บทที่
2 เอกสารงานและวิจัยที่เกี่ยวข้อง
การที่จะผลิตนักเรียนให้มีคุณภาพนั้นขึ้นอยู่กับการเรียนการสอน และการเรียนการสอนนั้นจะมีคุณภาพดีหรือไม่ดีนั้น ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายประการ การจัดการเรียนการสอนนั้นจึงเป็นวิธีการจัดกระบวนการต่างๆ เพื่อให้ผู้สอนและผู้เรียนมีความรับผิดชอบร่วมกัน การจัดการเรียนการสอน คือ การจัดองค์ประกอบการเรียนการสอนให้มีความสัมพันธ์กัน เพื่อสะดวกต่อการนำไปสู่จุดหมายปลายทาง(สงัด อุทรานันท์ 2529 หน้า 5)การจัดการเรียนการสอนที่มีคุณภาพจึงเป็นเรื่องที่ยาก ดังที่ สไตน์เบค(สุนีย์ ธีรดากร 2525 : 54 อ้างอิงมาจาก Steinbeck. 1978 : 459 A) กล่าวว่าการเรียนการสอนเป็นศิลปะที่เหนือศิลปะอันใดในโลก เพราะหุ่นที่ครูปลุกปั้นนั้นมิใช่สิ่งที่ไร้ชีวิตหากแต่ เป็นคนซึ่งมีสมอง ความคิด และจิตวิญาณ ด้วยเหตุนี้ในกระบวนการเรียนการสอนจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงองค์ประกอบหลายด้านที่มีอิทธิพลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน เช่น หลักสูตรเนื้อหา อาจารย์ผู้สอน กิจกรรมการเรียนการสอน ปัจจัยที่ส่งเสริมการเรียนการสอน การประเมินผลการเรียนการสอน เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เป็นองค์ประกอบที่สำคัญ และถ้านักเรียนมีความรู้สึกพึงพอใจต่อองค์ประกอบเหล่านี้นักเรียนจะมีทัศนคติที่ดีต่อการเรียน มีแรงจูงใจที่จะเรียน ทำให้ปรารถนาที่จะค้นหาความรู้อย่างเต็มความสามารถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนักเรียนมีความพึงใจเป็นแรงผลักดัน ดังที่ นิวคอมบ์(Newcomb. 1954 : 128) ให้ความเห็นว่า เมื่อมนุษย์ได้รับความพึงพอใจ ก็จะแสดงพฤติกรรมออกในลักษณะพอใจ เห็นด้วย ทำให้คนอยากได้ อยากปฏิบัติ เมื่อเป็นเช่นนี้นักเรียนย่อมจะต้องมีความพยายามและสนใจเรียนยิ่งขึ้น เพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จ
แนวทางการจัดการเรียนการสอนที่เน้นคุณภาพ
โรงเรียนดีมีคุณภาพจัดการเรียนการสอนที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนจัดโครงสร้างการบริหารที่มุ่งสนับสนุนการเรียนการสอน โรงเรียนออกแบบโปรแกรมเรียนเพื่อประกันความสำเร็จในการเรียนของนักเรียน ครูและผู้บริหารมีความเชื่อว่านักเรียนทุกคนมีความสามารถที่จะเรียนได้และถือว่าเป็นความรับผิดชอบของพวกเขาที่จะต้องทำให้นักเรียนทุกคนเรียนรู้ได้จริง ครูและผู้บริหารต่างเชื่อมั่นในความสามารถของตนเองว่าสามารถทำให้นักเรียนเรียนรู้ได้ ครูแจ้งความมุ่งหวังในตัวนักเรียนให้นักเรียนได้ทราบ จัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพแก่นักเรียน ปรับปรุงการเรียนการสอนให้ตอบสนองต่อความต้องการของนักเรียน เตรียมการเพื่อป้องกันความผิดพลาด ที่อาจจะเกิดการเรียนของนักเรียน ใช้ยุทธศาสตร์ในการสอนหลากหลายวิธี(สงบ ประเสริฐพันธุ์ 2543, หน้า 84)ในแผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2540-2544)ได้ให้ความสำคัญของการพัฒนาคุณภาพของคนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยได้กำหนดแผนงานหลักเพื่อพัฒนาการศึกษา ในช่วงปี 2540 2544 เรื่องการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน ให้มีแนวทางและมาตราการด้านการปรับปรุง การจัดกระบวนการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพ(สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. 2539 : 70-71)โดย
กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการศึกษามีหน้าที่เกี่ยวข้องกับบุคคลและหน่วยงานต่างๆมากมาย เพื่อความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความเข้าใจที่ตรงกัน และความร่วมมือระหว่างทุกฝ่ายเป็นสำคัญ จึงได้กำหนดแนวทางการปฎิรูปการศึกษาขึ้น ซึ่งเป็นการปรับปรุงการดำเนินงานของกระทรวงศึกษาธิการ โดยการเลือกสรรค์เปลี่ยนแปลงและเพิ่มเติมแนวทางการดำเนินงานที่มีอยู่เดิมด้วยความคาดหมายว่าจะสามารถแก้ปัญหาและอุปสรรคที่มีอยู่เดิมให้เบาบางลงหรือหมดไป และสามารถพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้บรรลุถึงจุดมุ่งหมายของการปฏิรูปการศึกษา เพื่อสร้างบุคคลแห่งการเรียนรู้ องค์การแห่งการเรียนรู้ และสังคมแห่งการเรียนรู้ให้เกิดขึ้น ในการปฏิรูปโรงเรียนและสถานศึกษา เร่งรัดให้โรงเรียนและสถานศึกษาทุกระดับจัดการศึกษาให้มีมาตรฐานคุณภาพที่ทัดเทียมกัน และให้กระจายการจัดบริการครอบคลุมทุกพื้นที่ (กระทรวงศึกษาธิการ. 2538 : 1-3) คือ (1) จัดทำแผนที่ตั้งสถานศึกษา(School Mapping) ของโรงเรียน (2) กำหนดขนาดของโรงเรียนและสถานศึกษาระดับต่างๆ ในแต่ละภูมิภาค เพื่อให้ได้ขนาดโรงเรียนที่สามารถจัดกิจกรรม การเรียนการสอนอย่างมีคุณภาพ ประสิทธิภาพและเหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น (3) กำหนดเกณฑ์มาตราฐานขั้นพื้นฐาน ในด้านบรรยากาศของการจัดการศึกษาด้านการเรียนการสอน ด้านอาคารสถานที่ ด้านสิ่งอำนวยความสะดวก ด้านอุปกรณ์การเรียนการสอน ด้านบุคลากรที่สอดคล้องกับแนวโน้มการพัฒนาทางสังคม และเศรษฐกิจ (4) ให้โรงเรียนแต่ละโรงที่มีอยู่เดิม และที่จะสร้างขึ้นใหม่มีผังแม่บทอย่างเต็มรูปแบบอีกทั้งการออกแบบและการจัดสร้างอาคารเรียน รวมทั้งการจัดบรรยากาศในการเรียนการสอน และสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน ต้องให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นอยู่ และมุ่งรักษาศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่น (5) กระจายอำนาจการกำหนดนโยบาย การบริหารโรงเรียนและสถานศึกษาทุกระดับ (6) ให้องค์การติดตามและประเมินผลการดำเนินงานและประเมินมาตรฐานโรงเรียนเพื่อให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพการศึกษา เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาในอนาคต จากแนวความคิดของ มะเดื่อ เสมา(2537) ได้กล่าวว่า การจัดโรงเรียนให้มีคุณภาพโดยการเริ่มต้นที่ขนาดของโรงเรียน คือ ทำโรงเรียนให้มีขนาดเท่ากันเพื่อให้พร้อมที่จะจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่มีคุณภาพจะไม่มีโรงเรียนขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ต้องมีการพัฒนาที่คุณภาพเอาตัวคุณภาพมากำหนดระดับตำแหน่ง ซึ่งสอดคล้องกับแนวความคิดของ ลิขิต เทอดสถีรศักดิ์ (2539) ที่กล่าวว่า หน้าที่ของสภาการศึกษาต้องพัฒนาโรงเรียนให้มีมาตรฐานเท่ากัน คือ มาตรฐานของการเรียนการสอน โดยครูจะต้องมีคุณวุฒิหรือขีดความสามารถเป็นที่ยอมรับของชุมชนเท่ากัน จำนวนครูทุกโรงเรียนต้องมีสัดส่วนเท่ากันนักเรียนก็มีสัดส่วนเท่ากัน และต้องให้ครูมีรายได้ดีขึ้น และเพื่อเป็นการสนองแนวทางการปฎิรูปการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการจึงได้กำหนดบัญญัติ 10 ประการขึ้น(กระทรวงศึกษา. 2538 : 13-14) โรงเรียนที่ได้มาตรฐานหรือโรงเรียนอุดมคติ จะต้องมีองค์ประกอบ 10 ประการ ดังต่อไปนี้
