การผ่าตัดรักษาโรคนอนกรน
..........โรค..นอนกรน เป็นโรคที่เกิดในคนที่มีช่องคอแคบกว่าปกติ เมื่อเราหายใจเข้าทางจมูก กว่าลมหายใจจะไปถึงปอด จะ ต้องผ่านช่องทางเดินหายใจส่วนต่างๆ ตั้งแต่ช่องจมูก บริเวณหลังโพรงจมูก แล้วผ่านไปทางด้านหลังลิ้นไก่ ต่อไปยังบริเวณ หลังโคนลิ้น แล้วจึงเข้าสู่กล่องเสียงและหลอดลม จนไปสิ้นสุดที่ปอด
..........เวลาคนเรานอนหงาย ลิ้นและลิ้นไก่จะตกไปทางด้านหลัง ตามแรงโน้มถ่วงของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะนอน หลับสนิท ซึ่งเป็นเวลาที่กล้ามเนื้อต่างๆมีการหย่อนคลายตัว รวมทั้งกล้ามเนื้อบริเวณช่องคอด้วย ทางเดินหายใจบริเวณ ที่อยู่ ด้านหลังต่อลิ้นและลิ้นไก่จะแคบลงอีก เหตุการณ์นี้ในคนปกติ ไม่ทำให้เกิดปัญหาอะไร เพราะทางเดินหายใจเดิมกว้างอยู่แล้ว แคบลงไปเล็กน้อยก็ยังหายใจได้ดี แต่ในคนที่เป็นโรคนี้ จะมีช่องคอแคบ ทางเดินหายใจส่วนนี้จะตีบแคบหรืออุดตันได้
..........ผู้ป่วยโรคนอนกรน ถ้ารักษาโดยการใช้เครื่องช่วยหายใจ CPAP แล้ว ไม่ได้ผลเนื่องจากปัจจัยต่างๆ หรือไม่สะดวกใน การใช้เครื่อง การผ่าตัดรักษาโรคนอนกรน นับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ให้ผลการรักษาดีมาก
..........การผ่าตัดแก้ไขทางเดินหายใจอุดตันขณะนอนหลับ แพทย์จะแก้ไขให้ตรงตำแหน่งที่มีการอุดตัน ซึ่งมีอยู่หลายแห่ง แต่ ที่สำคัญมีอยู่ 2 ตำแหน่ง คือ บริเวณหลังเพดานอ่อน และบริเวณหลังโคนลื้น โดยการผ่าตัดมีจุดมุ่งหมาย เพื่อทำให้ทางเดิน หายใจทุกแห่งที่แคบกว้างขึ้น ไม่เกิดการอุดตันขณะนอนหลับอีก ไม่ใช่ลดเพียงเสียงกรนเท่านั้น
..........เสียงกรนเป็นเหมือนสัญญานเตือนภัยที่บอกว่า คนๆนั้นมีปัญหาหายใจขณะนอนหลับ การผ่าตัดเพียงเพื่อให้เสียงกรน เบาลง แต่ยังมีการหยุดหายใจอยู่ เช่น การผ่าตัดด้วยเลเซอร์ ในกรณีที่เป็นโรคนอนกรนชนิดที่มีการหยุดหายใจร่วมด้วย กลับ เป็นผลร้ายต่อผู้ป่วย เพราะเปรียบเสมือน การทำให้ผู้ป่วยยังคงตกอยู่ในภาวะที่เป็นโรค แต่ปราศจากสัญญานเตือนภัย
..........ดังนั้นก่อนผ่าตัด ประมาณ 3-6 เดือน ผู้ป่วยควรได้รับการตรวจการนอนหลับซ้ำ เพื่อประเมินว่ายังมีภาวะหยุดหายใจ ขณะนอนหลับเหลืออยู่หรือไม่เพียงใด

