:: ท. เที่ยว :: » ซำบายดี
ลาว
» ของฟรีที่ สมุย
» จดหมายเหตุกรุงศรี ฯ
:: บ. บันทึก
:: ล. ลิงค์
:: ก. เกสบุค
:: ม. เอวเมว
:: ฮ. โฮม
|
|
 |
ศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2546
" ติ้ว ติ่ว
.ๆๆๆๆ
"
หะโหล ๆ
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขัดจังหวะความสนุก
ของเราที่กะลังมันกะเพลงคาราโอเกะ
ในงานเลี้ยงอำลาของกลุ่ม คืนวันศุกร์
.
และครั้งนี้ก็เป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่จะเฮ้ว ๆ ด้วยกัน
กับเพื่อน ๆ ผมทดคำชักชวนเกิน 3 ครั้งไม่ไหว จึงตัดสินใจ
ติดสอยห้อยตามอยู่ท้ายรถกระบะ
งานนี้เริ่มจากการร่วมทานอาหารที่ร้านหรู
จากนั้นก็ไปกันต่อ แม้ว่าสายฝนจะโปรยปราย
แต่คณะผู้แสวงบุญ (มั้ง) ก็ไม่ได้ลดละความพยายาม
..
ผมเอาโทรศัพท์แนบหูแล้วเดินออกจากห้องคาราโอเกะ
ออกมาด้านนอก
.. สำเนียงที่ได้ยิน
มันฟังดูทะแม่ง ๆ ก็เลยถามไปว่าใครพูด
..ต้นสายเงียบไป 3 วินาที แล้วก็พูดตอบกลับด้วยภาษา
ต่างด้าว อ้า
โช่ง เช่ง ๆ ๆ
เราสนทนากันด้วยภาษาอีกภาษานึง
"Okay
You wait me there, I will go in 30 minutes."
" I sit down here and wait you. Okay !! "
เกิดอาการตกอกตกใจเล็กน้อย
ก็คนที่คุยด้วยเป็น โนริโอะ เพื่อนทาง เนต
ที่คุยกันทางอีเมลล์เมื่อ 3 เดือนก่อน
วันก่อนโทรคุยกันบอกว่าจะมาวันพรุ่งนี้นี่หว่า
ไหง !! เร็วจนไม่ทันตั้งตัว
ตอนนี้มาบอกว่านั่งรออยู่ที่ สถานีรถปรับอากาศแล้ว
..ใครมันจะตั้งตัวทันวะ
" อุ้ย
ขอโทษนะ พาเราไปรับเพื่อนหน่อย
ที่ สถานีปรับอากาศ มันมาหาเรา ตอนนี้กะลังนั่งรออยู่
หลังจากนั้น 10 นาที อุ้ยก็ขับรถกระบะไปส่งที่จุดนัดพบ
ผมลงรถไปเดินดู
อ้าว..ตายห่า !!!
แล้วจะรู้หรือวะว่าใครคือ โนริโอะ หน้าตารูปถ่าย ไม่รู้
ลืมถามด้วยว่าใส่เสื้อสีไหนแต่มันบอกว่าจะนั่งรอ
เพราะฉะนั้นใครที่ยืนไม่ใช่แน่ ๆ
ผมเดินดุ่ย ๆ เข้าไปในที่รอรถ แต่..
ไม่เห็นมีใครที่หน้าตาพอจะเป็นคนญี่ปุ่น
อายุ 19 เลยสักคน
ใครว่ะ
คนก็ไม่เยอะแต่ก็ไม่เห็น
พอดีเหลือบไปเห็นไอ้หนุ่มคนหนึ่งหน้าตาแปลก ๆ ก็คิดว่า
น่าจะใช่แน่ ๆ เลยมุ่งตรงเข้าไปหาพร้อมเตรียมคำถามไว้ในใจ
" Anata wa Norio desu ka? "
ได้ผลเกิดคาดเอาไว้
เขาเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
ทำหน้าตาตกใจ ยังกะว่าผมไม่ได้ เน้นเสียงสูงท้ายประโยค
ให้เป็นประโยคคำถามยังไงยังงั้น
ทันใดนั้น ผมก็ตระหนักทันทีว่า
แกคงไม่ใช่เป้าหมายแน่ ๆ ก็เลยขอโทษและไสหัวไป
10 นาทีไม่เห็น ก็เลยให้อุ้ยขับรถพาไปดูที่ บขส.
