7.5 นักวิเคราะห์ระบบ
นักวิเคราะห์ระบบ (System Analyst) หรือที่เรียกว่า SA บางครั้งเรียกนักพัฒนาระบบ (System Developer)
เป็นบุคคล
ที่ศึกษาระบบงานโดยตรวจสอบกระบวนการปฏิบัติงาน ข้อมูลนำเข้า และสารสนเทศ เพื่อหาวิธีการพัฒนาให้การทำงานมีประสิทธิภาพ การทำงานของ SA จะมีบทบาท (Role) สำคัญ 3 ประการต่อไปนี้
1. ที่ปรึกษา (Consultant) SA จะเป็นที่ปรึกษาด้านการปรับระบบงานขององค์การ โดยผู้บริหารองค์การอาจจ้างที่ปรึกษาจากภายนอก หรือใช้บุคคลในหน่วยงานสารสนเทศในการศึกษา และให้คำแนะนำในการพัฒนาระบบงาน
2. ผู้เชี่ยวชาญ (Supporting Expert) จะเป็นงานของ SA
ที่ปฏิบัติในแต่ละองค์การโดยรอจะ
เป็นผู้เชี่ยวชาญ
และให้คำแนะนำ ด้าน
เทคโนโลยีสารสนเทศ ตั้งแต่อุปกรณ์ ระบบ ชุดคำสั่งหรือแก้ปัญหาในการปฏิบัติงานให้กับหน่วยงานอื่น นอกจากนี้ SA
ยังมีส่วนในการ
ปรับปรุงระบบงานในแต่ละหน่วยงานให้มีประสิทธิภาพขึ้น
3. ตัวแทนการเปลี่ยนแปลง (Chang Agent) การพัฒนาระบบมิได้จบลงด้วยการออกแบบและจัดหาระบบงานใหม่เท่านั้น
แต่ต้อง
เตรียมความพร้อมของบุคลากรที่จะใช้งานระบบใหม่โดย SA ต้องเป็นตัวแทนการเปลี่ยนแปลงที่ช่วยให้ผู้ใช้ระบบให้มีทัศนคติที่ดีและสามารถใช้งานระบบใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างถอนรากถอนโคน ซึ่งต้องการการวางแผนและงานอย่างเป็นระบบ
7.6 ทีมงานพัฒนาระบบ
ทีมงานพัฒนาระบบ (System Development Team)
เป็นกลุ่มบุคคลที่มีหน้าที่และความรับผิดชอบ
และ/หรือมีส่วน
เกี่ยวข้องในกระบวนการพัฒนาระบบ
ปกติการออกแบบและพัฒนาระบบสารสนเทศในองค์การ
ขนาดใหญ่จะต้อง มีการ
ทำงาน
ร่วมกันของสมาชิกจากหลายส่วน โดยจัดรูปแบบการทำงานแบบโครงการ (Project) เนื่องจากกระบวนการปฏิบัติงานที่ซับซ้อน และขอบเขตงานหลากหลาย ครอบคลุมไปหลายส่วนงาน ดังนั้นความรู้ ทักษะ และความเข้าใจของบุคคลเพียงคนเดียวจึงไม่เพียงพอ ปกติทีมงานพัฒนาระบบจะประกอบด้วยบุคคล ต่อไปนี้
1. คณะกรรการดำเนินงาน (Steering Committee) มีหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการดำเนินงานของโครงการพัฒนาระบบ
ตั้งแต่
การกำหนดรูปแบบและวัตถุประสงค์ของระบบสารสนเทศโดยคณะกรรมการจะถูกจัดตั้งขึ้นจากบุคคลจากหลากหลายสาขา เช่น
ผู้บริหาร ระดับสูง เจ้าของระบบงาน และผู้เชี่ยวชาญด้านสารสนเทศ เป็นต้นเพื่อระดมความคิดและตัดสินใจเกี่ยวกับระบบงานที่จะพัฒนาอย่างเหมาะสม
2. ผู้จัดการระบบสารสนเทศ (MIS Manager) เป็นบุคคลที่ทำหน้าที่ดูแลและประสานงานในการวางแผนของโครงงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบและการพัฒนาระบบสารสนเทศขององค์การ
3. ผู้จัดการโครงการ (Project Manager) เป็นบุคคลที่มีหน้าที่และความรับผิดชอบในการวางแผน การจัดการ
และควบคุมให้งาน
ในแต่ละโครงการดำเนินไปได้อย่างราบรื่นสำเร็จลุล่วง และมีประสิทธิภาพ โดยผู้จัดการโครงการจะรับผิดชอบในการตัดสินใจ