ชนิดของการผ่าตัด

การผ่าตัดเอาต่อมทอนซิล และ/หรือ ต่อมอะดินอย์ออก (Tonsillectomy and/or Adenoidectomy)
.....แม้ว่าต่อมทอนซิลและต่อมอะดินอยด์ จะเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย แต่จากการศึกษาวิจัยจน
ถึงปัจจุบัน พบว่าระดับภูมิคุ้มกันไม่ได้ลดลง .ในผู้ป่วยที่ถูกตัดต่อมทอนซิลออก อัตราการเกิดโรคติดเชื้อต่างๆเช่น
โปลิโอ... หรือการเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ..ของผู้ป่วยที่มีต่อมทอนซิลและของผู้ป่วยที่ถูกตัดต่อมทอนซิลไปไม่ได้
แตกต่างกัน.ทั้งนี้เชื่อว่ายังมีระบบภูมิคุ้มกันอีกมากมาย นอกเหนือจากต่อมทอนซิลและต่อมอะดินอยด์ (เช่นที่โคน
ลิ้น, ในลำไส้) การศึกษาพบว่าหน้าที่ป้องกันในการติดเชื้อของต่อมทอนซิลและต่อมอะดินอยด์ ลดลงภายหลังเด็ก
อายุ 3 ปีขึ้นไป และยังพบว่าความสามารถของการกำจัดเชื้อโดยเม็ดเลือดขาวในการเก็บกินเชื้อโรคเพิ่มขึ้น ภาย
หลังการผ่าตัดต่อมทอนซิลและต่อมอะดินอย์ ในผู้ป่วยที่มีต่อมทอนซิลและต่อมอะดินอยด์อักเสบชนิดเรื้อรัง
การผ่าตัดโพรงจมูก
.....การผ่าตัดเพื่อให้หายใจทางจมูกได้ดี ในกรณีที่มีอาการคัดจมูก โดยเฉพาะเวลานอนหลับตอนกลางคืน หรือ
นอนอ้าปาก การแก้ไขเพื่อให้จมูกหายใจได้โล่งขึ้น จะทำให้หายใจได้ดีขึ้น กรนน้อยลง รวมทั้งการหยุดหายใจจาก
ทางเดินหายใจอุดตันก็น้อยลงตามไปด้วย แพทย์หู คอ จมูก จะประเมินว่าส่วนใดของช่องโพรงจมูกที่สามารถแก้
ไขแล้วทำให้การหายใจดีขึ้น บางคนต้องอาศัยการผ่าตัดแก้ไขผนังกั้นจมูกที่คด (deviated nasal saptum) ให้
กลับมาตรง บางคนอาจจำเป็นต้องแก้ไขเยื่อบุโครงจมูกที่บวมโต(hypertrophy turbinates) ให้เล็กลง ซึ่งทำได้
หลายวิธี เช่น การใช้คลื่นวิทยุ, เลเซอร์ หรือใช้การผ่าตัดเอาบางส่วนของเนื้อเยื่อใต้เยื่อบุโพรงจมูกออก แต่ทั้งหมด
มักทำโดยการให้ยาชาเฉพาะที่ ไม่ต้องดมยาสลบ และไม่จำเป็นต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล
การผ่าตัดตกแต่งเพดานอ่อนและผนังคอหอย (Uvulopalatopharyngoplasty)
.....หมายถึง การผ่าตัดเพื่อลดขนาดอ่อนให้มีขนาดเล็กลง และทำให้ผนังคอหอยกว้างขึ้น โดยไม่ทำให้เกิดผลเสีย
ต่อการกลืนอาหาร หรือการพูด ลิ้นไก่นั้นคนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นอวัยวะสำคัญ ถ้าไม่มีหรือสั้นลงจะทำให้พูดไม่ชัด
แท้ที่จริงแล้วลิ้นไก่เป็นเนื้อเยื่อส่วนเกินที่ช่วยให้การกลืนการพูดมีประสิทธิภาพขึ้น อวัยวะที่สำคัญจริงๆ ที่ป้องกัน
ไม่ให้สำลักเวลากลืน หรือเสียงไม่ขึ้นจมูก คือกล้ามเนื้อบริเวณเพดานอ่อน Tensor Veli Palatini ที่ทำหน้าที่เป็น
หูรูดปิดช่องระหว่างช่องคอและช่องหลังโพรงจมูกในขณะกลืน ดังนั้นในการผ่าตัดตกแต่งเพดานอ่อน อาจทำให้ผู้
ป่วยไม่มีลิ้นไก่หลังผ่าตัด แต่ยังสามารถพูดและรับประทานอาหารได้อย่างเป็นปกติ ทั้งนี้เพราะไม่มีการกระทบ
กระเทือนต่อการทำงานของกล้ามเนื้อที่สำคัญดังกล่าว โดยทั่วไปแพทย์จะผ่าตัดเอาต่อมทอนซิลออกไปด้วยพร้อม
กันเพื่อทำให้ทางเดินหายใจกว้างขึ้นอีก ทั้งนี้ไม่ทำให้การกำจัดเชื้อโรคในบริเวณนี้ผิดปกติไป ภูมิต้านทานยังคง
ทำหน้าที่ได้อย่างปกติ หลังผ่าตัดผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บคอ กลืนเจ็บ ต้องรับประทานอาหารอ่อน เป็นเวลาประมาณ
