พระวิหารหลวงพระวิหารหลวงเป็นอาคาร เครื่องก่อ ขนาด ๕ ห้อง โครงสร้างหลังคาเป็นจั่ว มีหลังคาประธาน ๑ ตับ มีชั้นซ้อน(หลังคามุข) ทางด้านหน้าและด้านหลังข้างละ ๑ ชั้น และมีหลังคา ปีกนกลาดลงจากหลังคาประธานข้างละ ๑ ตับ หลังคามุขทางด้านหน้าและด้านหลัง มีหลังคาปีกนก ลาดลงข้างละ ๒ ตับ มีเสารับมุขเป็นเสาสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง จำนวน ๑๒ ต้น ทั้งสองต้นรวม ๒๔ ต้น และเสานางเรียงด้านข้าง ด้านละ ๖ ต้น รวมทั้งหมดจึงเป็นเสา ๑๖ ต้น เสานางเรียงและเสารับ มุขหัวเสา เป็นปูนปั้นรูปบัวแวงปิดทองประดับกระจกสี ชายคามีคันทวยรับเชิงชายหลังคาหัวเสาละ ๑ ตัว ด้านละ ๖ ตัว รวม ทั้งหมด ๔ ด้าน ๒๔ ตัว แนวฝาผนังด้านนอกมีเสานางแนบด้านละ ๖ ต้น มีบัวหัวเสา เช่นเดียว กับเสานางเรียง หน้าบันพระวิหารหลวงมี ๒ ชั้น คือ หน้าบันจั่วหลังคาประธาน เป็นไม้จำหลักปิดทอง
ประดับกระจกเป็นลายกระหนกเครือวัลย์ออกช่อเทพนม ตรงกลางเป็น กรอบซุ้ม ภายในกรอบซุ้ม
มีรูป พระอินทร์ประทับอยู่ใน เวชยันตรวิมาน ประดิษฐานอยู่เหนือกระพองช้าง เอราวัณ
หน้าบัน มุขมีรูป แบบ คล้าย หน้าบันจั่วประธาน แต่ตรงกลางหน้าบันเป็นรูป พระนารายณ์ทรงครุฑ
ใน กรอบซุ้ม ด้านหน้าและ ด้านหลังของ พระ
วิหาร มีประตูทางเข้าด้านละ ๓ ช่อง ด้านข้างมีหน้าต่างข้างละ ๕ ช่อง
ซุ้ม ประตูและ ซุ้มหน้าต่างเป็นซุ้ม บันแถลงที่ซ้อนกันสองชั้นเป็นปูนปั้น ปิดทองประดับกระจกสี
บานประตู เป็นไม้ แผ่นเดียว งดงามตลอด ทั้งแผ่น ขนาดกว้าง ๑.๓๐ เมตร สูง ๕.๖๔
เมตร หนา ๐.๑๖ เมตร
จำหลักลาย ต้นพฤกษาที่สลักลึกมีกิ่งก้านและเกาะเกี่ยวซ้อนกันอย่างงดงาม
เป็นศิลปกรรม ฝีพระหัตถ์ พระบาท สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ ที่ทรงกำหนดลักษณะลาย
แบบวิธีแกะสลัก และ ทรงเริ่ม จำหลักด้วยพระองค์เอง ลายหน้าต่างเดิมเป็นลวดลาย
จำหลัก รูปแก้วชิงดวง ปิดทองประดับกระจกสี ได้รับการแก้ไขในสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ โดยทำเป็นลวดลายปูนน้ำมันปั้น ปิดทองคำเปลว รูปต้นไม้
เขามอ และ สัตว์ป่าปิดลายแก้วชิงดวง ฐานประทักษิณล้อม พระวิหาร ๓ ชั้น คือ ชั้นบนสุดเริ่มจากฐานปัทม์
ของพระวิหารถึงแนวเสานางเรียง ฐานประทักษิณ ชั้นต่อมาเป็นที่ตั้งของ ถะศิลารายรอบพระวิหาร
ทั้ง ๔ ด้าน จำนวน ๒๘ ถะต่อลงมาเป็น ลานประทักษิณชั้นล่าง ที่กว้างที่สุดไปจนถึงพระ
ระเบียงคต ฐานทักษิณแต่ละชั้นจะมีพนักกั้น มีช่องซุ้มสำหรับ ตามประทีปตลอดแนว
พนักกั้น
ทุกชั้น ในเวลามีงานนักขัตฤกษ์หรือการเฉลิมฉลอง แนวช่องพนักกั้นพระวิหารหลวง
จะเป็นภาพที่ วิจิตร แปลกตาอีกแบบหนึ่ง
พระศรีศากยมุณี พระศรีศากยมุณีเป็นพระประธานในพระวิหารหลวง
วัด สุทัศนเทพวราราม หล่อด้วยทองสำริดที่ใหญ่กว่า พระพุทธรูป หล่อองค์อื่นๆ ซึ่งปรากฏในประเทศไทย
ขนาดหน้าตักกว้าง ๖.๒๕ เมตร เดิมพระศรีศากยมุณี เป็นพระประธานในพระวิหาร หลวง
