|
|
|
โครงสร้างของระบบ
GSM (System Architecture)

|
รูป
แสดงโครงสร้างโครงข่ายของระบบ
GSM
|
- เครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่
GSM (Mobile Station Terminal Equipment, MS)
- SIM Card (Subsriber
Identity Module, SIM)
- สถานีฐาน
(Base Station or Base Transceiver Station, BTS)
- ระบบควบคุมสถานีฐาน
(Base Station Controller, BSC)
- ชุมสาย
Switching ต่อผ่าน (Gateway Mobile
Services Switching Centers ,GMSC)
- ระบบอำนวยการและการบำรุงรักษา
(Operation and Maintenance Center, OMC)
- ระบบลงทะเบียนผู้ใช้ภายในพื้นที่
(Home Location Register, HLR)
- ระบบลงทะเบียนผู้ใช้นอกในพื้นที่
(Visitor Location Register, VLR)
- ระบบศูนย์พิสูจน์ข้อมูล
(Authentication, AC)
- ระบบการลงทะเบียน
ID
ของอุปกรณ์เครื่องที่
GSM (Equipment Identity Register, EIR)
- รายละเอียดหน้าที่และหลักการทำงานของแต่ละอุปกรณ์มีดังต่อไปนี้
- 1.
เครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่
GSM (Mobile Station Terminal Equipment) ชนิดต่างๆ
ของเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่
GSM
จะแบ่งได้ตามลักษณะของ
Power ที่ส่งออกอากาศ
และลักษณะการใช้งาน
ดังนี้ (1.1)
เครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่
GSM
ที่ติดตั้งใช้งานอย่างถาวร
เช่นในรถยนต์
จะยอมให้มี RF output power
ได้สูงถึง 20W (1.2)
เครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่
GSMแบบ Portable (bag phones)
สามารถส่ง RF output power
ได้สูงถึง 8W (1.3)
ครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่
GSM มือถือ (Handheld)
สามารถส่ง RF output power
ได้สูงถึง 2W สำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่ใน
generation ที่ 2 เริ่มออกตลาดตั้งแต่ปี
1993 ระบบ GSM
สามารถทำรายได้
ได้อย่างมาก
เพราะเครื่องโทรศัพท์เคลื่อน
GSM แบบมือถือ (Handheld)
มีขนาดเล็กลงมากกว่าระบบ
analog ทำให้ระบบ GSM
เป็นที่นิยมชมชอบ
โดยเฉพาะตลาดในย่านของ
Asian และ Pacific
- 2.
SIM Card (Subsriber Identity Module) SIM Card
เป็นตัวจัดการที่ตัวโทรศัพท์เคลื่อนที่
GSM ด้วยการแสดงพิสูจน์และแสดงตัวตนของผู้ใช้งาน
ถ้าปราศจาก SIM
เครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ
GSM
จะไม่สามารถใช้งานได้
นอกจาก emergency calls , SIM
เป็น smart card
และมีวงจรอิเล็กโทรนิคส์และ
memory chip
ติดตั้งอยู่อย่างถาวรในแผ่น
พลาสติก ขนาดเท่ากับบัตรเครดิต