สงบ ประเสริฐพันธุ์ ได้ให้ความคิดเห็นเรื่องคุณภาพของโรงเรียนไว้ว่า ผู้บริหารโรงเรียนปล่อยการจัดการเรียนการสอนในระดับมัธยมศึกษาในประเทศไทยนั้นอ่อนแอไปมาก เพราะการจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นให้นักเรียนสอบเรียนต่อ
องค์ประกอบด้านหลักสูตรเนื้อหาวิชา
จุดมุ่งหมายของหลักสูตรเป็นแนวทางสำคัญยิ่งในการจัดการเรียนการสอน เพราะเป็นแนวทางกำหนดทิศทางของผู้เรียน เป็นเครื่องชี้ให้ผู้สอนและผู้เรียนรู้ว่าจะต้องจัดการเรียนการสอนอย่างไร แค่ไหน และด้วยวิธีการใดนั่นคือ จุดมุ่งหมายจะเป็นส่วนที่กำหนดคุณลักษณะหรือพฤติกรรมที่พึงปรารถนาจะให้เกิดกับผู้เรียน หรือการกำหนดพฤติกรรมการเรียนรู้ที่ต้องการปลูกฝังให้แก่ผู้เรียน เช่น ความคิด ความเข้าใจ ความมีเหตุผล วิจารณญาณ ทัศนคติที่ดี เป็นต้น ส่วนเนื้อหานั้น เป็นส่วนหนึ่งที่กำหนดสาระหรือรายละเอียดของประสบการณ์การเรียนรู้ที่เหมาะสม เพื่อเป้นสิ่งเร้าหรือเครื่องมือชักนำให้ผู้เรียนเกิดพฤติกรรมการเรียนรู้ และใช้ประโยชน์ในชีวิตภายภาคหน้าสืบต่อไป นั่นคือสิ่งที่ผู้สอนจะต้องสอนให้แก่ผู้เรียนนั่นเอง เนื้อหาจึงเปรียบเสมือนเครื่องมือที่จะนำไปสู่จุดมุ่งหมายของการศึกษา(พรรณี แผลงจันทึก)
ปัจจุบันวิทยาการก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว สภาพสังคมก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น การกำหนดเนื้อหาวิชาที่เรียนต้องเป็นเนื้อหาที่ถูกต้องสอดคล้องกับความเป็นจริงดังที่ ทาบา ได้กำหนดแนวทางในการคัดเลือกเนื้อหาวิชาไว้ดังนี้
ความสอดคล้องกับความต้องการและความสนใจของผู้เรียน การเรียนรู้ของผู้เรียนจะได้ผลดีนั้นต้องเกิดขึ้นจากความต้องการและความสนใจของผู้เรียนเอง ดังนั้น ในการพิจารณากำหนดเลือกเนื้อหาวิชา ผู้สอนควรคำนึงถึงองค์ประกอบเหล่านี้ ตลอดจนการก่อให้เกิดแรงจูงใจให้ผู้เรียนสนใจในเนื้อหาวิชาดังกล่าว
สุจริต เพียรชอบ (2521 : 1) ได้ให้ความหมายของหลักสูตรว่า หลักสูตร หมายถึง มวลประสบการณ์หรือกิจกรรมต่างๆที่สถาบันการศึกษาจัดขึ้นทั้งในและนอกชั้นเรียน เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและช่วยให้เกิดการพัฒนาทุกด้าน
ภิญโญ สาธร (2523 : 439) กล่าวถึง หลักสูตรว่า หลักสูตร คือ บรรดาประสบการณ์ต่างๆที่สถานศึกษาจัดขึ้นให้แก่ผู้เรียนตามระดับชั้น ตามความต้องการ ตามวัย ความสนใจ และความต้องการทางสังคม รวมทั้งประสบการณ์ที่จัดขึ้นภายในและภายนอกเวลาเรียน
สุมิตร คุณานุกร (25232 : 129) ให้ความหมายของหลักสูตรว่า หลักสูตรหมายถึง โครงการที่ประมวลความรู้ และประสบการณ์ทั้งหลายที่สถาบันการศึกษามุ่งจัดให้ผู้เรียน
ไพศาล หวังพานิช (2530 : 176) ยังชี้ให้เห็นว่า หลักสูตรมีความสำคัญอย่างมากในการจัดการศึกษาทุกระดับ เพราะทำหน้าที่เป้ฯตัวกำหนดโครงการหรือแผนปฎิบัติเป็นแนวทางของการเรียนการสอนที่ช่วยให้ผู้เรียนไปสู่จุดมุ่งหวังของสังคมหรือชาติบ้านเมือง นอกจากนี้ สันต์ ธรรมบำรุง (2527 : 9-10) ยังให้ความสำคัญของหลักสูตร ดังนี้
รุ่งทิวา จักร์กร (2527 : 6-7)ได้เสนอลักษณะของหลักสูตรที่ดี ไว้ดังนี้
สุบิน ปิ่นขยัน (2530 : 5) ให้ข้อคิดเห็นเพิ่มเติมว่า หลักสูตรที่ดีควรจะต้องมีลักษณะดังนี้
