|
|
|
PHS (Personal
Handy-phone System)
- ถ้าพูดถึงระบบโทรศัพท์แบบ
PHS
หลายคนคงไม่ทราบว่าคือระบบอะไร
แต่ถ้าบอกว่าเป็นโทรศัพท์ไร้สายแบบพกพาติดตัว
PCT (Personal Communication Telephone)
แล้วละก็่หลายท่านคงทราบดี
ขอทำความเข้าใจว่า
PHS คือตัวระบบและโครงข่ายทั้งหมดของโทรศัพทไร้สายแบบพกพาติดตัว,
ส่วน PCT
คือตัวเครื่องโทรศัพท์เล็กๆ
น้ำหนักเบาที่หลายๆ
ท่านมีใช้งานกันอยู่นั่นแหละครับ
ซึ่งจะสามารถใช้งานได้ก็ด้วยโครงขายของระบบ
PHS นั่นเอง
- PHS
ประกอบด้วย 3 Layer
ดังนี้
รูป
แสดงโครงข่ายของระบบ
PHS ประกอบด้วย 3 Layer
|
- 1.
Intelligent Layer
ซึ่งประกอบด้วย
- 1.1.
Home Location Register (HLR)
คือ computer
ที่เก็บฐานข้อมูล
Location Information
เพื่อทำให้ PCT server
ทราบว่าเครื่อง
PCT
แต่ละเครื่องอยู่ที่ไหน
- 1.2.
Call Detail Recording System (CDR)
คือระบบบันทึก
การคิดค่าบริการของการเรียกของเครื่อง
PCT
แต่ละครั้งและทำการส่ง
File
ข้อมูลให้กับระบบ
Billing Center (BC)
เพื่อออกบิล
- 1.3.
Network Management System (NMS)
คือระบบที่ใช้สำหรับเฝ้าดู,ตรวจสอบ,
ทดสอบ,
วินิจฉัยเหตุเสียของ
Cell Station (CS)
- 1.4.
Billing Center (BC),Subscriber Data
Management (SDM) BC
คือระบบที่จะรับข้อมูลจาก
CDR มาประมวลผล
จนออกบิล ส่วน SDM
เป็นระบบที่ทำหน้าที่ลงทะเบียนผู้เช่า
และกำหนดบริการต่างๆ
ตามที่ผู้เช่าขอ
โดยอุปกรณ์ทั้งหมดภายใน
Intelligent Layer
จะเชื่อมต่อภายในโดยผ่าน
LAN และ
- Intelligent
Layer
จะเชื่อมต่อไปในชั้นของ
Transport Layer ด้วย Potocolต่างๆ
ดังนี้
- - HLR
เชื่อมต่อกับ PCT Server
ด้วย Common channel signalling No.7 (CCS7)
- - CDR
เชื่อมต่อกับ PCT Server
ด้วย Potocol X.25
เพื่อส่งข้อมูลเกี่ยวกับการเรียกไปบันทึกที่
CDR
- -NMS
เชื่อมต่อกับ PCT Server
ด้วย Basic Rate Interface (BRI)
เพื่อรับส่ง information
กับCell station ผ่าน PCT Server
- 2.
Transport Layer
ซึ่งประกอบด้วย
- 2.1.
PCT Server
ซึ่งประกอบด้วยระบบชุมสาย
(Switching System)
นั่นเองซึ่งเป็นอุปกรณ์เครื่องชุมสายยี่ห้อ
NEC Series NEAX61
ถ้าท่านสนใจคงต้องไปศึกษาในรายละเอียดแยกต่างหากออกไป
- หน้าที่ของ
PCT Server
- 1.
Paging
- call termination request to multiple
interface
- Interface group list managment
- 2.Authentication
- ผลิต, ส่ง,
รับผลการคำนวณ
และตรวจสอบผลการคำนวณจาก
authentication random pattern
ที่ติดต่อกับ Cell
station
- 3.
Handover
- รับ Handover request
และวิเคราะห์
request จาก Cell station
- ย้าย Traffic channel จาก
Cell station
หนึ่งไปยังอีก
Cell station หนึ่ง
- 4.
ส่ง PB Tone
-
ผลิตและส่งสัญญาน
PB หรือ สัญญาน DTMF
ในการส่งสัญญาน
B ของแต่ละ Cell station
- 5.
Traffic Observation
ทำการวัด Traffic
ดังนี้
- Call Attempts
การเรียกเข้า
เรียกออก
และอื่นๆ
- Call Completion
ประกอบด้วย
Originating outgoing calls signaling
complete, incoming termination calls
answered,and other
- Traffic Distribution
- 2.2.
