ต่อมาในแผ่นดินของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
โปรดให้มีการสวดมนต์เย็น
ฉันเช้าก่อนเวลาที่จะยกโคม
พระสงฆ์ที่จะสวดมนต์ประกอบไปด้วย
พระราชาคณะไทยหนึ่ง
พระครูปริตรไทยสี่
พระราชาคณะรามัญหนึ่ง
พระครูปริตรรามัญสี่รวมเป็น
สิบรูปในการทำพิธีแบบโบราณตั้งโคมจะเป็นไม้ไผ่ปิดกระดาษ
ส่วนข้างในเป็นชะลอมปิดกระดาษเป็นรูปกระบอกตรงๆ
เทียนสำหรับการจุดโคมชัยในแต่ละคืน
จะใช้เทียนยี่สิบสี่เล่มพอจุดได้ประมาณสามชั่วโมง
ในสมัยก่อนในพระราชวังจะมีโคมปักประจำทุกตำหนักเจ้านาย
เช่นถ้าเป็นตำหนักเจ้าฟ้าก็จะใช้โคมโครงไม้ไผ่หุ้มผ้าขาว
เช่นเดียวกับโคมประเทียบ
ถ้าเป็นตำหนักพระองค์เจ้า
หรือเรือนข้างในก็ใช้โคมโครงไม้ไผ่ปิดปิดกระดาษคล้ายกับโคมบริวาลที่มีอยู่ทุกตำหนัก
ซึ่งโคมทั้งหมดจะใช้จุดตะเกียงด้วยถ้วยแก้ว
หรือชามเหมือนกับโคมบริวารของวังเจ้านายซึ่งอยู่นอกพระบรมมหาราชวังแต่สำหรับโคมชัย
โคมประเทียบ
โคมบริวารจะมีในพระราชวังเท่านั้น
ในปัจจุบันนั้นทำขึ้นมาเพิ่อนำไปถวายที่วัดเพราะมีความเชื่อว่าชาติหน้าจะมีสติปัญญา
เนื่องจากแสงสว่างที่ส่องเข้าไปในความมืด
เปรียบกับบุคลที่มีปัญญาที่จะมองเห็นสิ่งต่างๆ
ตามความเป็นจริงได้
ไม่มืดบอดแต่เดิมประเพณีการจุดโคมจะขึ้นเฉพาะในบ้านของเจ้านายใหญ่โตหรือผู้มีกินเท่านั้น
โดยจะใช้ประทีปให้เกิดแสงสว่างแล้วนำไปใส่ไว้ในโคมหรือ
ไฟประทีปที่มีลักษณะเป็นผางประทีปเล็กๆ
แล้วใช้น้ำมันงา
น้ำมันละหุ่งหรือ
น้ำมันมะพร้าวใส่ไปในถ้วยดิน
เพื่อให้ไฟติดใส้ที่อยู่ตรงกลางถ้วยหรือประทีป
แต่ในปัจจุบันใช้ไฟฟ้าเสียมากกว่า
ตามปรกติการจุดโคมทำกันในวันพระ
แต่จริงๆ
แล้วการจุดโคมสามารถจุดได้ทุกวัน
โดยไม่จำกัดโอกาสหรือที่เรียนตามภาษาทางธรรมว่า
อกาลิโก
ซึ่งแล้วแต่ความพอใจและความสะดวก
โคมเมื่อจุดแล้วก็จะนำไปแขวนตามชายคาหน้าบ้าน
ให้เป็นที่สวยงาม
และเป็นการบูชาเทพารักษ์อีกทางหนึ่งด้วย
โคม
โคมมีอยู่ 3 ลักษณะ คือ
1.โคมถือ แบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ
ก.โคมดอกบัว
รูปแบเหมือนดอกบัวตูม
ใช้สำหรับบูชาพระ
