|
หลังจากที่เข้าพักที่บ้านพัก กม 80 ที่ทำการอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงในคืนวันที่ 6 ตค. เราตื่นเช้าแล้ว
ออกไปทานข้าวเช้าข้างนอกแล้วกลับมาช่วยเก็บของขึ้นรถสำหรับสมาชิกที่จะไปเที่ยวภูหินร่องกล้า ส่วน
พวกเรา 7 ชีวิต (พี่เดช, พี่อ้วน, Ray, น้องเต็ก, น้องเติ้ง, น้องแมลงปอ, และผม) ก็ไปรวมพลและคืนกุญแจ
บ้านพักที่หน้าที่ทำการ ตอนนั้นก็เกือบ 9 โมงเช้าแล้ว
เจ้าหน้าทีบอกว่าไม่แนะนำให้ไปเพราะทางลำบากมาก มีเจ้าหน้าที่บางคนบอกว่ามีเสือแม่ลูกอ่อนป้วนเปี้ยน
อยู่ระหว่างทาง อีกคนบอกว่ามีช้างป่ากำลังอาละวาด พวกเรายังตั้งใจว่าจะไปอยู่ดี แล้วพวกเราจึงบ่ายหน้า
สู่เส้นทางที่กำหนดไว้ จากที่ทำการไปประมาณ 2-3 กม.ลงเนินจะไปพบฝายปูนน้ำล้นที่พาดผ่านลำน้ำเข็ก
พบเจ้าหน้าที่ 2 คน คนหนึ่งบอกว่าน้ำแรงผ่านไปไม่ได้เด็ดชาด อีกคนบอกว่าหากข้ามไปได้ทางก็ชำรุด
ด้วยน้ำป่าที่ประมาณ กม.4 รับรองว่าผ่านไปไม่ได้แน่นอน มาถึงตรงนี้แล้วพวกเราต้องลุย
ปรากฏว่าเราสามารถแบกจักรยานเดินข้ามลำน้ำเข็กได้ด้วยความระมัดระวัง จากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตาขี่อย่าง
เดียว ตอนนี้ก็ประมาณ 10:30 โมงพอดี (มัวแต่ลังเลว่าจะไปดีหรือไม่ดี). 15 กม.แรกมีแต่คำว่าขึ้นกับขึ้น
เท่านั้น ป่าแสลงหลวงช่วงนี้คลึ้มด้วยต้นไม้ใหญ่ อากาศอับชึ้นพึ้นดินเปียกชึ้นมีตระใคร่เขียวตลอดทาง
พวกเด็กๆและพี่อ้วนออกอาการแย่ตั้งแต่ต้นแต่ก็ต้องแข็งใจเราไม่สามารถหยุดพักได้นานเพราะมียุงมา
โจมตีเรามากมาย ช่วงนี้ผมสังเกตุว่าพวกเราไปได้ช้ามาก ประมาณ 7-8 กม/ชม
เราหยุดพักกินข้าวผัดที่ติดมาคนละห่อตอน 12:30 โมง เราต้องกินแบบค็อกเทลเพราะอยู่นิ่งไม่ได้ยุงมัน
ชุมมาก หลังจากเสร็จค็อกเทลกลางวันก็รีบจ้ำต่อเพราะไม่มีใครในกลุ่มเคยผ่านเส้นทางนี้มาก่อน ผมยัง
คิดในใจว่าหากเส้นทางเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ พวกเด็กๆคงแย่แน่ ระหว่างทางเราเจอต้นไม้ล้มขวาง
ทางประมาณ 5 แห่ง บางแห่งก็ต้องเดินลุยป่าอ้อมไปได้ บางแห่งต้องแบกจักรยานปีนข้ามไป บางแห่ง
ต้องหักกิ่งไม้แล้วมุดรอดไป
อีก 10 กม.ต่อมาจะเป็นทางขึ้นๆลงๆไม่อยากมาก แต่ตามทางมีบ่อโคลนเลนขวางเป็นหย่อมๆ พวกเรา
หลบโคลนเข้าข้างทางไปเจอต้นหนามบริจาคเลือดกันเกือบทุกคนมากบ้างน้อยบ้าง มีพี่อ้วยเจอเข้าไป
