บทที่ 2 เอกสารงานและวิจัยที่เกี่ยวข้อง

การที่จะผลิตนักเรียนให้มีคุณภาพนั้นขึ้นอยู่กับการเรียนการสอน และการเรียนการสอนนั้นจะมีคุณภาพดีหรือไม่ดีนั้น ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายประการ การจัดการเรียนการสอนนั้นจึงเป็นวิธีการจัดกระบวนการต่างๆ เพื่อให้ผู้สอนและผู้เรียนมีความรับผิดชอบร่วมกัน การจัดการเรียนการสอน คือ การจัดองค์ประกอบการเรียนการสอนให้มีความสัมพันธ์กัน เพื่อสะดวกต่อการนำไปสู่จุดหมายปลายทาง(สงัด อุทรานันท์ 2529 หน้า 5)การจัดการเรียนการสอนที่มีคุณภาพจึงเป็นเรื่องที่ยาก ดังที่ สไตน์เบค(สุนีย์ ธีรดากร 2525 : 54 อ้างอิงมาจาก Steinbeck. 1978 : 459 – A) กล่าวว่าการเรียนการสอนเป็นศิลปะที่เหนือศิลปะอันใดในโลก เพราะหุ่นที่ครูปลุกปั้นนั้นมิใช่สิ่งที่ไร้ชีวิตหากแต่… เป็นคนซึ่งมีสมอง ความคิด และจิตวิญาณ ด้วยเหตุนี้ในกระบวนการเรียนการสอนจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงองค์ประกอบหลายด้านที่มีอิทธิพลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน เช่น หลักสูตรเนื้อหา อาจารย์ผู้สอน กิจกรรมการเรียนการสอน ปัจจัยที่ส่งเสริมการเรียนการสอน การประเมินผลการเรียนการสอน เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เป็นองค์ประกอบที่สำคัญ และถ้านักเรียนมีความรู้สึกพึงพอใจต่อองค์ประกอบเหล่านี้นักเรียนจะมีทัศนคติที่ดีต่อการเรียน มีแรงจูงใจที่จะเรียน ทำให้ปรารถนาที่จะค้นหาความรู้อย่างเต็มความสามารถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนักเรียนมีความพึงใจเป็นแรงผลักดัน ดังที่ นิวคอมบ์(Newcomb. 1954 : 128) ให้ความเห็นว่า เมื่อมนุษย์ได้รับความพึงพอใจ ก็จะแสดงพฤติกรรมออกในลักษณะพอใจ เห็นด้วย ทำให้คนอยากได้ อยากปฏิบัติ เมื่อเป็นเช่นนี้นักเรียนย่อมจะต้องมีความพยายามและสนใจเรียนยิ่งขึ้น เพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จ

แนวทางการจัดการเรียนการสอนที่เน้นคุณภาพ

โรงเรียนดีมีคุณภาพจัดการเรียนการสอนที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนจัดโครงสร้างการบริหารที่มุ่งสนับสนุนการเรียนการสอน โรงเรียนออกแบบโปรแกรมเรียนเพื่อประกันความสำเร็จในการเรียนของนักเรียน ครูและผู้บริหารมีความเชื่อว่านักเรียนทุกคนมีความสามารถที่จะเรียนได้และถือว่าเป็นความรับผิดชอบของพวกเขาที่จะต้องทำให้นักเรียนทุกคนเรียนรู้ได้จริง ครูและผู้บริหารต่างเชื่อมั่นในความสามารถของตนเองว่าสามารถทำให้นักเรียนเรียนรู้ได้ ครูแจ้งความมุ่งหวังในตัวนักเรียนให้นักเรียนได้ทราบ จัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพแก่นักเรียน ปรับปรุงการเรียนการสอนให้ตอบสนองต่อความต้องการของนักเรียน เตรียมการเพื่อป้องกันความผิดพลาด ที่อาจจะเกิดการเรียนของนักเรียน ใช้ยุทธศาสตร์ในการสอนหลากหลายวิธี(สงบ ประเสริฐพันธุ์ 2543, หน้า 84)

ในแผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2540-2544)ได้ให้ความสำคัญของการพัฒนาคุณภาพของคนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยได้กำหนดแผนงานหลักเพื่อพัฒนาการศึกษา ในช่วงปี 2540 – 2544 เรื่องการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน ให้มีแนวทางและมาตราการด้านการปรับปรุง การจัดกระบวนการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพ(สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. 2539 : 70-71)โดย

    1. ให้ผู้สอนปรับวิธีการเรียนการสอนให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เน้นกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบและมีเหตุผล
    2. ให้ผู้สอนจัดวิธีการเรียนการสอนให้มีความหลากหลาย ในรูปแบบเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพปัจจุบันและเงื่อนไขของท้องถิ่น
    3. เชื่อมโยงการเรียนรู้ ในเนื้อหาวิชากับสภาพปัญหาและประสบการณ์จริง
    4. ให้สถาบันการศึกษาเสริมสร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อมเพื่อส่งผลต่อการเรียนรู้ที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
    5. ให้หน่วยงานทางการศึกษาปรับปรุงระบบการวัดและประเมินผลการเรียน โดยมุ่งเน้นการวัดความรู้ความคิดในลักษณะรวบยอดแทนการวัดผลเป็นรายวิชาเพียงอย่างเดียว
    6. กระทรวงศึกษาธิการควรจัดทำข้อสอบมาตรฐาน ในวิชาทักษะพื้นฐานที่เป็นวิชาแกนสำคัญ เพื่อตรวจสอบคุณภาพการศึกษา
    7. กระทรวงศึกษาธิการปรับปรุงระบบการคัดเลือกเข้าเรียนต่อในทุกระดับการศึกษา โดยสะท้อนจุดประสงค์ของการเรียนรู้ในแต่ละระดับการศึกษา

กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการศึกษามีหน้าที่เกี่ยวข้องกับบุคคลและหน่วยงานต่างๆมากมาย เพื่อความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความเข้าใจที่ตรงกัน และความร่วมมือระหว่างทุกฝ่ายเป็นสำคัญ จึงได้กำหนดแนวทางการปฎิรูปการศึกษาขึ้น ซึ่งเป็นการปรับปรุงการดำเนินงานของกระทรวงศึกษาธิการ โดยการเลือกสรรค์เปลี่ยนแปลงและเพิ่มเติมแนวทางการดำเนินงานที่มีอยู่เดิมด้วยความคาดหมายว่าจะสามารถแก้ปัญหาและอุปสรรคที่มีอยู่เดิมให้เบาบางลงหรือหมดไป และสามารถพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้บรรลุถึงจุดมุ่งหมายของการปฏิรูปการศึกษา เพื่อสร้างบุคคลแห่งการเรียนรู้ องค์การแห่งการเรียนรู้ และสังคมแห่งการเรียนรู้ให้เกิดขึ้น ในการปฏิรูปโรงเรียนและสถานศึกษา เร่งรัดให้โรงเรียนและสถานศึกษาทุกระดับจัดการศึกษาให้มีมาตรฐานคุณภาพที่ทัดเทียมกัน และให้กระจายการจัดบริการครอบคลุมทุกพื้นที่ (กระทรวงศึกษาธิการ. 2538 : 1-3) คือ (1) จัดทำแผนที่ตั้งสถานศึกษา(School Mapping) ของโรงเรียน (2) กำหนดขนาดของโรงเรียนและสถานศึกษาระดับต่างๆ ในแต่ละภูมิภาค เพื่อให้ได้ขนาดโรงเรียนที่สามารถจัดกิจกรรม การเรียนการสอนอย่างมีคุณภาพ ประสิทธิภาพและเหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น (3) กำหนดเกณฑ์มาตราฐานขั้นพื้นฐาน ในด้านบรรยากาศของการจัดการศึกษาด้านการเรียนการสอน ด้านอาคารสถานที่ ด้านสิ่งอำนวยความสะดวก ด้านอุปกรณ์การเรียนการสอน ด้านบุคลากรที่สอดคล้องกับแนวโน้มการพัฒนาทางสังคม และเศรษฐกิจ (4) ให้โรงเรียนแต่ละโรงที่มีอยู่เดิม และที่จะสร้างขึ้นใหม่มีผังแม่บทอย่างเต็มรูปแบบอีกทั้งการออกแบบและการจัดสร้างอาคารเรียน รวมทั้งการจัดบรรยากาศในการเรียนการสอน และสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน ต้องให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นอยู่ และมุ่งรักษาศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่น (5) กระจายอำนาจการกำหนดนโยบาย การบริหารโรงเรียนและสถานศึกษาทุกระดับ (6) ให้องค์การติดตามและประเมินผลการดำเนินงานและประเมินมาตรฐานโรงเรียนเพื่อให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพการศึกษา เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาในอนาคต จากแนวความคิดของ มะเดื่อ เสมา(2537) ได้กล่าวว่า การจัดโรงเรียนให้มีคุณภาพโดยการเริ่มต้นที่ขนาดของโรงเรียน คือ ทำโรงเรียนให้มีขนาดเท่ากันเพื่อให้พร้อมที่จะจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่มีคุณภาพจะไม่มีโรงเรียนขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ต้องมีการพัฒนาที่คุณภาพเอาตัวคุณภาพมากำหนดระดับตำแหน่ง ซึ่งสอดคล้องกับแนวความคิดของ ลิขิต เทอดสถีรศักดิ์ (2539) ที่กล่าวว่า หน้าที่ของสภาการศึกษาต้องพัฒนาโรงเรียนให้มีมาตรฐานเท่ากัน คือ มาตรฐานของการเรียนการสอน โดยครูจะต้องมีคุณวุฒิหรือขีดความสามารถเป็นที่ยอมรับของชุมชนเท่ากัน จำนวนครูทุกโรงเรียนต้องมีสัดส่วนเท่ากันนักเรียนก็มีสัดส่วนเท่ากัน และต้องให้ครูมีรายได้ดีขึ้น และเพื่อเป็นการสนองแนวทางการปฎิรูปการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการจึงได้กำหนดบัญญัติ 10 ประการขึ้น(กระทรวงศึกษา. 2538 : 13-14) โรงเรียนที่ได้มาตรฐานหรือโรงเรียนอุดมคติ จะต้องมีองค์ประกอบ 10 ประการ ดังต่อไปนี้

    1. เป็นโรงเรียนที่ผู้บริหารโรงเรียน ครูใหญ่ อาจารย์ใหญ่ ผู้อำนวยการ มีจิตสำนึกในการที่จะพัฒนา ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและยกระดับมาตรฐานการศึกษาให้เป็นที่ยอมรับของสังคม ผู้บริหารควรมีเวลาอยู่ประจำสถานศึกษา เพื่อดูแลการปฎิบัติงานภายในให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
    2. มีบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมของโรงเรียนหรือสถานศึกษาที่เอื้อต่อการเรียนการสอน เพื่อให้นักเรียนเรียนได้อย่างมีความสุข มุ่งเน้นการเรียนการสอนตามธรรมชาติ โดยให้นักเรียนได้ฝึกปฎิบัติจริง และปลูกฝังเรื่องความสะอาด ความมีวินัย เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีความรักความสามัคคี รวมทั้งการจัดให้โรงเรียนมีความร่มรื่น มีต้นไม้ แหล่งน้ำ ไร้ฝุ่น ไร้มลภาวะ
    3. เป็นโรงเรียนที่มีความพร้อม มีแผนผังเต็มรูปแบบ มีห้องเรียน ห้องสมุด ห้องคอมพิวเตอร์ ห้องทดลอง ห้องปฎิบัติการ ตลอดจนสนามกีฬาครบครันโดยให้เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น
    4. มีอุปกรณ์การเรียนการสอนครบครัน โดยจัดซื้อในราคาท้องตลาดที่เป็นธรรมทั้งเหมาะสมกับการใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
    5. มีบุคลากร ครูผู้สอนครบตามเกณฑ์ หากขาดแคลนควรให้ครูที่เกษียณอายุ หรือภูมิปัญญาท้องถิ่น ตลอดจนผู้ทรงคุณวุฒิมาช่วยสอน และหรือให้มีระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม
    6. ให้องค์การท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นทางด้านวิชาการหรือด้านบริหาร เช่นกำหนดหลักสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการของท้องถิ่น ได้แก่ การสอนภาษาอังกฤษ ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา การสอนวิชาชีพ การเกษตร การก่อสร้าง การไฟฟ้า เป็นต้น
    7. มีการเก็บค่าเล่าเรียน และค่าธรรมเนียมการศึกษา เพื่อพัฒนาสถานศึกษา และจัดอุปกรณ์การเรียนการสอนให้ครบครัน ทั้งนี้ให้ยกเว้นค่าเล่าเรียนสำหรับเด็กยากจน และจ่ายค่าตอบแทนให้นักเรียนในการพัฒนาหรือฝึกปฏิบัติ ฝึกอาชีพที่เกิดรายได้และเป็นประโยชน์แก่โรงเรียน เช่น การปลูกพืชผักสวนครัว การเลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา เป็นต้น
    8. มีการส่งเสริมให้กลุ่มบุคคลหรือชุมชน มีส่วนร่วมในการแสวงหาทรัพยากร เพื่อสนับสนุนการบริหารการจัดการสถานศึกษา การจัดสวัสดิการให้กับครู เช่นการจัดที่พัก ค่าตอบแทน ค่าล่วงเวลา ค่าสอนพิเศษ ค่าฝึกอบรม ตลอดจนการแก้ปัญหาหนี้สินของครู
    9. มีการวัดผลและประเมินผลทางการศึกษาที่มุ่งเน้นผลผลิตหรือ คุณภาพของนักเรียนตามที่กำหนดไว้ในหลักสูตร
    10. เป็นโรงเรียนที่ผู้นำท้องถิ่น และผู้ปกครองทุกระดับทุกประเภทยอมรับว่าเป็นโรงเรียนที่มีคุณภาพและมาตรฐาน

สงบ ประเสริฐพันธุ์ ได้ให้ความคิดเห็นเรื่องคุณภาพของโรงเรียนไว้ว่า ผู้บริหารโรงเรียนปล่อยการจัดการเรียนการสอนในระดับมัธยมศึกษาในประเทศไทยนั้นอ่อนแอไปมาก เพราะการจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นให้นักเรียนสอบเรียนต่อ

องค์ประกอบด้านหลักสูตรเนื้อหาวิชา

จุดมุ่งหมายของหลักสูตรเป็นแนวทางสำคัญยิ่งในการจัดการเรียนการสอน เพราะเป็นแนวทางกำหนดทิศทางของผู้เรียน เป็นเครื่องชี้ให้ผู้สอนและผู้เรียนรู้ว่าจะต้องจัดการเรียนการสอนอย่างไร แค่ไหน และด้วยวิธีการใดนั่นคือ จุดมุ่งหมายจะเป็นส่วนที่กำหนดคุณลักษณะหรือพฤติกรรมที่พึงปรารถนาจะให้เกิดกับผู้เรียน หรือการกำหนดพฤติกรรมการเรียนรู้ที่ต้องการปลูกฝังให้แก่ผู้เรียน เช่น ความคิด ความเข้าใจ ความมีเหตุผล วิจารณญาณ ทัศนคติที่ดี เป็นต้น ส่วนเนื้อหานั้น เป็นส่วนหนึ่งที่กำหนดสาระหรือรายละเอียดของประสบการณ์การเรียนรู้ที่เหมาะสม เพื่อเป้นสิ่งเร้าหรือเครื่องมือชักนำให้ผู้เรียนเกิดพฤติกรรมการเรียนรู้ และใช้ประโยชน์ในชีวิตภายภาคหน้าสืบต่อไป นั่นคือสิ่งที่ผู้สอนจะต้องสอนให้แก่ผู้เรียนนั่นเอง เนื้อหาจึงเปรียบเสมือนเครื่องมือที่จะนำไปสู่จุดมุ่งหมายของการศึกษา(พรรณี แผลงจันทึก)

