการผ่าตัดเล็ก (minimal invas-
ive procedure) แต่ได้ผลดี หลักการของการรักษาโดยวิธีนี้คือ แพทย์เพียงแต่ใช้เข็มพิเศษปักไปในเนื้อเยื่อที่ต้อง
การลดขนาดลง แล้วปล่อยพลังงานคลื่นวิทยุความถึ่สูงเข้าไป ไม่มีการผ่าตัดด้วยมีดหรือเลเซอร์เลย แพทย์จำกำ
หนดให้พลังงานที่ปล่อยออกมาให้มีจำนวนเหมาะสม เพื่อพลังงานที่เข้าไป จะทำให้เนื้อเยื่อดังกล่าวลดขนาดลง
ตามต้องการ แต่ข้อด้อยเล็กน้อยของวิธีนี้คือ กว่าผลผ่าตัดจะปรากฎชัด จะใช้เวลาประมาณ 4-5 สัปดาห์ ซึ่งในช่วง
เวลานี้อาจมีการบวมของเนื้อเยื่อ ทำให้ดูเหมือนอาการแย่ลงในช่วงแรก แล้วค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ ข้อเด่นของวิธีนี้
คือ ไม่เจ็บหรือเจ็บน้อยมากหลังผ่าตัด จึงสามารถทำซ้ำได้หลายครั้ง โดยผู้ป่วยไม่ต้องลาพักหยุดงานเลย |