Remote Digital Line Unit (RDLU)
โครงข่ายโทรศัพท์พื้นฐานทั่วไป
(Fixed Line)
นั้นใช้ระบบเครื่องชุมสายแบบ
Centralized
ที่เรียกว่า Group
Switching Pracessor (GSP)
ที่ติดตั้งอยู่ที่ชุมสายหลักซึ่งเป็นชุมสายขนาดใหญ่
Centralized Switching Node (CSN)
และอุปกรณ์เครื่องชุมสายอีกชนิดหนึ่งคือ
อุปกรณ์เครื่องชุมสายย่อย
หรือ Remote Switching
ซึ่งเป็นเครื่องอุปกรณ์ชุมสายขนาดเล็ก
ที่ถูกควบคุมโดย
GSP อีกทีหนึ่ง
โดย Remote Switching
จะติดตั้งอยู่ในตู้
Mobile
หรือในอาคารขนาดเล็กกระจายอยู่ทั่วพื้นที่ให้บริการ
และก็จะต่อสายจาก
Remote switching ไปยังบ้านผู้เช่าโดยใช้โครงข่ายสายตอนนอก
(Outside PlantNetwork, Local Access
Network)
ที่เริ่มจากในชุมสายคือ
MDF, cable ต้นทาง,
ตู้สลับสายสีเขียว,
cable ปลายทาง,
ตู้พักสายปลายทาง,
สายกระจาย,
ตัวกันฟ้า และ
เครื่องโทรศัพท์ปลายทาง
ในการให้บริการ
PCT
ยังคงใช้หลักการเดิม
คืออุปกรณ์เครื่องชุมสายจะมี
2 ส่วนคือ PCT Server
จะติดตั้งอยู่ในชุมสายหลัก
CSN
และจะใช้ระบบสื่อสัญญานเดิมเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่ชุมสายย่อย
โดยอุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่ที่ชุมสายย่อยเราเรียกว่า
Remote Digital Line Unit (RDLU)
และจะมีการต่อจาก
RDLU
ผ่านข่ายสายตอนนอกไปยัง
Cell Station
ในจุดต่างๆ
ที่ได้ถูกกำหนดเอาไว้
- การเชื่อมต่อ
PCT Server กับ RDLU
จะเชื่อมต่อผ่านระบบสื่อสัญญาน
ที่ระดับ E1(2.048Mbps)
โดยใช้ Transmission Media
อะไรก็ได้ไม่ว่าจะเป็น
Copper Line Multiplexer, Microwave, Optical Fiber
- การทำงานของ
RDLU
เมื่อมีการเรียกเกิดขึ้น
โดยเครื่อง PCT
จะจับช่องสัญญานที่
Air Interface
ระหว่างเครื่อง PCT
กับ Cell station ได้ไว้ 1
ช่องสัญญาน
ดังนั้นจำนวนช่องสัญญาน
B (B channel)
ที่ใช้ติดต่อระหว่าง
Cell station และ RDLU
ก็จะถูกใช้ไป 1
ช่อง (64Kbps) เพราะว่า
Cell station 1 ตัว
จะมีช่องสัญญานให้เครื่อง
PCT ใช้ 4
ช่องแต่ถูกใช้เป็น
Control Channel เสีย 1
ช่องสัญญาน
ดังนั้นจึงมีช่องสัญญานให้เครื่องPCT
ใช้ได้พร้อมกัน 3
ช่องสัญญานหรือ 3
เครื่อง แต่ถ้าเรามองที่
Cell station เข้าไปหา RDLU
จะมีการเชื่อมต่อกันเป็น
ISDN แบบ Basic Rate Interface (BRI)
ซึ่ง 1 คู่สายจะมี 2
ช่องสัญญาน B และ 1
ช่อง Signalling
ที่เรียกว่า 2B + D
สำหรับ Cell station 1 สถานี
ต้องใช้ 2 คู่สายแบบ
BRI นั่นหมายถึง
- -
ช่องสัญญานเสียงพูด
(Traffic channel)
ระหว่างเครื่อง
PCT ถึง Cell station มี 3
channel และช่องสัญญานควบคุม
(Control channel)อีก 1 channel
รวมเป็น 4 channel
- -
ช่องสัญญาน B
ระหว่าง Cell station
ถึง RDLU ต้องใช้ 4B
channel
และช่องสัญญาน D
อีก 2D channel ต่อ 1 Cell
station
เมื่อมีการจับช่องสัญญาน
B
แล้วสัญญานผ่านสถานีย่อย
RDLU
และไปสลับสายที่
PCT Server
โดยที่ชุมสายจะสลับไปที่ใดก็ขึ้นอยู่กับเลขหมายที่
ผู้เช่ากด
- ชนิดของ
RDLU
อุปกรณ์ RDLU
ที่ติดตั้งอยู่ในชุมสายย่อยนั้น
มีขนาดและจำนวนแตกต่างกัน
ขึ้นอยู่ว่า RDLU
นั้นสามารถติดต่อกับ
Cell station
ได้มากน้อยเพียงใด
โดยต้องทำการสำรวจปริมาณของผู้ใช้ต่อพื้นที่หนึ่งๆ
แล้วจึงมากำหนด
capacity ของ RDLU
ว่าต้องใช้ capacity
เท่าใด
- โครงการให้บริการ
PCT server นั้นมี RDLU อยู่ 6
ชนิดคือ
- -
ชนิด A1
สามารถต่อกับ Cell
station ได้ 14 สถานี
- -
ชนิด A2
สามารถต่อกับ Cell
station ได้ 28 สถานี
- -
ชนิด B1
สามารถต่อกับ Cell
station ได้ 56 สถานี
- -
ชนิด B2
สามารถต่อกับ Cell
station ได้ 84 สถานี
- -
ชนิด C1
สามารถต่อกับ Cell
station ได้ 112 สถานี
- -
ชนิด D
สามารถต่อกับ Cell
station ได้ 224 สถานี
- 3.
