:: ท. เที่ยว ::

» ซำบายดี…ลาว
» ของฟรีที่ สมุย
» จดหมายเหตุกรุงศรี ฯ
:: บ. บันทึก
:: ล. ลิงค์
:: ก. เกสบุค
:: ม. เอวเมว
:: ฮ. โฮม
วันเสาร์ ที่ 1 มีนาคม 2546
      ตื่นแต่เช้า...ใคร ๆ ก็ตื่นแต่เช้ากัน วันนี้ดูเหมือนว่าทุกคนต้องเดินทาง
ไปที่อื่น ๆ พอเปิดประตูห้องออกมาก็เจอฝรั่งและข้าวของเต็มไปหมด
เราจ่ายค่าห้องไปแล้วเมื่อคืนนี้ 400 บาท ตอนนี้ก็พร้อมที่จะไปจากที่นี่แล้ว
คนขับ 3 ล้อก็นั่งรออยู่แล้ว เราตกลงกันไว้ว่าจะให้แกมารับที่นี่เมื่อวานตอนเย็น ๆ
จะให้พาไปส่งที่ท่าเรือเร็ว ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองหลายกิโลเหมือนกัน

   ก่อนออกเดินทางโนริโอะก้วานให้ผมช่วยถ่านรูปคู่กับน้องไซ ให้หน่อย
ผมก็เลยช่วยตามคำขอร้อง เราขึ้นรถพร้อมกับฝรั่งคู่หนึ่ง ทั้ง 2 คนกะลังไปที่อื่นต่อ
และถามไถ่ได้ความว่าพึ่งกลับจากการไปเที่ยวภูกระดึงมา ผมก็เลยบอกว่าผมคน
พื้นเพแถวนั้นล่ะ....

  รถวิ่งไปส่งฝรั่งที่ ท่ารถ และก็เลยไปส่งเราที่ท่าเรือเร็ว เขาไม่อณุญาติให้เรือเร็ว
วิ่งเข้าเมืองเพราะมันเสียงดังมาก รบกวนเมืองมรดกโลก รถวิ่งผ่านไปทางสนามบิน
เลยไปไกลพอสมควร กว่าจะถึงเรือก็ใกล้จะออกแล้ว ผมลงรถวิ่งไปดูราคาค่าโดยสาร
ไปห้วยทราย ปรากฎว่าแพงกว่าคนลาวเป็นเท่าตัว คำนวณดูแล้วประมาณ 1 พันบาทต่อคน

  ผมหันหลังกลับทันที....ก็ใครจะจ่ยได้ล่ะ แพงขนาดนั้น
แต่โนริโอะบอกว่า จ่ายได้....แต่ก็ต้องตามผมล่ะคราวนี้ ก็มาด้วยกันจะทิ้งกันไปดื้อ ๆ 
มันก็น่าเกลียดเกินไป เรานั่งรถกลับมาที่ท่าเรือช้า คราวนี้ก็ลงไปวื้อตั๋ว
คิดเป็นเงินไทยแล้ว 520 บาท ( 130,000 กีบ) เงินแสนไหลออกจากกระเป๋าทันที

   ยังมีเวลาเหลือพอให้ซื้อของกิน ผมก็เลยวานให้พี่ 3 ล้อขับไปส่ง
พี่คนนี้คุยว่าเคยไปอยู่อุดร บ้านเกิดผม บอกว่าคราวหน้ามาก็แวะมาหาแกด้วยนะ
แกจะพาเที่ยว ผมก็ได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ 
  
   สิ่งที่ต้องเตรียมคือ อาหารปริมาณมาก สำหรับ 2 มื้อ
ผมซื้อกล้วย 1 หวีราคา 2,000 กีบ กล้วยน้ำหว้านี่ล่ะ จะช่วยเคลือบกระเพาะ
ป้องกันกรดจากน้ำย่อย และก็ซื้อปลาทูอีก 2 ตัว 2,000 บาท
ข้าวเหนียวอีก 3,000 เป็นอันเพียงพอ ...โนริโอะซื้อแกงใส่ถุง
เนื้อทอด.... ไม่รู้ว่าซื้อแกงไปจะกินยังไงเพราะไม่มีช้อน ถ้วย เลย
แต่สุดท้ายผมก็เข้าใจว่า มันไม่เป็นอุปสรรค สำหรับโนริโอะเลย

     กลับไปที่ท่าเรือ จ่ายเงินค่ารถ 15,000 กีบแล้วเดินลงไปจับจองที่นั่งในเรือ
เรือยังว่าง....มีฝรั่งเศส แก่ ๆ 2 คนกะญี่ปุ่น 1 และคนเรืออีก 2-3 คน
เรืออก 9 โมง...เราเลือกที่นั่งท้าย ๆ นั่งไป ๆ โนริโอะก็เปลี่ยน แล้วก็เปลี่ยน
เปลี่ยนอยู่ 3-4 รอบนู่นแน่ะ

