จากค่ายอินเทล
Pentium ถือเป็น CPU ที่ทำให้ Intel มีชื่อเสียงและเสีย มากที่สุด ผลิตเมื่อ มีนาคม 1993 ตั้งชื่อเพื่อไม่ให้ AMD เอาชื่อรุ่นไปใช้ได้ เนื่องจากสมัยก่อน CPU ทุกตัวของ Inel เวลาออกมาจะมีชื่อรุ่นเป็นตัวเลข เช่น 286,386 หรือว่า 486 ซึ่งในสมัยนั้น AMD เองก็ออก CPU แล้วตั้งชื่อรุ่นเป็น x86 เหมือนกัน ในที่สุด Intel ก็ตัดสินใจเปลี่ยนสถาปัตยกรรมใน 486 ใหม่แล้ว ส่งออกมาเป็น CPU ชื่อ Pentium สาเหตุที่ต้องตั้งชื่อก็เพราะว่าชื่อที่เป็นตัวเลขนั้นไม่สามารถจดลิขสิทธิ์ได้ Pentium ออกมาหลายรุ่น แตกต่างๆกันไปตามความเร็วและสถาปัตยกรรมภายในซึ่งก็มีอยู่ด้วยกัน 2 แบบคือ P5 กับ P54
Pentium-P5
กระบวนการผลิตแบบ .80 Micron
มีรุ่นความเร็วที่ 60 Mhz และ 66 Mhz
ใช้ไฟ 5 Volt
L1 Cache จำนวน 16KB
Pentium-P54
กระบวนการผลิตแบบ .50 Micron และ .35 Micron
มีรุ่นความเร็วตั้งแต่ 75-200 Mhz
ใช้ไฟ 3.3 Volt
L1 Cache จำนวน 16KB
Pentium MMX (MultiMedia eXtention)
เป็นชุดคำสั่งที่ใช้ในการประมวลผลเพิ่มเติมอีก 57 ชุดคำสั่ง เปิดตัวในวันที่ 8 มกราคม 1997 CPU MMX นี้จะมีชื่อรุ่นว่า P55 ซึ่งจะลดไฟที่ใช้เลี้ยง CPU จาก 3.3 Volt เหลือ 2.8 Volt และเพิ่มจำนวน L1 Cache เป็น 2 เท่าคือ 32Kb ทำงานที่ความเร็วตั้งแต่ 166-233 Mhz
Tillamook
เป็น CPU แบบจิ๋วที่ใช้ใน Notebook เนื่องจากการพัฒนาการผลิตแบบ .25 Micron ไปได้สวย ก็เลยมีการพัฒนามา CPU สำหรับ Notebook ด้วย
Pentium Pro
เป็น CPU ในรุ่นที่ 6 ของ Intel เป็นก้าวแรกของ Pentium II เป็น CPU ตัวแรกที่ Intel ใส่ L2 Cache ลงไป ( Cache ในที่นี้ก็คือ หน่วยความจำชนิดหน่งซึ่ง CPU เอาไว้ใช้ช่วยในการคำนวน) และ L2 Cache นี้ก็อยู่ในตัว CPU เลย เพื่อการทำงานที่เร็วขึ้น เป็น CPU ที่ Intel วางขายในตลาด Server ซึ่งก็มีหลากรุ่นกันไปแตกต่างกันตาม L2 Cache ที่อยู่ข้างในเช่น 256K, 512K ไปจนถึง 2048K เลยทีเดียว ความเร็วอยู่ที่ 155-200 Mhz
Pentium II
เป็นการเอา MMX มาใส่ใน Pentium Pro เปิดตัวในปี 1997 ครับเป็น Pentium รุ่นที่ 2 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดใน CPU ที่มีมาทั้งหมดของ Intel เลย ซึ่งจะมีดังต่อไปนี้
- Pentium II (รุ่นที่ใช้สถาปัตยกรรมการผลิตแบบ Klamath , Deschutes , Katmai และอื่นๆ) จะเอาไว้ใช้สำหรับคอมพิวเตอร์ระดับกลางๆ
- Celeron (รุ่นที่ใช้สถาปัตยกรรมการผลิตแบบ Covington, Mendocino,Dixon และอื่นๆ) สำหรับ เครื่องคอมพิวเตอร์ระดับล่าง และ
- Xeon (รุ่นที่ใช้สถาปัตยกรรมการผลิตแบบ Xeon, Tanner,Cascades) สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ระดับสูง
ซึ่งจะทำงานบนทั้งระบบ Socket-370 , Slot-1 และ Slot 2
Klamath
