:: ท. เที่ยว :: » ซำบายดี
ลาว
» ของฟรีที่ สมุย
» จดหมายเหตุกรุงศรี ฯ
:: บ. บันทึก
:: ล. ลิงค์
:: ก. เกสบุค
:: ม. เอวเมว
:: ฮ. โฮม
|
|
 |
ต่อ
และก็จริงตามที่บอก ฮ้าเยอะมาก อาหารสารพัด รอบแรก
เราก้เดินดูก่อน เดินจดสุดตลาด ถนนเส้นหน้าวังถูกปิด ตามถนนมีคนลาวเอาของมาขาย
สินค้าเหมือกันหมด คือผ้า ผ้า และผ้า.... วางกองอยู่ เต็มไปหมด ผ้าปูโต๊ะ ผ้าซิ่น
หรือจะผ้าไหน ๆ ที่นี่ก็มี .. จะเดินต่อไปก็เหมือนกัน โนริโอะเลยชวนหันกลับ
ผมซื้อเข้าจี่ รสปแล่ม ๆ ไม้นึง และก็มันเทศ เดินไปกินไป จนได้ทำเลเหมาะ
นั่งลงตรงม้านั่งเล็ก ๆ ติดสาวลาว สั่งข้าวต้ม 2 ถ้วย
ข้าวต้มที่นี่...แปลก... ผักเยอะมาก !!! สารพัดผัก และมีหนังหมูด้วยสิ
โนริโอะ เห็นหูหมูลวก เลือหมู ในชามแล้วอยากกิน เลยถามผมว่ากินได้ไหม
ผมก็เลยถามเจ้าของร้านให้ แกบอกว่ากินได้ โนริโอะก็หยิบใส่ถ้วยตัวเองทันที
หูหมู 1 (ชิ้นใหญ่มาก) เลือดหมู 1 และอะไรอีกอย่างหนึ่ง
ผมเห็นแล้วตกใจ เพราะปริมาณมันมากเหลือเกิน และโนริโอะไม่ยอมซอยเป็นคำด้วยสิ
ซด ๆ ไปก็หยิบหูหมูขึ้นมาเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย ...โอ ประเทศไทย ผมไม่เคยเห็น
ชาวลาวเองก็คงจะอึ้งเหมือนกัน ส่วนผมนั้น..หนังหมู 3 ชั้นยังไม่กล้าแตะ ผมไม่กล้ากิน
ก็เพราะมันมีขนด้วยสิ...หยึ๋ย ๆๆๆๆ... เลยซดแต่น้ำกับผัก
กินอิ่มแล้วก็ถึงเวลาจ่ายสิ... 5 พันกีบของ ผม 8 พันของโนริโอะ ( รวม 3 ชิ้นนั้นด้วย)
อ้าว.....ผมก็นึกว่าฟรี อิๆๆๆๆ....แต่ก็ไม่น่าฟรีหรอก หลังจากกินเสร็จเกิดการนินทา
กันลเกน้อย ระหว่างคนลาว เริ่มจากการนินทาว่าผมไม่กินหมู (คนไทยเขาไม่กินหมู?)
แล้วก็ถึงคิวโนริโอะ.... กินสุอย่างสุแนว (กินทุกอย่างที่ขวางหน้า)
ข้าวจี่ผมก็ยังไม่หมด มันไม่น่าพิศมัยเลย รสชาดไม่ถูกปาก
มันเหมือนกะเอาข้าวจี่ไปคลุกกะน้ำปลาร้าก่อนปิ้ง ยังไงยังงั้นเลย
อย่าว่าเลยนะ....ผมแอบทิ้งส่วนที่เหลือลงถังขยะ เหลือมันเทศนึ่ง ทีแสนอร่อย
เราเดินกลับห้อง เพราะมันเริ่มมืดแล้ว และคืนนี้ไฟก็จะดับอีกตามเคย
ที่หน้าเกส เฮ้าส์ มีฝรั่งควงกระบองไฟ กำลังแสดงอยู่
เป็นสาวฝรั่ง จากเกส เฮ้าส์นี่ล่ะ เรานั่งดูแกเล่นจนจบ ฝีมือใช้ได้เลยทีเดียว
แถมบรรยากาศเป็นใจ เล่นตอนไฟดับ เจ้าของบ้านจุดเทียนไว้ที่โต๊ะ ตรงโซฟา
เราเลยเข้าไปนั่งเล่น
ตอนนี้ในบ้านมีเสียงอึกทึกครึกโครม วี้ดว้าย..... ก็ลูกสาววัย 5-6 ขวบของ
เจ้าของบ้านกะเพื่อน ๆ วัยเดียวกันกะลังวิ่งเล่นอยู่น่ะสิ เราก็เลยร่วมสนุกด้วยการ
ทำตัวเป็นผี หลอกเด็กพวกนั้น...... เราได้ข้อมูลมาว่า ลูกสาวเจ้าของบ้าน
ชื่อ มุกดาหวัน = ชื่อเกส เฮ้าส์ ...ชื่อเพราะดี เด็กเล่นกันจนเหงื่อออกแล้วก็
โดนต้อนให้ไปอาบน้ำ
เรานั่งกันที่โวฟานานมาก...ในใจก็คาดหวังว่าไฟจะติด แต่จนแล้วจนเล่า