องค์ประกอบด้านอาจารย์ผู้สอน
คุณภาพของการศึกษาจะดีหรือไม่เพียงใดนั้นย่อมเป็นผลโดยตรงจากการสอน การสอนที่จะประสบความสำเร็จจะต้องขึ้นอยู่กับตัวผู้สอน คือ ครูอาจารย์เป็นสำคัญ ซึ่งในด้านพฤติกรรมของครูที่ครูนั้นได้แสดงออกมาเป็นจะเป็นการกระตุ้นและยั่วยุที่จะช่วยให้นักเรียนได้รับความรู้และประสบการณ์ให้มากที่สุดในการเรียนรู้ ครูควรแสดงพฤติกรรมทั้งในด้านคำพูดกริยาท่าทาง สีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ด้วยความรักความเมตตาอย่างยิ่ง และมีเหตุผลด้วยความสม่ำเสมอ เพราะนักเรียนจะรู้และเข้าใจดีว่า ครูของเขามีความรักและจริงใจต่อเขาเพียงใดโดยไม่สามารถปิดบังอำพรางได้เลย สิ่งต่างๆเหล่านี้จะเป็นแม่แบบของนักเรียนและมีผลทางด้านจิตใจต่อการแสดงความเคารพรักศรัทธาในตัวครูของเขาด้วยความจริงใจ หากครูสามารถครอบครองหัวใจของนักเรียนได้แล้ว ความรู้สึกที่ดีต่อกันจะสร้างสรรค์บรรยากาศการเรียนการสอนที่สดชื่น ความรักความผูกพัน เอื้ออาทร ให้อภัยกันตลอดไปครูควรให้ความรักความเมตตา และมีมนุษยธรรมกับนักเรียนทุกคนด้วยความจริงใจ เสียสละ ใกล้ชิดผูกพัน เป็นทั้งเพื่อน พี่ บิดา มารดา ที่มีความปรารถนาดี ร่วมทุกข์ร่วมสุข สามารถเข้าไปในโลกแห่งความคิด ความรู้สึกของนักเรียนแต่ละคนได้ นพพร พานิชสุข (2527 : 24) กล่าวถึงความสำคัญของครูอาจารย์ว่า ปัจจุบันสังคมยังคงให้การยกย่องเทิดทูนอาชีพครูมาโดยตลอด ดังจะเห็นได้จากในแต่ละปีจะจัดให้มีพิธีไหว้ครูขึ้น กรมการฝึกหัดครู(2520 : 363-371) ได้ทำการวิจัยเรื่องลักษณะของครูที่ดีโดยการสอบถามจากบุคคลหลายฝ่าย คือ จากตัวนักเรียน ผู้ปกครอง ครู ศึกษานิเทศน์ ผู้บริหารการศึกษา และผู้ทรงคุณวุฒิ ผลการวิจัยสรุปได้ว่า ลักษณะของครูที่ดีมีดังนี้นอกจากนี้ ชาญชัย อินทรประวัติ (2523 : 33-35) ได้เสนอข้อคิดเห็นของครูผู้สอนที่ดีควรมีคุณสมบัติดังนี้
ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช (2528 : 99-106) ได้สรุปความเห็นลักษณะของอาจารย์ที่ดีในความรู้สึกของคนไทยว่า ต้องเป็นผู้ที่มีความรู้สูง มีความสามารถในการเป็นครู ถ่ายทอดได้แจ่มแจ้ง ต้องทันต่อการเปลี่ยนแปลงความก้าวหน้าวิชาการ ต้องติดตามความก้าวหน้าความเปลี่ยนแปลงต่อทฤษฎีใหม่ๆตลอดเวลา เพื่อให้ศิษย์มีความรู้ความก้าวหน้าทันสมัยอยู่เสมอ และลักษณะที่สำคัญอีกประการ คือ ต้องมีความอดทนหรือขันติธรรมและความมีเมตตาธรรม
คุณลักษณะของผู้สอนตามมาตรฐานคุณภาพทางการศึกษา ที่ต้องการ
จากการความคิดเห็นของบุคคลต่างๆข้างต้น พอจะสรุปได้ว่า องค์ประกอบด้านอาจารย์ผู้สอนนั้นมีส่วนสำคัญต่อการจัดการเรียนการสอน ถ้าได้มีอาจารย์ที่มีคุณลักษณะที่ดีและเหมาะสมแล้วก็จะทำให้การเรียนการสอนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อันจะนำมาซึ่งความสำเร็จของผู้เรียน ซึ่งสามารถพิจารณาคุณลักษณะของอาจารย์ดีได้จากองค์ประกอบในเรื่องต่อไปนี้
องค์ประกอบด้านกิจกรรมการเรียนการสอน
