วัดสุทัศนเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร

วัดสุทัศนเทพวรารามเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกชนิดราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่เลขที่ ๑๔๖ ถนนบำรุงเมือง แขวง ราชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพฯ มีชื่อเรียกกันเป็นสามัญหลายชื่อ ในสมัยโบราณ เช่น วัดพระใหญ่ วัดพระโต ซึ่ง เป็นการเรียกตามลักษณะพระพุทธรูปสำคัญของวัดคือพระศรีศากยมุนี วัดเสาชิงช้า เรียก ตามสถานที่ตั้ง ซึ่งอยู่ ใกล้กับเสาชิงช้าเทวสถานของพราหมณ์กลางเมือง วัดมหาสุทธาวาส เป็นนามที่ พระบาทสมเด็จ พระพุทธ ยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่๑ พระราชทาน อันหมายถึงสวรรค์ชั้น พรหมโลก ชื่อสุทธาวาส วัดสุทัศนเทพธาราม พระบาทสมเด็จ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๓ พระราชทาน และ วัดสุทัศเทพวราราม พระบาท สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ พระราชทาน ทั้งสองชื่อนี้หมายถึง สุทัสสนนคร บนเขา พระสุเมรุ ศูนย์กลางของสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์ ที่ประทับของ

พระอินทร์ บริเวณที่ตั้งของ วัดสุทัศนเทพวราราม อยู่ เกือบกึ่งกลางของกรุงเทพมหานครเปรียบเสมือน เขา พระสุเมรุเป็นศูนย์กลางจักรวาล เป็นศูนย์รวม ของ สรรพสิ่ง ที่น่าสนใจ รูปแบบการก่อสร้างของสิ่ง ก่อสร้าง ภายใน วัดมี ทั้งคติธรรมปริศนาธรรม สัญลักษณ์ที่ต้อง ขบคิด ตีปัญหา ให้เข้าใจการวาง ผังการก่อสร้าง ก็ทำ อย่างเป็น ระบบเป็น ระเบียบ สวยงาม เป็นจุดเด่น และ เป็นศรีสง่าแก่บ้านเมือง
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑ ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดสุทัศนเทพวรารามขึ้นเพื่อให้เป็น วัดที่สำคัญที่ตั้ง อยู่ กลางกรุงเทพมหานคร ดังมีปรากฏอยู่ ในบันทึก ของกรมหลวงนรินทรเทวี ที่กล่าวว่า " พระโองการรับสั่ง ให้ สร้างวัดขึ้นกลางพระนครให้สูงเท่า วัดพะนันเชิง ให้พระพิเรนทรเทพขึ้นไปรับพระใหญ่ ณ เมือง โศกโขไทย ชลอ เลื่อนลงมากรุงเทพ ประทับ ท่าสมโภช ๗ วัน ฯลฯ" โดยเริ่มจากการกำหนดพระฤกษ์ขุดราก พระวิหารหลวง ใน วันจันทร์ที่ ๑ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๓๕๐

เมื่อการก่อสร้างพระวิหารหลวง และสร้างฐานชุกชี เสร็จแล้ว โปรด เกล้าฯ ให้อัญเชิญ พระศรีศากยมุนี จากวิหารหลวง วัดมหาธาตุ เมืองสุโขทัยมาประดิษฐาน บน ฐานชุกชี พระ วิหารหลวง วัดสุทัศนเทพวราราม วันที่ ๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๓๕๑

กำแพงวัดสุทัศเทพวราราม
กำแพงเป็นเครื่องกำหนด ขอบเขตให้เป็นสัดส่วน เป็นเครื่องแสดง ขอบเขตพระอารามให้ผู้ที่เข้ามา ภายใน แสดงกริยาวาจาที่สำรวม กำแพง ก่อล้อมวัดทั้งหมด มีสามด้าน คือ ด้านทิศเหนือติด ถนน บำรุงเมือง ด้าน ทิศตะวันออก ติดถนน อุณากรรณ และด้าน ทิศตะวันตกติดถนน ตีทอง

ส่วนทางด้านทิศใต้ ที่ติด กับถนน ลงท่าปัจจุบันไม่มีเพราะใช้ติกแถว อาคารพานิชย์กั้น แทน กำแพงทั้งสาม ด้านเป็นกำแพง ก่ออิฐถือปูน ทาสีขาว แต่ละ ด้านมีช่องซุ้มประตู บานประตูเป็นไม้ปิดเปิด สร้างห่าง กันเป็นระยะๆ รวมทั้งหมด ๑๕ ซุ้ม ซุ้มประตูเดิมเป็นซุ้มแบบจตุรมุข ต่อมาได้รับการ ปฏิสังขรณ์ในสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็น ซุ้มประตูยอด มีผังรูป กากบาท หลังคาซุ้มคล้ายทรงบัวคว่ำ ถัดขึ้นไป เป็นส่วนยอด ประกอบ ด้วยชั้นบัวเจิมช้อนลดหลั่นกัน ยอดสุดเป็น ทรงบัวตูมกับเม็ดน้ำค้าง ลักษณะเช่นนี้คล้ายกับซุ้มประตู วัด ราชโอรสาราม และ ประตูเทวาภิรมย์ในพระบรม มหาราชวัง เรียก ประตูลักษณะนี้ว่า ซุ้มทรงมงกุฏ หรือ ทรงพระเกี้ยวแปลง