ปัจจุบันวิทยาการก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว สภาพสังคมก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น การกำหนดเนื้อหาวิชาที่เรียนต้องเป็นเนื้อหาที่ถูกต้องสอดคล้องกับความเป็นจริงดังที่ ทาบา ได้กำหนดแนวทางในการคัดเลือกเนื้อหาวิชาไว้ดังนี้

    1. ความตรง และความสำคัญของเนื้อหาวิชาซึ่งหมายถึง ความถึงความถูกต้องมีความเป็นแก่นสาร
    2. ความสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของสังคมปัจจุบัน เพื่อช่วยให้ผู้เรียนนำไปใช้ประโยชน์ในสังคม
    3. ความสมดุลย์ระหว่างความกว้างและความลึก หมายถึง เนื้อหา วิชาที่เลือก ควรครอบคลุมสิ่งที่ผู้เรียนรู้ทั้งหมด ในขณะเดียวกันก็มีความลึกซึ้งในบางเรื่องของเนื้อหาวิชา โดยพิจารณาจากจุดมุ่งหมายของหลักสูตรและรายวิชาเป็นหลัก
    4. สามารถตอบสนองจุดมุ่งหมายได้อย่างกว้างขวาง เนื้อหาสาระที่เลือกกำหนดในรายวิชาควรเป็นเนื้อหาสาระที่ทำให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนพฤติกรรมต่างๆ ความต้องการ โดยผู้เรียนเกิดความรู้ ทัศนคติ และทักษะอย่างเพียงพอ
    5. ความสอดคล้องกับวุฒิภาวะในการเรียนรู้ และประสบการณ์ของผู้เรียนหมายถึง การเลือกเนื้อหาวิชาควรพิจารณาประสบการณ์การเรียนรู้เดิม พื้นฐานเดิมของผู้เรียนเพื่อที่จะได้กำหนดเนื้อหาวิชาได้สอดคล้องกับปีที่ผ่านมาซึ่งเป็นการช่วยเสริมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ในวิชาต่างๆได้ดีขึ้น

ความสอดคล้องกับความต้องการและความสนใจของผู้เรียน การเรียนรู้ของผู้เรียนจะได้ผลดีนั้นต้องเกิดขึ้นจากความต้องการและความสนใจของผู้เรียนเอง ดังนั้น ในการพิจารณากำหนดเลือกเนื้อหาวิชา ผู้สอนควรคำนึงถึงองค์ประกอบเหล่านี้ ตลอดจนการก่อให้เกิดแรงจูงใจให้ผู้เรียนสนใจในเนื้อหาวิชาดังกล่าว

สุจริต เพียรชอบ (2521 : 1) ได้ให้ความหมายของหลักสูตรว่า หลักสูตร หมายถึง มวลประสบการณ์หรือกิจกรรมต่างๆที่สถาบันการศึกษาจัดขึ้นทั้งในและนอกชั้นเรียน เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและช่วยให้เกิดการพัฒนาทุกด้าน

ภิญโญ สาธร (2523 : 439) กล่าวถึง หลักสูตรว่า หลักสูตร คือ บรรดาประสบการณ์ต่างๆที่สถานศึกษาจัดขึ้นให้แก่ผู้เรียนตามระดับชั้น ตามความต้องการ ตามวัย ความสนใจ และความต้องการทางสังคม รวมทั้งประสบการณ์ที่จัดขึ้นภายในและภายนอกเวลาเรียน

สุมิตร คุณานุกร (25232 : 129) ให้ความหมายของหลักสูตรว่า หลักสูตรหมายถึง โครงการที่ประมวลความรู้ และประสบการณ์ทั้งหลายที่สถาบันการศึกษามุ่งจัดให้ผู้เรียน

ไพศาล หวังพานิช (2530 : 176) ยังชี้ให้เห็นว่า หลักสูตรมีความสำคัญอย่างมากในการจัดการศึกษาทุกระดับ เพราะทำหน้าที่เป้ฯตัวกำหนดโครงการหรือแผนปฎิบัติเป็นแนวทางของการเรียนการสอนที่ช่วยให้ผู้เรียนไปสู่จุดมุ่งหวังของสังคมหรือชาติบ้านเมือง นอกจากนี้ สันต์ ธรรมบำรุง (2527 : 9-10) ยังให้ความสำคัญของหลักสูตร ดังนี้

    1. หลักสูตร เป็นแผนปฏิบัติงานหรือเครื่องชี้แนวทางปฏิบัติงานของครู เพราะหลักสูตรจะกำหนดจุดมุ่งหมาย เนื้อหาสาระ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และการประเมินผลไว้เป็นแนวทาง
    2. หลักสูตร เป็นข้อกำหนดแผนการเรียนการสอน อันเป็นส่วนร่วมของประเทศ เพื่อนำไปสู่ความมุ่งหมายตามแผนการศึกษาชาติ
    3. หลักสูตร เป็นเอกสารทางราชการ เป็นบัญญัติของรัฐบาลเพื่อให้บุคคลที่ทำการเกี่ยวข้องการศึกษาปฏิบัติตาน
    4. หลักสูตร เป็นเกณฑ์มาตรฐานการศึกษา เพื่อควบคุมการเรียนการสอนในสถาบันการศึกษาระดับต่างๆ และยังเป็นเกณฑ์มาตรฐานอย่างหนึ่งในการจัดสรรงบประมาณ บุคลากร อาคารสถานที่ วัสดุอุปกรณ์ ฯลฯ ของการศึกษาของรัฐให้แก่สถานศึกษาด้วย
    5. หลักสูตร เป็นแผนการดำเนินงานของผู้บริหารการศึกษาที่จะอำนวยความสะดวก และควบคุมดูแลติดตามผลให้เป็นไปตามนโยบายการจัดการศึกษาของรัฐบาลด้วย
    6. หลักสูตร จะกำหนดลักษณะและรูปร่างของสังคมในอนาคตได้ว่าจะเป็นไปในรูปใด
    7. หลักสูตร จะกำหนดแนวทางในการส่งเสริมความเจริญงอกงามและพัฒนาการของเด็กตามจุดมุ่งหมายของการศึกษา
    8. หลักสูตร จะกำหนดแนวทางให้ความรู้ ทักษะ ความสามารถ ความประพฤติที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม อันเป็นการพัฒนากำลังซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ได้ผล
    9. หลักสูตร จะเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความเจริญของประเทศ เพราะการศึกษาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคน ประเทศใดจัดการศึกษาโดยมีหลักสูตรที่เหมาะสม ทันสมัย มีประสิทธิภาพ ทันต่อเหตุการณ์ และการเปลี่ยนแปลงย่อมได้กำลังคนที่มีประสิทธิภาพสูง

รุ่งทิวา จักร์กร (2527 : 6-7)ได้เสนอลักษณะของหลักสูตรที่ดี ไว้ดังนี้

    1. ต้องสอดคล้องกับสภาพสังคม เศรษฐกิจ และการปกครองของประเทศ หลักสูตรจะต้องให้ประสบการณ์และการเรียนรู้ที่ผู้เรียนสามารถออกไปเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสังคมได้ โดยพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดความคิด มีทักษะในการทำงาน สามารถแก้ปัญหาได้ และดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างราบรื่น
    2. ต้องยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง กิจกรรมของหลักสูตรต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของธรรมชาติ ความต้องการ ความสนใจของผู้เรียน
    3. จะต้องตั้งอยู่บนรากฐานของหลักการ 2 อย่าง คือ ใช้ประโยชน์ได้และเป็นจริง หลักสูตรจึงควรรวมสิ่งต่างๆ ที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน
    4. หลักสูตรจะต้องมีความยืดหยุ่น เพื่อสามารถปรับให้เข้ากับความต้องการต่างๆได้
    5. หลักสูตรที่ดีจะต้องประกอบด้วยกิจกรรมที่มีวัตถุประสงค์ และประสบการณ์ที่มีความหมาย
    6. หลักสูตรควรส่งเสริมค่านิยมในระบอบการปกครองของประเทศปลูกฝังประชาธิปไตยให้ผู้เรียนรู้จักเคารพซึ่งกันและกัน มีความสามัคคี การทำงานร่วมกันกับบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
    7. หลักสูตรที่ดีต้องช่วยให้เด็กมีพัฒนาการในทุกด้านทั้งกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม
    8. หลักสูตรที่ดีควรมีผู้ร่วมทำหลายฝ่าย เช่น นักพัฒนาหลักสูตร ผู้เชี่ยวชาญสาขาวิชาต่างๆ นักการศึกษา นักจิตวิทยา นักบริหารการศึกษา ศึกษานิเทศน์ ครู อาจารย์ ผู้ปกครอง นักเรียน ตลอดจนความคิดเห็นของประชาชนในวงวิชาชีพต่างๆ ทั้งนี้เพื่อให้หลักสูตรสนองความต้องการของมวลชนอย่างแท้จริง
    9. หลักสูตรต้องยืดหยุ่นได้ไม่ตายตัว สามารถปรับให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันได้

สุบิน ปิ่นขยัน (2530 : 5) ให้ข้อคิดเห็นเพิ่มเติมว่า หลักสูตรที่ดีควรจะต้องมีลักษณะดังนี้

    1. เป็นขบวนการจัดประสบการณ์ที่เหมาะสมให้กับวัยและวุฒิภาวะของผู้เรียน
    2. เป็นขบวนการที่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของบุคคลที่สังคมพึงประสงค์
    3. สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ง่ายหรือมีความยืดหยุ่นสูง
    4. เป็นขบวนการบูรณาการในด้านการพัฒนาความคิด ความเชื่อ ค่านิยม เจตคติ และการสร้างสรรค์

จุดมุ่งหมายของหลักสูตรเป็นแนวทางสำคัญยิ่งในการจัดการเรียนการสอน เพราะเป็นแนวทางกรกำหนดทิศทางของผู้เรียน เป็นเครื่องชี้ให้ผู้สอนและผู้เรียนรู้ว่าจะต้องจัดการเรียนการสอนอย่างไร แค่ไหน และด้วยวิธีการอย่างใด นั้นคือ จุดมุ่งหมายจะเป็นส่วนที่กำหนดคุณลักษณะหรือพฤติกรรมการเรียนรู้ที่ต้องการปลูกฝังให้แก่ผู้เรียน เช่นความคิด ความมีเหตุผล วิจารณาญาณ ทัศนคติที่ดี เป็นต้น ส่วนเนื้อหานั้น เป็นส่วนที่กำหนดสาระหรือรายละเอียดของประสบการณ์การเรียนรู้ที่เหมาะสม เพื่อเป็นสิ่งเร้าหรือเครื่องมือชักนำให้ผู้เรียนเกิดพฤติกรรมการเรียนรู้ และใช้ประโยชน์ในชีวิตภายภาคหน้า นั่นก็คือ สิ่งที่ผู้สอนจะต้องสอนให้กับผู้เรียน

องค์ประกอบด้านอาจารย์ผู้สอน

คุณภาพของการศึกษาจะดีหรือไม่เพียงใดนั้นย่อมเป็นผลโดยตรงจากการสอน การสอนที่จะประสบความสำเร็จจะต้องขึ้นอยู่กับตัวผู้สอน คือ ครูอาจารย์เป็นสำคัญ ซึ่งในด้านพฤติกรรมของครูที่ครูนั้นได้แสดงออกมาเป็นจะเป็นการกระตุ้นและยั่วยุที่จะช่วยให้นักเรียนได้รับความรู้และประสบการณ์ให้มากที่สุดในการเรียนรู้ ครูควรแสดงพฤติกรรมทั้งในด้านคำพูดกริยาท่าทาง สีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ด้วยความรักความเมตตาอย่างยิ่ง และมีเหตุผลด้วยความสม่ำเสมอ เพราะนักเรียนจะรู้และเข้าใจดีว่า ครูของเขามีความรักและจริงใจต่อเขาเพียงใดโดยไม่สามารถปิดบังอำพรางได้เลย สิ่งต่างๆเหล่านี้จะเป็นแม่แบบของนักเรียนและมีผลทางด้านจิตใจต่อการแสดงความเคารพรักศรัทธาในตัวครูของเขาด้วยความจริงใจ หากครูสามารถครอบครองหัวใจของนักเรียนได้แล้ว ความรู้สึกที่ดีต่อกันจะสร้างสรรค์บรรยากาศการเรียนการสอนที่สดชื่น ความรักความผูกพัน เอื้ออาทร ให้อภัยกันตลอดไปครูควรให้ความรักความเมตตา และมีมนุษยธรรมกับนักเรียนทุกคนด้วยความจริงใจ เสียสละ ใกล้ชิดผูกพัน เป็นทั้งเพื่อน พี่ บิดา มารดา ที่มีความปรารถนาดี ร่วมทุกข์ร่วมสุข สามารถเข้าไปในโลกแห่งความคิด ความรู้สึกของนักเรียนแต่ละคนได้ นพพร พานิชสุข (2527 : 24) กล่าวถึงความสำคัญของครูอาจารย์ว่า ปัจจุบันสังคมยังคงให้การยกย่องเทิดทูนอาชีพครูมาโดยตลอด ดังจะเห็นได้จากในแต่ละปีจะจัดให้มีพิธีไหว้ครูขึ้น กรมการฝึกหัดครู(2520 : 363-371) ได้ทำการวิจัยเรื่องลักษณะของครูที่ดีโดยการสอบถามจากบุคคลหลายฝ่าย คือ จากตัวนักเรียน ผู้ปกครอง ครู ศึกษานิเทศน์ ผู้บริหารการศึกษา และผู้ทรงคุณวุฒิ ผลการวิจัยสรุปได้ว่า ลักษณะของครูที่ดีมีดังนี้

    1. ด้านคุณธรรมและความประพฤติ มีความเที่ยงธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต การตรงต่อเวลา ร่าเริงแจ่มใส รู้จักเสียสละ วาจาสุภาพเรียบร้อยเป็นกันเองกับเด็กได้ เป็นตัวอย่างในความประพฤติดี มีมนุษยสัมพันธ์ แต่งกายเรียบร้อย มีบุคลิกลักษณะดี มีความสุภาพอ่อนโยน เว้นจากอบายมุขต่างๆ ไม่ทำตัวเสเพล มีระเบียบวินัยมีอารมณ์มั่นคง มีความเมตตาปราณี รู้จักปกครองแบบประชาธิปไตย เป็นคนมีเหตุผล รู้จักสิทธิและหน้าที่
    2. การยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับบุคคลที่ทำหน้าที่เป็นครู เพื่อสามารถให้การศึกษาแก่อนุชนของชาติ ให้มีความรักและหวงแหนในสิ่งที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของความเป็นไทย
    3. มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน รู้จักเตรียมการสอนเพื่อให้ผลการเรียนของนักเรียนบรรลุถึงเป้าหมายที่ต้องการ เอาใจใส่ในการสอนและการอบรมความประพฤติ ปลูกฝังค่านิยมอันดีงามให้แก่นักเรียน มีความขยันขันแข็ง มีความกระตือรือร้นที่จะทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด มีศรัทธาต่ออาชีพครู และอุทิศตัวเพื่อการศึกษาของนักเรียน
    4. มีความสามารถในการใช้ภาษาสื่อสาร รู้จักหลักการพูด การอธิบายให้บทเรียนแจ่มชัด รู้จักใช้ภาษาให้อย่างถูกต้อง
    5. เอาใจใส่ค้นคว้าหาความรู้อยู่เสมอ โดยเฉพาะแผนการศึกษาแห่งชาติและหลักสูตร รู้จักการปรับปรุงการสอนให้ใหม่และเหมาะสมอยู่ตลอดเวลา หาโอกาสที่จะปรับปรุงตัวเองในด้านวิชาการให้ก้าวหน้าอยู่เสมอ

นอกจากนี้ ชาญชัย อินทรประวัติ (2523 : 33-35) ได้เสนอข้อคิดเห็นของครูผู้สอนที่ดีควรมีคุณสมบัติดังนี้