กาญจนา บุญรมย์ (2523 : 139) ชี้ให้เห็นว่า ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของการเรียนการสอน และองค์ประกอบที่สำคัญของการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ คือ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนนั้นเอง ในบรรดาสิ่งที่ประกอบขึ้นในด้านการเรียนการสอนของครูนั้น ผกา สัตยธรรม (2524 : 18)กล่าวว่า สิ่งที่เป็นปัญหามากที่สุดคือกิจกรรม เพราะกิจกรรมเป็นกลไกที่สำคัญที่ทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้ ซึ่ง สุมิตร คุณานุกร (2523 : 137) ได้กล่าวถึงกิจกรรมการเรียนการสอนว่าเป็นกระบวนการจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยวิธีต่างๆ เพื่อช่วยให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาการไปตามเป้าหมายที่หลักสูตรต้องการ ซึ่งกิจกรรมการเรียนการสอนนี้ ได้แก่ วิธีการสอนของอาจารย์ กิจกรรมหรืองานที่ผู้เรียนจะต้องกระทำ ดังนั้นแนวการจัดกิจกรรมหรือการสอนนี้ย่อมแตกต่างกันไปตามสภาพและลักษณะธรรมชาติของเนื้อหาวิชา และลักษณะของผู้เรียนในปัจจุบันวิทยาการต่างๆ กำลังเจริญก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ววิธีการสอนเป็นสิ่งหนึ่งที่มีการพัฒนาเพื่อให้สอดคล้องกับการศึกษาที่เปลี่ยนแปลงดังนั้นอาจารย์ผู้สอนจึงต้องรู้จักใช้วิจารณญาณ นำการสอนแต่ละวิธีมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม ดังที่ ชมเพลิน จันทร์เรืองเพ็ญ (2519 : 48) กล่าวว่า การเรียนการสอนจะบรรลุผลสำเร็จตามจุดมุ่งหมายได้ อาจารย์ผู้สอนจะต้องรู้จักและเข้าใจรายระเอียดของวิธีการสอนแต่ละวิธีว่ามีลักษณะอย่างไร จะช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาไปในทางใด จะใช้วัสดุอุปกรณ์กิจกรรมอย่างไร ตลอดจนข้อจำกัดของวิธีสอนนั้นๆ เนื่องจากไม่มีวิธีสอนแบบใดดีที่สุดหรือถูกต้องที่สุดในทุกเนื้อหาวิชา ในการที่จะตัดสินใจใช้วิธีการสอนแบบใดๆนั้น สุกัญญา โฆวิไลกุล(2530 : 64-65) กล่าวว่า ผู้สอนจะต้องพิจารณาปัจจัยหลายประการ เช่น ความรู้ในเทคนิควิธีการสอนของผู้สอน วัสดุและอุปกรณ์ประกอบการเรียนการสอน จำนวนผู้เรียน พื้นความรู้ของผู้เรียน เนื้อหาที่จะสอน ทั้งนี้เพื่อที่จะให้เหมาะสมกับสภาพการณ์อันจะทำให้การเรียนการสอนบรรลุผลอย่างมีประสิทธิภาพสูง จึงได้เสนอแนวทางในการคิดหาวิธีการสอนไว้ดังนี้จะเห็นได้ว่ากิจกรรมการเรียนการสอนนั้นมีความสำคัญต่อผู้เรียนอย่างยิ่ง หากผู้เรียนไม่มีส่วนร่วมในกิจกรรมก็จะขาดโอกาสในการพัฒนาตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมที่สนับสนุนให้ผู้เรียนคิดเอง ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนเกิดความเจริญงอกงามทางสติปัญญา เกิดทักษะ ดังนั้น หากผู้สอนจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้เหมาะสม ให้ผู้เรียนศึกษาได้เต็มความสามารถแล้วก็จะทำให้นักเรียนเป็นคนที่มีคุณภาพการจัดการเรียนการสอนที่เน้นคุณภาพนั้นคุณภาพของการจัดการเรียนรู้เป็นส่วนสำคัญตัวหนึ่ง ซึ่งถ้าสถานศึกษาได้ปฏิบัติตามเป้าหมายที่กำหนดไว้แล้วนั้นก็จะทำให้การจัดการเรียนรู้ของสถานศึกษานั้นผลิตคนที่มีคุณภาพได้ซึ่งคุณภาพการจัดการเรียนรู้มี 2 ประการ คือ 1.การเรียนรู้
2.การจัดการเรียนรู้ ในด้านการเรียนรู้นั้น เป้าหมายของการเรียนรู้ ต้องการให้
ส่วนในด้านของการจัดการเรียนรู้นั้นมีวัตถุประสงค์ คือ สถานศึกษามีวัตถุประสงค์ให้ผู้เรียนแต่ละคนได้มีประสบการณ์ในการเรียนรู้อย่างกว้างขวาง
ซึ่งเป้าหมายของการจัดการเรียนรู้นั้นมีดังนี้
ดังนั้นเราสรุปได้ว่า องค์ประกอบด้านกิจกรรมการเรียนการสอนนั้นจะต้องพิจารณาเกี่ยวกับวิธีการสอนของอาจารย์ กิจกรรมหรืองานที่ผู้เรียนจะต้องทำแต่ทั้งนี้การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน จะต้องคำนึงถึงสภาพที่แตกต่างกัน ลักษณะธรรมชาติของเนื้อหาวิชา และลักษณะของผู้เรียนควบคู่กันไป