จะต้องใส่ SIM Card
ไปในช่องอ่าน (reader)
ในเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่
GSM
ทุกครั้งก่อนใช้งาน
เพื่อทำ routine check
สำหรับเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่
GSM ที่มีขนาดเล็กมากๆ
SIM ขนาดเท่าบัตรเครดิตจะมีขนาดใหญ่ไป,
จึงมี SIM
รุ่นเล็กออกมาเรียกว่า
plug-in SIM
เพื่อใช้งานกับเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่
GSM ที่มีขนาดเล็กมากๆ
- parameters
ต่างๆ
ของเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่
GSM จะถูกเก็บไว้ใน
SIM card รวมถึงข้อมูลในการใช้งานเครื่องโทรศัพท์
ดังเช่น
เลขหมายโทรศัพท์ของผู้ใช้,
SIM card
จะพิสูจน์และยืนยันเครื่องโทรศัพท์ไปยังโครงข่าย
GSM ดังนั้น SIM card
อันหนึ่งแสดงถึงโทรศัพท์
GSM ส่วนบุคคลเครื่องหนึ่ง
มันเป็นไปได้ที่เราจะเดินทางไปต่างประเทศได้โดยนำ
SIM card ติดตัวไปเพียงอันเดียว
และไปเช่าเครื่องโทรศัพท์
GSM ยังต่างประเทศ
และใช้เครื่องโทรศัพท์
GSM โดยใส่ SIM card
ที่เรานำติดตัวไป
เท่านี้ก็เสมือนเรานำเครื่องโทรศัพท์
GSM ติดตัวไปด้วย
ทุกครั้งที่เราใช้เครื่องโทรศัพท์
GSM โทรออก
ไม่ว่าจะอยู่ประเทศใดก็ตาม
บิลค่าโทรศัพท์ก็จะคิดจากเบอร์โทรศัพท์ของเรา ***(
อัตราค่าโทรศัพท์
ที่นำเลขหมายของเราไปใช้ยังประเทศต่างๆ
นั้น
อาจมีอัตราในแต่ละประเทศไม่เท่ากัน
ขึ้นอยู่กับเจ้าของโครงข่าย
GSM ในแต่ละประเทศได้ตกลงเอาไว้ในอัตราเท่าไหร่
ท่านสามารถตรวจสอบอัตราต่างๆ
เหล่านี้ได้ที่เจ้าของโครงข่าย
GSM ที่ท่านได้ขึ้นทะเบียนเลขหมายของท่านอยู่)***
-
- Short
messages ต่างๆ
ที่รับมาจากโครงข่าย
GSM จะถูกเก็บไว้ใน
SIM card
ซึ่งในปัจจุบันนี้
SIM card เป็นหน่วยความจำที่มีขนาดใหญ่มาก
และเป็น microprocessors
ที่ดี จะทำให้ SIM card
สามารถนำไปใช้ให้บริการต่างๆ
ได้มาก และมีคุณประโยชน์ได้มากขึ้นในอนาคต
ดังเช่น credit และ service
card เป็นต้น
- ระบบการป้องกัน
SIM card
ถ้ามีบุคคลอื่นนำ
SIM card
ของเราไปใช้งาน ,SIM
card จะมีระบบความปลอดภัยสร้างขึ้นไว้ภายใน
ก่อนบุคคลอื่นจะสามารถใช้เครื่องโทรศัพท์ได้,การป้องกันโดยเราจะต้องใส่รหัสส่วนตัว
4 หลัก ที่เรียกว่า
personal identification number (PIN) ,PIN
จะถูกเก็บไว้ใน SIM
card ถ้ามีการใส่ PIN code
ผิด 3
ครั้งต่อเนื่องกัน
SIM card จะ blocks
ตัวมันเอง
และจะเลิก blocks
ให้สามารถใช้งานได้อีกครั้งถ้าใส่รหัส
8 หลัก ที่เรียกว่า
personal unblocking key (PUK)
ซึ่งถูกเก็บไว้ใน
SIM card อีกเช่นกัน
- 3.