เทียนก็หมดไปเยอะแล้ว...ยังไม่มี ก็เลยไม่รอแล้ว นั่งคุยกับโนริโอะ แล้วน้องไซก็
มานั่งคุยด้วย ผมรู้ว่าวันนี้โนริโอะต้องการให้ผมนั่งเป็นเพื่อนตอนคุยกะน้องคนนี้
เพราะหากว่ามีอะไรไม่เข้าใจจะได้ถามผมไง อันที่จริงผมไม่อยู่ก็ได้
เพราะโนริโอะบอกเองว่า เวลาฟังผมพูดอังกฤษ นั้นฟังยากไม่รู้เรื่อง เพราะ
แอคเซ้น มันผิดหมด ...นี่ก็อาจจะเป็นเหตผลนึง ที่โนริโอะ ไม่อยากจะชวนผมคุย
ผมก็นั่งอ่านนั่ง จำตัวอักษรญี่ป่นไปเรื่อย ๆ ผมบอกกับโนริโอะว่าผมต้องจำให้ได้
และโนริโอะก็บอกว่าจะจำ ก-ฮ ให้ได้เหมือนกัน พอทั้ง 2 คนเริ่มคุยกันผมก็ต้องตั้งใจฟัง
เพราะโนริโอะมักจะ มองมาทางผมแล้วส่งสายตา ทำนองว่า ยู เห็นด้วยใช่ไหม
ไอ้ผมก็ต้องคอยพยักหน้า....โนริโอะอยากจะช่วยน้องไซ
เพราะเห็นว่าน้องเขาจน แต่อยากเรียน.. ผมไม่ค้านหรอกที่จะช่วย แต่ผมเห็นว่า
ตอนนี้ยังไม่จำเป็นเพราะตัวเองก็ยังเอาตัวไม่รอด การพูดคุยถึงความช่วยเหลือ
ดำเนินไปอย่างเชื่องช้า... ความคิด ของโนริโอะนั้นดี แต่ยากที่จะทำได้
อยากจะช่วยให้น้องเขาเรียนเมืองนอกเมืองนา
หรือไปญี่ปุ่นเพราะที่นั่น งานพิเศษเยอะ และเงินก็เยอะ
ผมก็ท้วงติงว่า มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ นะเพราะ วีซา ของญี่ปุ่นเองนั่นล่ะ
กว่าจะได้มาก็ลำบากม่ใช่หรือ
อาจจะเป็นเพราะโนริโอะไม่เคยเจอเคสแบบนี้มาก่อนก็เลย เกิดประทับใจ
แต่สำหรับผมแล้ว เจอมาเยอะเหมือนกันก็เลย รู้สึกเฉย ๆ คิดว่าหากใครจะช่วยก็
ช่วยนะ แต่ผมคงช่วยอะไรไม่ได้มากนอกจากให้คำปรึกษา ก็ลำพังตัวเอง
ยังยืนด้วยขาตัวเองไม่ได้ จะไปพยุงคนอื่นให้ล้มทั้งสอง ทำไม
คุยไปคุยมา เรื่องก็โค้งมาที่ผม....อ้าว โนริโอะดันคิดว่า
น้องเขาน่าจะเข้ามาทำงานในไทยได้ แล้วกัน....จะเข้ามาเป้นแรงงานราคาถูกหรือไง
หรือจะเป็นพวก หนีกฎหมาย แล้วดันถามถึงเรื่องความเป็นไปได้ในการเรียน
มหาวิทยาลัยในไทย ผมก็เลยตอบไปว่า หากเรียนในประเทศตัวเองไม่ได้ มันก็
ลำบากที่จะดีดดิ้นไปเรียนที่อื่น เพราะเขาคิดค่าเรียนแบบต่างชาตินะ
คนญี่ปุ่นคิดอะไรง่ายนะ ก็คงเพราะว่าเขาพัฒนาแล้วมั้ง
เลยคิดแบบผู้เหนือกว่า.... การพูดคุยดำเนินไปเรื่อย ๆ เหมือนการประชุมสภา
ไม่อาจลงเอยได้ จนเทียนเล่มสุดท้ายจะมอด และมันก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว
โนริโอะ เปิดกระเป๋าแล้วนับเหรียญเยน ส่งให้น้องเขา ....
ผมขอตัวเข้าไปนอนก่อนเพราะว่าง่วงเต็มทน ปล่อยให้ 2 คนนั้น
คุยกันตามลำพังจะดีกว่า มันเป็นเรื่องของโนริโอะกับน้องเขา
ผมไม่เกี่ยวนี่นา และผมก็เป็นที่ปรึกษามาหลายชั่วโมงแล้ว
ไปนอนก่อนนะ...อย่าลืมล่ะว่าพรุ่งนี้เราต้องตื่นแต่เช้า
เพื่อให้ทันเรือ 8 โมงครึ่ง.....กูดไนท์
กลับไปหน้า...รวมวัน
วันที่ 9 ซาโยนาระ
|