    3 โมงแล้วเรือก็ยังไม่ออก.... พอดีมีรถขนของมาจอดบนท่าเรือ
และจากนั้นกล่องเป็นร้อย ๆ ก้ถูกลำเลยงลงมาไว้ในเรือ กว่าจะขนเสร็จก็กินเวลาแสนนาน
ผมเข้าไปดูใกล้ ๆ ปรากฎว่าเป็นกล่อง วิสกี้ลาว ตราม้าแดง และม้าดำ
 พอขนของใส่เรือเสร็จ คนเรือก้เอาไม้กระดานมาปูบนกล่องแล้ว
เอาเสื่อผืนใหญ่ ๆ มาปู เราและพวกฝรั่งก็แห่กันไปจับจองที่นั่งที่นอน

     ตอนนี้มีต่างชาติทั้งหมด 11 คน มีรายละเอียดดังนี้
ไทย 1. ญี่ปุ่น 4. ฝรั่งเศส 2. และอีก 4 ไม่ทราบสัญชาติเพราะว่าคุยภาษาต่างดาว
กัน เราก็เลยไม่เข้าไปก้าวก่าย โนริโอะเปิดถุงกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย
ส่วนผมนั้นก็กินกล้วย 2 ลูกไปก่อน เช้านี้กะว่าจะกินแค่กล้วยก็พอ

เรือออกแล้ว....... ผมนั่งพิงข้างเรือ ข้าง ๆ เป็นฝรั่งคู่ กะลังอ่านหนังสือ
อย่างไม่ลืมหูลืมตามองอย่างอื่น หน้าตาบ่งบอกว่าเครียดจัด....
ผมคิดว่าทั้ง 2 คนนี้ต้องพบรักกันที่ร้านหนังสือ หรือห้องสมุดแน่ ๆ

  ด้านขวามือ ....ไมอยากพูดถึง.. เป็นหนุ่มสาวญี่ปุ่นคู่หนึ่ง วัยไม่เกิน 20
กะลังคลอเคลียกันอย่างเมามัน นอกจากนั้นยังส่งเสียงรบกวนผู้อื่นโดยการ
ฟังซาวอเบ้า แล้วร้องเพลง.....อย่าให้บอกเลยว่า หมาเยี่ยวใส่สังกะสียัง ฟังดูดีกว่า
ทั้งคู่ นอนหยอกกันไปหยอกกันมา

ข้างหน้า เป็นหนุ่มสาวเอเลี่ยนอีกคู่ สัมภาระของทั้ง 2 คนเยอะมาก
น้ำขวดประมาณ 20 ขวดเห็นจะได้ ขนมปัง เนื้อสด มีทุกอย่าง
ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะขนกันยังไง ตอนขนขึ้นเห็นคนลาวช่วยขน
อายุอานามก็ 20 กว่า ๆ หน้าตาสวย-หล่อ

  โนริโอะนั่อยู่ข้าง ๆ ฝรั่งคู่นั้น กะลังชมวิวทิวทัศน์ริมแม่น้ำโขง
ผมต้องทำความเข้าใจเสียใหม่ เพราะว่าแม่น้ำโขงที่คิดเอาไว้มันต่างจากที่เห็นมาก
ริมแม่น้ำมีแต่ภูเขา.....ภูเขา และภูเขา ตัวแม่น้ำก็ใช่ว่าจะเหมือนที่เคยเห็นที่หนองคาย
มันมีแต่แก่งหิน ขับเรือไม่เก่งมีหวังชนแน่ ๆ ตอนเช้ายังมีหมอกตามภูเขาอยู่เลย
อากาศเย็นน่าดู นี่ขนาดว่าเป็นหน้าร้อนนะ หากมาหน้าหนาวไม่คางสั่นกันเรอะ

        ผมดึงผ้าม่านกันแดดมากันลมหนาวที่พัดเข้ามา
ก็เพราะไม่คิดว่ามันจะหนาวก็เลยไม่เอาเสื้อกันหนาวมา แต่ก็ได้อาศัย
ผ้ามหัศจรรย์คลุมร่าง ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนข้าง ๆ คนต่างชาติ
พอนอนก็หลับน่ะสิ........หลับไปยาวเลย ตื่นขึ้นมาก้เกือบเที่ยง
ลุกเดินไปเข้าห้องน้ำที่ท้ายเรือ 

   โนริโอะถามว่า จะขอกินปลาทูทอดที่ผมซื้อมาได้ไหม 
ผมบอกว่าได้สิ...แกก็เลยจัดการซะเกลี้ยงทั้ง 2 ตัว
ฟาดข้าวเหนียวไปอีก สงสัยเหลือเกินว่าไม่จุกหรือไง
พอเที่ยง เหล่าฝรั่งก็ปาดขนมปังทำแซนวิส กินกัน เห็นแล้ว
น้ำลายไหล เพื่อเป็นการกลบเกลื่อนผมก็เลย คว้าอาหารกลางวัน

      กล้วยน้ำหว้า มีประโยชน์ กินแล้วฉลาด ช่วยป้องกันน้ำย่อย
ย่อยกระเพาะ ผมกินไปอีก 3 ลูกเป็นอันอิ่ม ยังเหลือกล้วยอีกหลายลุก
โนริโอะก็คลานมากินบ้าง แต่ก็ยังเหลือ

     

กลับไปหน้า...รวมวัน

วันที่ 10 เดินทางไกล