ตรงคางเลือดหยดเป็นกองเลย ดีว่ามีสเปรฉีดแผลติดมาด้วย
พวกเราขี่มาเกือบ 3 ชม.มีแต่ป่าทืบตลอดยังไม่เห็นทุ่งเลย !!! แล้วพวกเราก็ขึ่มาเจอป้ายทีชี้ว่าไปทุ่งโนนสน
ตามแผนที่บอกว่าอีกประมาณ 10 กว่ากม.ก็จะถึงจุดหมายบ้านหนองแม่นา ช่วงสุดท้ายนี้ทางเละด้วย
โคลนพอสมควร และมีเนินชันๆลื่นๆอยู่หลายแห่ง เราปั่นมาจนโผล่มาสู่ทุ่งโล่ง จากนี้ก็ปั่นแบบสบายๆจน
ถึงจุดหมายตอนประมาณ 15:30 น. หากไม่เสียเวลาเปลียนยาง 2 ครั้ง, ต่อโซ่, ทำแผล, มุดต้นไม้ควรจะ
ทำเวลาได้ดีกว่านี้
สำหรับท่านที่จะปั่นเส้นทางนี้ผมมีข้อแนะนำดังนี้
1. มือใหม่ไม่ควรไปอย่างยิ่งเพราะจะเป็นภาระกับคนอื่น
2. เส้นทางขึ้นเนินสูงชันและลื่นหลายลูกมาก ฉนั้นควรฟิตซ้อมมาอย่างดี
3.ยางต้องเป็นแบบดอกใหญ่ๆเยอะๆเข้าไว้
4.. เวลาใต่เนินสูงแนะนำว่าอย่าเสี่ยงไปเปลี่ยนเกียร์สู้กลางเนินเพราะเสี่ยงโซ่ขาด น้องเต็กโซ่ขาด
เพราะเหตุนี้
5. เส้นทางนี้มีหนามเยอะ ทั้งที่ห้อยอยู่ตามทางและที่พื้น ควรใส่กันหนามที่ล้อ มียางอะไหล่และสูบ
มาด้วย พวกเราคนหนื่งต้องเปลียนยางไปสองเส้น และต้องปั้มลมเข้ายางตลอดเส้นทาง และควรใส่แว่น
เหลืองด้วยจะเหมาะสุด
5. เตรียมอาหารกลางวันไปด้วย และควรเตรียมน้ำไปเยอะๆ ผมเองแค่จิบๆไปตลอดทางยังหมด
ไป 1.5 ลิตร แนะนำว่าเอาไปอย่างน้อย 2 ถึง 2.5 ลิตร เผื่อไว้ล้างแผลเวลาบาดเจ็บด้วย
6. เวลาปั่นห้ามเพลินและอย่าปั่นชิดข้าง (ทางกว้างประมาณรถยนวิ่งได้ตลอดทาง) เพราะจะโดน
หนามเกี่ยวแน่นอน
7. อย่าปั่นลุยโคลน ผมลุยเข้าไปหลายบ่อ พอโคลนแห้งเจ้าจานหน้าเล็กหน้าก็มีปัญหากับโซ่ที่
เขรอะไปด้วยโคลน ทำให้ไม่สามารถปีนเนินได้ด้วยจานหน้าเล็กได้เพราะโซ่จะติดตอนใช้จานหน้าเล็ก
คราวหน้าผมจะลองใช้น้ำมันเครื่องทาอาจจะช่วยได้ !!!
ในวันรุ่งขึ้นขึ่แบบสบายๆที่ทุ่งนางพญาอีกประมาณ 25 กม. เส้นนี้สวยมากๆ และมือใหม่ที่มีแรงก็ขี่ได้
(อย่าลืมกล้องถ่ายรูป). หากท่านจะมาปั่นทั้งสองเส้นทางนี้ผมแนะนำว่า ขับจากกทม ถึงเที่ยงที่หนอง
แม่นาแล้วขึ่เส้นทุ่งนางพญาในบ่ายวันแรกสบายๆ แล้วเตรียมปรับปรุงสภาพรถไว้ขี่ 40 กม.ในวันถัดไป
จะดีกว่า
ของผมพอรถหมดสภาพตอนปั่นเส้นทุ่งนางพญาต้องขึ่จานกลางตลอดและโซ่ก็มีเสียงเหมือนมันหมด
สภาพอย่างไงอย่างงั้น
หวังว่านี่คงเป็นประโยชน์แก่บางคนที่กำลังจะไปพิชิตป่าทุ่งแสลงหลวง
ต้องขอโทษที่ไม่มีรูปมาให้ดูเพราะไม่มีใครในกลุ่มเรามีกล้อง Digital ครับ
|