เป็น Pentium II ตัวแรก ใช้กระบวนการผลิตแบบ .35 Micron จึงทำให้ความเร็วยังไม่สูงเท่าไหร่ จึงมีรุ่นที่ทำงานที่ความเร็ว 233-333 Mhz เท่านั้นใช้ Front Side Bus ท ี่66Mhz และมี L2 Cache จำนวน 512 K เลยทีเดียวซึ่ง L2 Cache นั้นจะทำงานที่ความเร็วครึ่งนึงของ CPU เช่น CPU 300Mhz จะใช้ Cache ทำงานที่ความเร็ว 150Mhz เป็น CPU ที่ใช้ระบบ Slot-1 ตัวแรก เปิดตัวในวันที่ 7 พฤษภาคม 1997
Deschutes
เป็นการปรับปรุง Klamath ให้ดีขึ้นโดยใช้กระบวนการผลิตแบบ .25 Micron ทำให้เร่งความเร็วไปได้มากกว่า 450 Mhz เลยทีเดียว ใช้ Front Side Bus ที่ 66-100 Mhz ในการทำงาน มี L1 จำนวน 32K , L2 จำนวน 512 K เปิดตัวเมื่อ 26 มกราคม 1998
Tonga
เป็น Mobile CPU ของ Pentium II คำว่า Mobile CPU หมายถึง CPU รุ่นที่ใช้ใน Notebook ใช้สถาปัตยกรรมเดียวกับ Deschutes เลย ออกวางจำหน่ายเมื่อ 2 เมษายน 1998
Katmai
เจ้านี่คือ Pentium III Katmai คือ การนำเอา Deschutes มาแก้ไขและใส่ชุดคำสั่ง SSE ( Streaming SIMD Extensions) เป็นชุดคำสั่งเพิ่มเติมให้กับ MMX ระบบการผลิตแบบ .25 Micron ทำงานที่ 450-600 Mhz , L2 Cache จำนวน 512 Kb วิ่งที่ครึ่งหนึ่งของความเร็ว CPU
Celeron
Intel เอา Cache ของ Pentium II ออกเพื่อลดราคา แล้วนำมาขายในชื่อ Celeron ครับ แต่ Celeron ตัวแรกที่ปล่อยออกมาทำคะแนนได้ไม่ดีเลย เพราะไม่มี L2 Cache ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากของ CPU ในที่สุด Intel เลยต้องใส่เข้าไป 128K แต่ให้ทำงานที่ความเร็วเท่ากับ CPU เลย Celeron รุ่นที่มี Cache 128K นั้นทำคะแนนได้ไม่ต่างจาก Pentium II เลย Celeron เปิดตัวเมื่อ เดือนเมษายน 1998 มีทั้งรุ่นที่ทำงานบน Slot-1 และ Socket 370
Covington
เป็น Celeron ตัวแรกครับ ใช้พื้นฐานการผลิตแบบเดียวกับ Deschutes ทำงานที่ 266-300Mhz มี L1 Cache 32K และไม่มี L2 Cache ทำให้รุ่นนี้ไม่เป็นที่นิยมซักเท่าไหร่ครับ
Mendocino
Intel ได้ตัดใจใส่ L2 Cache มานิดนึงก็คือรุ่นนี้ หลังจากนั้นก็เปลี่ยนชื่อรุ่นเพื่อให้แตกต่าง โดยการ เติม A ไปหลัง ความเร็ว CPU เช่น Celeron รุ่น 300A Celeron รุ่น Mendocino มีรุ่น 300-500 Mhz ทำงานที่ Front Side Bus 66 Mhz วางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อ 8 สิงหาคม 1998 และมีแผนจะพัฒนาเป็น Bus 100 Mhz ในปี 2000
Dixon
คือ Mendocino ที่พัฒนาขึ้นมากอีกขั้น มีทุกอย่างเหมือน Mendocino แต่เพิ่ม L2 Cache เป็น 256 K และไม่แน่อาจจะใส่ความสามารถ SSE ที่มีอยู่ใน Katmai ลงไปด้วย
Coppermine
เป็นระบบการผลิตที่ใช้ทองแดง (Copper) ในการผลิต ใช้ระบบการผลิตแบบ 0.18 Micron ทำให้เล็กลงไปอีก และมีผลทำให้ความร้อนลดลง
ความเร็วเพิ่มขึ้น ซึ่งทำงานที่ 600Mhz ขึ้นไป และมี L2 Cache ถึง 256K ฝังอยู่ในตัว CPU เลย ใช้ไฟเพียง 1.5 vcore เท่านั้นเอง
Coppermine(FC-PGA 370)
เป็น Coppermine ราคาถูก เพราะผลิตในรุ่นของ Socket 370 ซึ่งจะมาแทนสายการผลิตของ Celeron-Pentium II และ Pentium III ในปัจจุบัน
Coppermine(FC-PGA418)
 