    1. ลักษณะส่วนตัวดี การที่ผู้สอนมีลักษณะส่วนตัวที่ดีจะทำให้ผู้เรียนเกิดความพึงพอใจในตัวผู้สอน มีผลทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี ด้วยเหตุนี้ ผู้สอนควรมีบุคลิกภาพของการเป็นครู คือ แต่งกายเหมาะสม สุภาพอ่อนโยน เมตตากรุณา กระตือรือร้น มีลักษณะเป็นผู้นำ มีอารมณ์ขันเหมาะสม มีศรัทธาและมีความภาคภูมิใจในการเป็นครู
    2. มีความรู้ทั่วไปอย่างกว้างขวาง ซึ่งประกอบด้วยความรู้หลายๆด้าน เช่น สังคมวิทยา มานุษยวิทยา ปรัชญา ภาษาศาสตร์ ศิลป และวัฒนธรรมเป็นต้น
    3. มีความรู้ความสามารถในวิชาที่สอน
    4. มีความสามารถในการสอน ซึ่งมีองค์ประกอบต่อไปนี้
      1. มีความเข้าใจในจุดมุ่งหมายของการศึกษาและจุดมุ่งหมายของวิชาที่สอน
      2. มีความเข้าใจในหลักสูตรของวิชานั้น
      3. มีความสามารถในการวางแผนการสอน
      4. มีความเข้าในในหลักการเรียนรู้และการสอน
      5. ความสามารถในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
      6. การใช้อำนาจในการเป็นผู้นำ
      7. ความสามารถในการพูดบรรยายหรือเสนอความคิดเห็นของตนต่อผู้อื่น
      8. เป็นผู้มีใจกว้างและเป็นผู้มีประชาธิปไตย

ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช (2528 : 99-106) ได้สรุปความเห็นลักษณะของอาจารย์ที่ดีในความรู้สึกของคนไทยว่า ต้องเป็นผู้ที่มีความรู้สูง มีความสามารถในการเป็นครู ถ่ายทอดได้แจ่มแจ้ง ต้องทันต่อการเปลี่ยนแปลงความก้าวหน้าวิชาการ ต้องติดตามความก้าวหน้าความเปลี่ยนแปลงต่อทฤษฎีใหม่ๆตลอดเวลา เพื่อให้ศิษย์มีความรู้ความก้าวหน้าทันสมัยอยู่เสมอ และลักษณะที่สำคัญอีกประการ คือ ต้องมีความอดทนหรือขันติธรรมและความมีเมตตาธรรม

คุณลักษณะของผู้สอนตามมาตรฐานคุณภาพทางการศึกษา ที่ต้องการ

    1. รักการสอน เข้าใจผู้เรียน มีจิตสำนึกในหน้าที่ และความรับผิดชอบ
    2. มีความคิดสร้างสรรค์ นักแก้ปัญหาและสามารถตัดสินใจอย่างมีเหตุผล
    3. มีความเชื่อมั่นในตนเอง และมีทัศนคติเชิงบวก
    4. รู้วิธีการเรียนรู้ และพัฒนาตนเองตลอดเวลา
    5. มีความรู้ในเรื่องสาระการเรียนรู้ที่รับผิดชอบ โครงสร้างทางสมอง การทำงานของสมอง การทำงานของสมองจิตวิทยาการเรียนรู้ ฯลฯ
    6. มีทักษะในการจัดการเรียนรู้ เช่น การกระตุ้นความสนใจ การอธิบายด้วยเหตุด้วยผล การรับรู้ความรู้สึกของผู้เรียน การทำงานเป็นทีม การฝึกสมาธิฯลฯ
    7. สามารถใช้ยุทธศาสตร์การจัดการเรียนรู้ได้สอดคล้องกับรูปแบบการเรียนรู้และเทคนิคการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคน
    8. มีทักษะการประเมินผลการเรียน การซ่อมเสริม การวิจัยในชั้นเรียน ฯลฯ

จากการความคิดเห็นของบุคคลต่างๆข้างต้น พอจะสรุปได้ว่า องค์ประกอบด้านอาจารย์ผู้สอนนั้นมีส่วนสำคัญต่อการจัดการเรียนการสอน ถ้าได้มีอาจารย์ที่มีคุณลักษณะที่ดีและเหมาะสมแล้วก็จะทำให้การเรียนการสอนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อันจะนำมาซึ่งความสำเร็จของผู้เรียน ซึ่งสามารถพิจารณาคุณลักษณะของอาจารย์ดีได้จากองค์ประกอบในเรื่องต่อไปนี้

    1. วิธีการสอน
    2. ลักษณะของอาจารย์ผู้สอน
    3. ทักษะในการสอน
    4. การใช้อุปกรณ์การสอน
    5. ทัศนคติของอาจารย์
    6. การประเมินผล

องค์ประกอบด้านกิจกรรมการเรียนการสอน

กาญจนา บุญรมย์ (2523 : 139) ชี้ให้เห็นว่า ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของการเรียนการสอน และองค์ประกอบที่สำคัญของการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ คือ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนนั้นเอง ในบรรดาสิ่งที่ประกอบขึ้นในด้านการเรียนการสอนของครูนั้น ผกา สัตยธรรม (2524 : 18)กล่าวว่า สิ่งที่เป็นปัญหามากที่สุดคือกิจกรรม เพราะกิจกรรมเป็นกลไกที่สำคัญที่ทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้ ซึ่ง สุมิตร คุณานุกร (2523 : 137) ได้กล่าวถึงกิจกรรมการเรียนการสอนว่าเป็นกระบวนการจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยวิธีต่างๆ เพื่อช่วยให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาการไปตามเป้าหมายที่หลักสูตรต้องการ ซึ่งกิจกรรมการเรียนการสอนนี้ ได้แก่ วิธีการสอนของอาจารย์ กิจกรรมหรืองานที่ผู้เรียนจะต้องกระทำ ดังนั้นแนวการจัดกิจกรรมหรือการสอนนี้ย่อมแตกต่างกันไปตามสภาพและลักษณะธรรมชาติของเนื้อหาวิชา และลักษณะของผู้เรียนในปัจจุบันวิทยาการต่างๆ กำลังเจริญก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ววิธีการสอนเป็นสิ่งหนึ่งที่มีการพัฒนาเพื่อให้สอดคล้องกับการศึกษาที่เปลี่ยนแปลงดังนั้นอาจารย์ผู้สอนจึงต้องรู้จักใช้วิจารณญาณ นำการสอนแต่ละวิธีมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม ดังที่ ชมเพลิน จันทร์เรืองเพ็ญ (2519 : 48) กล่าวว่า การเรียนการสอนจะบรรลุผลสำเร็จตามจุดมุ่งหมายได้ อาจารย์ผู้สอนจะต้องรู้จักและเข้าใจรายระเอียดของวิธีการสอนแต่ละวิธีว่ามีลักษณะอย่างไร จะช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาไปในทางใด จะใช้วัสดุอุปกรณ์กิจกรรมอย่างไร ตลอดจนข้อจำกัดของวิธีสอนนั้นๆ เนื่องจากไม่มีวิธีสอนแบบใดดีที่สุดหรือถูกต้องที่สุดในทุกเนื้อหาวิชา ในการที่จะตัดสินใจใช้วิธีการสอนแบบใดๆนั้น สุกัญญา โฆวิไลกุล(2530 : 64-65) กล่าวว่า ผู้สอนจะต้องพิจารณาปัจจัยหลายประการ เช่น ความรู้ในเทคนิควิธีการสอนของผู้สอน วัสดุและอุปกรณ์ประกอบการเรียนการสอน จำนวนผู้เรียน พื้นความรู้ของผู้เรียน เนื้อหาที่จะสอน ทั้งนี้เพื่อที่จะให้เหมาะสมกับสภาพการณ์อันจะทำให้การเรียนการสอนบรรลุผลอย่างมีประสิทธิภาพสูง จึงได้เสนอแนวทางในการคิดหาวิธีการสอนไว้ดังนี้

