ชาติกำเนิดและชีวิตปฐมวัย

      หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี มีนามเดิมว่า เทสก์ เรี่ยวแรง เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ.๒๔๔๕ ปีขาล ณ บ้านสีดา ตำบลกลางใหญ่ จังหวัดอุดรธานี บิดาชื่อ อุส่าห์ เรี่ยวแรง เดิมเป็นชาวอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย หนีความทุกข์ยากมาตั้งถิ่นฐานที่บ้านนางิ้ว ตำบลกลางใหญ่ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี มารดาชื่อ ครั่ง เป็นชาวพวนเดิมเป็นชาวอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย หนีความทุกข์ยากมาตั้งถิ่นฐานที่บ้านนางิ้ว ตำบลกลางใหญ่ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี มารดาชื่อ ครั่ง เป็นชาวพวน ได้อพยพหนีพวกโจรขโมยมาจากทุ่งย่างเมืองฝาง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้สมรสกับนายอุสาห์ มีบุตรธิดาด้วยกัน ๑๐ คน ท่านเป็นคนที่ ๙ ตายตั้งแต่เด็ก ๒ คน เป็นหญิงหนึ่ง ชายหนึ่ง เติบโตมาด้วยกัน ๘ คน ชาย ๔ คน หญิง ๔ คน

      เมื่อเป็นเด็กอายุได้ ๙จวบ ได้เรียนหนังสือภาษาไทยกับพี่ชายซึ่งบวชเป็นพระ กับเด็ก ๆ ด้วยกันกว่า ๑๐ คน และได้เรียนหนังสือประถม ก.กา มูลบทบรรพกิจ เรียนอยู่ปีกว่าพออ่านได้บ้าง แต่ยังไม่คล่อง แต่หนังสือธรรม (โดยเฉพาะธรรมะคำสอน ของพระพุทธเจ้า ) อ่านได้คล่อง ต่อมาพี่ชายสึกจากพระไม่มีใครสอนเลยเลิกเรียนกันทั้งหมด แล้วได้ออกจากวัดไปช่วยงานบิดามารดา จนอายุราว ๑๓-๑๔ ปี เกิดนิมิตความฝันว่า พระธุดงค์ไล่ตีด้วยแส้วิ่งหนีเอาตัวรอด กระทั่งวิ่งเข้าห้องนอนร้องให้บิดามารดาช่วย ท่านทั้งสองก็เฉยอยู่เหมือนกับไม่มีเรื่องอะไร พระธุดงค์หวดด้วยแส้สะดุ้งตื่นเหงื่อโชกทั้งตัว ปรากฏรอยแส้ยังเจ็บแสบอยู่ หลวงปู่นึกว่าเป็นจริง ตื่นขึ้นมาจึงรู้ว่าเป็นความฝัน ต่อนั้นมาหลวงปู่ได้มีความคิดถึงเรื่องอาชีพของมนุษย์ที่กระทำกันอยู่ ตั้งแต่ฝนตกดินชุ่มฉ่ำ ลงมือทำนา และเรื่องอะไรจิปาถะ ตลอดถึงปีใหม่ ลงมือทำนาอีก อย่างนี้อยู่ตลอดชีวิต มาคิดเห็นว่าเกิดมานี้แสนทุกข์ลำบากจริง ๆ ทำงานไม่มีเวลาหยุดยั้ง ซึ่งแต่ก่อนมา หลวงปู่ไม่เคยนึกคิดอย่างนี้เลยสักที มีแต่มัวเมาด้วยการเพลิดเพลินตามประสาคนชนบท


พระอาจารย์สิงห์
ขนฺตยาคโม

      เมื่ออายุ ๑๖ปี เจ้าคุณพระญาณวิสิษฎ์ สมิทธิวีราจารย์ (พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม) ได้เดินรุกขมูล มาถึงวัดบ้านนาสีดา ตำบลกลางใหญ่ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นวัดที่หลวงปู่อุปัฎฐากอยู่ จึงเป็นโอกาสดีที่หลวงปู่ได้มีโอกาสปฏิบัติ พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาโม แต่เนื่องด้วยวัดเป็นป่าทึบไข้มาลาเรียชุกชุม พระอาจารย์สิงห์เป็นไข้อยู่ไม่ได้ จึงได้ออกไปจำพรรษาที่อื่นและได้ชักชวนหลวงปู่ ให้ไปจำพรรษากับท่านด้วย ออกพรรษาแล้วพระอาจารย์สิงห์ได้กลับเมืองอุบลฯ ซึ่งเป็นถิ่นเดิมของท่าน หลวงปู่ได้ติดตามท่านไป โดยก่อนไปหลวงปู่ได้เอาดอกไม้ธูปเทียน ใส่ขัน แล้วไปขอขมาโทษผู้เฒ่าผู้แก่ที่หลวงปู่คุ้นเคย ซึ่งท่านเหล่านั้นก็ให้ศีลให้พรสำเร็จ ตามความปรารถนาทุกประการ

      หลวงปู่เทสก์ได้ติดตามพระอาจารย์สิงห์ รอนแรมไปในป่า และบ้านเล็กบ้านน้อย บางครั้งผจญกับไข้ป่าซึ่งเมื่อเป็นไข้ก็พักนอนตามร่มไม้ ไข้สางแล้วก็เดินต่อไป พร้อมกันนั้นก็ทำความเพียรภาวนาไปในตัว เป็นเวลาเดือนกว่า จึงถึงเมืองอุบลฯ หลวงปู่ได้บรรพชาเป็นสามเณร โดยมีพระอาจารย์ลุย บ้านดงเค็งใหญ่ เป็นพระอุปัชฌาย์ บรรชาแล้วได้ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม จนสอบนักธรรมชั้นตรี ได้ในปีที่มีอายุครบ ๒๐ และวันที่ ๑๖พฤษภาคม ๒๔๖๖ จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดสุทัศน์ อำเภอเมืองอุบลราชธานีโดยมีพระมหารัฐ เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระมหาปิ่น ปญฺญาพโล เป็นพระกรรมวาจาจารย์


พระมหารัฐ
รัฐปาโล


Copyright © 2001 วัดป่าเชิงเลน
แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร โทร. 865 - 5645 - 6
www.oocities.org/watpakangkung & watpa.cjb.net
E-Mail :- watpa@bangkok.com