สถานีฐาน (Base Station or Base
Transceiver Station) สิ่งที่ทำงานคู่กับเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่
GSM ภายในโครงข่ายของระบบ
cellular
คือสถานีฐานซึ่งถูกเรียกว่า
base transceiver station (BTS) ,BTS
จะเป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างเครื่องโทรศัพท์
GSM ไปโครงข่าย
โดยปกติตำแหน่งของ
BTS
จะอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของ
cell size ,BTS 1 สถานี จะมี 1 -16
Transceivers แยกกันแต่ละ RF
channel ,ความฉลาดบางอย่างที่มีสามารถในการตัดสินใจ
ที่มีอยู่ในระบบ
analog base stations และ host network
ดังเช่น การวัดใน
radio channels
เพื่อหาจุดสำหรับ
handover ,ในสถานีฐาน BTS
ของระบบ GSM
จะโยนหน้าที่นี้ไปให้ตัวเครื่องโทรศัพท์
GSM
จึงทำให้ลดหน้าที่เล็กๆ
น้อยๆ ลงไป ทำให้โครงสร้าง
GSM ถูกกว่าระบบ analog
หลักการนี้มีดังนี้
ในโครงข่ายของ cellular
จะทำการวัดสัญญาณความแรงของ
cell size ที่ใช้งานอยู่
กับ cell size ข้างเคียง
เมื่อสัญญาณจาก cell
ที่ใช้งานอยู่อ่อนกว่า
cell size ข้างเคียง
ก็ทำการโอนไปใช้ยัง
cell size
ข้างเคียงที่มีสัญญาณแรงกว่า
การโอนเปลี่ยน cell size
ขณะใช้งานนี้ในระบบ
analog เรียกว่า handoff
ส่วนในระบบ GSM
เรียกว่า handover
ซึ่งมีหลักการทำงานที่แตกต่างกันดังนี้
- ในระบบ analog
สถานีฐานจะทำการวัด
power level
ของเครื่องโทรศัพท์ระหว่างใช้งาน
เมื่อคุณภาพของสัญญาณต่ำลงเนื่องจากระยะทาง
สถานีฐานก็ทำการสั่งให้เครื่องโทรศัพท์จับสัญญาณจาก
cell size
ข้างเคียงแล้วทำการวัด
power level
จากเครื่องโทรศัพท์รายงานไปยังโครงข่าย
ถ้า power level ของcell size
ไหนแรงกว่าแสดงว่าเครื่องโทรศัพท์อยู่ใกล้
cell size นั้น
โครงข่ายก็จะตัดสินใจให้ไปใช้
channel ความถี่ของ cell size
ใหม่
และสั่งให้เครื่องโทรศัพท์
tune
ความถี่ไปยังความถี่ของ
cell size
ใหม่ใช้สนสนาต่อไป
จะเห็นได้ว่าเครื่องโทรศัพท์จะเป็นลักษณะในการรับคำสั่งอย่างเดียวในกระบวนการ
handoff
การวัดและการทำงานกระบวนการตัดสินใจจะทำที่ตัว
สถานีฐานและโครงข่ายทั้งสิ้น
- ในระบบ GSM
การ handover
มีลักษณะการทำงานที่แตกต่างกันคือ
ในระบบ GSM เครื่องโทรศัพท์
GSM จะต้องทำการวัด
power level ของ cell size
ข้างเคียงอย่างต่อเนื่อง
วิธีการนี้สถานีฐาน
(BTS)
จะให้เครื่องโทรศัพท์
GSM ทำรายงานผลการวัด
power level ของ channel
ที่ใช้งานและ power level
ของ cell size
ข้างเคียงอย่างต่อเนื่อง
และรายงานผลการวัดส่งกลับไปให้สถานีฐาน
(BTS)
ในรูปของรายงานผลการวัด
(measurement report) เป็นระยะๆ
,ที่ตัวสถานีฐานเองก็ทำการวัดคุณภาพสัญญาณของ
power level
ของเครื่องโทรศัพท์
GSM ที่ติดต่อมายังสถานีฐานด้วยอีกทางหนึ่ง
ถ้าผลของการวัดแสดงถึงความจำเป็นในการ
handover,
ดังนั้นก็สามารถปฏิบัติการการได้เลยโดยไม่ชักช้า
ความเหมาะสมในการ
handover
สถานีฐานจะรู้อยู่แล้ว
โดยจุด thresholds
สำหรับการ handover
สามารถปรับให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมและเงื่อนไขการทำงานที่เปลี่ยนไปได้
-
- จากการลดภาระของสถานีฐาน
(BTS) ในระบบ analog
ที่ต้องสั่งการและประมวลผลให้กับเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกเครื่องในระบบอยู่ฝ่ายเดียวตลอดเวลา
ทำให้โครงสร้างของโครงข่าย
GSM
มีราคาถูกกว่าโครงข่ายของระบบ
analog เป็นผลให้ประเทศต่างๆ
หันมาติดตั้งระบบ
digital cellular แทนระบบ analog
เดิมเช่น AMPS, NMT, TACS
เพิ่มมากขึ้น
- การติดต่อระหว่างตัวเครื่องโทรศัพท์
GSM กับ สถานีฐาน (BTS)
ใช้การเชื่อมต่อแบบผ่านอากาศ
หรือ Radio Interface (Um)
- 4.