    1. ดูว่าวิธีสอนแบบใดบ้างที่จะนำมาใช้ได้
    2. วางระบบดำเนินการสอน พร้อมทั้งพิจารณาองค์ประกอบต่างๆในระบบ
    3. หาทรัพยากรต่างๆที่จะต้องใช้ในการเรียนการสอน ดูว่าจะต้องใช้วัสดุอุปกรณ์อะไร จะจัดหามาได้อย่างไร มีข้อจำกัดหรืออุปสรรคใดล้างในการจัดเตรียมทรัพยากรที่ต้องการใช้เพื่อการเรียนการสอนนี้
    4. ขจัดข้อจำกัดหรืออุปสรรคที่มีในการหาทรัพยากร บางครั้งอาจจะทำได้โดยหาวัสดุอุปกรณ์ที่อื่นแทนถ้าขาดแคลนทางด้านวัสดุ ในกรณีที่ขาดอุปกรณ์ที่จำเป็นในการสอนและอุปกรณ์นั้นมีผลต่อการเรียนการสอนผู้สอนอาจจะต้องตัดวิธีสอนที่ต้องใช้อุปกรณ์ชิ้นนั้นออกไป หรือใช้วิธีสอนแบบพาไปทัศนศึกษานอกสถานที่ที่มีการใช้อุปกรณ์ชิ้นนั้น เป็นต้น
    5. เลือกวิธีสอนพร้อมทั้งวัสดุอุปกรณ์สำหรับวิธีสอนนั้น
    6. วางระบบดำเนินการสอน

จะเห็นได้ว่ากิจกรรมการเรียนการสอนนั้นมีความสำคัญต่อผู้เรียนอย่างยิ่ง หากผู้เรียนไม่มีส่วนร่วมในกิจกรรมก็จะขาดโอกาสในการพัฒนาตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมที่สนับสนุนให้ผู้เรียนคิดเอง ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนเกิดความเจริญงอกงามทางสติปัญญา เกิดทักษะ ดังนั้น หากผู้สอนจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้เหมาะสม ให้ผู้เรียนศึกษาได้เต็มความสามารถแล้วก็จะทำให้นักเรียนเป็นคนที่มีคุณภาพการจัดการเรียนการสอนที่เน้นคุณภาพนั้นคุณภาพของการจัดการเรียนรู้เป็นส่วนสำคัญตัวหนึ่ง ซึ่งถ้าสถานศึกษาได้ปฏิบัติตามเป้าหมายที่กำหนดไว้แล้วนั้นก็จะทำให้การจัดการเรียนรู้ของสถานศึกษานั้นผลิตคนที่มีคุณภาพได้ซึ่งคุณภาพการจัดการเรียนรู้มี 2 ประการ คือ 1.การเรียนรู้

2.การจัดการเรียนรู้ ในด้านการเรียนรู้นั้น เป้าหมายของการเรียนรู้ ต้องการให้

    1. ให้โอกาสแก่ผู้เรียน
    2. จัดบรรยากาศด้านกายภาพ และด้านจิตใจที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน
    3. ผู้สอนสนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างบ้านกับสถานศึกษา
    4. ใช้แหล่งความรู้ให้เหมาะสม
    5. ผู้ที่เกี่ยวข้องคาดหวังความเป็นเลิศของผู้เรียนร่วมกัน
    6. ความรับผิดชอบในการเรียนของผู้เรียน
    7. การมีส่วนร่วมในการเรียนของผู้เรียน
    8. ผู้เรียนกล้าคิด กล้าทำ กล้าตัดสินใจ
    9. ภาพสะท้อนผลการเรียนและการประเมินตนเองของผู้เรียน
    10. ผู้สอนมีการพัฒนาตนเองไปสู่ความเป็นผู้สอนมืออาชีพ
    11. ผู้สอนเป็นสมาชิกขององค์กรวิชาชีพ

ส่วนในด้านของการจัดการเรียนรู้นั้นมีวัตถุประสงค์ คือ สถานศึกษามีวัตถุประสงค์ให้ผู้เรียนแต่ละคนได้มีประสบการณ์ในการเรียนรู้อย่างกว้างขวาง

    1. ช่วยพัฒนาการเรียนของผู้เรียน
    2. ส่งเสริมการเรียนรู้สู่ความเป็นเลิศ
    3. พัฒนาความรู้สึกว่าตัวเองมีเกียรติ มีความเชื่อมั่นและมีความเป็นอิสระ

ซึ่งเป้าหมายของการจัดการเรียนรู้นั้นมีดังนี้

    1. แผนการจัดการเรียนรู้สอดคล้องกับหลักสูตร
    2. แผนการจัดการเรียนรู้ตอบสนองตามความแตกต่างระหว่างบุคคล
    3. ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการจัดการเรียนรู้
    4. ยุทธศาสตร์การจัดการเรียนรู้มีคุณภาพ
    5. ใช้ข้อมูลย้อนกลับและการซ่อมเสริม
    6. ผู้เรียน ผู้สอน ผู้ปกครอง มีส่วนร่วมในการประเมิน
    7. ยุทธศาสตร์การประเมินสอดคล้องกับนโยบาย
    8. มีการรายงานผลให้ทุกฝ่ายทราบอย่างต่อเนื่อง
    9. มีการนำผลการเรียนรู้ของผู้เรียนไปวิพากย์วิจารณ์และประเมินผล
    10. การประเมินผลการจัดการเรียนรู้ ใช้กระบวนการมีส่วนร่วม
    11. มีการนำผลการประเมินมาปรับปรุงและพัฒนาการจัดการเรียนรู้

ดังนั้นเราสรุปได้ว่า องค์ประกอบด้านกิจกรรมการเรียนการสอนนั้นจะต้องพิจารณาเกี่ยวกับวิธีการสอนของอาจารย์ กิจกรรมหรืองานที่ผู้เรียนจะต้องทำแต่ทั้งนี้การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน จะต้องคำนึงถึงสภาพที่แตกต่างกัน ลักษณะธรรมชาติของเนื้อหาวิชา และลักษณะของผู้เรียนควบคู่กันไป

