:: ท. เที่ยว ::

» ซำบายดี…ลาว
» ของฟรีที่ สมุย
» จดหมายเหตุกรุงศรี ฯ
:: บ. บันทึก
:: ล. ลิงค์
:: ก. เกสบุค
:: ม. เอวเมว
:: ฮ. โฮม

วันอังคาร ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2546
" Nan-ji nam-pun? " ประโยคแรกของเช้านี้ " hachi ji san juu fun " 8 โมงครึ่งแล้วคลับ โนริโอะตอบ เรารีบอาน้ำแล้วก็หิ้วกระเป๋าเดินลงมาเช็คเอ้าท์ ด้านล่าง คืนแรกได้รับความอนุเคราะห์ จาก โนริโอะ 170 บาท ขอบใจหลาย.. เช้านี้เราต้องเดินทางต่อไปยัง วังเวียง เมืองเล็ก ๆ ที่ใคร ๆ ก็ว่าสวยนักสวยหนา มีลำน้ำซองไหลผ่าน มีขุนเขาตั้งตระหง่าน อย่างในหนังจีน จะสวยงามสมคำล่ำลือหรือเปล่า จะได้รู้กันในอีกไม่กี่ ชม. นี้แล้ว ผมคืนกินแจโบสถ์แก่เจ้าของเกส เฮ้าส์ ที่ว่ากุญแจโบสถ์เพราะ ขนาดของมันนั้นใหญ่มาก พวงเป็นไม้สี่เหลี่ยม หนักประมาณครึ่งโลได้ หากตกหล่น คงง่ายต่อการค้นหา หน้าเกส เฮ้าส์ มี 3 ล้อวิ่งผ่านเพียงแค่ ชูนิ้วไหนสักนิ้วแค่นั้นล่ะ เหล่าบรรดา 3 ล้อที่ผ่านไปมาต้องจอด ด้วยสายตาหากิน ของคนขับ ถือว่าเป็นสิ่ง น่าอัศจรรย์ อีกอย่างหนึ่งก็ว่าได้... เราตกลงราคากันที่ 5,000 กีบต่อ 2 คนไป ตลาดสีไค เมื่อคืนนี้แม่สาวลาว คนขายเต้าหู้ บอกราคาไว้ที่ 2,000 กีบ/ คน แต่ต่อรองยังไงก็ไม่สำเร็จ เราเลยต้องยอม ไกลอยู่เหมือนกันนะเนี่ย.... ด้วยความที่ ท่ารถสีไคอยู่ไกลจากที่พักมาก ผมชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า คุณอ้าย คนขับจะฟัง ภาษาลาว ของผมเข้าใจไหม? กลัวว่าแกจะฟังคำว่า สีไค เป็นสีอื่นน่ะสิ แล้วหากเวียงจันทร์ มีหลายสี....ตายแหง ๆ ความกังวลเพิ่มขึ้นเมื่อ เรานั่งกันเกิน ราคา 20 บาทแล้ว แต่เอาเหอะ เดี๋ยวถึงก็รู้เอง ว่าจะเข้าใจผิดกันไหม.... ผมสังเกตุว่าตั้งแต่ ที่พักมา...ข้างถนนจะมีแม่หญิงลาว นุ่งซิ่นนั่งขายตั๋วรถอยู่ ผมงงมากเพราะว่ามีขายกันอยู่ทุก ๆ 500 เมตร รถมันเยอะขนาดนั้นเลยเหรอฟะ.........???? รถจอดในท่ารถ ผมมองไปรอบ ๆ เห็นรถกระบะจิ๋ว สภาพ After คือมีการดัดแปลงเป็นรถโดยสาร ความสูงของหลังคาไม่มากนัก คิดว่า คนที่สูงเกิน 180 ไม่สามารถนั่งได้แน่ ๆ เพราะหัวจะต้องทะลุหลังคา ออกไป ค่ารถ 20 (5,000 กีบ) บาทคุ้มเลยล่ะ เราจ่ายด้วยเงินกีบไป แล้วก็ลงจากท้ายรถเข้าไปถามว่า คันไหนจะไป วังเวียง " คันนั่นล่ะ" อ้ายคนขับบอก คันที่ว่าก็มีขนาด มินิ เหมือนคันอื่น ๆ นั่นล่ะ...เฮ้อ โนริโอะ อยากจะแลกเงิน ผมก็เลยถามสาวน้ำเต้าหู้ อีกว่าจะแลกอได้ที่ไหน " ข้างในผุ่นเด้อ " ..คือข้างในอาคาร แลกกะนายตั๋ว เราอุดหนุนเน้าเต้าฮู้เธอ คนล่ะถุง รสชาดดีเหลือเกิน ลุงคนแลกถามว่า แบงค์อะไร โนริโอะบอก ว่า 500 2 ใบ ลุงแกเขียนอัตราแลกเปลี่ยให้ดู 1 บาท = 250 กีบ แค่นั้นล่ะ......ผมเป็นอันเหี่ยวเลย เพราะตรง ตม. แลกถูกกว่าตั้ง 2 กีบ เงินที่จะได้คือ 250,000 กีบ ลุงแกเปิดลิ้นชักและควักออกมาเป็นปึก ๆๆ แต่ เห็นแล้วอย่าพึ่งตกใจ........... เขียวพรึดไปหมด ส่วนมากเป็น แบงค์ 1,000 กับ 2,000 กีบ สภาพพึ่งขุดมาจากไห เห็นแล้ว อยากจะใส่ถุงมือนับ เพราะความเก่ามันเหลือเกิน " First is not always Good." ดูดิ...โดนเยาะเย้ย แต่ โนริโอะมันก็ได้เงินเก่า ๆ ใบเล็ก ๆ ปริมาณมากกว่าผมนัก ผมช่วยนับ.. ตอนนี้ผมเริ่มเข้าใจระบบเงินที่นี่แล้ว เขาจะไล่กันเป็นพัน อย่าง 25,000 กีบ คือ ซาวห้า พันกีบ = 25 พันกีบนั่นเอง 250,000 ก็คือ 250 พันกีบ ดู ๆ ไปก็ง่ายนะแต่โนริโอะ ยังต้องสารวลกับการนับแบงค์ 1,000 อยู่ 10 ใบเป็นหมื่นกีบ.......นับ ๆ แล้วเอายางรัดไว้ ตับล่ะ 10,000 ใบไหนสกปรกก็ คืนไป บางใบสกปรกมาก ยังกะโดนน้ำหมากมา ลุงแกเห็นท่าไม่เหมาะเลยนับให้ดู และก็เสร็จภายใน 1 นาที จำนวนครบ ถูกต้องตามจำนวน... ก่อนหน้านี้เราก็กลัวการโกงเหมือนกัน เพราะไม่ชำนาญ แต่ว่า ก้ไม่ได้ระแวงอะไรใคร เพียงแต่ต้องทำตามขั้นตอนเพื่อ ความสบายใจทั้งสองฝ่าย นับเงินเสร็จก็ได้เวลารถออกพอดี 9 โมงครึ่ง เรากระโดดขึ้นท้ายรถ...และก็พบว่ามันเล็กจริง ๆ ด้วย ต้องก้มหัวน้อย ๆ ค่ารถนั้นถามลุงรับแลกเงินแล้วว่า 10,000 กีบ จ่ายตอนลง ทั้งรถไม่มีผู้โดยสารคนอื่นเลย ....สบายจังแฮ

กลับไปหน้า...รวมวัน

วันที่ 6 ยิ้มใส ๆ จากสาววังเวียง