Access Layer ประกอบด้วย
- 3.1.
Cell station (CS)
คือจุดปลายของโครงข่ายที่เชื่อมต่อ
กับเครื่อง PCT
โดยผ่านอากาศ (air
interface)
โดยมาตรฐานการเชื่อมต่อของบริการ
PCT
นั้นเป็นไปตามมาตรฐาน
RCR STD-28 (Research & development
Center for Radio systems Standard-28)
ออกเป็นมาตรฐานโดย
ARIB (Association of Radio Industries and
Businesses)
ซึ่งเป็นสมาคมธุรกิจและอุตสาหกรรมทางด้าน
Radio ของประเทศญี่ปุ่น
เพื่อใช้เป็นมาตรฐานของระบบโทรศัพท์
PHS
- Cell
station จะรับและส่ง
คลื่นวิทยุติดต่อกับเครื่อง
PCT
โดยใช้ความถี่ย่าน
1900MHz ผ่านอากาศ (air
interface) และ Cell station
ต่อเชื่อมกับอุปกรณ์ชุมสายโดยใช้ISDN
line แบบ Basic rate Interface
- หน้าที่ของ
Cell station (CS)
- 1.
Broardcasting Information
CS
จะส่งสัญญานผ่านคลื่นวิทยุไปยังเครื่อง
PCT
ที่อยู่ในบริเวณรัศมีการกระจายคลื่นวิทยุของ
CS นั้น ซึ่งสัญญานที่ส่งไปให้
PCT
จะเป็นสัญญานควบคุมต่างๆ
(control signal)
และเป็นการส่งแบบกระจายเสียง
- 2.
Radio Channel Setup
CS
จะเลือกช่องสัญญาน
(channel) ที่ว่างใน CS
ให้กับเครื่อง
PCT
ที่ต้องการเรียกออก
หรือ เรียกเข้า
- 3.
Authentication
PCT Server ที่ชุมสาย
จะกำหนด Authentication
Pattern และส่งผ่าน CS
ไปยังเครื่อง PCT
เพื่อตรวจสอบผลว่า
Algorithms
การคำนวณของเครื่อง
PCT
ถูกต้องหรือไม่
เพื่อตรวจสอบว่าเครื่อง
PCT ของผู้ใช้
เป็นเครื่องที่ได้รับการลงทะเบียนกับผู้บริหารโครงข่ายถูกต้องหรือไม่
- 4.
Interferance Guidance
CS
จะเป็นตัวที่ควบคุมการรบกวนของช่องสัญญานตามมาตรฐาน
RCR STD-28
- 5.
Encrytion
ข้อมูลที่ส่งระหว่าง
CS และเครื่อง PCT
จะมีการเข้ารหัส
และถอดรหัสโดย
CS
เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
ในการ
ดักจับข้อมูลที่ส่งออกอากาศ
โดยเป็นไปตามมาตรฐาน
RCR STD-28
- 6.Location
Registration
CS
จะส่งผ่านข้อมูลต่างๆ
ที่จำเป็นระหว่าง
เครื่อง PCT ไป update
ข้อมูลของLocation
Information ที่ HLR
เมื่อเครื่อง PCT
ตรวจจับสัญญานที่กระจายเสียงออกจาก
CS สถานีตัวใหม่
ก็จะมีการ Request
ขอ update
Location
- 7.
Speed Coding Conversion
CS
จะเป็นตัวแปลงสัญญานระหว่าง
32 Kbps/s ADPCM และ 64Kbps/s PCM
แต่เมื่อจะส่งออกอากาศ
จะลด Bit rate
ลงครึ่งหนึ่ง
- 8.