แต่จากการสังเกต ไม่พบว่ามีใครหน้าตาต่างจากเราเลย
และแม่ค้ายืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า
รถจากพัทยาจะเข้าตอนตี 2
แล้วอุ้ยคนเดิมก็ขับรถมาส่งที่เดิม
คราวนี้ช่วยกันลงรถหา ผมเดินไปดูที่เดิมอีกรอบ
พยามทำตัวลุกลี้ลุกลนเหมือนกับคนทำทองหล่นแถว ๆ นั้น
เพื่อที่จะได้สะดุดตาฝ่ายตรงข้าม แล้วมันก็ได้ผล
ไอ้คนที่นั่งอยู่ทางนั้น นั่นล่ะ ต้องใช่แน่ ๆ ..
กระเป๋า 2 ใบแบบนัก แบ็กแพคเกอร์
คนอื่นไม่เข้าข่าย ผมเดินตรงไปหาโดย
ปราศจากคำถาม เขาลุกขึ้นและแสดงท่าทาง
Okay ชัวร์ ป๊าบ..!!
จะจับมือซ้ายหรือมือขวา
เกิดอาการมือคนไทยกะคนญี่ปุ่นพันกันเล็กน้อย
ผมหิ้วกระเป๋าให้แล้วพาเดินไปที่รถ ในใจสงสัยว่า
มันอายุ 19 จริงเหรอ?
ตัวยังกะควาย อุ้ยแสดงอาการดีใจเล็กน้อย
ที่ได้เจอเด็กหนุ่ม คิดว่าน้ำลายคงไหลพอประมาณ
พูดไม่ค่อยเก่ง
..ใช้ได้ทีเดียวกับอาการที่ผมกะลังเป็น
เพราะว่าไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกะเพื่อนใหม่
ที่พึ่งจะจเอหน้ากันครั้งแรก
ยิ่งไม่เก่งในการเป็นคนสร้างความประทับใจแรกพบเสียด้วยสิ ..
เพื่อเป็นการไม่ทำให้เขารู้สึกโดดเดี่ยวจนเกินไปก็เลย
ถามสารทุกข์สุกดิบ เดินทางเหนื่อยไหม
ตอนนี้เรากะลังจะไปร้องเพลง งานอำลาเล็ก ๆ น่ะ
ไม่ว่ากันนะ !!!
หลังจากนั้นก็แนะนำให้รูจักกับเพื่อน ๆ
และพี่ ๆ อีกหลายคน ท่าทางแกไม่ค่อยจะสบายเอาเสียเลย
เป็นผมก็คงจะรู้สึกเหมือนกันล่ะ
ก็อยู่ในที่ผิดที่ผิดทางและผิดเวลานี่นา แทนที่จะได้คุยกันเองกับเพื่อน
ก็ต้องมานั่งหงอย ๆ แกล้งทำหนาให้สนุกกับเพลงที่คนอื่นร้อง
ผมสั่งน้ำมาเพิ่มอีกแก้ว แล้วก็ให้แกเลือกเพลง
ตกลงเลยได้แซงคิว
Show me the meaning of being lonely ของ Backstreet Boys
ชั่งเข้ากับบรรยากาศและความรู้สึกอะไรปานนั้น
แต่เขาก็ร้องเพลงได้ดีนะ ดีมากด้วยล่ะ
เที่ยงคืนก็ได้เวลาอำลาอาลัย เราแยกย้ายกันกลับ
ผมเหนื่อยและเพื่อนใหม่ของผม
ก้ดูท่าจะเหนื่อยเหมือนกันเพราะเดินทางทั้งวัน
จาก พัทยา-กรุงเทพ จากกรุงเทพ-ขอนแก่น
ผมนอนไม่หลับ
อาจจะด้วยเพราะอาการตื่นเต้นที่มีอะไรแปลกใหม่โผล่ขึ้นมา
เวลาล่วงเลยจนจะตี 3 ผมนับแกะได้ 2000 ตัวแล้ว
พรุ่งนี้เช้าผมต้องตื่นแต่ตี 5 เพื่อจะให้ทันรถรอบ 6 โมงกลับบ้าน
พ่อโทรมาบอกตอนหัวค่ำว่า passport เรียบร้อยแล้ว
และผมก็บอกกับ โนริโอะ ว่าพรุ่งนี้จะกลับบ้านสัก 4 ชั่วโมง
และฝากฝังให้รูมเมทดูแล เรื่อง การให้น้ำให้ท่า แกด้วย
กลับไปหน้า...รวมวัน
วันที่ 2 ณ. ขอนแก่น
|