ศาลาลอย ศาลาลอย มีฐานหรือยกพื้นสูงอยู่ระดับเดียวกับกำแพง เรียงกันอยู่ตามแนวกำแพง ด้านหน้า ทั้งหมด ๔ หลัง รูปแบบทรงไทยผสมจีนและยุโรป หลังคาทรงจั่วมุงกระเบื้อง หน้าบันปูนปั้น ศาลาหลังริมที่อยู่ด้านตะวันออก เป็นศาลาเปลื้องเครื่องของพระมหากษัตริย์ ก่อนที่จะเสด็จเข้าสู่ พระ วิหาร ศาลาหลังที่ ๒ ถัดจากศาลาเปลื้องเครื่องมีเกย สำหรับเทียบเสด็จเข้าด้านหน้าซึ่งยังมีเกย สำหรับ เทียบอยู่ สำหรับศาลาอีกสองหลังถัดไปนั้น คงเป็นสถานที่สำหรับประทับทอดพระเนตร การ พระราชพิธี โล้ชิงช้าของ พระมหากษัตริย์ และ พระบรมวงศานุวงศ์ ในสมัยก่อน

พระวิหารคต

พระวิหารคต(พระระเบียงคต) สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จ พระนั่งเกล้า เจ้าอยู่หัว ล้อม พระวิหาร หลวงทั้ง ๔ ด้าน ระหว่างกลางพระระเบียงคตแต่ละด้าน มีประตูซุ้มจตุรมุข หน้าบันลำยอง ไม้แกะ จำหลักลายปิดทอง ประดับกระจกสี เป็นรูปพระนารายณ์ทรงครุฑ พื้นหลังเป็น ลายกนกก้าน ออก ช่อหางโต บานประตู พระวิหารคต เป็นบานไม้ ขนาดใหญ่ มีลายรดน้ำ รูปเซี่ยวกาง (ทวารบาล) ยืนบน หลังกิเลน เชิงบาน เป็น ภาพสัตว์หิมพานต์ต่างๆ เช่น นรมฤค กินรี ราชสีห์ นกห้สดี นกเทศ เหมราช ฯลฯ ภาพหลังบานประตู เป็น ภาพเขียนสีน้ำมันรูปตัวละครในเรื่องรามเกียรติ์ ด้านนอกเป็นผนังทึบกั้น เป็น กำแพงโดยตลอด ภายใน พระวิหารคตเป็นโถงเสารับ จั่ว หลังคาเปิดเข้า หา พระวิหาร ในพระวิหารคต เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธรูป ลงรักปิดทอง ๑๕๖ องค์ ส่วนใหญ่เป็นพระพุทธรูป ปางสมาธิ มีพระพุทธรูป ปางมารวิชัยบ้าง เฉพาะที่มุม ของพระวิหารคต พระพุทธรูปเหล่านี้ ประดิษฐาน บนฐานชุกชี ปิดทองคำ เปลวประดับ กระจกสี พื้นฝาฝนัง ด้านหลังของพระพุทธรูป มีภาพจิตรกรรม ฝาผนังเขียนด้วยสีฝุ่น เป็นลาย ดอกไม้ร่วง หมายถึงดอกมณฑารพ ดอกไม้แห่งสรวงสวรรค์ ที่ตกมา บูชาพระพุทธเจ้า แทรกภาพ ดอกไม้ ด้วยนก และ สัตว์ปีกบนพื้นแดง คร่ำ หรือสีคราม







ซุ้มประตูพระวิหารคตทั้ง ๔ ซุ้ม และมุมพระวิหารคตทั้ง ๔ มุม เป็นหลังคาทรงจตุรมุข แต่ละจุดมีหน้าบัน ๒ ด้าน คือซุ้มประตู จะมีหน้าบันด้านนอกและด้านใน ส่วนมุมของพระวิหารคต ที่มีแนวพุ่งตรงมาชนกัน เลย ออกไปเป็นรูปกากบาท มีหน้าบัน ด้านนอก ๒ บาน ลายหน้าบันทั้งหมดเป็นรูปเดียวกัน คือ แกะสลัก
ไม้ ปิดทอง กลางกรอบแกะเป็นรูป พระนารายณ์ ทรงครุฑ

HOME NEXT

 

 

1