เป็น Coppermine อีกตัว แต่จะไปอยู่บน Socket 418 แทน เป็น Socket ที่เอาไว้ใช้สำหรับเครื่อง Server สนับสนุนการทำงานแบบ Dual หรือ ใช้ CPU 2 ตัวทำงานร่วมกัน ใช้ Bus 133Mhz และความเร็วเริ้มต้นสำหรับ CPU ตัวนี้ก็คือ 667 Mhz จากข้อมูลที่ได้รับมา CPU ตัวนี้จะออกมาในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2000 แต่ CPU ตัวนี้โดน ยกเลิกสายการผลิตไปแล้ว ด้วยเหตุอันใดไม่ทราบ
Coppermine 128K.
 
Celeron ที่สนับสนุนความสามารถของ SSE ความเร็วเริ่มต้นจะอยู่ที่ 600 Mhz
Timna.
 
ป็น Celeron ตัวข้างบน แต่เพิ่มเติมระบบ Integrated on-chip graphics controller และ Direct Rambus DRAM ดูไปดูมามันเหมือนๆจะเป็น Chipset มากกว่า CPU ซึ่ง CPU ตัวนี้จะนำไปใช้กับเครื่อง PC ราคาถูกและ Playstation
Xeon
 
Xeon เป็น CPU ตัวแรกที่ทำงานบน Slot-2 สนับสนุนการทำงานแบบ Multiprocessor ใช้พื้นฐานสถาปัตยกรรมมาจาก Desshutes แต่ปรับปรุงให้มีหลายรุ่นโดยจำนวน L2 Cache ข้างใน ซึ่งก็มีตั้งแต่รุ่น L2 Cache 512 K ไปจนถึง 2MB
Tanner
 
คือ Pentium III รุ่น Xeon เปลี่ยนตัว Core ข้างในจาก Deschutes เป็น Katmai ผลที่ได้ก็คือ CPU สำหรับ Server พลังสูงทำงานที่ 500Mhz มี MMX และ SSE เป็น CPU ตัวแรกของ Intel ที่สนับสนุนการทำงานแบบ Multiprocessor สูงสุดถึง 8 ตัว
Cascades
 
เป็น Pentium III Xeon ที่ใช้ระบบการผลิตแบบ .18 Micron มองแบบง่ายๆก็คือ เป็น Xeon ที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบ Coppermine ทำงานบน Slot-2 มี L2 Cache บนตัว Chip ใช้ Bus 133
Willamette.
 
เป็น CPU อีก generation หนึ่งที่ Intel วางแผนไว้ว่าจะออก ตาม Spec ที่วางไว้คาดว่าจะมี L2 Cache เพื่อช่วยในการทำงานถึง 1MB จากการคำนวนของ Intel คิดว่า Wilamette จะทำงานได้ดีกว่า Deschutes และ katmai ถึง 30-50 % ในความเร็วที่เท่ากัน ทาง Intel เองก็จะเริ่มผลิตโดยใช้ระบบการผลิตแบบ .18 Micron ก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยเลื่อนการผลิตไปอยู่บนระบบ .13 Micron ความเร็วเริ่มต้นคาดว่าจะวิ่งที่ 1Ghz ทำงานบน Socket 423
Foster
 
คือการนำเอา Willamette มาพัฒนาเพื่อให้ใช้ในระดับเครื่อง Server L1 และ L2 cache อาจจะมากกว่าเดิม ความเร็วเริ่มต้นที่ 1GHz ทำงานบน Slot-M และเป็น CPU ที่ประมวลผลแบบ 32Bit เต็มรูปแบบ ตัวสุดท้ายของ Intel
Merced
 
CPU ตัวแรกของ Intel ที่ประมวลผลแบบ 64 Bit เต็มรูปแบบของ Intel ซึ่งยังคงใช้การได้กับอุปกรณ์ที่ประมวลผลแบบ 32Bit แบบเก่าๆด้วย จะมี Cache ทั้งหมด 3 Level ด้วยกัน และคาดว่าจะมีความสามารถสูงกว่า Tanner ถึง 3 เท่าเลยทีเดียว ใช้ระบบการผลิตแบบ .18 Micron ความเร็วเริ่มต้นที 800Mhz ใช้ Bus 200 ในการทำงาน ใช้ระบบคำนวนทศนิยม 4 ตัวทำให้คำนวนเร็วกว่า Pentium Pro ถึง 20 เท่าเลยทีเดียว ทำงานบน Slot-M สนับสนุนการทำงาน MMX และ SSE
McKinley.
 
CPU 64 Bit แท้ตัวที่ 2 ที่จะออกต่อจาก Merced ความเร็วเริมต้นที่ 1Ghz ระบบถ่ายเทข้อมูลคาดว่าจะใหญ่กว่า Merced ถึง 3 เท่า L2 Cache ใช้ระบบการผลิตแบบ .18 Micron และหลังจากนั้นค่อยเปลี่ยนเป็น .13 Micron ทำงานบน SLot-M
Deerfield
 
เป็น Coppermine ที่จะใช้ระบบการผลิตแบบ .13 Micron ทำงานบน Slot M วางจำหน่ายในปี 2003 คาดว่าจะเป็๋น CPU 64Bit แท้ที่มาตีตลาดระดับล่างครับ
Northwood
 
CPU 64 Bit อีกตัวหนึ่ง ความเร็วเริ่มต้นที่ 3Ghz คาดว่าจะออกวางจำหน่ายมีในปี 2003 ทำงานบน Slot-M