วัดมหาธาตุกลาง เมืองสุโขทัย มีศิลาจารึกกล่าวอ้างถึงว่า พระมหาธรรม ราชาลิไท
กษัตริย์ราชวงศ์พระร่วง
(พศ. ๑๘๙๐ - ๑๙๑๙)แห่งสุโขทัย
โปรดเกล้าฯ ให้หล่อ และ
ทำการฉลองในปีพุทธศักราช
๑๙๐๔ พระพุทธลักษณะ พระศรีศากยมุณี เป็นพระพุทธรูป ประทับนั่ง ขัดสมาธิ ราบ พระหัตถ์ขวา
อยู่ในท่าปาง มารวิชัย พระหัตถ์ซ้าย หงายวาง ลงบนพระเพลา ครอง จีวรห่มเฉียง ชาย
สังฆาฏิยาวลงมา ถึงระดับพระนาภี มีปลายเป็นสอง
แฉก เขี้ยวตะขาบ ลักษณะพระองค์ ค่อนข้างสั้น บั้น พระองค์เล็ก และอังสาใหญ่ หัวพระถันโปน
ลักษณะ พระพักตร์ และพระเศียร ที่ ปรากฏคือ พระรัศมีเป็นเปลวสูงตั้งอยู่บนพระอุษณีษะรูปมะนาวตัด
เส้นพระศก ขมวดเล็กแบบก้นหอย พระพักตร์รูปไข่เกือบกลม พระขนงโก่งแยกออกจากกัน
ระหว่างพระขนงมี พระอุณาโลมกั้นอยู่ พระนาสิกงุ้ม พระโอฐอมยิ้มเล็กน้อย พระหนุกลม
พระศรีศากยมุณีประดิษฐานบนฐานชุกชึ แบบฐาน ลายแข้งสิงห์ ตลอดทั้งฐานชุกชีประดับลาย
ปูนปั้นเป็นลายดอก ลายเถา ลายเทศ ปิดทองคำเปลวประดับกระจกสีทั้งหลัง
ภาพสลักศิลาติดประดับอยุ่ทางด้านหลังฐานชุกชึของพระศรีศากยมุณี
เป็นภาพสลักนูนต่ำขนาดสูง ๒.๔๐ เมตร กว้าง ๐.๙๕ เมตร อยู่ใน กรอบลายใบเทศ ภาพสลักแผ่นนี้
นับเป็นศิลปกรรมชิ้นเอก ของวัดชิ้น หนึ่งมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๓ สมัยทวาราวดี
สันนิษฐานว่า อาจย้ายมาจากจังหวัดนครปฐม การสลักแบ่งภาพออกเป็น สองตอน ตอนล่างเป็นพุทธประวัติ
ปางยมกปาฏิหาริย์ พระพุทธเจ้า ประทับอยู่ ตรงกลาง พระอินทร์ และพระพรหม ยืนถือแส้อยู่ทั้งสองข้าง
ใต้เบื้องพระยุคลบาทพระพุทธเจ้ามีดอกบัวขนาดใหญ่รองรับ ดอกบัวนี้ ประคองอยู่
โดยพระยานาค ซึ่งมีร่างกายเป็นมนุษย์แต่เศียรเป็นนาคเจ็ดเศียร แผ่พังพานอยู่เบื้องหลัง
พระยานาคราชนี้ สมมติว่าอยู่ใต้ บาดาล อันเป็นสถานที่รองรับก้านบัว ซึ่งเป็นแกน
ของมนุษย์โลก ใต้ ้บาดาล ด้านหนึ่งของพระองค์มี บรรดา เจ้านาย ซึ่งเสด็จมาแสดงความชื่นชมในปาฏิหาริย์ของพระพุทธองค์
และอีกด้านหนึ่ง คือนักบวช ที่พ่ายแพ้ นักบวชเหล่านี้ก็คือพวกดาบสเปลือยกาย และ
ดาบสเกล้าผมสูง ซึ่งไม่อาจจะต่อสู้กับอิทธิปาฏิหาริย์ ของ พระพุทธองค์ได้ เหนือนั้นขึ้นไปมีเหล่าเทวดากำลังประนมหัตถ์แสดงคารวะต่อ
พระพุทธองค์อยู่ ด้วยความ เคารพ เบื้องหลังบัลลังกฺฃ์ ก็คือต้นมะม่วงที่เกิดจากปาฏิหาริย์
มีกิ่งก้านรองรับพระพุทธรูปปางต่างๆ พระพุทธรูปเหล่านี้แสดง ปางด้วยพระหัตถ ์ขวาหรือ
พระหัตถ์ซ้ายเพื่อให้ได้สัดส่วนกันเป็นคู่ๆ ภาพตอนบน ขึ้นไปเป็น ภาพพระพุทธเจ้ากำลังประทับบนบัลลังก์
ในสวรรค์มีพระอินทร์และ พระพรหมยืนถือแส้ อยู่สอง ข้างเบื้องหลังทางด้านขวา ของพระพุทธองค์พระพุทธมารดากำลังประทับอยู่
แวดล้อมด้วยเทวดาองค์อื่นๆจากสวรรค์ชั้นต่างๆ มาชุมนุมกันเพื่อฟังพุทธองค์ ทรงแสดงธรรม