หรือตั้งไว้หน้าพระพุทธรูป
ข.โคมหูกระต่าย
จะใช้ถือเดินในขบวนแห่จากนั้นไปประดับไว้บริเวณรอบอุโบสถ
วิหาร หรือสถานที่ ๆ
มีพิธีการหรือบริเวณหน้าบ้าน
โคมหูกระต่ายจะมี 4 ด้าน
ซึ่งเปรียบกับ เมตตา กรุณา
มุทิตา อุเบกขา
2. โคมแขวนในอดีตมีประมาณ 7
แบบคือ
1) โคมเพชรหรือโคมไห หรือ
โคมดิ่ง
2) โคมดาว
3) โคมทรงกระบอก แบ่งเป็น 2
แบบ คือ
ก. โคมกระบอก
ข. โคมงวงช้าง
ซึ่งยาวกว่าและใช้จุดบูชา
หน้าพระประธาน
4) โคมแปดเหลี่ยมหรือ
โคมธรรมจักร
มีแปดด้านหมายถึง
มรรคมีองค์แปด
5) โคมเจียรนัยหรือโคมเงี้ยว
6) โคมผัด ( หมุน )
โดยใช้ความร้อนจากควันเทียนทำให้หมุนมีสองชั้นด้วยกัน
ชั้นในจะมีแกนฝนเป็นลักษณะเข็มวางไว้และจะมีลวดลาย
กระดาษเป็นรูป 12
ราศีและลวดลายต่าง ๆ
เวลาหมุนเงาลวดลายจะปรากฎที่ชั้นนอก
ส่วนมากโคมผัดจะตั้งไว้ที่วัดและเคลื่อนย้ายไม่ได้
7) โคมรูปสัตว์ต่าง ๆ
3. โคมลอย
เป็นโคมที่ทำจากการต่อกระดาษว่าวเป็นโคมขนาดใหญ่เป็นรูปกลมหรือสี่เหลี่ยมตรงปากใช้ไม้ไผ่ขดเป็นวงกลมพอให้ใช้ไม้ที่พันผ้าและชุบน้ำมันให้เกิดควันซึ่งมีคาร์บอนไดออกไซด์นำไม้จุดไฟนี้เข้า
ไปในวงกลมนี้
ทําให้ควันอยู่ข้างใน
เมื่อปล่อยควันเข้าไปจนกระทั่งโคมนั้นเบาตัวก็ปล่อยโคมนั้นให้ลอยขึ้นสู่อากาศ
อาจจะมีการนำเงิน
หรือเขียนหนังสือติดไปด้วยว่าถ้าใครเก็บได้ก็จะมีรางวัลให้
หรือส่วนมากมักจะใส่ประทัดเป็นหางเมื่อจุดขึ้น
ไประยะหนึ่งก็จะเกิดเสียงดัง
คติการปล่อยโคมลอยนี้
เพื่อบูชาพระเกศแก้วจุฬามณีบนสวรรค์
หรือบูชาผู้ให็กำเนิดของตน
คือ พ่อเกิด แม่เกิด
และโดยเฉพาะผู้ที่เกิดปีจอต้อง
ไหว้บูชาพระเกศแก้วจุฬามณีเจดีย์หรือเป็นการสะเดาะเคราะห์
จึงนิยมทำโคมลอยและในอีกประโยชน์หนึ่งคือ
สมัยโบราณเมื่อเกิดมีสงครามก็จะใช้โคมลอยช่วยในการโจมตีข้าศึกโดยจะใส่ดินไฟเข้าไปแล้วจุดธูปปักไว้ในหม้อดินไฟเมื่อโคมไปยังเมืองของข้าศึกพอดีกับธูปไหม้ลงถึงดินก็จะระเบิดติดกระดาษโคมทำให้ลูกไฟตกลงหม้อเผ่าค่าย
บ้านเรือนข้าศึก
โคมลอยนี้จะเป็นโคมชนิดเดียวที่จะจุดปล่อยในเวลากลางวัน
โดยเฉพาะในตอนเช้าถึงเที่ยงเป็นส่วนมาก
้้้้