ระบบควบคุมสถานีฐาน
(Base Station Controller,BSC) BSC
ทำหน้าที่ monitor และควบคุมสถานีฐาน
ซึ่ง 1 BSC
อาจควบคุมสถานีฐานได้
10 หรือ 100 สถานี
แล้วแต่การออกแบบระบบ
งานของ BSC
คือการจัดการความถี่และการควบคุมสถานีฐาน
และจัดการ functions
ต่างๆ จากชุมสาย
- การติดต่อระหว่างสถานีฐาน
(BTS) กับ
ระบบควบคุมสถานีฐาน
(BSC)
จะเชื่อมโยงผ่าน
Abis โดยทาง 2.048-Mb,PCM-30 link (32
slots X 64kbps = 2.048-Mb) fixed-line standard
- 5.ชุมสาย
Switching ต่อผ่าน (Gateway Mobile
Services Switching Centers ,GMSC) GMSC
เป็นตัวเชื่อมโครงข่าย
GSM ไปยัง PSTN, GMSC
ทำงานในลักษณะของชุมสาย
โดยทำหน้าที่บริการผู้ใช้ที่ทำการลงทะเบียนทั้งหมดในระบบให้สามารถเรียกจาก
fixed network ผ่านทาง BSC และ
BTS
ไปยังเครื่องโทรศัพท์
GSM
ในแต่ละเครื่องได้
หรือเรียกในทางกลับกันไปยัง
PSTN ได้, GMSC
ยังทำหน้าที่จัดการโครงข่ายสำหรับข้อมูลจำเพาะของเครื่องโทรศัพท์
GSM
แต่ละเครื่องอีกด้วย
จำนวนของ GMSC
ขึ้นอยู่กับขนาดของโครงข่าย
และปริมาณการดำเนินการเชื่อมโยงไปยัง
fixed network
ในแต่ละคู่สายของ
GMSC ถ้า traffic
ภายในโครงข่าย cellular
ต้องการความสามารถของ
GMSC มากกว่า 1 GMSC
ก็สามารถเพิ่มชุมสาย
Switching (Mobile Services Switching Centers ,MSC)
ให้ทำงานร่วมกับ
GMSC โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับ
fixed network
ความสามารถของ GMSC
และ MSC จะเหมือนกัน
แต่จะแตกต่างกันตรงที่
MSC ไม่ต้องเชื่อมต่อกับ
home location register (HLR)
- การติดต่อระหว่างระบบควบคุมสถานีฐาน
(BSC) กับ ชุมสาย Switching (GMSC
หรือ MSC)
จะเชื่อมโยงผ่าน A-interface
โดยทาง 2.048-Mb,PCM-30 link (CCITT G.703,ISDN
standard, 32 slots X 64kbps = 2.048-Mb) fixed-line
standard ระบบ switching ของ GSM
PLMN เป็นลักษณะของ
CCITT SSN7 protocol
- 6.
ระบบอำนวยการและการบำรุงรักษา
(Operation and Maintenance Center, OMC) OMC
จะติดต่อทั้งชุมสาย
switching (GMSC,MSC)
และระบบควบคุมสถานีฐาน
(BSC) โดยทำหน้าที่คอยจับ
error message
ที่เข้ามายังโครงข่าย
และควบคุม traffic load
ของ BSC และ BTS , โดย OMC
จะติดต่อไปยัง BTS
ผ่านทาง BSC
และทำการดำเนินการตรวจเช็กส่วนต่างๆ
ของระบบ
เพื่อควบคุมคุณภาพของระบบให้ดีอยู่ตลอดเวลา
- 7.