แด่พระพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
จิตรกรรมในพระวิหารหลวง
พระวิหารหลวงวัดสุทัศน์ฯ มีภาพจิตรกรรมฝาผนัง ที่งดงาม ที่สุด
แห่งหนึ่งในกรุงรัตนโกสินทร์ โครงสร้างส่วนต่างๆภายใน มีภาพจิตรกรรมประดับอยู่โดยตลอด
ทุกส่วนจน ไม่มีที่ว่าง และเป็นภาพที่น่าชมมากเช่น
๑.จิตรกรรมที่ผนัง ตั้งแต่เชิงผนังจรดเพดาน
เป็นภาพเรื่องพระอดีตพุทธ ๒๘ องค์ มีศิลาจารึกอธิบายภาพ
กำกับไว้ใต้ห้องภาพ พรรณาพระประวัติของพระพุทธเจ้าองค์นั้นๆ ไว้โดยบริบูรณ์
๒.จิตรกรรมที่เสาในประธาน ทั้งหมดมี ๘ ต้น เป็นเสาสี่เหลี่ยมมีจิตรกรรมทั้งสี่ด้านเรื่องไตรภูมิโลกยสันฐาน
มีศิลาจารึกกำกับที่เชิงเสาทุกต้น
๓.จิตรกรรมบนขื่อหรือทับหลังเสาในประธาน เป็นภาพเรื่องพุทธประวัติตอนพระพุทธเจ้า
โปรดเทพบนชั้น ดาวดิงส์สวรรค์
๔.จิตรกรรมที่แผ่นไม้หลังบานประตูและหน้าต่างเป็นภาพทวารบาล และเทพในศาสนาพราหมณ์
๕.จิตรกรรมที่บานแผละประตู และหน้าต่างเป็นภาพการตั้งเครื่องบูชาแบบจึน
๖.จิตรกรรมในกรอบติดประดับเหนือช่องประตูและหน้าต่าง เป็นภาพสัตว์หิมพานต์ รวม
๔๘ ภาพ
๗.ที่เพดานเป็นลายปิดทองล่องชาด
ศิลาจารึกที่ติดไว้บรรยายภาพเชิงฝาผนังและเชิงเสา ลักษณะตัวจารึกเป็นอักษรไทยภาษาไทย
ดำเนิน เรื่อง ตามคำภีร์พุทธวงศ์ คัมภีร์สัมบัณฑิตมหานิทาน คัมภีร์วิสุทธวิลาสินีอรรถกถา
คัมภีร์ เตภูมิกถา และชาดก
พระวิหารทิศ มุมฐานประทักษิณ ชั้นบนทั้งสี่มุม
มีวิหารทิศตั้งอยู่ ลักษณะเหมือนกันทุกหลัง คือเป็น อาคารโถงขนาดสี่ห้อง หลังคามุขยื่นด้านหน้าและหลัง
ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ นาคสดุ้ง เป็นไม้ จำหลัก ลาย ลงรัก ประดับกระจกสี หน้าบันไม้จำหลักลายปิดทอง
ประดับด้วยกระจกสี คันทวยเป็นไม้ จำหลัก ลาย ปิดทองประดับกระจกสี รับเชิงชาย
เสาสี่เหลี่ยมมีบัวหัวเสา รับคาน คอสองจำนวน ๑๐ ต้น ระหว่างเสา มีพนัก ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีเขียวปรุลายของจีน
พื้นปูด้วยหินอ่อน หลังทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ประดิษฐานพระพุทธรูป ๒ องค์ พระประธานเป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์
กับ พระพุทธรูปปางห้าม สมุทร ทรงเครื่องน้อย หลังทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ประดิษฐานพระพุทธรูป
๒ องค์ พระประธานปางตื่นบรรทม กับพระพุทธรูป ปางประทานพร หลังทิศตะวันตกเฉียงใต้
ประดิษฐานพระพุทธรูป ๒ องค์ พระ
ประธาน ปางครองจึวร กับพระพุทธรูป ปางห้ามสมุทรทรงเครื่องน้อยศิราภรณ์ทรงเทริด
หลังทิศตะวันออก เฉียงใต้ ประดิษฐานพระพุทธรูป ๒ องค์ พระประธานปางฉันภัตตาหาร
พระหัตถ์ขวา ลอยอยู่เหนือพระเพลา กับ พระพุทธรูปปางห้ามสมุทร การดูพระพุทธรูปประจำวิหารทิศนี้ให้เวียนซ้ายเป็นอุตราวัฏ
จะนับได้ดังนี้ คือ ปางไสยาสน์ ตื่น
บรรทม ครองจีวรเสด็จออกบิณฑบาต และ ฉันภัตตาหาร
์