D-Channel Sharing
เมื่อมีการขยายช่องสัญญานในจุดๆ
หนึ่งหรือ cell
หนึ่งๆ
โดยการติดตั้ง
CS
ที่จุดเดียวกันมากกว่าหนึ่งตัวนั้น
จะมีการกำหนดให้
CS ตัวแรกเป็น Master
มีช่องสัญญานใช้งาน
3 ช่อง เป็น traffic
channel
และอีกหนึ่งช่องเป็น
control channel ส่วน CS
ที่จะติดตั้งเพิ่มจะเป็น
Slaeve สามารถกำหนด
4 ช่องเป็น traffic
channel ได้
โดยตัวที่เป็น
Slaeveนั้นก็จะมาใช้ช่อง
D-channel ร่วมกัน
- 9.
Hand Over
ระหว่างการใช้เครื่อง
PCT
สนทนาอยู่นั้น
ตัวเครื่อง PCT
จะมีการวัดความแรงของสัญญานวิทยุที่ส่งจาก
CS
ปัจจุบันและ CS
ข้างเคียงตลอดเวลา
และส่งผลให้ CS
ปัจจุบันทราบ
เมื่อ CS
ปัจจุบัน
มีสัญญานอ่อนลงมาก
ก็ทำการ request
ไปที่ PCT Server
เพื่อให้หา traffic
channel ของ CS
ข้างเคียงที่มีสัญญานแรงกว่าเพื่อให้ผู้ใช้สามารถสนทนาต่อไปได้
- 10.
PB signal Tranfer
CS
จะส่งผ่านสัญญาน
DTMF จากเครื่อง PCT
ผ่าน PCT Server
ไปยังที่ปลายทางได้
- 11.
Maintenance Function
CS
ยังทำหน้าที่ในส่วนของการบำรุงรักษา
เช่น Fault supervision, Equipment
control, software downloading,
และการวัด traffic
- 3.2.
Personal Communication Telephone (PCT)
PCT
เป็นเครื่องโทรศัพท์ที่ให้ผู้ใช้งานนำติดตัวไปใช้ในที่ต่างๆ
โดยสามารถใช้งานได้โดยติดต่อผ่าน
CS โดยทางอากาศ (air
interface)
โดยใช้วิธีการสื่อสารตามมาตรฐาน
RCR STD-28 ดังนี้
Transmission method
parameters
|
Radio access
method
|
TDMA-TDD
|
Number of TDMA
multiplexed circuit
|
4(when full rate CODEC is used)
|
Frequency band
|
1,895-1,918.1MHz
|
Carrier
frequency spacing
|
300kHz
|
Modulation
method
|
TT/4 shift QPSK (roll-off rate
= 0.5)
|
Transmission
rate
|
384kbit/s
|
Antenna power
|
Less than or equal 10mW
|
ตาราง
แสดงคุณสมบัติของเครื่อง
PCT
|
- ซึ่งผู้นำเครื่อง
PCT
มาจัดจำหน่ายให้กับลูกค้าต้องนำเข้าเครื่อง
PCT
ที่ถูกทดสอบให้ได้ตรงตามมาตรฐาน
RCR STD-28 นี้
จึงสามารถนำมาจำหน่ายให้กับลูกค้าสามารถนำไปใช้งานกับโครงข่าย
PHS ได้
- ซึ่งผู้ใช้งานสามารถ
ซื้อหานำไปลงทะเบียนใช้งานกับโครงข่าย
PHS
ได้ตามความนิยมชมชอบของแต่ละบุคคลครับ
- มีอีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือว่า
ถ้ามีหลายท่านได้มีโอกาสได้ไปประเทศญี่ปุ่นแล้ว
ไปเห็นเครื่อง PCT
ที่มีจำหน่ายใน
ประเทศญี่ปุ่นซึ่งอาจมีมากมายหลายยี่ห้อ
ให้เลือก
มีสีสรรค์
และราคาถูกกว่าเครื่อง
PCT
ที่มีขายอยู่ในเมืองไทย
จะหาซื้อมาใช้ลงทะเบียนใช้งานกับโครงข่าย
PHS ในไทยได้หรือไม่
ขอตอบเลยว่าไม่ได้ครับ
เพราะว่าเครื่อง PCT
ถูกควบคุมโดย PS ID
ประจำเครื่อง PCT
ซึ่งเป็นระหัสตัวเลข
Digital
ซึ่งถูกกำหนดโดย
ARIB (Association of Radio Industries and
Businesses)
ซึ่งเป็นสมาคมธุรกิจและอุตสาหกรรมทางด้าน
Radio
ของประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งทำความตกลงกับผู้ให้บริการโครงข่าย
PHS ในประเทศไทย
โดยได้กำหนดกลุ่มรหัส
PS ID ประจำเครื่อง PCT
ที่จะนำมาใช้กับโครงข่าย
PHS ในประเทศไทย
ให้อยู่ในกลุ่ม PS ID
ตามที่กำหนดไว้เท่านั้น
|