ระบบลงทะเบียนผู้ใช้ภายในพื้นที่
(Home Location Register, HLR) HLR
จะเป็นระบบฐานข้อมูล
ทำหน้าที่เก็บข้อมูล
ID และ
ข้อมูลของผู้ใช้ทุกคนซึ่งอยู่ในพื้นที่ของ
GMSC นั้นๆ ,
ข้อมูลต่างๆ
จะถูกเก็บไว้อย่างถาวร
ดังเช่นข้อมูลของ
international mobile subscriber number (IMSI)
ของผู้ใช้แต่ละคน
,
ข้อมูลของเลขหมายโทรศัพท์ของผู้ใช้แต่ละคน,
ข้อมูล authentication key,
ข้อมูลการยอมให้มีการใช้บริการเสริมต่างๆ
ของลูกค้า, และข้อมูลชั่วคราวต่างๆ,ข้อมูลชั่วคราวต่างๆ
ประกอบด้วย (1)
ที่อยู่ของผู้ใช้ต่างพื้นที่ที่ขอเข้ามาลงทะเบียนใช้งาน
visitor location register (VLR) ซึ่งจะต้องเขาไปจัดการให้เครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เข้ามาขอลงทะเบียนให้สามารถใช้งานได้
(2)
เลขหมายที่ขอให้มีการเรียก
call forwarding และ (3) บาง
parameters สำหรับ authentication
และ ciphering
- IMSI
จะถูกเก็บไว้อย่างถาวรใน
SIM card , IMSI
จะเป็นส่วนที่สำคัญอย่างมากของข่าวสารที่ใช้เป็นหลักฐานข้อมูลของ
subscriber ภายในระบบ GSM
รหัสตัวเลขของ IMSI
จะมีรูปแบบดังนี้ 262
02 454 275 1010
ความหมายของรหัสอธิบายได้ดังนี้
รหัส 3 หลักแรกแสดง
mobile country code (MCC) และรหัส 2
หลักต่อไปแสดง mobile
network code (MNC) และรหัส 10
หลักสุดท้ายที่เหลือแสดง
mobile subscriber identification number (MSIC)
จากข้อมูลดังกล่าวเราสามารถแปลรหัสข้อมูลได้ดังนี้
หลักฐานของ subscriber
นี้เป็นของประเทศเยอรมัน
(MCC=262) บิลเรียกเก็บค่าบริการประจำเดือนจะต้องจ่ายให้กับเจ้าของโครงข่ายคือ
บริษัท D2 privat (MNC=02)
รหัสตัวเลขแสดงเลขหมายของ
SIM คือ (MSIC) 454 275 1010 ,
ตัวเลขรหัสที่ทำการเรียกจากโครงข่ายสาธารณะไปยังเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่
GSM จะแตกต่างจาก IMSI
และจะต้องเริ่มต้นด้วย
area code เช่น 0127
และตามด้วยเลขหมายโทรศัพท์
7 หลัก โดยหลักแรกของเลขหมายโทรศัพท์แสดงความกี่ยวข้องกับ
HLR
จำนวนของหลักที่ใช้ขึ้นอยู่กับขนาดของโครงข่ายและจำนวนของ
HLRs ในโครงข่าย, IMSI
มุ่งหมายให้ใช้เฉพาะภายในโครงข่าย
- 8.
ระบบลงทะเบียนผู้ใช้นอกในพื้นที่
(Visitor Location Register, VLR) VLR
ทำหน้าที่บรรจุข้อมูลที่ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่
GSM
ทุกเครื่องที่เข้ามา
serving ภายในพื้นที่ของ
(G)MSC
ข้อมูลที่จัดเก็บจะมีการจัดเก็บอยู่
2 แบบคือ (1)
การจัดเก็บข้อมูลอย่างถาวร
โดยจะมีข้อมูลเหมือนกับข้อมูลใน
HLR, (2)
การจัดเก็บข้อมูลอย่างชั่วคราว
ซึ่งข้อมูลที่จัดเก็บอย่างชั่วคราวจะแตกต่างกันกับข้อมูลใน
HLR ตัวอย่าง VLR
จะบรรจุ temporary mobile subscriber
identity (TMSI)
ซึ่งจะใช้เพื่อจำกัดช่วงเวลาในการส่ง
IMSI ผ่านทาง air interface
และทำหน้าที่แทนด้วย
TMSI สำหรับหน้าที่ของ
IMSI serves , VLR
ทำหน้าที่ให้ข้อมูลรองรับการทำงานของ
(G)MSC
ระหว่างทำการเรียกและพิสูจน์ข้อมูล
(call establishment and authentication procedure)