1 สัปดาห์ และควรหลีกเลี่ยงการไอ กระแอม ขากเสมหะ หรือพูดมาก
การผ่าตัดตกแต่งเพดานอ่อนโดยเลเซอร์ (Laser-assisted Uvulopalatoplasty)
.....คล้ายการผ่าตัดวิธีข้างต้น แต่เป็นการใช้แสงเลเซอร์แทนการใช้มีด ข้อแตกต่างคือ วิธีนี้สามารถทำได้โดยการ
ใช้ยาเฉพาะที่ไม่ต้องอยู่โรงพยาบาล สามารถกลับบ้านได้หลังผ่าตัดเสร็จ แต่ค่าใช้จ่ายถูกกว่า แต่ข้อเสียเปรียบคือ
แผลผ่าตัดจากเลเซอร์จะเป็นแผลชนิดเปิด ทำให้หายช้าและมีอาการเจ็บได้มากและนานกว่าวิธีปกติ นอกจากนี้วิธี
เลเซอร์ยังได้ผลไม่ดีนัก ในกรณีที่เป็นการนอนกรนชนิดอันตราย(มีการหยุดหายใจ) แพทย์จะแนะนำเฉพาะกรณีที่
เป็นการนอนกรนชนิดไม่อันตรายเท่านั้น
การผ่าตัดเลื่อนคางเพื่อดึงกล้ามเนื้อมาด้านหน้า (Mandibular Osteotomy andGenioglossus Advancement)
.....หมายถึง การผ่าตัดผ่านทางช่องปาก เข้าไปที่บริเวณคาง แล้วทำการเลื่อนกระดูกตำแหน่งที่มีกล้ามเนื้อลิ้นเกาะ
อยู่มาทางด้านหน้า ทั้งนี้หลังผ่าตัดจะทำให้ช่องทางเดินหายใจบริเวณหลังโคนลิ้นกว้างขึ้น และป้องกันไม่ให้ลิ้นตก
ไปอุดตันทางเดินหายใจในขณะนอนหลับได้ ภายหลังการผ่าตัด อาจทำให้ดูเหมือนคางยื่นมาทางด้านหน้าเล็กน้อย
แต่มักจะมีอาการชาบริเวณคางหรือฟันล่างบ้าง
การผ่าตัดเลื่อนขากรรไกรบนและล่างมาทางด้านหน้า (Bimaxillary Advancement)
.....คือ .การผ่าตัดในกรณีที่รุนแรงหรือไม่ได้ผลจากวิธีข้างต้น.. เพื่อทำให้ทางเดินหายใจกว้างขึ้นทางด้านหน้าประ
มาณ 1 เซ็นติเมตร ซึ่งจะทำให้หายจากโรคนอนกรนอย่างเด็ดขาด.. แต่ทั้งนี้วิธีนี้เป็นการผ่าตัดใหญ่ จึงสงวนไว้ใน
กรณีที่เป็นมากหรือไม่ได้ผลดีจากวิธีปกติ
การใช้คลื่นวิทยุ (Radiofrequency Volume Reduction / Somnoplasty)
.....ในปัจจุบันมีการพัฒนาเครื่องมือให้ดีขึ้นมากแต่ยังมีราคาสูงพอสมควร ถือเป็นการผ่าตัดเล็ก (minimal invas-
ive procedure) แต่ได้ผลดี หลักการของการรักษาโดยวิธีนี้คือ แพทย์เพียงแต่ใช้เข็มพิเศษปักไปในเนื้อเยื่อที่ต้อง
การลดขนาดลง แล้วปล่อยพลังงานคลื่นวิทยุความถึ่สูงเข้าไป ไม่มีการผ่าตัดด้วยมีดหรือเลเซอร์เลย แพทย์จำกำ
หนดให้พลังงานที่ปล่อยออกมาให้มีจำนวนเหมาะสม เพื่อพลังงานที่เข้าไป จะทำให้เนื้อเยื่อดังกล่าวลดขนาดลง
ตามต้องการ แต่ข้อด้อยเล็กน้อยของวิธีนี้คือ กว่าผลผ่าตัดจะปรากฎชัด จะใช้เวลาประมาณ 4-5 สัปดาห์ ซึ่งในช่วง
เวลานี้อาจมีการบวมของเนื้อเยื่อ ทำให้ดูเหมือนอาการแย่ลงในช่วงแรก แล้วค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ ข้อเด่นของวิธีนี้
คือ ไม่เจ็บหรือเจ็บน้อยมากหลังผ่าตัด จึงสามารถทำซ้ำได้หลายครั้ง โดยผู้ป่วยไม่ต้องลาพักหยุดงานเลย
งดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ งดยานอนหลับหรือยากล่อมประสาท หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำชา กาแฟ
การควบคุมน้ำหนัก โดยการจำกัดปริมาณและชนิดอาหาร
ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง กล้ามเนื้อตื่นตัว และเป็นมาตรการในการลดน้ำหนัก
นอนในท่าตะแคง หลีกเลี่ยงการนอนในท่านอนหงาย และควรนอนศรีษะสูงเล็กน้อย
ถ้ามีปัญหาภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ หรือคัดจมูกเรื้อรัง ควรไปพบแพทย์เพื่อให้การรักษาที่เหมาะสม