จัดสรร
ทรัพยากรการดำเนินงานของโครงการให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ ภายใต้ขอกำหนดของงบประมาณและระยะเวลา
4. นักวิเคราะห์ระบบ (System Analyst) เป็นบุคคลที่ก่อให้เกิดผลงานขึ้นในขั้นตอนต่าง ๆ ของการพัฒนาระบบ เช่น
การวิเคราะห์ ความต้องการ การออกแบบและการพัฒนาระบบ เป็นต้น
5. นักเขียนโปรแกรม (Programmer) เป็นบุคคลที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการพัฒนาชุดคำสั่งการดำเนินงานให้กับระบบที่กำลังพัฒนา บางครั้งนักเขียนโปรแกรมอาจไม่ต้องพัฒนาชุดคำสั่งขึ้นมาทั้งหมด แต่ทำการปรับปรุงชุดคำสั่งสำเร็จรูป (Software Package) ให้สอดคล้องกับความต้องการของระบบเลือกโดยพิจารณา ตัดสินใจและประสานงานกับผู้ขายภายนอก
6. เจ้าหน้าที่รวบรวมข้อมูล (Information Center Personnel)
ทำหน้าที่ช่วยเลือนักวิเคราะห์ระบบและ
นักเขียนโปรแกรม
ในการพัฒนาระบบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบเพื่อนำมาใช้งานได้ตามต้องการ
โดยเจ้า หน้าที่
รวบรวมข้อมูลจะจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สะดวกและรวดเร็วต่อการใช้งาน
7. ผู้ใช้และผู้จัดการทั่วไป (User and General Manager) เป็นบุคคลที่ให้ข้อมูลที่เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น ในระบบงานเดิม และช่วยกำหนดความต้องการในระบบใหม่แก่ทีมงานพัฒนาระบบเพื่อพัฒนาให้ระบบใหม่มีประสิทธิภาพและเป็นที่พึงพอใจของผู้ใช้ ประการสำคัญผู้ใช้เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการใช้งานระบบสารสนเทศจึงสมควรมีส่วนร่วมทั้งโดยตรงและโดยอ้อมในการพัฒนาระบบ โดยนอกจากจะเป็นผู้ให้ข้อมูลในการพัฒนาระบบแล้วเขายังสมควรอยู่ร่วมในทีมงานพัฒนาระบบ
และเป็นผู้ทดลองใช้ระบบใหม
่เพื่อให้แน่ใจว่า
ระบบที่พัฒนาขึ้นสามารถปฏิบัติงานได้ตามที่ต้องการ
ปัจจุบันเป็นการยากที่สุดที่บุคคลพียงคนเดียวจะปฏิบัติงานได้อย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ
โดยเฉพาะการพัฒนาระบบ
สารสนเทศ
ขององค์การที่ต้องการความรู้และความชำนาญจากหลายหน้าที่ (Cross Function) ทำให้การปฏิบัติงานร่วมกันเป็นทีม (Team Work) เป็นวิธีการที่เหมาะสม
นอกจากนี้ในทางปฏิบัติบุคคลบางคนหรือบางกลุ่มอาจมีส่วนร่วมในทีมพัฒนา
ระบบโดยทำงานในหลาย
หน้าที่ขึ้นอยู่กับ
ความพร้อม ความต้องการของงาน และความสามารถของบุคคลนั้น แต่การปฏิบัติงานร่วมกันเป็นทีมมิใช่แค่การรวบรวมบุคคลจากแหล่งต่างๆ แล้วนำมาปฏิบัติงานร่วมกัน โดยทั้งหัวหน้าทีม (Team Leader) และสมาชิกสมควรได้รับการเตรียมความพร้อมด้านการประสานงาน
การ สื่อความเข้าใจ การแก้ปัญหา และประสานความขัดแย้ง ตลอดจนการยอมรับในความคิดเห็นและความแตกต่างของบุคคล
เพื่อสร้าง วิญญาณ ของทีม (Team Spirit) ซึ่งจะทำให้สมาชิกปฏิบัติงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