๑. พระวิหารหลวง |
![]() |
เนื่องจากวัดราชประดิษฐ์เป็นวัดที่มีมหาสีมาล้อมพระอาราม
ภายในวัดจึงไม่มีพระอุโบสถหากแต่ใช้พระวิหารหลวงเป็นที่กระทำสังฆกรรม พระวิหารหลวงตั้งอยู่บนพื้นไพทีสูง เป็นอาคารทรงไทย มีมุขด้านหน้าและหลัง ผนังภายนอกประดับด้วยหินอ่อน หลังคามุงกระเบื้องเคลือบสีประดับด้วยช่อฟ้า ใบระกา ซึ่งปิดทองประดับกระจกอย่างงดงาม หน้าบันด้านหน้า และด้านหลังเป็นตราพระราชลัญจกประจำพระองค์รัชกาลที่ ๔ คือเป็นรูปพระมหาพิไชยมงกุฎอยู่เหนือพระแสงขรรค์คู่ มีพานแว่นฟ้ารองรับ วางบนหลังช้าง ๖ เชือก กระหนาบด้วยฉัตร ๕ ชั้น เป็นไม้สักลงรักปิดทองทั้งหมด ซึ่งนับได้ว่าเป็นงานศิลปกรรมที่งดงามวิจิตรแห่งหนึ่งของไทย ซุ้มประตูหน้าต่างทุกบานเป็นลายปูนปั้นลงรักปิดทอง ประดับกระจกสี เป็นรูปมงกุฎ ส่วนบานประตูและหน้าต่างสลักด้วยไม้สักเป็นลายก้านแย่งซ้อนกัน ๒ ชั้น ปิดทองประดับกระจก ที่ผนังด้านหลังพระวิหารมีซุ้มศิลาจารึกประกาศในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กล่าวถึงการสร้างวัดถวายพระสงฆ์คณะธรรมยุติกนิกาย จารึกใน พ.ศ. ๒๔๐๗ และประกาศเรื่องผูกพัทธสีมาวัดในปีพุทธสักราช ๒๔๐๘ ประกาศตั้ง ๒ ส่วนลงพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็๗พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายในพระวิหารหลวงมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง เป็นภาพเขียนด้วยสีฝุ่น เขียนขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เมื่อครั้นโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะปฏิสังขรณ์ แบ่งภาพเป็นสองตอน ตอนบนเป็นรูปเทวดา และนางฟ้าเหาะอยู่ตามกลีบเมฆ และทิพย์วิมานตอนล่างเป็นภาพพระราชพิธีสิบสองเดือน ภาพที่ผนังด้านหน้าพระประธานเป็นภาพพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงส่องกล้องดูสุริยุปราคาที่ตำบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ |
๒. พระพุทธสิหิงค์ปฏิมากร |
![]() |
พระประธานประจำพระวิหารหลวง
ประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชี ภายใต้บุษบก |
๓. พระพุทธนิรันตราย |
หล่อด้วยสำริดกะไหล่ทอง ประทับนั่งขัดสมาธิเพชรเบื้องหลังมีซุ้มเรือนแก้วเป็นพุ่มมหาโพธิ์ ยอดเรือนแก้วเป็นรูปพระมหามงกุฎ ฐานรอบองค์พระเป็นที่สำหรับรับน้ำสรง มีท่อเป็นรูปศีรษะโค ซึ่งหมายถึง พระโคตมโคตร (องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า)
๔. หอไตร |
สร้างโดยพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโดยโปรดให้รื้ออาคารเดิมที่เป็นเครื่องไม้และชำรุดทรุดโทรมลตั้งอยู่บนฐานไพที ด้านตะวันออกของพระวิหารหลวงมีลักษณะเป็นปราสาทยอดปรางค์แบบขอมตัวปราสาทก่ออิฐถือปูน
หน้าบันประดับด้วยลายปูนปั้นเป็นภาพพุทธประวัติปางประสูติ และเสด็จดับขันธปรินิพพานภายในเป็นที่เก็บพระไตรปิฎก และคัมภีร์ต่าง ๆ
๕. หอพระจอม |
![]() |
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
โปรดให้สร้างขึ้นเป็นคราวเดียวกับหอไตรตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของพระวิหารหลวง มีลักษณะและสัดส่วนเช่นเดียวกันกับหอไตรแต่ยอดปรางค์เป็นรูปพรหมสี่หน้า หน้าบันมีลายปูนปั้น เป็นรูปนารายณ์บรรทมสินธุ์บนหลังมังกร เบื้องหลังมีพระลักษมี และเศียรนาคแผ่พังพาน |
|
![]() |
ภายในพระปรางค์ประดิษฐานพระบรมรูปยืนเต็มพระองค์ ขนาดเท่าพระองค์จริงของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |
๖. ปาสาณเจดีย์ |
อยู่ด้านหลังพระวิหารหลวง เป็นเจดีย์ทรงกลมฐานสี่เหลี่ยม ก่ออิฐถือปูน ภายนอกประดับด้วยกระเบื้องหินอ่อนทั้งองค์ เป็นที่มาของคำว่า ปาสาณเจดีย์ ซึ่งหมายถึงเจดีย์หิน
ด้านหน้าของเจดีย์ประดิษฐานพระรูปหล่อด้วยสำริดสมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสสเทวมหาเถระ) ในท่านั่งแสดงพระธรรมเทศนา ฝีมือช่างชาวสวิส ชื่อ เวนิง
๗. ปรางค์ขอม |
ตั้งอยู่บนฐานไพทีด้านหลังพระวิหาร เป็นปราสาทก่ออิฐถือปูน ทรงส่สีเหลี่ยม มียอดปรางค์แบบขอม ภายในบรรจุพระอังคารของสมเด็จพระสังฆราช (สา บุสสเทว) สรีรังคารของพระศาสนโสภณ (อ่อน อหิโกป) และสรีรังคารของพระพรหมมุนี (แย้ม อุปวิกาโส)
๘. ศาลาการเปรียญพ |
อยู่ทางตะวันตกของพระวิหาร ถัดจากหอพระจอมออกไป เป็นอาคารคอนกรีตชั้นเดียว ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบโบสถ์ขนาดเล็กของกรีกโบราณ เพดานประดับด้วยดวงตราประจำรัชกาลที่ ๔
๙. เขตหวงห้ามสำหรับผู้หญิง |
หรือเขตสังฆาวาส เป็นบริเวณที่ห้ามสตรีผ่านเข้าตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ ๔ เนื่องจากเป็นบริเวณที่ตั้งกุฏิสงฆ์ มีป้ายปิดที่ประตูว่า ห้ามสตรีเพศผ่าน