องค์ประกอบด้านปัจจัยส่งเสริมการเรียนการสอน

ปัจจัยที่ส่งเสริมการเรียนการสอน หมายถึง สิ่งต่างๆ ที่อยู่แวดล้อมตัวผู้เรียนที่มีผลให้การเรียนการสอนของนักเรียนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของสถานศึกษาที่จะต้องจัดสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้และพัฒนาการด้านต่างๆ ให้แก่ผู้เรียนการจัดสิ่งแวดล้อมด้านการเรียนการสอนทั้งภายในและภายนอกห้องเรียน ตลอดจนการจัดบริการเพื่อส่งเสริมสนับสนุนทางวิชาการต่างๆ ที่จะทำให้นักเรียนได้รับความรู้ ประสบการณ์ให้มากที่สุด ภายใต้บรรยากาศที่มีชีวิตชีวา แจ่มใส น่าเรียนรู้ เรียนสนุก รักเพื่อน ไม่มีสภาพแห่งความกลัว หวาดผวา วิตกกังวล ครูอาจารย์มีความกระตือรือร้นในการเร่งเร้าให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ในการพัฒนาตนเองมีความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม รู้จักหาเทคนิคหรือกระบวนการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับนักเรียนมาช่วยเสริม เปลี่ยนแปลงวิธีสอนเพื่อลดความเบื่อหน่ายซ้ำซากจำเจ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ตรงตามจุดประสงค์ ส่งเสริมความสามารถของแต่ละบุคคลให้นักเรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียนการสอนแล้วดำเนินกิจกรรมด้วยความเป็นกันเอง ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ส่งเสริมการเรียนเป็นกลุ่มช่วยกันคิดช่วยกันทำระหว่างผู้สอนและผู้เรียน(อภิชาติ บัวทอง 2541 หน้า 34) โดย วิชัย วงษ์ใหญ่ (2537 : 119) ได้กล่าวถึงองค์ประกอบที่มีอิทธิพลและส่งผลทำให้บรรยากาศในชั้นเรียนมีลักษณะที่ส่งเสริมหรือขัดขวางการเรียนรู้ของผู้เรียน ครูผู้สอนต้องคำนึงถึงอยู่ตลอดเวลา ในการจัดกระบวนการเรียนการสอน คือ (1) การร่วมมือและการแข่งขันของผู้เรียนในชั้นเรียน ประกอบด้วย บรรยากาศที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนร่วมมือกันแก้ปัญหาการให้แรงเสริมรางวัล (2)ลักษณะพฤติกรรมและบุคลิกภาพของผู้สอนจะมีอิทธิพลต่อการเรียนของผู้เรียน (3) การร่วมมือระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน คำนึงถึงวัตถุประสงค์การเรียนเป็นสำคัญ (4) ความรู้สึกและเจตคติของผู้เรียนที่มีต่อกลุ่มเพื่อน ผู้สอน และโรงเรียนจะมีผลกระทบต่อการเรียนรู้ มีความสอดคล้องกับผลการวิจัยของ พันธณีย์ วิหคโต (2537) ที่ศึกษาต่อการจัดการเรียนการสอนของครูดีเด่นวิชาภาษาไทยและวิชาคณิตศาสตร์ พบว่า การสร้างปฎิสัมพันธ์ของครูกับนักเรียนอยู่ในระดับดี คือ สร้างบรรยากาศในห้องเรียนให้เอื้อต่อการเรียนการสอน ได้แก่ การจัดห้องเรียนให้น่าอยู่ น่าเรียน การสร้างบรรยากาศ การเรียนให้สนุกสนาน มีการแก้ไขข้อบกพร่องหรือข้อผิดพลาดทันทีที่พบโดยการแนะนำและอธิบายข้อผิดพลาดมีการกระตุ้นให้นักเรียนได้คิดหาเหตุผลให้เกิดความเข้าใจ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีเป็นกันเองกับนักเรียนใกล้ชิด เอาใจใส่ดูแลอย่างใกล้ชิด และมีความสนใจ นักเรียนที่มีปัญหาเป็นรายกรณี และซ่อมแก้ไขเป็นรายบุคคล สภาพแวดล้อมที่ดีจะทำให้ทุกคนมีความสุข มีความมั่นใจ และตระหนักในคุณค่าของตนเอง และ เพ็ญศรี กันกา (บนเส้นทางความรับผิดชอบ : บทบาทและหน้าที่ของครูประจำชั้น. 2531 : 23) ได้กล่าวว่าการจัดบรรยากาศของการเรียนการสอนถือเป็นปัจจัยที่สำคัญมากในการพัฒนาการเรียนการสอนให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด

ดังนั้นการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ส่งผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนพัฒนาเสริมสร้างคุณลักษณะค่านิยมของผู้เรียนให้เป็นไปในทิศทางที่พึงประสงค์ การเรียนการสอนนั้นมีองค์ประกอบทางด้านสิ่งแวดล้อมในการเรียนที่ละเอียดอ่อนและมีความสำคัญเท่าเทียมกันกับเนื้อหาวิชาและจุดประสงค์การเรียน ผู้สอนจะต้องพิจารณเลือกใช้สภาพสิ่งแวดล้อมที่ดีในการเรียนการสอนนั้น คือ บรรยากาศที่ยกย่องและส่งเสริมความสำคัญของผู้เรียน มีความรู้สึกร่วมสมัยขจัดช่องว่างระหว่างกันและกัน ให้ความเป็นอิสระ และใช้ความสามารถของผู้เรียนมาเป็นประโยชน์ในการฝึกอบรม ท่าทีและพฤติกรรมของผู้สอน จะต้องแสดงออกว่าผู้สอนมีความปรารถนาดี ยกย่องและนับถือ สนใจปัญหาของผู้เรียนอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นการสร้างบรรยากาศแห่งความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ทั้งนี้จะต้องคำนึงถึงความต้องการของผู้เรียนเป็นหลัก มากกว่าความต้องการของผู้สอนซึ่งพอสรุปได้ดังแผนภูมิที่ 1 (วิชัย วงษ์ใหญ่. 2537 : 122-123)

 

 

ผู้สอน : รู้สึก

  • ใกล้ชิด
  • ปรารถนาดีต่อผู้เรียน
  • ยอมรับผู้เรียนต้องการมีส่วนร่วมต่อการเรียนการสอน
  • พร้อมที่จะสอน

บรรยากาศ

  • อิสระ
  • ไม่มีช่องว่าง
  • เปิดเผย

 

ผู้เรียน:รู้สึก

  • มีความมั่นใจ
  • มีอิสระที่จะแสดงออกและสร้างสรรค์
  • ยอมรับผู้อื่น
  • พร้อมที่จะเรียน

 

 

ผลที่มีต่อการเรียนการสอน

  • ความพยายามสูง
  • พอใจ
  • มีความร่วมมือ
  • ช่วยกันทำ
  • มีประโยชน์
  • มีความรู้สึกถึงความสำเร็จเป็นส่วนหนึ่งของเขา
  • ไว้วางใจ
  • ชอบวิชาที่เรียน

แผนภูมิที่ 1 การจัดบรรยากาศการเรียนการสอน

 

นอกจากบรรยากาศภายในห้องแล้วสภาพแวดล้อมในโรงเรียนมีอิทธีพลต่อการเรียนรู้ต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน สามารถส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านความรู้ อุดมคติ ทักษะ พฤติกรรม และบุคลิกภาพของผู้เรียนไปสู่จุดหมายของสถานศึกษา ดังที่ สุปรีชา หิรัญโร (2526 : 182) กล่าวว่า สภาพแวดล้อมที่ดีช่วยทำให้ผู้เรียนเกิดความรู้สึกที่ดีต่อการเรียนรู้นอกจากนี้ยังมีอิทธิพลต่อการหล่อหลอมพฤติกรรม ทัศนคติ ค่านิยม สติปัญญา และสังคมของผู้เรียนและผู้สอนอีกด้วย และพันทิพา อุทัยสุข (2525 : 175, 204) ชี้ให้เห็นว่า สภาพห้องเรียนที่คับแคบ อากาศร้อนอบอ้าว มีเสียงรบกวนเหล่านี้จะทำให้ผู้เรียนเกิดความกดดันหรือเกิดความคับข้องใจ อันเป็นอุปสรรคต่อการเรียนการสอน การปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางการเรียนการสอนจะสามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเชื่อมั่นในตนเองขึ้น ทำให้ผ่อนคลายความกดดัน ซึ่งเป็นผลดีต่อการเรียนการสอน ดังนั้น การปรับปรุงสภาพแวดล้อมต่างๆ รอบตัวผู้เรียน ปัญญา สมบูรณ์ศิลป์ (2523 : 21-26) กล่าวว่า จะเป็นการป้องกันและส่งเสริมสุขภาพของผู้เรียนอีกด้วย

ห้องเรียน

ห้องเรียนจัดเป็นสภาพแวดล้อมทางกายภาพที่สำคัญยิ่ง วิจิตร วรุตบางกูร (2524 : 94) กล่าวว่า ห้องเรียนไม่ว่าจะเป็นห้องใหญ่หรือเล็กควรจะต้องเป็นห้องที่สนับสนุนหรือเอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้ตามหลักสูตรที่กำหนดในเรื่องนี้ เฮนรี่ (ประพัฒน์ จำปาไทย 2524 : 52-53 อ้างอิงมาจาก Henry. 1957 : 117-133) ได้กล่าวถึงห้องเรียนว่า เป็นสถานที่ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่ง สำหรับการสร้างทัศนคติและพฤติกรรมของผู้เรียนว่าจะออกมาในรูปแบบใด ดังนั้นในการจัดห้องเรียนจะต้องคำนึงถึงขนาดของห้องเรียน แสง สี เสียง อุณหภูมิภายในห้องเรียน ซึ่ง วิจิตร วรุตบางกูร (2524 : 151-185) กล่าวว่า สิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวกับความร้อนหนาว สี แสง เสียง เหล่านี้ส่งผลต่อทัศนคติและจิตใจของผู้ใช้อาคารนั้นๆดังนี้