องค์ประกอบด้านปัจจัยส่งเสริมการเรียนการสอน
ปัจจัยที่ส่งเสริมการเรียนการสอน หมายถึง สิ่งต่างๆ ที่อยู่แวดล้อมตัวผู้เรียนที่มีผลให้การเรียนการสอนของนักเรียนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของสถานศึกษาที่จะต้องจัดสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้และพัฒนาการด้านต่างๆ ให้แก่ผู้เรียนการจัดสิ่งแวดล้อมด้านการเรียนการสอนทั้งภายในและภายนอกห้องเรียน ตลอดจนการจัดบริการเพื่อส่งเสริมสนับสนุนทางวิชาการต่างๆ ที่จะทำให้นักเรียนได้รับความรู้ ประสบการณ์ให้มากที่สุด ภายใต้บรรยากาศที่มีชีวิตชีวา แจ่มใส น่าเรียนรู้ เรียนสนุก รักเพื่อน ไม่มีสภาพแห่งความกลัว หวาดผวา วิตกกังวล ครูอาจารย์มีความกระตือรือร้นในการเร่งเร้าให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ในการพัฒนาตนเองมีความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม รู้จักหาเทคนิคหรือกระบวนการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับนักเรียนมาช่วยเสริม เปลี่ยนแปลงวิธีสอนเพื่อลดความเบื่อหน่ายซ้ำซากจำเจ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ตรงตามจุดประสงค์ ส่งเสริมความสามารถของแต่ละบุคคลให้นักเรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียนการสอนแล้วดำเนินกิจกรรมด้วยความเป็นกันเอง ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ส่งเสริมการเรียนเป็นกลุ่มช่วยกันคิดช่วยกันทำระหว่างผู้สอนและผู้เรียน(อภิชาติ บัวทอง 2541 หน้า 34) โดย วิชัย วงษ์ใหญ่ (2537 : 119) ได้กล่าวถึงองค์ประกอบที่มีอิทธิพลและส่งผลทำให้บรรยากาศในชั้นเรียนมีลักษณะที่ส่งเสริมหรือขัดขวางการเรียนรู้ของผู้เรียน ครูผู้สอนต้องคำนึงถึงอยู่ตลอดเวลา ในการจัดกระบวนการเรียนการสอน คือ (1) การร่วมมือและการแข่งขันของผู้เรียนในชั้นเรียน ประกอบด้วย บรรยากาศที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนร่วมมือกันแก้ปัญหาการให้แรงเสริมรางวัล (2)ลักษณะพฤติกรรมและบุคลิกภาพของผู้สอนจะมีอิทธิพลต่อการเรียนของผู้เรียน (3) การร่วมมือระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน คำนึงถึงวัตถุประสงค์การเรียนเป็นสำคัญ (4) ความรู้สึกและเจตคติของผู้เรียนที่มีต่อกลุ่มเพื่อน ผู้สอน และโรงเรียนจะมีผลกระทบต่อการเรียนรู้ มีความสอดคล้องกับผลการวิจัยของ พันธณีย์ วิหคโต (2537) ที่ศึกษาต่อการจัดการเรียนการสอนของครูดีเด่นวิชาภาษาไทยและวิชาคณิตศาสตร์ พบว่า การสร้างปฎิสัมพันธ์ของครูกับนักเรียนอยู่ในระดับดี คือ สร้างบรรยากาศในห้องเรียนให้เอื้อต่อการเรียนการสอน ได้แก่ การจัดห้องเรียนให้น่าอยู่ น่าเรียน การสร้างบรรยากาศ การเรียนให้สนุกสนาน มีการแก้ไขข้อบกพร่องหรือข้อผิดพลาดทันทีที่พบโดยการแนะนำและอธิบายข้อผิดพลาดมีการกระตุ้นให้นักเรียนได้คิดหาเหตุผลให้เกิดความเข้าใจ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีเป็นกันเองกับนักเรียนใกล้ชิด เอาใจใส่ดูแลอย่างใกล้ชิด และมีความสนใจ นักเรียนที่มีปัญหาเป็นรายกรณี และซ่อมแก้ไขเป็นรายบุคคล สภาพแวดล้อมที่ดีจะทำให้ทุกคนมีความสุข มีความมั่นใจ และตระหนักในคุณค่าของตนเอง และ เพ็ญศรี กันกา (บนเส้นทางความรับผิดชอบ : บทบาทและหน้าที่ของครูประจำชั้น. 2531 : 23) ได้กล่าวว่าการจัดบรรยากาศของการเรียนการสอนถือเป็นปัจจัยที่สำคัญมากในการพัฒนาการเรียนการสอนให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดดังนั้นการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ส่งผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนพัฒนาเสริมสร้างคุณลักษณะค่านิยมของผู้เรียนให้เป็นไปในทิศทางที่พึงประสงค์ การเรียนการสอนนั้นมีองค์ประกอบทางด้านสิ่งแวดล้อมในการเรียนที่ละเอียดอ่อนและมีความสำคัญเท่าเทียมกันกับเนื้อหาวิชาและจุดประสงค์การเรียน ผู้สอนจะต้องพิจารณเลือกใช้สภาพสิ่งแวดล้อมที่ดีในการเรียนการสอนนั้น คือ บรรยากาศที่ยกย่องและส่งเสริมความสำคัญของผู้เรียน มีความรู้สึกร่วมสมัยขจัดช่องว่างระหว่างกันและกัน ให้ความเป็นอิสระ และใช้ความสามารถของผู้เรียนมาเป็นประโยชน์ในการฝึกอบรม ท่าทีและพฤติกรรมของผู้สอน จะต้องแสดงออกว่าผู้สอนมีความปรารถนาดี ยกย่องและนับถือ สนใจปัญหาของผู้เรียนอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นการสร้างบรรยากาศแห่งความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ทั้งนี้จะต้องคำนึงถึงความต้องการของผู้เรียนเป็นหลัก มากกว่าความต้องการของผู้สอนซึ่งพอสรุปได้ดังแผนภูมิที่ 1 (วิชัย วงษ์ใหญ่. 2537 : 122-123)
ผู้สอน : รู้สึก |
|
บรรยากาศ |
|
ผู้เรียน:รู้สึก |
|
ผลที่มีต่อการเรียนการสอน |
|
แผนภูมิที่ 1 การจัดบรรยากาศการเรียนการสอน
นอกจากบรรยากาศภายในห้องแล้วสภาพแวดล้อมในโรงเรียนมีอิทธีพลต่อการเรียนรู้ต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน สามารถส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านความรู้ อุดมคติ ทักษะ พฤติกรรม และบุคลิกภาพของผู้เรียนไปสู่จุดหมายของสถานศึกษา ดังที่ สุปรีชา หิรัญโร (2526 : 182) กล่าวว่า สภาพแวดล้อมที่ดีช่วยทำให้ผู้เรียนเกิดความรู้สึกที่ดีต่อการเรียนรู้นอกจากนี้ยังมีอิทธิพลต่อการหล่อหลอมพฤติกรรม ทัศนคติ ค่านิยม สติปัญญา และสังคมของผู้เรียนและผู้สอนอีกด้วย และพันทิพา อุทัยสุข (2525 : 175, 204) ชี้ให้เห็นว่า สภาพห้องเรียนที่คับแคบ อากาศร้อนอบอ้าว มีเสียงรบกวนเหล่านี้จะทำให้ผู้เรียนเกิดความกดดันหรือเกิดความคับข้องใจ อันเป็นอุปสรรคต่อการเรียนการสอน การปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางการเรียนการสอนจะสามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเชื่อมั่นในตนเองขึ้น ทำให้ผ่อนคลายความกดดัน ซึ่งเป็นผลดีต่อการเรียนการสอน ดังนั้น การปรับปรุงสภาพแวดล้อมต่างๆ รอบตัวผู้เรียน ปัญญา สมบูรณ์ศิลป์ (2523 : 21-26) กล่าวว่า จะเป็นการป้องกันและส่งเสริมสุขภาพของผู้เรียนอีกด้วย
ห้องเรียน
ห้องเรียนจัดเป็นสภาพแวดล้อมทางกายภาพที่สำคัญยิ่ง วิจิตร วรุตบางกูร (2524 : 94) กล่าวว่า ห้องเรียนไม่ว่าจะเป็นห้องใหญ่หรือเล็กควรจะต้องเป็นห้องที่สนับสนุนหรือเอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้ตามหลักสูตรที่กำหนดในเรื่องนี้ เฮนรี่ (ประพัฒน์ จำปาไทย 2524 : 52-53 อ้างอิงมาจาก Henry. 1957 : 117-133) ได้กล่าวถึงห้องเรียนว่า เป็นสถานที่ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่ง สำหรับการสร้างทัศนคติและพฤติกรรมของผู้เรียนว่าจะออกมาในรูปแบบใด ดังนั้นในการจัดห้องเรียนจะต้องคำนึงถึงขนาดของห้องเรียน แสง สี เสียง อุณหภูมิภายในห้องเรียน ซึ่ง วิจิตร วรุตบางกูร (2524 : 151-185) กล่าวว่า สิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวกับความร้อนหนาว สี แสง เสียง เหล่านี้ส่งผลต่อทัศนคติและจิตใจของผู้ใช้อาคารนั้นๆดังนี้