รีบปรึกษาแพทย์ เมื่อมีการหายใจขณะหลับ หรือมีอาการง่วงนอนมาก หรือมีโ่รคประจำตัวบางอย่างที่ อาจมีอันตราย ถ้าท่านเป็นโรคนอนกรนด้วย เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือด หรือโรคหลอด เลือดสมอง

แพทย์จะพิจารณาแนวทางการรักษาจากความรุนแรง สาเหตุของโรค และตำแหน่งที่มีการตีบแคบของ ทางเดินหายใจ
ในกรณีผู้ป่วยมีอาการรุนแรงมาก ผู้ป่วยควรใส่เครื่อง nasal CPAP(nasal continuous positive airway pressure) เครื่องนี้จะปล่อยแรงดันบวก และจะทำให้ช่องทางเดินหายใจที่แคบไ่ม่อุดตัน จึงทำ ให้ผู้ป่วย หายใจได้สะดวกและหลับสบายขึ้น ในปัจจุบันการรักษาด้วยวิธีนี้ ถือว่าเป็นการรักษาที่ได้ผลดีที่สุด
กรณีผู้ป่วยมีความผิดปกติชัดเจน บริเวณช่องทางเดินหายใจส่วนบน เช่น ต่อมทอนซิลโตมาก หรือ เพดานอ่อนยาวผิดปกติ หรือกรณีผู้ป่วยที่มีปัญหาในการใชัเครื่อง nasal CPAP แพทย์จะพิจารณาให้การ รักษาโดยการผ่าตัดแก้ไขความผิดปกติดังกล่าวได้


ข้อมูลอ้างอิง :

โรคนอนกรน (Sleep-Disordered Breathing) นพ. ประกอบเกียรติ หิิรัญวิวัฒน์กุล จากหนังสือ เทคโนโลยีก้าวหน้า วิชาการก้าวไกล รวมใจ เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มหา ราชนี การประชุมวิชาการนานาชาติ (การประชุมวิชาการประจำปี 2547) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ร่วมกับสมาคม แพทย์ไทยในสหรัฐอเมริกา วันที่ 30-31 มกราคม และ 2-6 กุมภาพันธ์ 2547


.. ย้อนกลับ ..