    1. แสงสว่าง มีบทบาทสำคัญในการสื่อรับความรู้ จึงจำเป็นต้องจัดให้แสงสว่างในอาคารเรียนห้องเรียนที่มีระดับมองเห็นได้ดี สบายตา และชัดเจน
    2. สี ในสถานศึกษามีบทบาทสำคัญมาก ในการสร้างบรรยากาศความสวยงาม ความมีชีวิตชีวาที่น่าดู ช่วยเพิ่มความสว่างให้แก่อาคารเรียนห้องเรียนโดยทั่วๆไปสีทาภายในอาคารเรียนจะใช้สีอ่อนๆ เพราะจะช่วยสร้างบรรยากาศให้รื่นรมย์น่าอยู่
    3. อุณหภูมิ เป็นปัจจัยสำคัญอีกอย่างหนึ่ง เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้สุขสบายทางร่างกาย ถ้าอากาศไม่ค่อยถ่ายเท ลมพัดผ่านไม่สะดวก อากาศอบอ้าวจะมีผลต่อสภาพร่างกายของตน ทำให้หงุดหงิด สภาพเช่นนี้ทำให้ผู้สอนและผู้เรียนไม่มีสมาธิหรือไม่สนใจการเรียนการสอน
    4. เสียง เสียงที่เกิดจากภายนอกที่รบกวนการเรียนการสอน จนทำให้รู้สึกรำคาญ หงุดหงิด ตึงเครียด กระวนกระวาย เพราะเสียงที่รบกวนเป็นอุปสรรคต่อการสื่อความหมายระหว่างผู้สอนและผู้เรียน การเปล่งเสียงเพื่อแข่งกับเสียงที่รบกวนต่างๆอาจทำให้เหนื่อยกว่าปกติ นอกจากนี้ยังรบกวนสมาธิในการเรียนการสอนอีกด้วย

ในการจัดห้องเรียนให้มีบรรยากาศที่น่าอยู่เป็นสถานที่ให้การค้นคว้าทำกิจกรรมสร้างประสิทธิภาพในการเรียนรู้นั้น ชลิต พุทธรักษา (2526 : 122-125)ได้เสนอแนะหลักในการจัดห้องเรียนดังนี้

    1. ห้องเรียน ควรยืดหยุ่นได้ตามความเหมาะสม เพื่อประโยชน์ต่อการเรียนการสอน
    2. การจัดห้องเรียนเพิ่มเสริมสร้างความรู้ทุกด้าน โดยจัดอุปกรณ์ในการทำกิจกรรม หรือหนังสืออ่านประกอบที่น่าสนใจไว้ตามมุมห้อง
    3. การจัดห้องเรียนให้มีสภาพแวดล้อมที่ดี ในการสร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการเรียน
    4. การจัดห้องเรียนเพื่อให้เสริมสร้างนิสัยที่ดีงาม โดยเฉพาะในเรื่องความสะอาด
    5. การจัดห้องเรียนเพื่อสร้างความเป็นระเบียบโดยจัดอุปกรณ์ทุกอย่างในห้องเรียนให้เป็นระเบียบ

จะเห็นได้ว่าห้องเรียนนั้นเป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งประการหนึ่งต่อการจัดการเรียนการสอน ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน ดังนั้นห้องเรียนจึงเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งเสริมให้การเรียนการสอนมีคุณภาพมากขึ้นดังนั้นห้องเรียนควรมีลักษณะที่เอื้ออำนวยต่อการเรียนการสอนคือ จะต้องมีลักษณะแวดล้อมที่ดี เช่น แสงสว่าง สี อุณหภูมิที่เหมาะสมตลอดจนไม่มีเสียงรบกวน

ห้องสมุด

ห้องสมุดจัดเป็นแหล่งวิทยาการที่ช่วยส่งเสริมการเรียนการสอนให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น เป็นศูนย์กลางแห่งการศึกษาค้นคว้างแลกเปลี่ยนความคิด ความรู้ ห้องสมุดเป็นสถานที่ให้การศึกษาและเพิ่มพูนความรู้ของผู้สอนและผู้เรียน ดังนั้นห้องสมุดจึงเป็นหัวใจของการศึกษา ส่วนประกอบของห้องสมุดที่สำคัญ มีดังนี้

    1. หนังสือควรมีจำนวนเพียงพอ ทันสมัย การจัดเก็บดูแลรักษาเป็นระเบียบสะดวกแก่การค้นหา
    2. เลือกและจัดหาวัสดุต่างๆ เช่น วารสาร จุลสาร แผนที่ ภาพยนตร์ เครื่องบันทึกเสียง และวัสดุอื่นๆที่สามารถใช้เป็นอุปกรณ์การเรียนการสอนได้ดี
    3. สถานที่ วัสดุ ครุภัณฑ์ มีความเหมาะสม เพื่อความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่และมีน้ำใจ
    4. เตรียมจัดและดูแลรักษาวัสดุเหล่านี้ เพื่อความสะดวกในการให้บริการแก่อาจารย์และนิสิต
    5. บุคลากรมีความรู้ ความสามารถ กระตือรือร้นในการปฏิบัติหน้าที่และมีน้ำใจ
    6. การให้บริการ วัน และเวลาทำการควรจะเปิดกว้าง เพื่อให้บริการได้เต็มที่

สรุปได้ว่า ห้องสมุดเป็นแหล่งวิทยาการที่เป็นปัจจัยที่สำคัญในการส่งเสริมการเรียนการสอน และเป็นหัวใจของการศึกษาในทุกระดับ

โสตทัศนูปกรณ์

โสตทัศนูปกรณ์ หมายถึง อุปกรณ์ต่างๆซึ่งอาจจะเป็นวัสดุ เครื่องมือ เครื่องใช้ หรือกิจกรรมต่างๆ ที่ผู้สอนสามารถนำมาใช้ประกอบการเรียนการสอน เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างดีที่สุด ดังนั้น โสตทัศนูปกรณ์จึงเป็นสิ่งแวดล้อมทางการเรียนการอสนประเภทหนึ่งที่ช่วยให้การเรียนการสอนมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ดังที่ วิจิตร ศรีสอ้าน (2518 : 52-53) กล่าวว่าการเรียนการสอนจะดีหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่นระบบการวัดผลที่มีประสิทธิภาพ ระบบการบริการห้องสมุด โสตทัศนศึกษา ศูนย์เอกสาร ศูนย์หนังสือ วัสดุอุปกรณ์ทางการศึกษา และเทคโนโลยีใหม่ๆ สิ่งเหล่านี้จะช่วยเร้าให้ผู้เรียนสนใจที่จะเรียน ทั้งยังช่วยให้ผู้เรียนจดจำได้นานอีกด้วย ปราณี ภาสกรณ์ (2514 : 150) ได้กล่าวเสริมไว้ว่า อุปสรรคที่ทำให้การเรียนการสอนไม่บรรลุผลตามเจตจำนงของการศึกษา คือ การขากอุปกรณ์การสอน เพราะอุปกรณ์การสอนจะช่วยให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้โดยการผ่านทางประสาทสัมผัสหลายทางในเวลาเดียวกัน เช่น ได้ยิน ได้เห็น ได้จับต้อง ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนเรียนรู้ได้เร็วกว่าการสอนด้วยปากเปล่า ดังนั้น ในการสอนหากผู้สอนเตรียมตัวในการใช้อุปกรณ์ประกอบการสอนมาพร้อมแล้ว อุปกรณ์การสอนย่อมให้เกิดผลดีกว่าการสอนที่ใช้เพียงชอล์คกับกระดานดำ เราสรุปได้ว่า โสตทัศนูปกรณ์มีบทบาทสำคัญยิ่งในการส่งเสริมการสอนให้มีประสิทธิภาพ การสอนโดยใช้โสตทัศนูปกรณ์จะช่วยให้การสอนมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น การสอนโดยใช้โสตทัศนูปกรณ์จะช่วยให้ประหยัดเวลาในการเรียนการสอน ขณะ

                                                                       TOP

   BACK home NEXT