ในการจัดห้องเรียนให้มีบรรยากาศที่น่าอยู่เป็นสถานที่ให้การค้นคว้าทำกิจกรรมสร้างประสิทธิภาพในการเรียนรู้นั้น ชลิต พุทธรักษา (2526 : 122-125)ได้เสนอแนะหลักในการจัดห้องเรียนดังนี้
จะเห็นได้ว่าห้องเรียนนั้นเป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งประการหนึ่งต่อการจัดการเรียนการสอน ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน ดังนั้นห้องเรียนจึงเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งเสริมให้การเรียนการสอนมีคุณภาพมากขึ้นดังนั้นห้องเรียนควรมีลักษณะที่เอื้ออำนวยต่อการเรียนการสอนคือ จะต้องมีลักษณะแวดล้อมที่ดี เช่น แสงสว่าง สี อุณหภูมิที่เหมาะสมตลอดจนไม่มีเสียงรบกวน
ห้องสมุด
ห้องสมุดจัดเป็นแหล่งวิทยาการที่ช่วยส่งเสริมการเรียนการสอนให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น เป็นศูนย์กลางแห่งการศึกษาค้นคว้างแลกเปลี่ยนความคิด ความรู้ ห้องสมุดเป็นสถานที่ให้การศึกษาและเพิ่มพูนความรู้ของผู้สอนและผู้เรียน ดังนั้นห้องสมุดจึงเป็นหัวใจของการศึกษา ส่วนประกอบของห้องสมุดที่สำคัญ มีดังนี้
สรุปได้ว่า ห้องสมุดเป็นแหล่งวิทยาการที่เป็นปัจจัยที่สำคัญในการส่งเสริมการเรียนการสอน และเป็นหัวใจของการศึกษาในทุกระดับ
โสตทัศนูปกรณ์
โสตทัศนูปกรณ์ หมายถึง อุปกรณ์ต่างๆซึ่งอาจจะเป็นวัสดุ เครื่องมือ เครื่องใช้ หรือกิจกรรมต่างๆ ที่ผู้สอนสามารถนำมาใช้ประกอบการเรียนการสอน เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างดีที่สุด ดังนั้น โสตทัศนูปกรณ์จึงเป็นสิ่งแวดล้อมทางการเรียนการอสนประเภทหนึ่งที่ช่วยให้การเรียนการสอนมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ดังที่ วิจิตร ศรีสอ้าน (2518 : 52-53) กล่าวว่าการเรียนการสอนจะดีหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่นระบบการวัดผลที่มีประสิทธิภาพ ระบบการบริการห้องสมุด โสตทัศนศึกษา ศูนย์เอกสาร ศูนย์หนังสือ วัสดุอุปกรณ์ทางการศึกษา และเทคโนโลยีใหม่ๆ สิ่งเหล่านี้จะช่วยเร้าให้ผู้เรียนสนใจที่จะเรียน ทั้งยังช่วยให้ผู้เรียนจดจำได้นานอีกด้วย ปราณี ภาสกรณ์ (2514 : 150) ได้กล่าวเสริมไว้ว่า อุปสรรคที่ทำให้การเรียนการสอนไม่บรรลุผลตามเจตจำนงของการศึกษา คือ การขากอุปกรณ์การสอน เพราะอุปกรณ์การสอนจะช่วยให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้โดยการผ่านทางประสาทสัมผัสหลายทางในเวลาเดียวกัน เช่น ได้ยิน ได้เห็น ได้จับต้อง ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนเรียนรู้ได้เร็วกว่าการสอนด้วยปากเปล่า ดังนั้น ในการสอนหากผู้สอนเตรียมตัวในการใช้อุปกรณ์ประกอบการสอนมาพร้อมแล้ว อุปกรณ์การสอนย่อมให้เกิดผลดีกว่าการสอนที่ใช้เพียงชอล์คกับกระดานดำ เราสรุปได้ว่า โสตทัศนูปกรณ์มีบทบาทสำคัญยิ่งในการส่งเสริมการสอนให้มีประสิทธิภาพ การสอนโดยใช้โสตทัศนูปกรณ์จะช่วยให้การสอนมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น การสอนโดยใช้โสตทัศนูปกรณ์จะช่วยให้ประหยัดเวลาในการเรียนการสอน ขณะ