ดังนั้นมันจึงต้องมีข้อมูลจำเพาะของ
subscriber ที่เข้ามาขอใช้บริการภายในพื้นที่ของ
(G)MSC ส่งให้ (G)MSC ทราบ,
พื้นที่เก็บข้อมูลของ
subscriber ใน VLR
จะเหมือนกับใน HLR
เพื่อลด traffic
ของข้อมูล ใน HLR
เพราะว่าไม่จำเป็นต้องถามเพื่อเอาข้อมูลอยู่ตลอดเวลามันต้องการเท่าที่จำเป็น
อีกเหตุผลหนึ่งสำหรับการเก็บข้อมูลในส่วนที่เหมือนกันในพื้นที่ของ
HLR และ VLR นั้น
เป็นความมุ่งหมายในการ
serves ที่แตกต่างกัน ,HLR
จะต้องมีการจัดการข้อมูลของ
subscriber ไปให้ GMSC เมื่อมีการเรียกมาจาก
public network , ส่วน VLR
จะอีกกรณีหนึ่งที่
serves ใน function
ที่ตรงกันข้ามกันกับ
HLR
โดยจัดการข้อมูลของข้อมูล
subscriber ไปให้ (G)MSC
เมื่อมีการเรียกมาจากเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่
GSM (เช่น ระหว่าง
authentication) ถ้าเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่
GSM
กลับมาอยู่ในพื้นที่ของ
(G)MSC ของตัวมัน
มันยังคงใช้หลักการนี้และยังใช้บริการข้อมูลจากทั้ง
HLR และ VLR อยู่
แม้ว่าข้อมูลในส่วน
VLR
จะดูเสมือนซ้ำซ้อน
แต่มันก็น่าเชื่อถือและง่ายที่จะปฏิบัติอย่างเข้าใจ
- 9.
ระบบศูนย์พิสูจน์ข้อมูล
(Authentication, AC) AC
จะทำงานสัมพันธ์กับ
HLR มันจะจัดการข้อมูลจาก
HLR ด้วย set
ที่แตกต่างกันของ
parameters
เพื่อการพิสูจน์ข้อมูลที่สมบูรณ์ของเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่
GSM, AC จะต้องรู้ความจริงซึ่ง
algorithm
ที่มีใช้เพื่อข้อมูลจำเพาะของ
subscriber
ในลำดับที่จะทำการคำนวณค่า
input และ
ออกผลที่ต้องการ
เนื่องจากทุก algorithms
สำหรับปฏิบัติการพิสูจน์ข้อมูลถูกเก็บไว้ภายใน
AC
ดังนั้นจึงต้องมีการป้องกันการนำไปใช้โดยไม่ถูกต้องอีกชั้นหนึ่ง,
SIM card
ที่ออกมาในพื้นที่ถูกกำหนดให้
AC ใช้ algorithms
เดียวกันสำหรับให้
AC ทำการพิสูจน์ข้อมูล
ถ้า AC จัดการ parameter
ของ input และ output
สำหรับ algorithms
นี้โดยข้อมูลใน HLR
หรือ VLR
ข้อมูลในระบบการลงทะเบียนทั้งสองก็ต้องสามารถพิสูจน์ข้อมูลของเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่
GSM ได้
- 10.
ระบบการลงทะเบียน
ID
ของอุปกรณ์เครื่องที่
GSM (Equipment Identity Register, EIR) EIR
เป็น option นั้นคือ
ขึ้นอยู่กับการใช้งานของผู้ดำเนินการโครงข่าย
อุปกรณ์ของ EIR
เป็นความสัมพันธ์ในลักษณะของความปลอดภัยในระบบ
GSM, ภายใน EIR เราจะพบ
serial number
ของอุปกรณ์เครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่
GSM ทั้งหมดในระบบ ,
international mobile equipment identity (IMEI)
ไม่ได้เป็นเฉพาะ
serial number
แต่ยังแสดงโรงงานผู้ผลิต
ประเทศผู้ผลิต
และการรับรองรุ่น
, ความคิดที่จะ check
หลักฐานการลงทะเบียนหรือการ
call setup
ของเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่
GSM เครื่องใดๆ
ได้ขึ้นอยู่กับ IMEI
ของตัวมัน เป็นการรับรองหรือ
การ access
เครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่
GSM ไปในระบบ
-
|